ตอนที่แล้วบทที่ 15: แสวงหาความพ่ายแพ้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 17: นายไม่รู้เหรอ?

บทที่ 16: แค่ความรู้สึกน่ะ


เวลา 17.30 น. เสียงออดดังขึ้นส่งสัญญาณหมดเวลาเรียนของโรงเรียนฝึกอสูรฮันกังที่ 37

เมื่อเวลา 17:33 น. นักเรียนเริ่มหลั่งไหลท่วมท้นออกจากประตูโรงเรียน

“พวกเราจะสู้กันตรงนี้เลยรึเปล่า?” เสียงหยาบกร้านเล็กน้อยถาม

หลังจากนั่งเฉยๆไปเกือบชั่วโมง ในที่สุดเฉียวซางก็ได้เงยหน้าต้องรับใครสักคนได้สักที

คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอคือเด็กชายร่างสูงไหล่กว้างมีงูสีน้ำตาลตัวหนาขดตัวอยู่ตั้งแต่รอบเอวพาดจนถึงลำคอ โดยที่หัวทรงสามเหลี่ยมยื่นออกมาด้านหน้า

มันคืองูหางยาวรูปแบบวิวัฒนาการของงูหางสั้น

เฉียวซางเหลือบมองเขาครู่หนึ่งก่อนชี้ไปที่กระดาษบนกระเป๋าเป้ของเธออย่างเงียบๆ:

สำหรับสัตว์ระดับเริ่มต้นเท่านั้น

เด็กชายร่างสูงเบะปากทำหน้ารำคาญใจก่อนจะหันหลังกลับโดยไม่พูดอะไรสักคำ

เมื่อมีคนแรก ย่อมมีคนที่สอง ไม่นานนักเรียนอีกคนก็เข้ามาหาเธอ

คราวนี้เป็นเด็กชายที่ดูสดใสร่าเริงเขาเกาหัวอย่างประหม่าก่อนถามว่า "ถ้าฉันชนะ ฉันขอข้อมูลติดต่อกับเธอแทนเงินได้ไหม?"

"ก็เอาสิ" เฉียวซางรับคำ

เธอแอบดีใจด้วยซ้ำ ตอนนี้เธอมีเงินเหลือเพียง 532 เหรียญเท่านั้น มันพอแค่การเดินทางไปกลับบ้านกับที่นี่แค่สองสามรอบ

ที่ยืนอยู่ข้างๆเขา คือเด็กผู้ชายอีกคนที่มีทรงผมตั้งแหลมคล้ายเม่น แววตาขบขัน เห็นชัดว่าเขาเป็นเพื่อนกับคนที่เข้ามาถามเธอ

“ไปสู้กันตรงนั้นเถอะ” เด็กชายผมแหลมคมแนะนำโดยชี้ไปที่ป็อปลาร์ข้างๆสระน้ำ

ตอนนีี้พวกเขาอยู่กันบริเวณหน้าทางเข้าสวนซึ่งมีคนพลุกพล่าน มันไม่สถานที่ซึ่งเหมาะสักเท่าไหร่สำหรับการต่อสู้

เฉียวซางพยักหน้าและเดินตามพวกเขาไปที่ต้นป็อปลาร์ ซึ่งพวกเขาพบจุดที่เงียบสงบซึ่งไม่มีใครอยู่รอบๆ ห่างจากจุดเดิมแค่ราวๆ 20 เมตร

“ฉันจะเป็นกรรมการให้เอง” เด็กชายผมแหลมอาสา

เฉียวซางไม่ได้โต้แย้งอะไร

เด็กชายทำสัญลักษณ์มือ และจากนั้นด้วยการรวมตัวของแสงสีขาวบนพื้นร่างสีน้ำตาลของนกตัวอวบอ้วนสูงกว่า 80 เซนติเมตร ก็ปรากฎ

โดยปกติแล้ว พิราบอวบจะมีความสูงเฉลี่ย 60 เซนติเมตร เห็นได้ชัดว่านกตัวนี้ได้รับการเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี

“เจียงหลิว นายไม่มีปัญหากับการให้ผู้หญิงเริ่มก่อนใช่ไหม?” เด็กผมแหลมถาม

การต่อสู้แต่ละที่มีกฎแตกต่างกันออกไป บางที่ให้ผู้ท้าชิงโจมตีก่อน บางที่ให้เจ้าบ้านเป็นฝ่ายเริ่ม หรือบางที่ก็เริ่มโจมตีพร้อมๆกัน

“แน่นอน” เจียงหลิวกล่าวพร้อมยักไหล่

เมื่อได้รับโอกาสเฉียวซางก็ออกคำสั่งโดยไม่ลังเล

“สุนัขเขี้ยวเพลิง ใช้เพลิงปะทุ!”

"ย่าห์!"

สุนัขเขี้ยวเพลิงกระโดดออกจากอ้อมแขนของเฉียวซาง แววตามันเฉียบคมขึ้นขณะที่อ้าปากเพื่อปล่อยเปลวไฟขนาดเท่ากำปั้นเด็กออกมา

เจียงหลิวไม่ได้ออกคำสั่งใดๆ และพิราบอ้วนก็เพลิงปะทุอย่างตั้งใจด้วยการกระโดดไปทางซ้าย

พิราบอวบขึ้นชื่อเรื่องความอุ้ยอ้าย เจ้าตัวนี้เองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น อย่างไรก็ตามปฏิกิริยาตอบสนองของมันก็นับว่าน่าประทับใจ—น่าจะผ่านการฝึกฝนมาระดับนึงแล้ว

เมื่อวิเคราะห์สถานการณ์ เฉียวซางก็ออกคำสั่ง "พุ่งเข้าชนเลย!"

สุนัขเขี้ยวเพลิงเกร็งตัวและพุ่งไปข้างหน้า

“บินขึ้นไปแล้วใช้คำราม” เจียงหลิวสั่ง

พิราบอวบกระพือปีกสั้นแล้วทะยานขึ้นไปในอากาศ

สุนัขเขี้ยวเพลิงซึ่งขาดการฝึกฝนที่เหมาะสม มันจึงค่อนข้างช้า กว่ามันจะไปถึงตัวเจ้าพิราบอวบก็อยู่บนฟ้าเสียแล้ว

“คุก-คู!”

คำรามเป็นทักษะระดับต่ำ ไม่สามารถก่อให้เกิดอันตรายโดยตรง แต่จะทำให้ศัตรูชะงักไปชั่วขณะ

สำหรับเฉียวซาง มันเป็นเพียงแค่เสียงที่น่ารำคาญเล็กน้อย แต่สำหรับสุนัขเขี้ยวเพลิงทักษะคำรามนี้ทำให้มันลังเลและความเร็วของมันลดลงเล็กน้อย

“โจมตีด้วยปีก” เจียงหลิวออกคำสั่ง

โจมตีด้วยปีกเป็นการทักษะเฉพาะของสัตว์ประเภทบินหากให้พูดมันก็เหมือนกับทักษะพุ่งเข้าชนแทบทุกประการ เว้นแต่่อสูรตัวนั้นจะสามารถควบคุมพลังลมได้เป็นอย่างดีจนทำให้พลังโจมตีเพิ่มขึ้นมาก

พิราบอวบพับปีกไปด้านหลังและเมื่ออากาศควบแน่นหมุนรอบปีกของมัน มันก็บินโฉบตรงเข้าที่สุนัขเขี้ยวเพลิง

สุนัขเขี้ยวเพลิงกำลังจะหลบการโจมตีที่เข้ามาโดยสัญชาตญาณ

ทว่า "อย่าขยับ!" เฉียวซางกลับออกคำสั่งให้ทำตรงกันข้ามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

หากโดนการโจมตีด้วยปีกเข้าอย่างจัง มันต้องได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน ทว่าทันทีที่เจ้าสุนัขเขี้ยวเพลิงได้ยินคำสั่ง มันก็เลือกที่จะระงับสัญชาตญาณทั้งหมดของตัวมันเอง

นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย!

ดวงตาของเด็กชายผมแหลมเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อ ทุกอย่างเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ตั้งแต่คำสั่งอันไร้ความสมเหตุสมผลของเฉียวซางไปจนถึงปฏิกิริยาของสุนัขเขี้ยวเพลิง มันดูผิดแปลกไปจากปกติมาก

สัตว์อสูรประเภทไฟที่ยอมยืนนิ่งเมื่อการโจมตีเข้ามาใกล้? นี่มันโคตรผิดปกติ!

อสูรประเภทไฟนั้นควบคุมได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ฝึกสัตว์อสูรมือใหม่อย่างเฉียวซาง

ที่โรงเรียนของเขามีนักเรียนมากกว่า 3,000 คน มีเพียงสองคนเท่านั้นที่กล้าพอจะทำสัญญากับสัตว์อสูรประเภทไฟเป็็นตัวแรก

ขนเขาลุกเป็นเกลียวด้วยความตกใจ เธอใช้วิธีอะไรกันแน่ทำให้อสูรประเภทไฟเชื่อฟังคำสั่งถึงขนาดนี้?

“ตอนนี้ล่ะ กระโดดขึ้นเลย!” ขณะเด็กชายผมแหลมกำลังจมอยู่กับความคิด ตอนนั้นเองเสียงเฉียวซางก็ดังขึ้นเรียกสติของเขากลับคืน

เธอเฝ้าดูตาไม่กระพริบ ในชั่วพริบตาก่อนที่พิราบอวบจะปะทะเข้ากับสุนัขเขี้ยวเพลิง เธอก็ออกคำสั่ง

เมื่อคำสั่งของเฉียวซางดังขึ้นสุนัขเขี้ยวเพลิงไม่แม้แต่จะลังเล มันก็กระโดดขึ้นไปกลางอากาศทันที

เจียงหลิวตกตะลึงตาค้าง

สุนัขเขี้ยวเพลิง... กระโดดขึ้นไปบนหลังของพิราบอวบอย่างพอดิบพอดี!

“ใช้เขี้ยวเพลิงไปปีกของมันซะ!” เฉียวซางสั่ง คว้าช่วงเวลาที่อีกฝ่ายไม่ทันระวัง

สุนัขเขี้ยวเพลิงแยกเขี้ยวที่ลุกเป็นไฟและกัดปีกขวาของพิราบอวบโดยไม่ลังเลใจ

“คุก-คู!”

พิราบอวบกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและทรุดตัวลงกับพื้น

“เจ้าอ้วน!” เจียงหลิวตะโกนออกมาออกมา

สุนัขเขี้ยวเพลิงกระโดดลงมาจากนกที่ร่วงหล่นและหันไปหาเฉียวซาง ดวงตาของมันเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น

“ปิดฉากมันเลยด้วยเพลิงปะทุ” เฉียวซางกล่าวอย่างสงบ

สุนัขเขี้ยวเพลิงหันหลังกลับอย่างรวดเร็วพร้อมอ้าปาก

ด้วยเปลวเพลิงขนาดเท่ากำปั้นเด็ก พิราบอวบก็ส่งเสียงครวญครางก่อนที่จะหมดสติไป

ความเงียบปกคลุมไปทั่วบริเวณ

หลังจากนั้นประมาณห้าวินาที เด็กชายผมแหลมถามอย่างเชื่องช้าว่า "นี่เธอชื่ออะไร เอ่อไม่สิ... คุณผู้หญิงครับ?"

“ฉันเฉียวซาง” เธอตอบ

“เฉียวซางชนะ” เด็กชายผมแหลมประกาศ

เจียงหลิวเก็บพิราบอวบของตนกลับเข้าตำราอย่างเงียบๆ

"เธอสั่งให้มันกระโดดได้อย่างสมบูรณ์แบบได้ยังไง?" เจียงหลิวถามขณะที่เขาเดินเข้ามาหา สีหน้าของเขาดูสับสนไปหมด

เด็กผู้หญิงคนนี้ดูเด็กกว่าเขา แต่สัญชาตญาณการต่อสู้ของเธอกลับเหนือกว่าอย่างชัดเจน

การคำนวณระยะเวลาของการกระโดดระหว่างการโจมตีด้วยปีกไม่ใช่เรื่องง่าย หากสุนัขเขี้ยวเพลิงกระโดดช้าไปแม้แต่ครึ่งวินาที มันก็อาจจะนับได้ว่าช้าเกินไป

แถมยังมีสุนัขเขี้ยวเพลิงอันแสนประหลาดนั่นเอง ถ้ามันลังเลแม้แต่ชั่วครู่ มันก็คงจะไม่มีวันเกาะบนหลังของพิราบอวบได้

การประสานงานระดับนี้เกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อผู้ฝึกสัตว์อสูรและสัตว์อสูรไว้ใจซึ่งกันและกันเป็นอย่างมาก

เฉียวซางพูดเพียงว่า "แค่ความรู้สึกน่ะ"

เมื่อได้ยินเจียงหลิวก็หมดคำจะพูดไปในที่สุด

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด