บทที่ 15: แสวงหาความพ่ายแพ้
อย่างไรก็ตาม การแข่งขันนี้จะเกิดขึ้นหลังจากการสอบเข้าสิ้นสุด ตอนนี้มันยังไม่เปิดให้ลงทะเบียนเลยด้วยซ้ำ
สโมสรและสนามประลองอื่นๆ ก็มีข้อจำกัดของตัวเองเช่นกัน
อีกที่ที่เหลืออยู่ก็มีสนามประลองใต้ดินซึ่งมีไว้สำหรับพวกชอบเล่นพนันหรือเสพติดความรุนแรงเป็นหลัก แม้มันจะไม่ได้กำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำไว้มากมายนัก แต่กฎกติกาก็ผิดแปลกจากสนามประลองถูกกฎหมายโดยสิ้นเชิง
เกณฑ์เข้าร่วมขั้นต่ำของสนามประลองใต้ดินคือเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับ E พวกที่เข้าร่วมส่วนใหญ่มักมีแต่พวกผิดแปลกจากสังคม
ก่อนจะเข้าร่วม ต้องเซ็นต์หนังสือสัญญาว่าด้วยหากเกิดการบาดเจ็บหรือล้มตาย ผู้เสียหายจะไม่สามารถขอเรียกร้องเงินค่าทำขวัญได้
ในสนามประลองถูกกฎหมาย เมื่อสัตว์อสูรฝ่ายใดฝ่ายหนึ่่งหมดสติหรือได้รับบาดเจ็บสาหัส ผู้ตัดสินจะหยุดการประลองทันทีและนำสัตว์อสูรที่ได้รับบาดเจ็บไปเข้ารับการรักษา
ในทางตรงกันข้าม การต่อสู้ของสนามประลองใต้ดินจะดำเนินไปจนกว่าผู้ฝึกสัตว์อสูรจะบอกยอมแพ้ด้วยตัวเอง
ผู้เข้าร่วมการต่อสู้มักเป็นพวกโหดร้ายไม่ก็ชอบความเสี่ยง พวกเขามักจะใช้สัตว์อสูรที่หมดประโยชน์ไม่ก็อ่อนแอเกินไปสำหรับตนเพื่อเข้าร่วม เพราะต่อให้มันตายไปก็ไม่เสียหาย
บางคนไปที่นั่นเพื่อเงิน บางคนก็แค่เพื่อให้โดปามีนหลั่งไหล
อย่างไรก็ตามที่แบบนั้นไม่ใช่ที่สำหรับนักเรียนมัธยมต้นแบบเธอ
สุนัขเขี้ยวเพลิงยังเด็กเกินไป และตัวเฉียวซางก็ยังไม่พร้อมที่จะเข้าร่วม
เดิมทีเฉียวซางวางแผนที่จะฝึกความแข็งแกร่งของสุนัขเขี้ยวเพลิงหลังจากการสอบเข้าสิ้นสุดลง
เมื่อฝึกร่างกายเสร็จ จากนั้นก็ต่อด้วยการฝึกทักษะ
นิ้วทองคำของเธอสามารถเพิ่มระดับให้สุนัขเขี้ยวเพลิงได้อย่างรวดเร็ว แต่หากไร้การฝึกฝน ความแข็งแกร่งของมันจะไม่สอดคล้องกับระดับที่มี
ด้วยเวลาอันจำกัดนี้ เธอไม่สามารถปล่อยเวลาให้เสียเปล่าได้อีก
มีเพียงการต่อสู้เท่านั้นที่จะทำให้สุนัขเขี้ยวเพลิงแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
เฉียวซางกำลังมองหาคู่ฝึกซ้อม ไม่ใช่การต่อสู้อันดุเดือด
นอกเหนือจากการสนามประลองสัตว์อสูรอย่างเป็นทางการและสนามประลองใต้ดินแล้ว ยังมีหอฝึก สถาบันพัฒนา และการแข่งขันกระชับมิตรอยู่อีก
หอฝึกรับสมัครเพียงปีละสองครั้ง เพื่อช่วยผู้ฝึกสัตว์อสูรฝึกทักษะที่กำหนดไว้สำหรับสัตว์อสูรของพวกเขา แต่ตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเปิดรับสมัคร ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถเข้าร่วมได้
สถาบันพัฒนาล้วนเกี่ยวข้องกับเงิน และเฉียวซางไม่มีเงิน
การแข่งขันกระชับมิตรจะเข้าร่วมได้ก็ต่อเมื่อมีชื่อเสียงและถูกรับเชิญ แน่นอนว่าคุณสมบัติของเฉียวซางไม่เฉียดเลยสักนิด
คนส่วนใหญ่มักจะฝึกการต่อสู้กับสัตว์อสูรของเพื่อนๆ แต่เพื่อนของเฉียวซางยังไม่ได้ปลุกโดเมนสมองของพวกเขาเลย ไม่ต้องพูดถึงการต่อสู้กับสัตว์อสูรเลย
หลังจากสรุปทั้งหมดนี้แล้ว เฉียวซางพบว่าไม่มีสถานที่ใดในเมืองฮันกังที่เหมาะสำหรับสุนัขเขี้ยวเพลิงที่จะสามารถต่อสู้ได้อย่างเหมาะสม
เธอควรทำยังไงดี? เดินสุ่มขอท้าทายกับคนที่สัญจรไปมา
แล้วถ้าซวยเจอผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับ D เข้า เธอคงโดนอัดลากสังขารกลับบ้านไม่ถูกแน่
เฉียวซางเดินไปมาบนถนนพลางครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง
ห้านาทีต่อมา เธอก็กอดสุนัขเขี้ยวเพลิงและมุ่งหน้ากลับบ้าน
เมื่อกลับบ้าน เฉียวซางเปลี่ยนชุดนักเรียนของเธอเป็นชุดลำลอง
จากนั้นเธอก็ไปที่ห้องของเธอ เขียนคำสองสามคำลงในกระดาษ ฉีกมันออก และใส่ม้วนใส่ไว้ในกระเป๋า จากนั้นเธอก็คว้ากระเป๋าเป้สะพายหลังและมุ่งหน้าออกไปอีกครั้ง
ที่สวนสาธารณะนานฮีซึ่งอยู่ใกล้ๆกับโรงเรียนฝึกอสูรฮันกังที่ 37
“แม่สาวตรงนั้นน่ะ กินเนื้อย่างเสียบไม้ไหม?” คุณป้าแผงลอยตะโกนเรียก
เฉียวซางตรวจสอบเวลา: 16:27 น. อีกประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนที่โรงเรียนฝึกอสูรฮันกังที่ 37 จะเลิกเรียน
“ป้าค่ะ ฉันจะเอาเนื้อแกะเสียบไม้ 10 ไม้ค่ะ” เฉียวซางกล่าวขณะที่เธอเดินเข้าไปใกล้แผงลอย
“ใส่พริกไหม?” คุณป้าถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ขณะที่มือเป็นระวิง
“ไม่เอาค่ะ” เฉียวซางตอบพร้อมกับส่ายหัว
“หนูมาจากโรงเรียนใกล้ๆนี่เหรอ? ทำไมป้าถึงไม่เคยเห็นหน้าหนูมาก่อนนะ” คุณป้าชวนเธอคุยเรื่อยเปื่อย
“ไม่ค่ะ ฉันแค่รอใครสักคนอยู่” เฉียวซางตอบ
“ป้าคิดแล้วเชียว เพราะหน้าสวยๆแบบหนูต่อให้เห็นผ่านๆป้าคงไม่มีทางลืม” คุณป้าหัวเราะ
เฉียวซางยิ้มรับคำชมอย่างสุภาพ
เธอได้รับคำชมเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของเธอบ่อยมากจนเธอเริ่มชินชา
ห้านาทีต่อมา เฉียวซางก็หยิบเนื้อแกะเสียบไม้มายื่นให้สุนัขเขี้ยวเพลิงที่กำลังน้ำลายไหล
“ย่าห์!” สุนัขเขี้ยวเพลิงเห่าอย่างมีความสุข ปากคาบเนื้อแกะย่างพร้อมใช้เท้าเหยียบปลายไม้ให้เนื้อเข้าปากได้ง่ายๆ
“สัตว์อสูรของหนูชื่ออะไรเหรอ? ป้าไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลย” ป้าถามด้วยความสงสัย
มีช่องว่างกว้างใหญ่ระหว่างผู้ฝึกสัตว์อสูรและคนธรรมดา พวกเขาแยกออกจากกันเป็นสองโลก
หลังจากเก้าปีของการศึกษาภาคบังคับ เส้นทางของพวกเขาก็แตกต่างกันไปโดยสิ้นเชิง
แม้ว่าผู้ฝึกสัตว์อสูรจะมีสถานะที่สูงกว่าในสังคม แต่คนธรรมดาก็ถูกแบ่งออกหลากชนชั้น
มีทั้งผู้มีอำนาจ ผู้ไร้อำนาจ ผู้มั่งคั่ง ผู้ยากไร้ ผู้ทำธุรกิจขนาดเล็ก และผู้ที่ใช้แรงงานเลี้ยงชีพ...
ความแตกต่างของอำนาจและความมั่งคั่งเหล่านี้ส่วนใหญ่มักถูกกำหนดตั้งแต่เกิด
สำหรับผู้ที่เกิดมายากจน ช่องทางความรู้ของพวกเขาที่มีต่อสัตว์อสูรมักจะขาดตอน
เพราะแม้ข้อมูลดังกล่าวจะแพร่หลายและเปิดกว้างแต่พวกเขาก็ไม่มีเวลามานั่งศึกษา ลำพังแค่หาเงินใช้จ่ายในแต่ละวันก็ยากลำบากมากพอแล้ว
คุณป้าที่อยู่ตรงหน้าเฉียวซางเห็นชัดว่าเป็นคนหนึ่งที่อยู่ในระดับล่างของสังคม
“มันเรียกว่าสุนัขเขี้ยวเพลิงค่ะ” เฉียวซางตอบ
“ย่าห์” สุนัขเขี้ยวเพลิงเห่าขึ้นทันทีเพื่อแนะนำตัว
คุณป้าก็หัวเราะ
“มันน่ารักมากเลยแถมยังเชื่องอีก ไว้ลูกชายป้าเรียนจบมัธยมต้นเมื่อไหร่ ป้าคงเลือกเจ้านี่เป็นสัตว์อสูรให้เขา”
เฉียวซางเกิดความลังเลที่จะพูดขึ้นมา
คุณป้าพูดไม่ผิด นอกจากจะซนนิดๆหน่อยๆแล้ว สุนัขเขี้ยวเพลิงยังประพฤติตัวดีอีกด้วยมั้ง...
“ย่าห์”
สุนัขเขี้ยวเพลิงเงยหน้าขึ้นมองเฉียวซาง
เฉียวซางมอบเนื้อแกะเสียบไม้ในส่วนของเธอให้มันอีกไม้
หางสีแดงของมันโบกสะบัดด้วยความยินดี
สุดท้ายแล้วเฉียวซางก็กินไปแค่สามไม้ ส่วนที่เหลือเจ้าหมารับจบหมด
จากนั้นเฉียวซางก็ย้ายไปที่ม้านั่งใกล้ๆ
จากจุดนี้ เธอมองเห็นทางเข้าโรงเรียนฝึกอสูรฮันกังที่ 37 ได้อย่างชัดเจน
ทำเลที่ตั้งสมบูรณ์แบบ นักเรียนที่ออกมาทางสวนสาธารณะนานฮีจะเห็นเธออย่างแน่นอน
เฉียวซางหยิบกระดาษที่เตรียมไว้ออกมาแล้วติดไว้ที่กระเป๋าเป้สะพายหลังของเธอ
"ศึกอสูร—แสวงหาความพ่ายแพ้"
นอกจากนี้ยังมีข้อความเล็กๆที่มุมขวาล่าง:
"เดิมพัน 50 เหรียญพันธมิตรต่อรอบ"
นี่เป็นแผนการที่ดีที่สุดที่เฉียวซางกลั่นมาได้จากสมอง หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน
หากคุณกำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์อสูรระดับ F โรงเรียนมัธยมฝึกอสูรคือสถานที่ที่ดีที่สุดที่จะมองหา
พวกเขาต้องใช้เวลา 1-2 ปีในการฝึกอสูรให้กลายเป็นระดับกลาง ดังนั้นนักเรียนปีแรกและปีที่สองส่วนใหญ่ยังคงมีสัตว์ระดับเริ่มต้น
ส่วนเดิมพัน 50 เหรียญพันธมิตร เธอแค่เขียนเอาสนุก เอาเข้าจริงเธอไม่คิดว่าจะมีคนยอมจ่ายเงินให้เธอหรอก
เธอแค่อยากจะดึงดูดความสนใจของพวกเขา สำหรับผู้ฝึกสัตว์อสูรในโรงเรียนมัธยมปลาย นี่คงนับว่าเป็นการเล่นสนุกรูปแบบหนึ่ง และแน่นอนว่าถ้าบางคนยอมจ่ายจริงๆเธอก็จะรับมันไว้
สำหรับสาเหตุที่เธอเลือกโรงเรียนฝึกอสูรฮันกังที่ 37 เพราะมันเป็นโรงเรียนที่ใกล้ที่สุดจากนอกเขตที่อยู่อาศัยของเธอ
เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าและมาที่นี่เพื่อหลีกเลี่ยงการพบเจอกับคนรู้จัก
ท้ายที่สุดแล้ว การยืนอยู่นอกโรงเรียนพร้อมป้ายที่เขียนว่า แสวงหาความพ่ายแพ้ ค่อนข้างน่ากระอักกระอ่วน...
เฉียวซางนั่งเงียบ ๆ บนม้านั่งโดยมีสุนัขเขี้ยวเพลิงอยู่ในอ้อมกอดของเธอ
แม้ว่าโรงเรียนฝึกอสูรฮันกังที่ 37 จะยังเลิกเรียน แต่ที่สวนสาธารณะนานฮีก็เริ่มมีคนมามากขึ้นแล้ว
ขณะที่พวกเขาเดินผ่านเฉียวซาง พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะมองทางของเธอ
เนื้อหาในกระเป๋าเป้สะพายหลังของเธอดูเหมือนจะไม่ตรงกับภาพลักษณ์ของเธออัันงดงามของเธอเลยสักนิด
“ย่าห์!”
สุนัขเขี้ยวเพลิงแยกเขี้ยวและเห่าใส่ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา
เอาล่ะถ้านับเจ้าหมานั่นเข้าไปด้วย ป้ายนั่นก็ดูเหมาะสมกับเธอดี...