บทที่ 19: สัตว์อสูรประเภทผี
รถประจำทางแล่นไปตามถนนอย่างราบรื่นในขณะที่ดวงอาทิตย์ค่อยๆตกจากขอบฟ้า แสงสีทองที่ส่องสะท้อนบนพื้นผิวตึกระฟ้าเริ่มจางหายไป
“ถึงสถานีจีหยางแล้ว ผู้โดยสารที่ต้องการลงจากรถ โปรดรวบรวมสัมภาระของท่านให้ครบแล้วออกจากช่องทางประตูหลัง” เสียงประกาศอัตโนมัติดังขึ้น
เมื่อถึงป้ายรถนี้ จำนวนผู้โดยสารบนรถประจำทางก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่นั่งไม่เพียงพอต่อผู้โดยสาร ทำให้หลายคนต้องเลือกยืนอย่างช่วยไม่ได้
สามนาทีหลังจากที่รถประจำทางกลับมาเดินทางต่อ สุนัขเขี้ยวเพลิงก็หันหน้าและเห่าใส่ผู้โดยสารที่อยู่ข้างๆ โดยไม่คาดคิด
คนที่นั่งข้างเฉียวซางเป็นนักเรียนหญิงที่แต่งกายด้วยเครื่องแบบของโรงเรียนฝึกอสูรฮันกังที่ 37 ซึ่งขึ้นรถประจำทางที่ป้ายเดียวกับเฉียวซาง
เด็กสาวเหลือบมองสุนัขเขี้ยวเพลิงแต่ไม่ได้พูดอะไร เพียงขยับถอยห่างเล็กน้อย
เฉียวซางหันสุนัขเขี้ยวเพลิงมาทางเธอ แล้วถามว่า "มีอะไรงั้นเหรอ?"
สุนัขเขี้ยวเพลิงมองไปที่เด็กสาว
“ย่าห์?”
มันเอียงศีรษะด้วยความสับสน
“แกรู้ไหมว่าถ้าแกทำแบบนั้นคนอื่นเขาจะกลัวเอาได้” เฉียวซางกล่าวขณะที่เธอลูบหัวสุนัขเขี้ยวเพลิง
"ย่าห์"
สุนัขเขี้ยวเพลิงตอบรับคำและหันกลับไปมองนอกหน้าต่างต่อเพื่อชมทิวทัศน์
เมื่อเห็นสิ่งนี้ เด็กสาวก็ยิ้มให้เฉียวซางแล้วพูดว่า "ไม่เป็นไร"
เฉียวซางสังเกตเห็นระยะห่างพวกเธอเพิ่มขึ้นอีกกว่าสิบเซนติเมตร ขณะเธอกำลังจะพูดอะไรสักอย่างสุนัขเขี้ยวเพลิงก็หันกลับมาอีกครั้งพร้อมแยกเขี้ยวใส่เด็กสาว
เด็กสาวผุดจากที่นั่งด้วยความตกใจ
“เธอเก็บเจ้าหมานั่นไปก่อนไม่ได้รึไง? ถ้ามันทำให้ร้ายใครเข้าจะรับผิดชอบไหวรึไง” เสียงผู้ชายซึ่งเต็มไปด้วยความไม่พอใจดังขึ้น
ผู้พูดเป็นชายหน้าเหลี่ยม ยืนข้างๆเด็กสาว อยู่ในเสื้อกล้ามสีเทา
“ใช่แล้ว เก็บเจ้าหมาไร้การอบรมนั่นกลับไปได้แล้ว” ป้าที่นั่งอยู่ไม่ไกลเสริม
“ที่รถประจำทางมีคนแน่นไปหมด เก็บมันไปก่อนเถอะนะ” ฮันกังมุงคนอื่นๆเริ่มพูดแทรกขึ้น
เด็กสาวมองเฉียวซางด้วยสายตาเว้าวอน เธอเองก็หวังว่าเฉียวซางจะเก็บเจ้าสุนัขเขี้ยวเพลิงกลับไปก่อน
เฉียวซางขมวดคิ้วแต่ไม่ได้สนใจคำขอของพวกเขา เป็นเรื่องปกติที่ผู้ฝึกสัตว์อสูรจะพาสัตว์อสูรติดตัวไปด้วย ดังนั้นมันจึงไม่ได้ผิดกฎหมายแต่อย่างใด
ในเมืองยังมีสัตว์อสูรเร่ร่อนเต็มไปหมดด้วยซ้ำ ที่คนพวกนี้กล้าต่อว่าเธอเพราะเห็นว่าเธอเป็นเด็กเพียงเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นครั้งแรกที่สุนัขเขี้ยวเพลิงประพฤติตัวแบบนี้บนรถประจำทาง...
“แกเป็นอะไรของแกห๊ะ?” เฉียวซางหันสุนัขเขี้ยวเพลิงมาเผชิญหน้าเธอแล้วถาม
“ย่าห์”
สุนัขเขี้ยวเพลิงซึ่งตอนนี้กำลังแสดงท่าทีดุร้าย หันหน้าหนี ปฏิเสธที่จะมองเฉียวซาง
มันได้ยินความคิดเห็นโดยรอบและคิดว่าผู้ฝึกสัตว์อสูรของมันกำลังจะดุมันเหมือนกัน
“สุนัขเขี้ยวเพลิง” เฉียวซางคว้าหัวของมันและจับมันไว้นิ่งๆ บังคับให้มันมองหน้าเธอตรงๆ
ดวงตาของสุนัขเขี้ยวเพลิงเริ่มชื้นแฉะ ท่าทีมันยังเต็มไปด้วยความดื้อรั้นไม่ยินยอม
เฉียวซางจ้องเข้าไปในดวงตาของมันแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันเชื่อในตัวแกนะ แกก็ต้องเชื่อในตัวฉันด้วย ถ้ามีอะไรผิดปกติก็บอกมาได้เลยไม่ต้องปิดเงียบเอาไว้”
เมื่อได้ยินคำพูดของผู้ฝึกของตน สุนัขเขี้ยวเพลิงก็เงยหน้าขึ้นมามอง
“ย่าห์ ย่าห์!”
“ย่าห์ ย่าห์”
“ย่าห์ ย่าห์ ย่าห์ ย่าห์!”
สุนัขเขี้ยวเพลิงเห่าอย่างตื่นเต้น โดยใช้อุ้งเท้าเล็กๆของมันประกอบท่าทางขณะพูด
“แกกำลังพูดว่ามีบางอย่างผุดขึ้นบนตัวเธอแล้วจู่ๆก็หายไป?” เฉียวซางยืนยันคำพูดของมันอีกครั้ง
“ย่าห์!”
สุนัขเขี้ยวเพลิงพยักหน้าอย่างแรง
“และมันทำให้แกตกใจตอนมันปรากฏตัว?” เฉียวซางถามขณะที่เธอลูบหัวสุนัขเขี้ยวเพลิง
“ย่าห์” สุนัขเขี้ยวเพลิงฝังหัวไว้ที่อกของเฉียวซางและส่งเสียงครวญครางเบา ๆ
เด็กผู้หญิงที่นั่งถัดจากพวกเขาเฝ้าดูปฏิสัมพันธ์ของพวกเขาด้วยความงุนงง
สุนัขเขี้ยวเพลิง… นี่คือนิสัยที่แท้จริงของมันงั้นเหรอ?
น่ารักจังเลย…
หรือสัญญาหน้าที่สองของฉันจะทำกับสัตว์ประเภทไฟดี....
“ตอนนี้ไม่เป็นไร ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว” เฉียวซางปลอบสุนัขเขี้ยวเพลิงก่อนจะหันไปหาหญิงสาวแล้วพูดว่า “เธอได้ยินสิ่งที่มันพูดแล้วใช่ไหม?”
เด็กสาวสะดุ้งออกจากภวังค์ของตนและถามอย่างลังเลว่า “คุณหมายถึงมีบางอย่างปรากฏบนตัวฉันงั้นเหรอ?”
เฉียวซางพยักหน้า
“แต่…” เด็กสาวยังพูดไม่จบเมื่อมีเสียงขัดจังหวะเธอ
“อย่าฟังเรื่องไร้สาระของเธอ เธอแค่หาข้อแก้ตัวเพื่อหลีกเลี่ยงการเก็บสุนัขเขี้ยวเพลิงเข้าตำรา ขอเตือนอีกรอบนะรีบเก็บมันไปดีกว่า ไม่เช่นนั้นถ้าใครได้รับบาดเจ็บ ฉันจะทำให้เธอต้องชดใช้!” ชายหน้าเหลี่ยมที่ยืนอยู่ข้างหญิงสาวขู่อย่างรุนแรง
“ใช่ๆ รีบเก็บมันไว้ก่อนที่จะมีคนบาดเจ็บ” ป้าที่นั่งอยู่ใกล้ๆพูด
“เก็บมันซะ คนเขากังวลกันหมดแล้ว” ตามมาด้วยเสียงนกเสียงกาอีกฝูง
“ฉันไม่คิดว่าเธอคนนี้กำลังโกหก บางทีอาจมีสัตว์อสูรเร่ร่อนประเภทผีอยู่บนรถประจำทางคันนี้” จู่ๆก็มีอีกเสียงแทรกขึ้น
บนรถประจำทางที่มีเสียงดังก็เงียบลงทันที
ในบรรดาสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติทั้งหมด ประเภทผีเป็นตัวตนที่น่าขนลุกที่สุด เมื่อเหตุการณ์ประหลาดจะเกี่ยวดองกับอสูรประเภทผีมันก็ไม่ได้นับว่าผิดแปลกแต่อย่างใด
การหายตัวไปอย่างลึกลับ ไฟฟ้าดับกะทันหัน หรือลมเย็นในห้อง นับเป็นเพียงเหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
สิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติประเภทผีล้วนคาดเดาไม่ได้และมีบุคลิกที่แปลกประหลาด
ตัวอย่างเช่น วิญญาณสถิต
มันชอบที่จะสิงผู้คน คนที่ถูกสิงจะยังสามารถคงสติไว้แต่ไม่สามารถควบคุมร่างกายตัวเองได้ ได้แต่มองร่างของตัวเองถูกเอาไปทำอะไรแปลกๆ
บ้างกระโดดไกล บ้างเต้นรำ และบ้างดำน้ำ พวกนี้เป็นเพียงวิญญาณสถิตทั่วๆไป แต่ถ้าเกิดซวยเจอพวกชอบความตื่นเต้นสุดขีดเข้าแล้วล่ะก็....
ในบรรดาคนทั้งหมดคนที่มีความสัมพันธ์ทั้งรักทั้งเกลียดกับวิญญาณสถิตมากที่สุดก็คือตำรวจ
มันไม่เพียงแต่จะสามารถสิงร่างสิ่งมีชีวิตได้เท่านั้น แต่มันยังชอบสิงร่างคนตายอีกด้วย เมื่อราวๆสองปีก่อน มีศพลึกลับซึ่งระบุที่มาไม่ได้ปรากฎตัวขึ้นที่หน้าสถานีตำรวจในกวางซี
จากการตรวจสอบ บางคนเสียชีวิตไปหนึ่งวัน บางคนเสียชีวิตไปเป็นปีหรือสิบปีด้วยซ้ำ
หนึ่งในนั้นคือลู่ไป่เฉียนสาวงามในโรงเรียนที่หายตัวไปและเป็นข่าวดังเมื่อสามปีก่อน
ตำรวจตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดและเห็นเป็นวิญญาณสถิตควบคุมศพให้มานอนที่หน้าทางเข้าสถานีตำรวจ
ว่ากันตามจริงในตอนแรกพวกเขาก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นฝีมือของมัน แต่เมื่อได้เห็นร่างเล็กๆของวิญญาณสถิตลอยออกมาจากศพ พวกเขาเลยรู้ตัวการที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ทันที
นี่นับเป็นประสบการณ์ความสัมพันธ์เชิงรักกัน เพราะพวกมันช่วยพวกเขาค้นหาศพที่หายสาบสูญ
แต่ก็ยังมีด้านเกลียดกันอยู่อย่างตอนที่มีคนตายได้ราวๆหนึ่งถึงสองวัน พวกมันก็มักจะสิ่งร่างและทำให้หลักฐานจากที่ก่อเหตุเสียหายไปหมด
นอกนั้นยังมีโคมไฟวิญญาณ ซึ่งดูเหมือนจะทำหน้าที่นำทางผู้สูญหายให้กลับออกมาได้อย่างปลอดภัย แต่ในทางกลับกัน มันจะดูดกลืืนพลังงานบางส่วนของพวกเขา
ดูเหมือนเป็นการแลกเปลี่ยนที่สมเหตุสมผล แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้น
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ในเมืองหนานโขว มีผู้หญิงคนหนึ่งออกจากบาร์ตอนดึกและยืนรอเรียนแท็กซี่อยู่ริมถนน
อาจเป็นเพราะเธอส่ายไปมาหรือเพราะดูเธอไม่มีสติหลังจากดื่มแอลกอฮอล์ โคมไฟวิญญาณจึงเข้าใจผิดว่าเธอหลงทาง...
ก่อนที่รถแท็กซี่จะมาถึง โคมไฟวิญญาณก็พาเธอกลับบ้านด้วยตัวมันเองและดูดพลังงานของเธอจนหมด เมื่อเธอตื่นขึ้นมาตอนเช้าเธอก็ต้องกรีดร้องด้วยความตกใจเมื่อเห็นเงาซีดเซียวในกระจก โดยเธอถึงขั้นคิดว่าตัวเองตายไปแล้วด้วยซ้ำ
การกระทำผิดของสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติประเภทผีนั้นมีมากมายนับไม่ถ้วน
การเผชิญหน้ากับพวกอสูรที่ขี้เล่นก็เรื่องหนึ่ง แต่หากเจออสูรเร่ร่อนประเภทผีที่มีจิตอาฆาตมันจะขำไม่ออกเอา
ทันใดนั้น ทุกคนบนรถประจำทางหมายเลข 66 ก็แข็งค้างกันหมด