ตอนที่แล้วบทที่ 16: แค่ความรู้สึกน่ะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 18: ความชำนาญ

บทที่ 17: นายไม่รู้เหรอ?


เด็กชายสองคนยืนเงียบกันอยู่พักใหญ่

เฉียวซางที่ยังไม่ได้จากไปไหนก็ไม่ได้เปิดบทสนาอะไรเพิ่มเติมเช่นกัน

เด็กชายทรงหัวแหลมหรือเฉินถงถงมองเจียงหลิวพร้อมยักคิ้วส่งสัญญาณ

น่าเสียดายที่เจียงหลิวไม่เข้าใจความหมายของมัน "คิ้วนายเป็นอะไรรึเปล่า"

เฉินถงถง: "..."

ไอ้โง่!

เฉินถงถงตบหน้าผากเลิกใช้สัญญาณและแอบกระซิบเบาๆว่า "เงิน"

ถึงตรงนี้เจียงหลิงถึงรู้ตัว และเขาก็รีบนำเหรียญพันธมิตรจำนวน 50 เหรียญออกจากกระเป๋าแล้วยื่นให้อีกฝ่าย

เฉินถงถง: "..."

ไม่แปลกเลยทำไมเอ็งถึงโสด! แทนที่จะโอนเงินเผื่อจะได้ข้อมูลติดต่อมาด้วย! ไอ้จั๊ดง่าวเอ้ย!

“ขอบคุณ งั้นฉันขอตัวก่อนนะ” เฉียวซางกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะที่เธอรับเงิน

ช่วงเวลาเลิกเรียนเป็นช่วงกอบโกยระยะสั้นๆ เธอต้องรีบหาคู่ต่อสู้ใหม่ก่อนที่นาทีทองนี้จะหมดลง

“รอเดี๋ยว ต่อไปเธอมาสู้กับฉันเถอะ” เฉินถงถงยืนขวางเฉียวซาง

“แต่เดิมพันขอไม่ใช่เงิน แต่เป็นเคล็ดลับวิธีฝึกสุนัขเขี้ยวเพลิงให้เชื่องแทนได้ไหม?”

เฉียวซางส่ายหัวแล้วตอบว่า "ฉันไม่มีความลับอะไรเลย"

“เป็นไปไม่ได้ ถ้าไม่มีเคล็ดลับแล้วทำไมสุนัขเขี้ยวเพลิงของเธอถึงเชื่อฟังมากขนาดนี้?” เฉินถงถงเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ

ศาสตร์การฝึกฝนสัตว์อสูรไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ถึงขั้นที่มีปริญญาสำหรับด้านนี้โดยเฉพาะเลยด้วยซ้ำ

คนที่ศึกษาด้านนี้ถูกเรียกว่านักพัฒนาสัตว์อสูร และเฉกเช่นเดียวกับผู้ฝึกสัตว์อสูร พวกเขาจะต้องผ่านการสอบรับรอง ตั้งแต่ระดับ F ไปจนถึงระดับ SSS

หลายคนมักจะจ้างวานนักพัฒนาสัตว์อสูรเพื่อออกแบบแผนสำหรับการฝึกอสูรให้เลยด้วยซ้ำ

แต่มันก็มีบางคนที่มีเคล็ดลับการฝึกอันยอดเยี่ยมและเลือกที่จะไม่แบ่งปันให้กับผู้อื่น

ยกตัวอย่างเช่นตระกูลเว่ยจากเมืองเจียง ด้วยสูตรอาหารแบบพิเศษที่ดึงดูดความสนใจจากสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติประเภทแฟรี่ พวกเขาสามารถทำสัญญากับสิ่งมีชีวิตหายากพวกนี้ได้โดยง่าย

แน่นอนว่าสูตรอาหารเป็นที่ต้องการเป็นอย่างมาก หากพวกเขาเลือกที่จะจดสิทธิบัตรมันคงทำเงินให้ตระกูลเว่ยอย่างมหาศาล

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สมาชิกตระกูลเว่ยเกือบทุกคนสามารถทำสัญญากับสัตว์อสูรประเภทแฟรี่ได้ หลังจากกระบวนการนี้สืบทอดมากันกว่า 300 ปี พวกเขาก็ได้ฉายาว่าตระกูลแฟรี่ในที่สุด

เฉินถงถงสันนิษฐานว่าบางทีเฉียวซางอาจไม่ต้องการบอกวิธีของเธอให้เขาฟัง

เขายังคงจำได้ว่าหนึ่งในรุ่นพี่ของโรงเรียนที่ทำสัญญากับสัตว์อสูรประเภทไฟพยายามอวดหนูเกราะเพลิงของเขาโดยปล่อยให้พวกรุ่นน้องลูบมัน แน่นอนว่าเรื่องจบลงตรงที่รุ่นพี่คนนั้นโดนหนูพ่นไฟใส่

แม้เขาจะได้บาดเจ็บอะไร แต่ผมก็ถูกเขาจนโล่งเตียน จนถึงทุกวันนี้เขายังต้องใส่หมวกมาโรงเรียนอยู่เลย

แต่สุนัขเขี้ยวเพลิงของเฉียวซาง... มันเชื่องขนาดนี้ได้ยังไง แม้แต่ในสถานการณ์แบบนั้นมันยังเชื่อใจผู้ฝึกโดยไม่ลังเลเลยเนี่ยนะ?

เฉียวซางรู้สึกงุนงง “ฉันเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรมันแปลกตรงไหนที่อสูรจะฟังคำสั่งฉัน”

"ย่าห์!"

สุนัขเขี้ยวเพลิงพยักหน้าเห็นด้วยกับผู้ฝึกสัตว์อสูรของมัน

เฉินถงถงเมื่อเห็นพฤติกรรมของสุนัขเขี้ยวเพลิง ก็เริ่มไม่แน่ใจอีกต่อไป บางทีเจ้าหมานี่อาจจะแปลกแยกไปจากสัตว์ประเภทไฟตัวอื่นๆ?

“ฉันขอลูบมันได้ไหม?” เฉินถงถงถาม

“เฉินถงถง คิดให้ดีก่อน” เจียงหลิวเตือน

ทุกคนในโรงเรียนรู้ดีว่าทำไมรุ่นพี่ถึงหัวล้าน เขากลัวว่าเฉินถงถงจะเป็นคนที่สอง

"ได้สิ ลูบมันได้เลย" เฉียวซางกล่าวอย่างไม่สนใจ

ย้อนกลับไปตอนที่พวกเขาอยู่ที่ฐานเพาะเลี้ยงสัตว์อสูร สุนัขเขี้ยวเพลิงตัวนี้เต็มใจที่จะให้เธอลูบมันก่อนที่พวกเธอจะเซ็นสัญญากันเสียอีก

เฉินถงถงลังเลอย่างชัดเจน เขากลืนน้ำลายเรียกความกล้าและยื่นมือเข้าหาสุนัขเขี้ยวเพลิง

"ย่าห์!"

สุนัขเขี้ยวเพลิงยิ้มแยกเขี้ยวแหลมคมออกมาอย่างเป็นมิตร

เฉินถงถงรีบถอนมือออกทันที กลัวว่าในวินาทีถัดไปมันจะกัดเขาเข้า

“แล้วการฝึกต่อสู้ล่ะ ไม่ต้องบอกเรื่องที่เป็นความลับก็ได้แค่บอกเรื่องที่พอบอกได้ก็พอ” เฉินถงถงกล่าวขณะลุกขึ้นยืน

“เอางั้นก็ได้” เฉียวซางเห็นด้วย

แม้ว่าสุนัขเขี้ยวเพลิงจะอยู่กับเธอเพียงสามหรือสี่วัน แต่เธอก็พอมีข้อมูลเชิงลึกในการฝึกฝนอยู่บ้าง

เจียงหลิวเมื่อเห็นว่าทั้งสองบรรลุข้อตกลงแล้ว จึงก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า "คราวนี้ฉันจะเป็นกรรมการให้เอง"

เฉียวซางพยักหน้า

เฉินถงถงเรียกสัตว์อสูรของเขาออกมา

เฉียวซางเงียบขณะที่เธอมองดูสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติตรงหน้าเธอ

สัตว์อสูรประเภทหนอนสีน้ำตาลยาว 10 เซนติเมตร มีลักษณะคล้ายหางสุนัข กำลังกระดิ๊บอยู่บนพื้น

มันคือหนอนฝ้าย...

หนอนฝ้ายโดยทั่วไปแล้วจะมีสีเขียว สีน้ำตาลมักพบเห็นได้ไม่บ่อยนัก มันเป็นสัตว์อสูรธรรมดาและราคาถูก เจ้าสิ่งมีชีวิตนี้มักจะไม่ถูกเลือกมาทำสัญญาโดยผู้ฝึกสัตว์อสูรส่วนมาก

อย่างไรก็ตาม มันเองก็มีข้อดีของมันอยู่ นั่นคือเส้นทางวิวัฒนาการอันหลากหลาย ปัจจุบันมีการค้นพบรูปแบบวิวัฒนาการของมันถึงห้าแบบ และหนึ่งในนั้นคือผีเสื้อหิมะ สัตว์อสูรประเภทน้ำแข็งที่หายาก ซึ่งนี่ทำให้มูลค่าของหนอนฝ้ายดีดตัวขึ้นสูงเป็นอย่างมาก

แต่ศักยภาพทั้งหมดของมันล้วนอยู่ในร่างที่พัฒนาแล้ว หนอนฝ้ายมีทักษะอยู่แค่สองอย่างนั่นคือใยไหมและพุ่งเข้าชน พวกมันไม่สามารถเรียนรู้ทักษะอื่นได้

นี่มันเงินฟรีเลยไม่ใช่รึไง?

“คราวนี้นายเริ่มก่อน” เฉียวซางกล่าว

เธอกลัวว่าสุนัขเขี้ยวเพลิงจะจบการต่อสู้ด้วยทักษะเพลิงปะทุในครั้งเดียว...

เฉินถงถงรู้ดีว่าเฉียวซางกำลังคิดอะไรอยู่ ทุกครั้งที่เขานำหนอนฝ้ายออกมา ฝ่ายตรงข้ามมักจะปล่อยให้เขาเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อนเสมอ

การที่ถูกมองว่าด้องกว่าแบบนี้ นับว่าเป็นข้อได้เปรียบสำหรับเขามาก

โดยปกติแล้ว หนอนฝ้ายจะใช้เวลาก่อนที่จะวิวัฒนาการประมาณสามถึงห้าเดือน แต่เขาได้ชะลอการวิวัฒนาการของสัตว์อสูรของเขามาเกือบหนึ่งปีแล้ว ทั้งหมดนี้เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับวิวัฒนาการที่สมบูรณ์แบบ

ด้วยรากฐานที่แข็งแกร่งนี้ หนอนฝ้ายของเขาจึงไม่อาจนับได้ว่ามันเป็นหนอนฝ้ายธรรมดาอีกต่อไป!

แถมในสนามประลองของมือใหม่ด้วยความทนทานของใยไหมทำให้เขาคว้าอันดับ 39 มาครองด้วยซ้ำ

“หนอนฝ้าย! แสดงความแข็งแกร่งของแกให้เธอเห็นซะสิ!” เฉินถงถงตะโกนขณะที่เขายกมือเพื่อเรียกขวัญและกำลังใจ

"จิ!"

หนอนฝ้ายอ้าปากและยิงเส้นไหมสีขาวนวลสง่าราวกับหิมะ พุ่งตรงไปที่สุนัขเขี้ยวเพลิงด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ

สุนัขเขี้ยวเพลิงไม่แม้แต่จะได้้ขยับตัว ก่อนที่มันจะถูกมัดไว้อย่างแน่นหนาด้วยเส้นด้าย

มันพยายามดิ้นรนแต่ก็ไม่สามารถหลุดจากการคุมขัง

เฉียวซางขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าเธอจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการฝึกความเร็วในการตอบสนองของสุนัขเขี้ยวเพลิงมาเป็นอันดับแรก

“คราวนี้แหละ จบการต่อสู้เลย!” เฉินถงถงยังคงตะโกนต่อไป

ร่างกายของหนอนฝ้ายเริ่มเปล่งแสงสีขาวจางๆ และแทนที่จะค่อยๆพุ่งไปทางพื้น มันกลับพุ่งตัวขึ้นไปในอากาศ!

ความเร็วของมันเหนือกว่าทักษะพุ่งเข้าชนของสุนัขเขี้ยวเพลิงอย่างเห็นได้ชัด

เฉียวซางวัดระยะห่างด้วยสายตา และสามวินาทีต่อมา เธอก็ออกคำสั่ง: "เขี้ยวเพลิง"

ทันใดนั้น เปลวไฟที่สุกใสก็เผาทำลายใยไหมสีขาวเหมือนและกัดเข้าไปในหนอนฝ้ายซึ่งกำลังพุ่งเข้ามาอย่างแม่นยำ

"จิ!!!" หนอนฝ้ายกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

สองวินาทีต่อมา ดวงตาของมันก็กลอกขึ้นเหลือแต่ตาขาวและหมดสติไปในที่สุด

“เฉียวซางชนะ” เจียงหลิวประกาศ

“หนอนฝ้าย!” เฉินถงถงรีบวิ่งเข้าไปอุ้มสัตว์อสูรที่หมดสติของเขา

หลังจากยืนยันว่าหนอนฝ้ายหมดสติแล้ว เขาก็เรียกมันกลับเข้าตำราอสูร

"ทำไม?" เฉินถงถงเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาแดงก่ำขณะที่เขาถามเฉียวซาง

"อะไรงั้นเหรอ?" เฉียวซางถามกลับ

เธอไม่เข้าใจ สุนัขเขี้ยวเพลิงเอาชนะหนอนฝ้ายได้มันแปลกตรงไหน? ทำไมเขาถึงมีปฏิกิริยารุนแรงขนาดนี้?

“ทำไมสุนัขเพลิงของเธอถึงทำลายใยไหมได้ง่ายขนาดนั้นกัน?” เฉินถงถงจ้องไปที่เฉียวซางในใจยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้โดยสมบูรณ์

ใยไหมของหนอนฝ้ายของเขาเหนียวแน่นอย่างน่าเหลือเชื่อ—เมื่อมันมัดคู่ต่อสู้สำเร็จ พวกมันแทบจะไม่มีทางหนีพ้น ต่อให้เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าก็ต้องใช้เวลาพักใหญ่ถึงจะดิ้นหลุด

แล้วแบบนี้มันจะถูกทำลายง่ายๆขนาดนั้นได้ยังไงกัน?

"อืม" เฉียวซางคิดอยู่ครู่หนึ่ง

“นายไม่รู้เหรอว่าไฟชนะแมลง?”

เฉินถงถง: "..."

“บางทีนายอาจไม่เคยต่อสู้กับสัตว์อสูรประเภทไฟมาก่อนใช่ไหม?” เฉียวซางเดา และคิดว่าตัวเธอนั้นเดาได้ถูกต้อง

เฉินถงถง: .....

5 3 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด