บทที่ 10: ดูทีวี
ขณะที่เฉียวซางยิ้มอย่างโง่เขลา โทรศัพท์ของเธอก็ส่งเสียงดังพร้อมข้อความจากฟางซือซือ
เฉียวซางสงบสติอารมณ์และเปิดข้อความ เธอสังเกตเห็นว่าเพื่อนร่วมโต๊ะของเธอส่งข้อความมาประมาณแปดถึงเก้าข้อความตั้งแต่เมื่อวาน
[ทำไมวันนี้เธอไม่มาเรียน?]
[ฉันเพิ่งได้ยินว่าอาจารย์โทรหาแม่เธอเมื่อวานนี้ เรื่องจริงเหรอ!!!]
[แม่เธอรู้ยังว่าเธอได้ 0 คะแนน?]
[ทำไมเธอไม่ตอบข้อความฉันเลยล่ะ?]
[เธอยังมีชีวิตอยู่ไหม?]
[แล้วทำไมวันนี้ถึงขาดเรียนอีกล่ะ?]
[ทำไมแม่เธอถึงมาโรงเรียนอีกวัน เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?]
ข้อความล่าสุดถูกส่งมาเมื่อสักครู่นี้
[โดนรถบรรทุกชนจนทะลุมิติไปต่างโลกแล้วเหรอ?]
เฉียวซางพิมพ์คำตอบลงบนโทรศัพท์ของเธอ
[ยังไม่ตาย]
ข้อความของเธอถูกตอบกลับอย่างรวดเร็ว
[ว้าว ยังไม่ตายจริงๆด้วย]
[แล้วทำไมถึงไม่มาโรงเรียน รู้ไหมว่าอาจารย์ยูโกรธจนตัวแดงก่ำอีกไม่นานก็จะกินคนได้แล้ว]
เฉียวซางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
[มันเข้าฤดูร้อนแล้ว บางทีอาจารย์คงแค่ถูกแดดเผามั้ง?]
......
หลักจากสนทนากันต่อเล็กๆน้อยๆ เฉียวซางก็บอกอีกฝ่ายไปว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่
แน่นอนว่าฟางซือซือไม่เชื่อ
ไม่ใช่ว่าเธอดูถูกเฉียวซาง ทว่ามีแต่นักเรียนที่มีพรสวรรค์เท่านั้นถึงจะสามารถปลุกพลังขึ้นได้
โดยปกติแล้วมักจะเป็นพวกตัวท็อปในโรงเรียน หรือต่อให้เรียนไม่เก่งก็ต้องโดดเด่นเปล่งประกายออร่าในด้านอื่น
สำหรับเฉียวซาง ผลการเรียนของเธอแย่กว่าของฟางซือซืออีก ดังนั้นเป็นไปไม่ได้
เฉียวซางขี้เกียจเถียง เลยแค่ถ่ายรูปใบรับรองและส่งไปให้อีกฝ่ายดู
ไม่มีข้อควาามตอบรับใดๆจากอีกฝ่าย
หลังจากนั้นประมาณสิบนาที ฟางซือซือก็ตอบกลับในที่สุด
เฉียวซางมองโทรศัพท์พร้อมมุมปากที่กระตุกถี่
[อย่าลืมกำพืดว่าเธอเองก็เป็นปลาเค็มหางแถวเหมือนกับฉัน]
....
เฉียวซางไม่ลืมพิราบอ้วน หลังจากวางอาหารให้พิราบอ้วนเสร็จท้องเธอเองก็เริ่มร้อง
เธอทำข้าวผัดไข่ง่ายๆบรรเทาความหิว ตอนนี้ก็เป็นเวลากว่า 14.06 น. แล้ว
อาจเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นตอนเช้า ทำให้สุนัขเขี้ยวเพลิงนอนขดตัวหลับสนิทอยู่บนโซฟา
เฉียวซางเลือกที่จะไม่ไปกวนมัน
เดิมทีเธอวางแผนจะเอาเอกสารและไปศูนย์รับรองผู้ฝึกสัตรอสูรในช่วงบ่ายเลย แต่ในเมื่อหมาน้อยของเธอหลับปุ๋ย เธอก็ได้แต่ตัดใจ
เฉียวซางไปที่ห้องของเธออย่างเงียบ ๆ หยิบหนังสือ "การวิเคราะห์สิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตอนที่ 2" ขึ้นมาและนั่งลงบนเตียงเพื่ออ่าน
เธอพึ่งรู้ว่าแท้จริงแล้ว แม้จะเป็นผู้ที่ปลุกพลังขึ้นเองแต่การสอบเข้าโรงเรียนมัธยมปลาย (จงเกา) นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่เพื่อนเธอบอก
จงเกานั้นเป็นข้อสอบทฤษฎีเพียงอย่างเดียว
หลังจากปลุกพลังด้วยคลื่นแม่เหล็ก จะมีคะแนนเพิ่มเติมสำหรับการพัฒนาโดเมนสมอง โดย 1% เท่ากับ 20 คะแนน 2% 40 คะแนนไปเรื่อยๆ
จากคะแนนรวมทั้งหมด 650 คะแนน คะแนนในส่วนปลุกพลังนับว่าไม่มากแต่อย่างใด
กระทรวงศึกษาธิการให้ความสำคัญกับบุคคลที่ปลุกพลังด้วยตนเอง และออกนโยบายต่างๆ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้พวกเขาในแต่ละปี
อย่างไรก็ตามนโยบายเหล่านั้นไม่ได้มีข้อที่อนุญาตให้รับนักเรียนที่สอบได้ 0 คะแนนเข้าเรียน
แม้ว่าโรงเรียนมัธยมอาชีวศึกษาอาจยอมรับเธอเข้าเรียน แต่เฉียวซางนั้นไม่สนใจ
สำหรับคนที่ปลุกพลังด้วยตนเองสามารถเข้าโรงเรียนมัธยมฝึกอสูร ได้โดยการแนะนำหรือการรับเข้าเรียนแบบพิเศษ
สำหรับการแนะนำ มันใช้เกรดในการอ้างอิงเป็นหลัก
ข้อมูลของนักเรียนที่ได้รับการแนะนำจะถูกส่งไปให้ทางฝั่งโรงเรียนมัธยมฝึกอสูรเป็นคนพิจารณาอีกครั้ง
และเมื่อพิจารณาจากเกรดที่ย่ำแย่ของเฉียวซาง แม้ว่าเธอจะปลุกพลังขึ้นเอง โรงเรียนก็คงหน้าบางเกินกว่าจะยื่่นการแนะนำ
อีกตัวเลือกที่เหลือคือการรับเข้าเรียนแบบพิเศษ
ในแต่ละปี โรงเรียนมัธยมฝึกอสูรจำนวน 108 แห่งในเมืองฮันกังจะมีนโยบายการรับเข้าเรียนแบบพิเศษ แต่ละคนสามารถสมัครเข้าโรงเรียนมัธยมฝึกอสูรสองแห่งเพื่อรับสิทธิ์
เมื่อเอกสารได้รับการตรวจสอบและอนุมัติแล้ว ก็สามารถเข้าสอบตามโรงเรียนที่สมัครเอาไว้ได้เลย
ทว่าถึงจะผ่านการสอบแบบพิเศษ แต่ก็ยังต้องสอบจงเกาอยู่ดี
มีเพียงคะแนนจงเกาที่ตรงตามมาตรฐานที่กำหนดเท่านั้นที่พวกเขาจะสามารถเข้าเรียนโรงเรียนมัธยมฝึกอสูรได้
แม้ว่าเกณฑ์คะแนนจะแตกต่างกันไปในแต่ละโรงเรียน แต่คะแนนจงเกาก็ยังจำเป็นอย่างยิ่ง
เฉียวซางท้อเล็กน้อย เพราะสุดท้ายเธอก็กลับมาตายรัง ต้องมานั่งอ่านหนังสืออยู่ดี
เมื่อพระอาทิตย์ตกดินเสียงเห่าของสุนัขเขี้ยวเพลิงก็ดังก้องทั่วห้องนั่งเล่น
เฉียวซางวางหนังสือของเธอลงและออกจากห้องของเธอ
"ย่าห์!"
สุนัขเขี้ยวเพลิงกระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของเฉียวซาง
เฉียวซางลูบหัวสุนัขเขี้ยวเพลิง หัวใจของเธออ่อนนุ่มระทวย
เธอเลือกสุนัขเขี้ยวเพลิงเพราะมันดึงดูดสายตาเธอที่สุด และไม่ได้คาดคิดเลยว่าเจ้าหมาตัวนี้จะนิสัยน่ารักขนาดนี้ บางทีนี่อาจเป็นโชคชะตาของเราสอง
ทั้งสองนั่งบนโซฟาและเริ่มดูทีวี
พิราบอ้วนซึ่งมีขนาดใหญ่หย่อนตัวลงบนพื้น
สุนัขเขี้ยวเพลิงไม่เคยเห็นสิ่งแปลกใหม่เช่นนี้มาก่อน จ้องมองดูด้วยความตื่นเต้น
หากไม่ได้อยู่ในอ้อมแขนของเฉียวซางบางทีมันอาจจะพุ่งไปที่ทีวีแล้วกดจมูกแนบเข้ากับหน้าจอไปแล้ว
ทีวีกำลังฉายรายการพยากรณ์อากาศ
หญิงสาวในชุดเรียบร้อยพูดด้วยภาษาจีนกลางว่า "จากการตรวจจับของตุ๊กตาพยากรณ์อากาศพรุ่งนี้ที่เมืองปันไท่ สภาพอากาศจะมีเมฆบางส่วน โดยมีอุณหภูมิตั้งแต่ 30°C ถึง 36°C แนะนำให้สวม..."
ดวงตาของสุนัขเขี้ยวเพลิงเบิกกว้าง ทำไมถึงมีคนอยู่ในจอกันล่ะ?
เฉียวซางเปลี่ยนช่อง
ในสังคมผู้ฝึกสัตว์อสูร เรตติ้งรายการมักจะมาจากเหล่าผู้ฝึกสัตว์อสูรชื่อดังหรือไม่ก็สัตว์อสูรที่โดดเด่น
และแน่นอนว่าสถานีโทรทัศน์ก็รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี ทำให้รายการส่วนมากในทีวีเต็มไปด้วยเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอสูร
"คุณหวังเถียนเอ้อความสัมพันธ์ของคุณกับคุณหลัวถังเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าครับ” ไมโครโฟนของนักข่าวจ่อใกล้จนเกือบจะจิ้มหน้าชายหนุ่ม
“เป็นเรื่องจริงครับ” ชายหนุ่มยอมรับอย่างตรงไปตรงมา
“คุณทั้งสองจะเข้าร่วมการแข่งขันครั้งสำคัญในภูมิภาคเย่หัว หากคุณต้องเผชิญหน้ากันในการแข่งขันคุณจะยอมอ่อนข้อให้เธอรึเปล่าครับ” นักข่าวอีกคนถาม
“ไม่มีทางครับ หลัวถังเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรที่ยอดเยี่ยม ถ้าผมต้องเผชิญหน้ากับเธอ เปอร์เซ็นต์ชนะของผมอาจจะไม่เต็มร้อย” ชายหนุ่มตอบด้วยรอยยิ้ม
“ฉันขอถามเกี่ยวกับหมีหุ้มเกราะของคุณได้ไหมคะ…”
เฉียวซางเปลี่ยนช่องอีกครั้ง หน้าจอเปลี่ยนไปเป็นแรดเขาสายฟ้าสีน้ำเงินเข้ม
แววตาเต็มไปด้วยความเดือดพล่าน ขาหลังแกร่งกล้าคอยตะกุยดินเป็นระยะๆ เส้นโค้งสายฟ้าสีม่วงปกคลุมทั่วร่างกายของมัน เสียงฟ้าร้องดังสนั่น ราวกับว่ามันอาจจะกระโดดออกจากทีวีได้ทุกเมื่อ
สุนัขเขี้ยวเพลิงเกร็งตัว ขนมันเริ่มพองขึ้นอย่างช้าๆ
“แรดนอสายฟ้ายืนหยัดต่อสู้กับพายุคลั่งของหมาป่าวายุทมิฬได้! มันไม่แม้แต่จะถอย! ดูเหมือนมันเตรียมพร้อมจะใช้ไม้เด็ดต้องรอดูแล้วว่าผู้เข้าแข่งขันซูโจวแอบซ่อนไพ่อะไรไว้บ้าง!” ผู้บรรยายเล่าอย่างตื่นเต้น
นี่คือการฉายซ้ำของการแข่งขันในภูมิภาคต่างๆ
กล้องซูมเข้าไปที่หมาป่าวายุทมิฬ
ดวงตาสีฟ้าของหมาป่าวายุทมิฬเต็มไปด้วยแววอาฆาต ทั่วทั้งตัวปกคลุมไปด้วยเลือดและกำลังหอบอย่างหนัก
ขนสีเข้มของมันช่วยปกปิดอาการบาดเจ็บของมัน แต่เลือดหยดลงพื้นนั้นก็เป็นหลักฐานชิ้นดี
สุนัขเขี้ยวเพลิงผ่อนคลายตัวลง
“ความแข็งแกร่งของหมาป่าวายุทมิฬลดลงอย่างเห็นได้ชัดหลังจากใช้ทักษะพายุคลั่ง…”
ก่อนที่ผู้บรรยายจะพูดจบ หน้าจอก็เปลี่ยนกลับไปเป็นแรดนอสายฟ้า
สายฟ้าสีม่วงของมันทวีความรุนแรงขึ้น เริ่มระเบิดออกนอกลำตัว รัศมีปกคลุมยาวกว่าสองเมตร
"ปัง!"
ทันใดนั้นทีวีก็ส่งเสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมกับหน้าจอที่ค่อยๆดับลง
บรรยากาศในห้องนิ่งเงียบไปทันที
เฉียวซางจ้องไปที่สุนัขเขี้ยวเพลิงด้วยสีหน้างุนงง และอ้าปากราวกับต้องการจะพููดอะไรสักอย่างแต่เธอก็พูดไม่ออก
“ย่าห์!” สุนัขเขี้ยวเพลิงหันหลังกลับและมุดหัวเข้าไปในอ้อมกอดของเฉียวซาง
เจ้าตัวใหญ่เมื่อกี้เผลอทำให้ตกใจซะได้!