บทที่ 16: แค่ความรู้สึกน่ะ
เวลา 17.30 น. เสียงออดดังขึ้นส่งสัญญาณหมดเวลาเรียนของโรงเรียนฝึกอสูรฮันกังที่ 37
เมื่อเวลา 17:33 น. นักเรียนเริ่มหลั่งไหลท่วมท้นออกจากประตูโรงเรียน
“พวกเราจะสู้กันตรงนี้เลยรึเปล่า?” เสียงหยาบกร้านเล็กน้อยถาม
หลังจากนั่งเฉยๆไปเกือบชั่วโมง ในที่สุดเฉียวซางก็ได้เงยหน้าต้องรับใครสักคนได้สักที
คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอคือเด็กชายร่างสูงไหล่กว้างมีงูสีน้ำตาลตัวหนาขดตัวอยู่ตั้งแต่รอบเอวพาดจนถึงลำคอ โดยที่หัวทรงสามเหลี่ยมยื่นออกมาด้านหน้า
มันคืองูหางยาวรูปแบบวิวัฒนาการของงูหางสั้น
เฉียวซางเหลือบมองเขาครู่หนึ่งก่อนชี้ไปที่กระดาษบนกระเป๋าเป้ของเธออย่างเงียบๆ:
สำหรับสัตว์ระดับเริ่มต้นเท่านั้น
เด็กชายร่างสูงเบะปากทำหน้ารำคาญใจก่อนจะหันหลังกลับโดยไม่พูดอะไรสักคำ
เมื่อมีคนแรก ย่อมมีคนที่สอง ไม่นานนักเรียนอีกคนก็เข้ามาหาเธอ
คราวนี้เป็นเด็กชายที่ดูสดใสร่าเริงเขาเกาหัวอย่างประหม่าก่อนถามว่า "ถ้าฉันชนะ ฉันขอข้อมูลติดต่อกับเธอแทนเงินได้ไหม?"
"ก็เอาสิ" เฉียวซางรับคำ
เธอแอบดีใจด้วยซ้ำ ตอนนี้เธอมีเงินเหลือเพียง 532 เหรียญเท่านั้น มันพอแค่การเดินทางไปกลับบ้านกับที่นี่แค่สองสามรอบ
ที่ยืนอยู่ข้างๆเขา คือเด็กผู้ชายอีกคนที่มีทรงผมตั้งแหลมคล้ายเม่น แววตาขบขัน เห็นชัดว่าเขาเป็นเพื่อนกับคนที่เข้ามาถามเธอ
“ไปสู้กันตรงนั้นเถอะ” เด็กชายผมแหลมคมแนะนำโดยชี้ไปที่ป็อปลาร์ข้างๆสระน้ำ
ตอนนีี้พวกเขาอยู่กันบริเวณหน้าทางเข้าสวนซึ่งมีคนพลุกพล่าน มันไม่สถานที่ซึ่งเหมาะสักเท่าไหร่สำหรับการต่อสู้
เฉียวซางพยักหน้าและเดินตามพวกเขาไปที่ต้นป็อปลาร์ ซึ่งพวกเขาพบจุดที่เงียบสงบซึ่งไม่มีใครอยู่รอบๆ ห่างจากจุดเดิมแค่ราวๆ 20 เมตร
“ฉันจะเป็นกรรมการให้เอง” เด็กชายผมแหลมอาสา
เฉียวซางไม่ได้โต้แย้งอะไร
เด็กชายทำสัญลักษณ์มือ และจากนั้นด้วยการรวมตัวของแสงสีขาวบนพื้นร่างสีน้ำตาลของนกตัวอวบอ้วนสูงกว่า 80 เซนติเมตร ก็ปรากฎ
โดยปกติแล้ว พิราบอวบจะมีความสูงเฉลี่ย 60 เซนติเมตร เห็นได้ชัดว่านกตัวนี้ได้รับการเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี
“เจียงหลิว นายไม่มีปัญหากับการให้ผู้หญิงเริ่มก่อนใช่ไหม?” เด็กผมแหลมถาม
การต่อสู้แต่ละที่มีกฎแตกต่างกันออกไป บางที่ให้ผู้ท้าชิงโจมตีก่อน บางที่ให้เจ้าบ้านเป็นฝ่ายเริ่ม หรือบางที่ก็เริ่มโจมตีพร้อมๆกัน
“แน่นอน” เจียงหลิวกล่าวพร้อมยักไหล่
เมื่อได้รับโอกาสเฉียวซางก็ออกคำสั่งโดยไม่ลังเล
“สุนัขเขี้ยวเพลิง ใช้เพลิงปะทุ!”
"ย่าห์!"
สุนัขเขี้ยวเพลิงกระโดดออกจากอ้อมแขนของเฉียวซาง แววตามันเฉียบคมขึ้นขณะที่อ้าปากเพื่อปล่อยเปลวไฟขนาดเท่ากำปั้นเด็กออกมา
เจียงหลิวไม่ได้ออกคำสั่งใดๆ และพิราบอ้วนก็เพลิงปะทุอย่างตั้งใจด้วยการกระโดดไปทางซ้าย
พิราบอวบขึ้นชื่อเรื่องความอุ้ยอ้าย เจ้าตัวนี้เองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น อย่างไรก็ตามปฏิกิริยาตอบสนองของมันก็นับว่าน่าประทับใจ—น่าจะผ่านการฝึกฝนมาระดับนึงแล้ว
เมื่อวิเคราะห์สถานการณ์ เฉียวซางก็ออกคำสั่ง "พุ่งเข้าชนเลย!"
สุนัขเขี้ยวเพลิงเกร็งตัวและพุ่งไปข้างหน้า
“บินขึ้นไปแล้วใช้คำราม” เจียงหลิวสั่ง
พิราบอวบกระพือปีกสั้นแล้วทะยานขึ้นไปในอากาศ
สุนัขเขี้ยวเพลิงซึ่งขาดการฝึกฝนที่เหมาะสม มันจึงค่อนข้างช้า กว่ามันจะไปถึงตัวเจ้าพิราบอวบก็อยู่บนฟ้าเสียแล้ว
“คุก-คู!”
คำรามเป็นทักษะระดับต่ำ ไม่สามารถก่อให้เกิดอันตรายโดยตรง แต่จะทำให้ศัตรูชะงักไปชั่วขณะ
สำหรับเฉียวซาง มันเป็นเพียงแค่เสียงที่น่ารำคาญเล็กน้อย แต่สำหรับสุนัขเขี้ยวเพลิงทักษะคำรามนี้ทำให้มันลังเลและความเร็วของมันลดลงเล็กน้อย
“โจมตีด้วยปีก” เจียงหลิวออกคำสั่ง
โจมตีด้วยปีกเป็นการทักษะเฉพาะของสัตว์ประเภทบินหากให้พูดมันก็เหมือนกับทักษะพุ่งเข้าชนแทบทุกประการ เว้นแต่่อสูรตัวนั้นจะสามารถควบคุมพลังลมได้เป็นอย่างดีจนทำให้พลังโจมตีเพิ่มขึ้นมาก
พิราบอวบพับปีกไปด้านหลังและเมื่ออากาศควบแน่นหมุนรอบปีกของมัน มันก็บินโฉบตรงเข้าที่สุนัขเขี้ยวเพลิง
สุนัขเขี้ยวเพลิงกำลังจะหลบการโจมตีที่เข้ามาโดยสัญชาตญาณ
ทว่า "อย่าขยับ!" เฉียวซางกลับออกคำสั่งให้ทำตรงกันข้ามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
หากโดนการโจมตีด้วยปีกเข้าอย่างจัง มันต้องได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน ทว่าทันทีที่เจ้าสุนัขเขี้ยวเพลิงได้ยินคำสั่ง มันก็เลือกที่จะระงับสัญชาตญาณทั้งหมดของตัวมันเอง
นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย!
ดวงตาของเด็กชายผมแหลมเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อ ทุกอย่างเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ตั้งแต่คำสั่งอันไร้ความสมเหตุสมผลของเฉียวซางไปจนถึงปฏิกิริยาของสุนัขเขี้ยวเพลิง มันดูผิดแปลกไปจากปกติมาก
สัตว์อสูรประเภทไฟที่ยอมยืนนิ่งเมื่อการโจมตีเข้ามาใกล้? นี่มันโคตรผิดปกติ!
อสูรประเภทไฟนั้นควบคุมได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ฝึกสัตว์อสูรมือใหม่อย่างเฉียวซาง
ที่โรงเรียนของเขามีนักเรียนมากกว่า 3,000 คน มีเพียงสองคนเท่านั้นที่กล้าพอจะทำสัญญากับสัตว์อสูรประเภทไฟเป็็นตัวแรก
ขนเขาลุกเป็นเกลียวด้วยความตกใจ เธอใช้วิธีอะไรกันแน่ทำให้อสูรประเภทไฟเชื่อฟังคำสั่งถึงขนาดนี้?
“ตอนนี้ล่ะ กระโดดขึ้นเลย!” ขณะเด็กชายผมแหลมกำลังจมอยู่กับความคิด ตอนนั้นเองเสียงเฉียวซางก็ดังขึ้นเรียกสติของเขากลับคืน
เธอเฝ้าดูตาไม่กระพริบ ในชั่วพริบตาก่อนที่พิราบอวบจะปะทะเข้ากับสุนัขเขี้ยวเพลิง เธอก็ออกคำสั่ง
เมื่อคำสั่งของเฉียวซางดังขึ้นสุนัขเขี้ยวเพลิงไม่แม้แต่จะลังเล มันก็กระโดดขึ้นไปกลางอากาศทันที
เจียงหลิวตกตะลึงตาค้าง
สุนัขเขี้ยวเพลิง... กระโดดขึ้นไปบนหลังของพิราบอวบอย่างพอดิบพอดี!
“ใช้เขี้ยวเพลิงไปปีกของมันซะ!” เฉียวซางสั่ง คว้าช่วงเวลาที่อีกฝ่ายไม่ทันระวัง
สุนัขเขี้ยวเพลิงแยกเขี้ยวที่ลุกเป็นไฟและกัดปีกขวาของพิราบอวบโดยไม่ลังเลใจ
“คุก-คู!”
พิราบอวบกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและทรุดตัวลงกับพื้น
“เจ้าอ้วน!” เจียงหลิวตะโกนออกมาออกมา
สุนัขเขี้ยวเพลิงกระโดดลงมาจากนกที่ร่วงหล่นและหันไปหาเฉียวซาง ดวงตาของมันเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น
“ปิดฉากมันเลยด้วยเพลิงปะทุ” เฉียวซางกล่าวอย่างสงบ
สุนัขเขี้ยวเพลิงหันหลังกลับอย่างรวดเร็วพร้อมอ้าปาก
ด้วยเปลวเพลิงขนาดเท่ากำปั้นเด็ก พิราบอวบก็ส่งเสียงครวญครางก่อนที่จะหมดสติไป
ความเงียบปกคลุมไปทั่วบริเวณ
หลังจากนั้นประมาณห้าวินาที เด็กชายผมแหลมถามอย่างเชื่องช้าว่า "นี่เธอชื่ออะไร เอ่อไม่สิ... คุณผู้หญิงครับ?"
“ฉันเฉียวซาง” เธอตอบ
“เฉียวซางชนะ” เด็กชายผมแหลมประกาศ
เจียงหลิวเก็บพิราบอวบของตนกลับเข้าตำราอย่างเงียบๆ
"เธอสั่งให้มันกระโดดได้อย่างสมบูรณ์แบบได้ยังไง?" เจียงหลิวถามขณะที่เขาเดินเข้ามาหา สีหน้าของเขาดูสับสนไปหมด
เด็กผู้หญิงคนนี้ดูเด็กกว่าเขา แต่สัญชาตญาณการต่อสู้ของเธอกลับเหนือกว่าอย่างชัดเจน
การคำนวณระยะเวลาของการกระโดดระหว่างการโจมตีด้วยปีกไม่ใช่เรื่องง่าย หากสุนัขเขี้ยวเพลิงกระโดดช้าไปแม้แต่ครึ่งวินาที มันก็อาจจะนับได้ว่าช้าเกินไป
แถมยังมีสุนัขเขี้ยวเพลิงอันแสนประหลาดนั่นเอง ถ้ามันลังเลแม้แต่ชั่วครู่ มันก็คงจะไม่มีวันเกาะบนหลังของพิราบอวบได้
การประสานงานระดับนี้เกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อผู้ฝึกสัตว์อสูรและสัตว์อสูรไว้ใจซึ่งกันและกันเป็นอย่างมาก
เฉียวซางพูดเพียงว่า "แค่ความรู้สึกน่ะ"
เมื่อได้ยินเจียงหลิวก็หมดคำจะพูดไปในที่สุด