ตอนที่แล้วบทที่ 10: ดูทีวี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 12: รู้กันหมด

บทที่ 11: โรงเรียนมัธยมเซินซุ่ย


เฉียวซางเต็มไปด้วยความหงุดหงิดและหดหู่่

“เพราะแบบนี้เองเหรอ แกเลยโจมตีทีวี?”

เธอจ้องตาเจ้าหมา เตรียมพร้อมคำบ่นเพื่อฝึกฝนให้มันเป็นหมาที่ดีขึ้น

ตอนนั้นเสียง คลิก ก็ดังขึ้น ประตูเริ่มแง้มเปิดช้าๆ

เฉียวซางค่อยๆ หันศีรษะของเธอและยิ้มแข็งเป็นการต้อนรับ

"กลับมาแล้วเหรอค่ะแม่"

“คุ๊กคู!”

พิราบอ้วนของครอบครัวบินไปหาแม่ของเฉียวซางทันที และนวยเธอด้วยความรักใคร่

สายตาของผู้เป็นแม่กวาดมองความยุ่งเหยิงที่เกิดขึ้นในห้องนั่งเล่น ก่อนจะจ้องมาที่เฉียวซางด้วยใบหน้าอ่อนโยน

“อยากอธิบายมั้ย?”

เฉียวซางยกสุนัขเขี้ยวเพลิงมาบังเบื้องหน้าไว้ดั่งเกราะป้องกัน

“ทั้งหมดเป็นความผิดของเจ้านี่ค่ะ!”

สุนัขเขี้ยวเพลิง กระพริบตากลมโตด้วยทีท่าไร้เดียงสา

แม่ของเธอสบตากับเจ้าสุนัขเขี้ยวเพลิงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพูดว่า "แม่จะหักออกจากค่าขนมลูก"

เฉียวซางจ้องมองแม่ของเธอด้วยความคับข้องใจ

“มีอะไรจะพูดไหม?” แม่ของเธอถาม

“ไม่มีค่ะ” เฉียวซางตอบ ขัดกับความคิดในหัวตัวเองลิบลับ

ข้อโต้แย้งน่ะมีแน่นอน เงินค่าขนมเธอแค่เดือนละ 1,000 เหรียญ ส่วนทีวีอย่างต่ำๆก็ปาไป 4,000 เหรียญแล้ว

ค่าขนมสี่เดือนของเธอกำลังบินห่างออกไป ส่วนเธอได้แต่คุกเข่าร้องไห้ทรมาณ

แม่เธอเดินไปนั่งบนโซฟา โดยมีพิราบอ้วนเดินตามติดๆ

“มีอะไรเรื่องอะไรเกิดขึ้นรีเปล่าคะแม่?” เฉียวซางถาม

ฟางซือซือได้พิมพ์บอกเธอว่ามีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นที่โรงเรียน

แม่เธอไม่ได้ตอบคำถามนั้นโดยตรง แต่ถามกลับว่า "ลูกมีโรงเรียนที่สนใจแล้วรึยัง?"

เฉียวซางเงียบไปชั่วคราว จากนั้นคิดครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า "โรงเรียนฝึกอสูรฮันกังที่ 6 ค่ะ"

โรงเรียนฝึกอสูรฮันกังที่ 6 ไม่ได้อยู่ในอันดับที่ 6 จากในบรรดาโรงเรียนมัธยมในฮันกังทั้งหมด แค่มันถูกตั้งชื่อเอาไว้แบบนั้น

ในแง่ของผลประเมินโดยรวมมันอยู่แค่ลำดับกลางๆจากโรงเรียนมัธยมปลายทั้งหมดเท่านั้น

ที่เธอเลือกโรงเรียนนี้ เพราะว่ามันใกล้บ้านล้วนๆ

อันที่จริงด้วยผลการเรียนที่ผ่านมา เธอคงไม่มีทางเข้าโรงเรียนระดับนี้ได้ แต่ตอนนี้เธอปลุกพลังขึ้นเอง เธอสามารถเข้ารับการสอบพิเศษได้

แม่เธอเมื่อได้ยินแบบนั้นก็ดึงโบรชัวร์ออกมาจากกระเป๋าเธอและวางไว้หน้าเฉียวซาง

“แม่ว่าลูกน่าจะลองสอบเข้าโรงเรียนนี้ดู”

เฉียวซางหยิบมันขึ้นมาและอ่าน ดวงตาของเธอกระตุกถี่ “โรงเรียนมัธยมเซินซุ่ย?”

แม่ของเธอยังรักษาอาการนิ่งสงบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้้นเอาไว้

"ใช่"

“แม่คะ แม่ไม่ประเมินหนูสูงไปหน่อยเหรอ?” เฉียวซางอดพูดออกมาไม่ได้ พร้อมวางโบรชัวร์กลับลงบนโต๊ะกาแฟ

โรงเรียนมัธยมเซินซุ่ย เป็นโรงเรียนมัธยมฝึกอสูรอันดับหนึ่งในเมืองฮันกัง และเป็นอันดับสองในมณฑลเจ้อไห่ อัตราการสมัครเข้าสอบสูงถึง 98.73% นับเป็นโรงเรียนชั้นนำในหมู่โรงเรียนชั้นนำอีกที

โดยปกติแล้วมีแค่พวกหัวกะทิในฮันกังเท่านั้นถึงจะเก่งพอจะสอบเข้าที่นี่ได้

หากมีเวลาก่อนสอบประมาณ 6 เดือน เฉียนซางจะอดตาหลับขับตานอนอ่านหนังสือเพื่อสอบเข้าให้ได้ แต่ตอนนี้เหลือเวลา 19 วัน นี่มันมิชชั่นอิมพอสซิเบิ้ลสุดๆ

จะเสียเวลาไปลองรับการสอบเข้าแบบพิเศษในที่แบบนี้ไปทำไม?

เฉียวซางไม่เข้าใจ แม้เธอจะปลุกพลังให้ตื่นขึ้นเอง แต่ไม่ใช่ว่าความคาดหวังที่แม่มีต่อเธอมันทะลุฟ้าเกินไปหน่อยเหรอ?

เย่เซียงถิงมองเฉียวซางอย่างสงบและพูดว่า "ไม่ต้องสอบติดก็ได้ แต่ลองพยายามให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากลูกเต็มที่กับมันแล้วแม่จะไม่หักค่าขนมลูก"

เฉียวซางหยิบโบรชัวร์ขึ้นมาอีกครั้งแล้วพูดว่า "หนูไม่ได้สนใจเรื่องค่าขนมหรอก แค่จู่ๆก็อยากลองสอบที่นี่ดูเท่านั้น"

ริมฝีปากของเย่เซียงถิงกระตุกถี่

“งั้นก็ลงทะเบียนสมัครทางออนไลน์เลย”

“ค่า” เฉียวซางพูดพร้อมกับอุ้มสุนัขเขี้ยวเพลิงกลับไปที่ห้อง

ขณะที่เธอมองดูร่างที่ลูกสาวของเธอค่อยๆไกลออกไป ดวงตาของเย่เซียงถิงก็เปล่งประกายด้วยความขบขัน แต่เมื่อเธอนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่โรงเรียนในบ่ายวันนี้ สีหน้าของเธอก็มืดครึ้มลงทันที

เฉียวซางไปที่ห้องของเธอเปิดคอมพิวเตอร์ และลงทะเบียนสำหรับทั้ง โรงเรียนฝึกอสูรฮันกังที่ 6และโรงเรียนมัธยมเซินซุ่ย

ทั้งสองโรงเรียนมีลำดับแตกต่างกันมาก และกฎเกณฑ์ในการเข้าเรียบต่อที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว

เฉียวซางคิดแล้วว่าจะเน้นคะแนนไปในส่วนการปลุกพลัง

เงื่อนไขสำหรับโรงเรียนฝึกอสูรฮันกังที่ 6 นั้นค่อนข้างง่าย

เมื่อเธอส่งหลักฐานการปลุกพลังด้วยตัวเองทางออนไลน์และผ่านการตรวจสอบแล้ว เกณฑ์ของคะแนนสอบที่เธอต้องทำจะขึ้นอยู่กับค่าคะแนนโดเมนสมองของเธอ

ด้วยการพัฒนาโดเมนสมอง 5% เธอสามารถหัก 100 คะแนนจากคะแนนสอบผ่านขั้นต่ำสำหรับการสอบเข้าได้ และด้วยการพัฒนา 6% สามารถหักคะแนนได้ถึง 200 คะแนน

ปีที่แล้ว เกณฑ์คะแนนขั้นต่ำในการเรียนต่อของฮันกังคือ 332 ถ้าเฉียวซางสามารถพัฒนาโดเมนสมองของเธอเป็น 6% เธอต้องการอีกเพียงแค่ 132 คะแนนเพียงเท่านั้น และจะสามารถผ่านเข้าเรียนแบบการสอบพิเศษได้

เมื่อพิจารณาจากความรู้ของตัวเองในปัจจุบัน เฉียวซางคิดว่านี่ไม่ใช่ปัญหา

สำหรับโรงเรียนมัธยมเซินซุ่ยนั้นซับซ้อนกว่ามาก การรับเข้าเรียนพิเศษสำหรับผู้ปลุกพลังด้วยตัวเองรับเพียง 5 คนเท่านั้น

หลังจากผ่านการตรวจสอบการลงทะเบียนแล้ว พวกเขาจะต้องเข้าร่วมการต่อสู้สัตว์อสูรตามเวลาและสถานที่ที่กำหนด

นักเรียนที่ได้อันดับที่สองถึงห้าจะต้องได้คะแนนสูงกว่าเกณฑ์คะแนนผ่านขั้นต่ำ 50 คะแนนจึงจะรับเข้าเรียนได้

ผู้ชนะอันดับหนึ่งจะง่ายขึ้นนิดหน่อย—พวกเขาแค่ต้องผ่านเกณฑ์คะแนนขั้นต่ำของฮันกังเท่านั้น

แม้ว่าผู้ปลุกพลังด้วยตนเองจะหายากมาก แต่หากนับตามจำนวนประชากรอันมหาศาลของมณฑลเจ้อไห่ ในแต่ละปีจะมีคนที่ปลุกพลังเองได้ราวๆ 40 ถึง 50 คน

แม้จะหักพวกได้รับคำแนะนำ หรือพวกที่มีโรงเรียนในใจอยู่แล้ว ในแต่จะปีจะมีคนรับการสอบเข้าที่โรงเรียนมัธยมเซินซุ่ยราวๆ โหลหนึ่งตลอด

เพราะท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นถึงโรงเรียนอันดับหนึ่งในฮันกัง

เฉียวซาง ตั้งข้อสังเกตว่าการสอบคัดเลือกพิเศษของโรงเรียนเซินซุ่ย กำหนดไว้ในวันที่ 10 มิถุนายน หนึ่งสัปดาห์ก่อนการสอบจงเกา ซึ่งเหลือเวลาเตรียมตัวอีกเพียง 12 วันเท่านั้น

การต่อสู้ของสัตว์อสูรงั้นเหรอ?

เฉียวซางคิดอยู่ครู่หนึ่ง ผู้ที่เข้าร่วมในปีนี้ล้วนเป็นผู้ปลุกพลังมือใหม่เหมือนเธอ สัตว์อสูรของพวกเขาก็น่าจะอยู่ในระดับเริ่มต้นเฉกเช่นเธอ

อสูรที่เธอทำสัญญาด้วยเป็นอสูรประเภทไฟ ซึ่งค่อนข้างได้เปรียบ

เมื่อคิดถึงสุนัขเขี้ยวเพลิง เฉียวซางก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเปิดตำราอ่านข้อมูลของมันอีกครั้ง

ชื่อ: สุนัขเขี้ยวเพลิง*

คุณสมบัติ: ไฟ

ระดับ: ระดับเริ่มต้น (115/1000) +

ทักษะ: กัด (ขั้นต้น 73/100) +, พุ่งเข้าชน (ขั้นกลาง 135/500) +, เขี้ยวเพลิง (ขั้นต้น 2/100) +, เพลิงปะทุ (ขั้นต้น 3/100)

คะแนน: 0

เฉียวซางออกจากตำราและมองไปที่สุนัขเขี้ยวเพลิงด้วยสีหน้าแปลก ๆ

“อย่าบอกนะว่าทีวีทำให้มันกลัว จนมันเผลอปลุกทักษะใหม่ขึ้นมาได้?”

เหรียญพันธมิตร 4,000 เหรียญเพื่อแลกกับทักษะ—มันคุ้มไหม?

จริงๆ มันก็คุ้มนะ...

ศักยภาพของสัตว์อสูรนั้นมีจำกัด รูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ถึงศักยภาพของพวกมัน

สัตว์อสูรที่มีพรสวรรค์จะสามารถเรียนรู้ทักษะและฝึกฝนได้เร็วกว่าอสูรทั่วไปมาก

หากใครโชคไม่ดีและทำสัญญากับสัตว์อสูรที่พรสวรรค์อยู่ในระดับกลางๆ บางครั้งอาจต้องใช้เวลาเป็นปีในการเรียนทักษะใหม่

เฉียวซางมองไปที่สุนัขเขี้ยวเพลิงพร้อมจมไปกับความคิด

สุนัขเขี้ยวเพลิงของเธอดูเหมือนจะมีพรสวรรค์ไม่เลว คราวหน้าพามันไปดูหนังสยองขวัญดีไหมนะ?

ตอนนั้นเองขนของสุนัขเขี้ยวเพลิงก็ลุกพรึบอย่างไร้สาเหตุ ทำไมจู่ๆถึงรู้สึกหนาวกันนะ?

22:12 น.

ค่ำคืนอันแสนเงียบสงบ

เฉียวซางนอนอยู่บนเตียง มือหนุนไว้ใต้หัว ดวงตาเป็นประกายส่อถึงความคาดหวัง

หลังจากพลิกตัวไปสักพัก ในที่สุดเธอก็ลุกขึ้นนั่งและมองไปที่สุนัขเขี้ยวเพลิงที่ยังคงตื่นอยู่ข้างๆเธอ

สุนัขเขี้ยวเพลิงที่จ้องมาที่เธอด้วยทีท่างุนงง

“ย่าห์?”

เฉียวซางแอบกระซิบเบาๆ “ฉันจะไม่โกรธแกเรื่องทีวีเมื่อตอนบ่าย ว่าไงแกยังอยากดูทีวีอยู่ไหม?”

สุนัขเขี้ยวเพลิงลำเลิกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ในที่สุดตอนนี้มันก็รู้แล้วว่าสิ่งที่อยู่ภายในหน้าจอทีวีจะไม่มีทางหลุดออกมา

"ย่าห์~" มันพยักหน้าแรงคล้ายจะบอกว่าอยากดู

เฉียวซางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากข้างเตียงและค้นหาภาพยนตร์สยองขวัญยอดนิยมเรื่องล่าสุด และวางไว้เบื้องหน้าสุนัขเขี้ยวเพลิง

แววตาของสุนัขเขี้ยวเพลิงจ้องดูอย่างตั้งใจ

ในป่าทึบอันเต็มไปด้วยหมอกขาวโพลน เด็กสาวในชุดขาวกำลังเดินลึกเข้าไป จากมุมมองของเด็กสาวเธอมองเห็นบางสิ่งคล้ายเงาสีดำลอยอยู่กลางอากาศ...

เฉียวซางไม่ได้ดูไปพร้อมกับมัน แต่เธอกลับวางมือขวาบนโทรศัพท์แน่น คอยเฝ้าสังเกตปฏิกิริยาของสุนัขเขี้ยวเพลิง และพร้อมที่จะเข้าไปแทรกแซงในทุกเมื่อ

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด