ตอน 17 สายฟ้าคำราม ตระกูลหลินกลายเป็นประวัติศาสตร์!
กลางดึก ที่ตำหนักตระกูลหลิน
“เจ้าพวกโง่ ยังหาเด็กนั่นไม่เจออีกเรอะ?”
ที่โถงยิ่งใหญ่ เสียงเกรี้ยวกราดดังก้อง ชายวัยกลางคนจ้องเขม็งเบิกตากว้าง พลังอันน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมาจากตัว มันกลายเป็นคลื่นพลังที่ราวกับจะพัดพาทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเขาออกไป
หลายคนด้านล่างไม่กล้าพูดออกมาแม้แต่คำเดียว
เพราะเขาคือเจ้าตระกูลหลินและเป็นคนที่มีอำนาจสูงที่สุดในตระกูลหลิน
และลูกชายเขายังกลายเป็นศิษย์ในสำนักจื้อหยางไปแล้ว ฐานะของเขาก็ยิ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้แต่ผู้อาวุโสคนอื่นในตระกูลก็ไม่กล้าแตะต้องเขา
แม้แต่ในเมืองเทียนเซี่ยง คำพูดของเขาถือเป็นคำสั่ง
“ท่านเจ้าตระกูล ชายคนนี้เจ้าเล่ห์และยังเชี่ยวชาญการแปลงกาย เรารู้เรื่องเขาเพียงน้อยนิด ยากนักที่จะหาเขาเจอในเวลาอันสั้น”
รองหัวหน้าคนที่เฉินหยวนเจอในตอนบ่ายคุกเข่าด้วยความนับถือกับพื้นและพูดอย่างระมัดระวัง
เขากลัวว่าเขาจะต้องเจอกับโชคร้าย
ซึ่งความจริงมันไม่ใช่ความผิดของพวกเขา เฉินหยวนเพียงจะปรากฏตัวเพียงไม่กี่วันเท่านั้น
เขาคือคนต่างถิ่นในโลกใบนี้ ไม่มีทางเลยที่จะมีใครได้ข่าวคราวเรื่องของเขา
ประกอบกับผลของหน้ากากจำแลงอันยอดเยี่ยมในการแปลงกาย การหาตัวเขาให้เจอนั้นไม่ต่างจากการงมเข็มในกองฟาง
“รู้ไหมว่ามีคนเมืองเทียนเซี่ยงหัวเราะเยาะตระกูลหลินเพราะเจ้ามากมายเท่าไหร่?”
“ไอ้พวกคนไร้ความสามารถ”
เจ้าตระกูลหลินโกรธแค้นมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาใช้คนจำนวนมากแต่ก็จับคนในขอบเขตบ่มเพาะร่างกายธรรมดา ๆ คนเดียวไม่ได้
เขาจินตนาการได้เลยว่าอีกสองตระกูลล้อเลียนตระกูลหลินอย่างไร
และชื่อเสียงตระกูลหลินก็ถูกทำลายป่นปี้ในเวลาแค่ไม่กี่วัน
สำหรับตระกูลใหญ่อย่างพวกเขา โดยเฉพาะในยามรุ่งโรจน์เช่นนี้ การรักษาหน้านั้นสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด
ไม่มีใครกล้าพูดโต้แย้ง
ไม่มีอะไรที่พวกเขาทำได้
คนที่เขาต้องตามหานั้นไม่ต่างจากผีที่ปรากฏตัวและหายไปอย่างไร้ร่องรอย นอกจากเขาจะปรากฏตัวออกมาเอง พวกเขาก็ไม่มีทางหาเจอได้เลย
“ท่านเจ้าตระกูล บางทีเราอาจจะใช้ป่าเพื่อดึงอีกฝ่ายออกมาได้”
“มันแอบลอบมาที่ตระกูลหลินของเรา บางทีอาจจะเพราะว่ามันต้องการรู้เรื่องราวทั้งหมด แล้วเขาก็รู้เรื่องความขัดแย้งระหว่างสองฝ่ายจากหลินเจี้ยน ถ้าหากเราใช้หลินเจี้ยนล่อเขาออกมา เขาจะต้องเปิดเผยเบาะแสของตัวเองแน่”
“และอีกฝ่ายยังกล้าแอบลอบเข้าตระกูลหลิน แสดงว่ามันจะต้องเป็นคนกล้าดีเดือดสุดขั้ว”
รองหัวหน้าคิดคร่หนึ่ง เขากัดฟันพูดแผน
“ไม่ได้”
เจ้าตระกูลหลินปฏิเสธทันที เขาพูดเสียงเย็นชา
“อีกไม่กี่วันลูกชายคนโตข้าจะพาอาจารย์สำนักจื้อหยางมาที่นี่ ถึงเวลานั้นเราขอให้อาจารย์สำนักจื้อหยางลงมือได้ ถ้ามีอาจารย์สำนักจื้อหยาง จับโจรกระจอกก็ไม่ยากจริงไหม?”
“ส่วนเจ้าคนในป่านั่น ประหารมันทิ้งซะ”
“เป็นเพราะมัน เราถึงเสียหายมากมาย มันสมควรตาย”
เดิมทีเขาไม่คิดจะให้ความสนใจในเรื่องนี้ เพราะมีคนตายไม่เท่าไหร่
แต่เพราะคนของพวกเขาไร้ความสามารถ พวกเขาจำศัตรูไม่ได้แล้วยังเสียคนไปอีกมากมาย
ที่สำคัญที่สุดก็คือข่าวนี้แพร่งพรายออกไปจนทำให้ตระกูลหลินเสียหน้า มิเช่นนั้นเจ้าตระกูลหลินคงจะไม่สนใจเรื่องนี้เลย
ส่วนเรื่องเฉินหยวนถูกคนของเขาเองใส่ร้ายนั้น เขาไม่สนใจอยู่แล้ว
เขาก็แค่ผู้บ่มเพาะพลังอ่อนแอ ต่อให้มีความสามารถอยู่บ้างแล้วจะมีประโยชน์อะไร?
บอกไม่ได้เลยว่ามีคนตายในเมืองเทียนเซี่ยงปีละกี่คน
“ถ้ามีสำนักจื้อหยางช่วย ไอ้โจรกระจอกนั่นต้องตายแน่”
แม้ว่าเขาจะโกรธ แต่เขาก็กล่าวชมสำนักจื้อหยางจากก้นบึ้งของหัวใจ
สำนักจื้อหยางนั้นเป็นสำนักที่ทรงพลังที่สุดในเขตเฉียนหลง มันเต็มไปด้วยคนแข็งแกร่งที่มีพลังวิเศษลึกลับ
ถ้าหากให้พวกเขาช่วย ต่อให้วิธีการลงมือของศัตรูจะประหลาด เขาก็ไม่มีทางหนีรอดจากน้ำมือของคนที่แข็งแกร่งจากสำนักจื้อหยางได้
บอกสั้น ๆ ได้เลยว่าพวกเขารู้สึกปลอดภัยแล้ว
“เหลือแค่พวกเราต้องรอ โชคดีที่ลูกชายท่านเจ้าตระกูลกลายเป็นศิษย์ระดับสูงของสำนักจื้อหยางแล้ว”
“พึ่งพาได้จริง ๆ”
“พูดอะไรกัน? เขาก็ถูกท่านเจ้าตระกูลบ่มเพาะมาไม่ใช่หรือ?”
พวกเขาเพียงชมเชยกันไปมา
ได้ยินเช่นนั้น เจ้าตระกูลยิ้มออกมาเล็กน้อย
….
แทบจะขณะเดียวกัน
เฉินหยวนได้แอบเข้ามาในเขตพื้นที่ของตำหนักตระกูลหลินแล้ว
แต่เขาไม่กล้าเข้าหาอีกฝ่ายง่ายเกินไป ตระกูลใหญ่เช่นนี้จะต้องไม่ขาดกำลังคนที่คุ้มกันสี่ทิศ พลังของพวกเขาย่อมไม่น้อย
หากเขาเข้าใกล้เกินไปเขาจะโดนเจอตัวได้
เขาอยู่บนหลังคาหอหนึ่ง เขามองจากที่สูงและเห็นหอจำนวนมากด้านล่างซึ่งถูกตกแต่งไว้อย่างยิ่งใหญ่ราวกับวัง
แม้แต่เฉินหยวนก็ถอนหายใจกับความมั่งคั่งของตระกูลหลิน
แม้ว่ามันจะไม่ได้ยิ่งใหญ่บนโลกใบนี้ แต่มันก็นับว่าเป็นตระกูลร่ำรวยบนโลก
“ถึงอาคารจะสวยงาม แต่สุดท้ายก็ต้องกลายเป็นเถ้าถ่าน”
เฉนิหยวนจ้องมองและฉีกยันต์หยก
ยันต์หยกขาดออกจากกัน แสงสีฟ้าสว่างจ้าระเบิดออกมา พลังปราณเดือนพล่านไม่ต่างจากมหาสมุทรยิ่งใหญ่รวบรวมที่เหนือน้องฟ้า พลังยิ่งใหญ่นั้นรวมตัวเป็นพลังพิเศษที่ปกคลุมทั้งตระกูลหลิน มีกรงที่มองไม่เห็นหล่นลงมาแบ่งแยกโลกทั้งสองฝั่งออกจากกัน
เมื่อถูกแบ่งเป็นเอกเทศแล้วมันไม่ต่างจากโลกสองใบที่มีภายในภายนอก
ตู้ม
เสียงพยัคฆ์ขาวคำราม วิหคสีชาดเปล่งเสียงไพเราะ มังกรฟ้าสั่นสะเทือนนภา และเต่าดำแบกท้องฟ้าไว้บนหลัง
สี่สัญลักษณ์ปรากฏแบ่งแยกโลกทั้งสองใบออกจากกัน
เมื่อวงแหวนวิเศษกำลังจะเสร็จ เฉินหยวนรีบโยนยันต์อัสนีสวรรค์ลงไป
ฟ้าดินร้องคำราม สายฟ้าน่าสะพรึงกลัวหลั่งรินลงมา แสงสีฟ้าครามเปล่งประกายท้องฟ้า ขจัดความมืดให้สว่างสดใสดั่งกลางวัน
“เกิดอะไรขึ้น?”
การเปลี่ยนแปลงของสิ่งรอบข้างดึงความสนใจของทุกคนในตระกูลหลินทันที
คนที่แข็งแกร่งหลายคนรีบออกมาดูสิ่งที่เกิดขึ้น
แต่เมื่อเขาออกมา พวกเขาก้ได้เจอกับเสียงคำรามของสัญลักษณ์ทั้งสี่ตามด้วยสายฟ้านับไม่ถ้วนที่ผ่าลงมาจากท้องฟ้า
สายฟ้าอันกว้างใหญ่ผ่าลงมาอย่างอิสระมากมายมหาศาลดุจแม่น้ำไหลมาจากท้องฟ้า สายฟ้าผ่าตระกูลหลินทั้งตระกูลจนจมลงไปใต้สายฟ้านั้น
เพื่อที่จะขจัดปัญหาอย่างสิ้นสงสัย เฉินหยวนได้ใช้คะแนนทั้งหมดของเขา
เขาย่อมไม่ปล่อยให้อันตรายของเขารอดชีวิตไปได้ทั้งหมด
ที่อีกด้าน
ทุกคนในเมืองเทียนเซี่ยงตกตะลึงกับภาพที่ได้เห็น
เมื่ออีกสองตระกูลเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับตระกูลหลิน พวกเขาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
แทบจะทุกคนตกตะลึงกับภาพที่ได้เห็นที่เหมือนกับภัยธรรมชาตินี้
“ตระกูลหลินล่วงเกินคนที่แข็งแกร่งขนาดนั้นเชียวหรือ”
เจ้าเมืองเทียนเซี่ยงพูดด้วยความกลัว
แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างออกไป แต่พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังสุดยอดนั่น
ไม่รู้เลยว่าจะต้องจินตนาการวิธีการที่อีกฝ่ายทำอย่างไร
แม้แต่เขาเองก็ต้องตายจากสิ่งนี้
“ได้ยินว่าพวกเขาไปมีเรื่องกับคนในขอบเขตบ่มเพาะร่างกาย เขาคือคนลงมือหรือ”
บางคนพูดเตือน
“ถ้าหากเป็นเขา มันก็อาจจะเป็นไปได้”
เจ้าเมืองเทียนเซี่ยงเองก็รู้เรื่องราวเหล่านี้ เพราะอย่างไรข่าวก็กระจายในวันที่ผ่านมามาแล้ว
แม้ว่าเขาจะเป็นแค่ขอบเขตบ่มเพาะร่างกาย แต่มันก็พอจะเป็นไปได้
เพราะเขาไม่ใช่ชาวเมืองเทียนเซี่ยง เป็นธรรมดาที่จะไม่รู้ตัวตนและวิธีการที่เขาทำ
“ตระกูลหลินไม่เหลืออะไรแล้ว”
“ไม่คิดเลยว่าหลังจากหลายร้อยปีของการห้ำหั่นกันระหว่างสามตระกูลใหญ่ ตระกูลหลินจะถูกทำลายไปแบบนี้”
“พวกเขาจะเสียใจที่ล่วงเกินชาวต่างถิ่นคนนั้นก่อนตายไหมนะ?”
เจ้าเมืองเทียนเซี่ยงพูดด้วยน้ำเสียงและแววตาลึกล้ำ
“ท่านเจ้าเมือง แบบนี้ก็ดีแล้ว ถ้าหากไร้ซึ่งตระกูลหลิน เราก็แค่ต้องรอเวลาที่จะได้กุมอำนาจเมืองเทียนเซี่ยงน่ะสิ?”
มีคนอื่นพูดด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าโง่ นี่คือภัยของเรา”
“ถ้าหลินฉู่รู้เรื่องนี้ คิดว่าเขาจะทำอะไรหรือ?”
“เจ้าจะเชื่อหรือไม่ว่านี่เป็นฝีมือของคนที่อยู่ในขอบเขตบ่มเพาะร่างกาย?”
เจ้าตระกูลหลินพูดอย่างกังวล
ถ้าหากหลินฉู่รู้ว่าตระกูลหลินถูกทำลาย เขาอาจจะเสียสติและใช้โอกาสนี้ทำลายพวกเขาไปด้วย
และหลินฉู่มีทั้งความสามารถและฐานะในสำนักจื้อหยาง