ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 1427 วุ่นวาย (อ่านฟรี)
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 1427 วุ่นวาย (อ่านฟรี)
แปลโดย iPAT
บอลแสงหยุดหมุนอย่างกะทันหัน และมือลิงก็คว้ามันไว้
ค่ายกลซวนหมิงที่ทอดตัวยาวหลายสิบกิโลเมตรกลายเป็นเฉื่อยชา ลำแสงและอักขระแสงยังคงส่งพลังให้กับมัน ดังนั้นบอลแสงที่ถูกบิดด้วยแรงจากสองขั้วจึงปะทุแสงขึ้นสู่ท้องฟ้า
อ้าวซวนรู้สึกถึงมันและหันกลับไปมอง “ผู้ใดบุกรุกบ้านของข้า!?”
บนท้องฟ้า กู่เยี่ยนหินหันกลับไปและเผยรอยยิ้ม “อ้าวซวน เจ้าหลงกลข้า เจ้าถูกล่อออกมาอย่างโง่งม”
อ้าวซวนหัวเราะเยาะ “นี่เป็นเพียงกลอุบายเล็กๆน้อยๆ เจ้าหลอกล่อข้าออกมาเพื่อช่วยเขางั้นหรือ ช่างโง่เขลานัก! ข้าจะจับพวกเจ้าทั้งสามและดูว่าพวกเขายังจะพึมพาสิ่งใดได้อีก ค่ายกลซวนหมิงปราบพวกมันให้หมด!”
บอลแสงเริ่มหมุนวนและระเบิดแสงออกมาอีกครั้ง
หลี่ฉิงซานรู้สึกราวกับสภาพแวดล้อมรอบตัวกำลังพังทลายลงมาใส่เขา
ค่ายกลซวนหมิงถูกเปิดใช้งานอย่างสมบูรณ์แล้ว มันป้องกันศัตรูจากภายนอกและปราบผู้บุกรุกที่อยู่ภายในทั้งหมด หากเขาถอยหลังแม้เพียงครึ่งก้าวในเวลาเช่นนี้และปล่อยให้อ้าวซวนควบคุมค่ายกล กระทั่งการหลบหนีก็ยังเป็นเรื่องยาก
เขาเผยรอยยิ้มเยาะ ดวงตาของเขาส่องประกายสดใสขณะที่เขาโยนตัวเองเข้าไปในแสงเหมือนแมลงเม่าบินเข้าสู่กองไฟ
ค่ายกลโจมตีเขาอย่างรุนแรง แต่เขายังไม่หวั่นไหว หัวใจของเขาลึกดั่งมหาสมุทรขณะที่เขาฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหมดอย่างสงบ
แก่นวิญญาณมารหยินขยับเพียงเล็กน้อยก่อนจะถูกเขาสะกดข่มอย่างง่ายดาย การต่อสู้ที่ดุเดือดหลอมหัวใจของเขาให้เป็นเหล็กกล้า เขาไม่รู้สึกกระวนกระวายใจใดๆทั้งสิ้น
“ข้าพบแล้ว!”
เขาหรี่ตามองและเห็นตราประทับภาพมังกรดำอยู่ในบอลแสง แน่นอนว่ามันคือตราประทับของอ้าวซวนที่ทิ้งไว้ในฐานะเจ้าของบ้าน ตราบเท่าที่เขาลบมันออกไป ค่ายกลทั้งหมดจะกลายเป็นไร้เจ้าของอีกครั้ง
เขาส่งหมัดที่เหลือเพียงกระดูกออกไปทุบภาพดังกล่าว
อ้าวซวนมั่นใจมาก มันไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านซวนหมิงและยังไล่ล่ากู่เยี่ยนหยินต่อไป ทันทีที่มันกำลังจะจับนาง การแสดงออกของมันก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน มันคำราม “เป็นไปได้อย่างไร!?”
หมัดของหลี่ฉิงซานทำลายภาพมังกรจนหมดสิ้น และค่ายกลก็หยุดทำงานอย่างกะทันหัน
หลี่ฉิงซานถูกแรงสะท้อนส่งลงไปในทะเลสาบที่ปั่นป่วน
“บึม!” คลื่นยักษ์ระเบิดขึ้นจากเหวเหมือนภูเขาไฟปะทุ
เขาดำดิ่งลงไปในสระน้ำลึกกระทั่งไปถึงรังมังกร เนื้อและผิวหนังส่วนใหญ่ของเขาหายไปแล้วและเผยให้เห็นกระดูกสีขาว ดวงตาของเขาปิดสนิทราวกับเขาหมดสติ
“อ้าวซวน บ้านหลังนั้นไม่ใช่ของเจ้าอีกต่อไปแล้ว”
กู่เยี่ยนหยินกล่าวเพื่อยั่วโมโหอ้าวซวนขณะที่นางกำลังพิจารณาว่าจะกลับไปรวมตัวกับพวกเขาอีกครั้ง
ความคิดของอ้าวซวนกลายเป็นสับสนวุ่นวาย หากบ้านของมันถูกทำลายด้วยกำลัง บางทีมันอาจยอมรับได้ แต่ตอนนี้ทุกอย่างยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์แบบ
มีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียว นั่นคือพวกเขาครอบครองจานค่ายกลของบ้านซวนหมิง พวกเขาไม่เพียงลอบเข้าไปในบ้านเพื่อช่วยอสูร แต่พวกเขายังพยายามยึดบ้านหลังนี้อีกด้วย
บ้านซวนหมิงเป็นทรัพย์สินของนิกายหมื่นลี้ซึ่งเป็นเหตุผลที่หลินซวนต้องมอบจานค่ายกลของบ้านซวนหมิงให้กับนิกายก่อนที่เขาจะกลับชาติไปเกิดใหม่ และจานค่ายกลก็ไม่สามารถตกอยู่ในมือของคนนอก
“นิกายหมื่นลี้! มันคือศิษย์ของนิกายหมื่นลี้!”
หากมิใช่เช่นนั้น มันก็ไร้ประโยชน์แม้พวกเขาจะสามารถครอบครองบ้านซวนหมิงก็ตาม ด้วยวิธีนี้ ทุกอย่างก็สามารถอธิบาย นี่คือแผนการตั้งแต่แรก
อ้าวซวนมองกู่เยี่ยนหยินอย่างดุร้ายก่อนจะหันหลังกลับและมุ่งหน้าไปยังบ้านซวนหมิง
กู่เยี่ยนหยินต้องการติดตามไปเพื่อซื้อเวลาเพิ่ม แต่นางกลับรู้สึกหมดพลังอย่างกะทันหัน ปีกที่เคยเบาเหมือนเมฆกลับหนักขึ้นในเวลานี้ ปรากฏว่านางหมดพลังไปนานแล้ว แต่นางกลับไม่รู้สึกถึงมันระหว่างการบินไล่ล่าอันเข้มข้น
นางถูกบังคับให้ลงจอดในมหาสมุทร ทันทีที่นางสัมผัสผิวทะเล ขนของนางก็ค่อยๆสลายหายไปราวกับสายลม
นางสั่นสะท้านและอยากจะบินขึ้นไป แต่ปีกของนางยิ่งไร้เรี่ยวแรงเพราะขนที่หลุดออกไป
ร่างยักษ์ของนางตกลงสู่ทะเลด้วยเสียงดังตูมตามขณะที่นางกลายเป็นปลาสีน้ำเงิน
คุน!
กู่เยี่ยนหยินสะบัดหางทำให้คลื่นระเบิดขึ้นสู่อากาศ
คุนเผิงเคยเป็นคุนที่ว่ายอยู่ในมหาสมุทรมาก่อน จากนั้นมันจึงแปลงร่างเป็นเผิงและทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
นกทุกตัวต้องผ่านกระบวนการฝึกบินและเสี่ยงอันตรายจากการตกลงสู่พื้นมาก่อน โดยไม่ต้องกล่าวถึงคุนเผิงที่เคยเป็นปลาว่ายอยู่ในน้ำ
กู่เยี่ยนหยินเคยเป็นนกอินทรีย์มาก่อนที่จะค่อยๆเปลี่ยนเป็นคุนเผิง ดังนั้นนางจึงสามารถกางปีกบินและเปลี่ยนร่างเป็นคุนเผิงได้ทันที แต่นั่นยังไม่ใช่คุนเผิงที่แท้จริง เพียงเมื่อนางก้าวข้ามภัยพิบัติสวรรค์ครั้งที่สี่ นางจึงกลายเป็นคุนเผิงอย่างสมบูรณ์ทั้งสายเลือดและจิตวิญญาณ เมื่อนางหมดแรงบิน นางก็สามารถกลายร่างเป็นคุนว่ายอยู่ในมหาสมุทร
กู่เยี่ยนหยินถอนหายใจ นางไม่รู้ว่านางควรรู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้ นางพูดกับลูกประคำหัวกะโหลกอย่างหมดหนทางว่า “ข้าประสบอุบัติเหตุ ข้าคงกลับไปรวมตัวกับพวกเจ้าได้ไม่ทันเวลา”
หลังจากนั้นนางก็ใช้พลังทั้งหมดกระโดดขึ้นเหนือผิวทะเลก่อนจะตกลงไปอีกครั้งอย่างแรงงและว่ายน้ำไปที่บ้านซวนหมิง
เสี่ยวอันพยักหน้า ผ้าห่อศพสีขาวและธงสีแดงเลือดเต้นรำอยู่กลางอากาศ
ทันใดนั้นสีแดงเข้มก็กระจายออกมาจากใต้เท้าของนางและเปลี่ยนน้ำสีฟ้าให้เป็นทะเลเลือด สัตว์ต่างๆในน้ำตายทั้งหมด
จากนั้นนางก็ค่อยๆดึงกระบี่สังหารพระพุทธเจ้าออกมา ด้านหลังนางคือบ้านซวนหมิง แนวคิดเรื่องการล่าถอยไม่มีอยู่ในการต่อสู้ครั้งนี้
ระหว่างทะเลและท้องฟ้า มังกรบินกลับมาที่ถ้ำของมัน
กระบี่เฟาดไปข้างหน้าอย่างอ่อนโยน ทะเลเลือดยกตัวขึ้นสู่ท้องฟ้าและกีดขวางเส้นทางของมังกร โครงกระดูกจำนวนนับไม่ถ้วนโผล่ขึ้นมาจากคลื่นโลหิตและว่ายน้ำเข้าหาอ้าวซวน
ด้วยการสะบัดมือซ้ายเบาๆ ลูกประคำหัวกะโหลกจำนวนมากก็บินออกไป
จากนั้นนางก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาของนางลุกโชนด้วยเพลิงสีขาว
อ้าวซวนรู้สึกประหลาดใจ “เป็นเจ้า!” แล้วผู้ใดอยู่ในบ้านซวนหมิงในเวลานี้ ไม่เพียงพวกเขาจะได้รับจานค่ายกลของบ้านซวนหมิง แต่พวกเขายังสามารถเข้าไปได้อย่างรวดเร็วก่อนที่ค่ายกลจะทำงานและลบตราประทับของมัน
ภูเขาและมหาสมุทรที่มันคุ้นเคยถูกปนเปื้อนและกลายเป็นทะเลเลือดราวกับสัตว์ประหลาดที่ลึกลับซ่อนตัวอยู่ภายใน
ลูกประคำหัวกะโหลกที่หลี่ฉิงซานครอบครองถูกบดขยี้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปนานแล้วเมื่อเขาโยนตัวเองเข้าหาบอลแสง
ตอนนี้ทุกอย่างรอบตัวเขาเงียบสงัดราวกับความตาย
ทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็เรียกเขา “ตื่นได้แล้ว ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลานอน!”
หลี่ฉิงซานเปิดเปลือกตาขึ้นพร้อมแสงสีแดงเลือดที่ปะทุออกมา เขาค้นพบว่าเสียงสายนั้นมาจากแก่นวิญญาณมารหยินที่กำลังอาละวาดอยู่ในใจของเขา
เขาคำรามและลุกขึ้นด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลก่อนจะกระทืบเท้า
พื้นดินแตกร้าว ภูเขาสั่นสะเทือน และถ้ำมังกรก็พังทลาย
เขาพุ่งผ่านกระแสน้ำที่ปั่นป่วนและทะยานร่างขึ้นสู่อากาศเหมือนลูกศร!