ตอนที่แล้วตอน 16 เริ่มล้างบางตระกูลหลิน!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอน 18 ร่างมหาเทพบรรพกาลเดียวดาย, คำแนะนำสมบัติไดมอน!

ตอน 17 สายฟ้าคำราม ตระกูลหลินกลายเป็นประวัติศาสตร์!


กลางดึก ที่ตำหนักตระกูลหลิน

“เจ้าพวกโง่ ยังหาเด็กนั่นไม่เจออีกเรอะ?”

ที่โถงยิ่งใหญ่ เสียงเกรี้ยวกราดดังก้อง ชายวัยกลางคนจ้องเขม็งเบิกตากว้าง พลังอันน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมาจากตัว มันกลายเป็นคลื่นพลังที่ราวกับจะพัดพาทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเขาออกไป

หลายคนด้านล่างไม่กล้าพูดออกมาแม้แต่คำเดียว

เพราะเขาคือเจ้าตระกูลหลินและเป็นคนที่มีอำนาจสูงที่สุดในตระกูลหลิน

และลูกชายเขายังกลายเป็นศิษย์ในสำนักจื้อหยางไปแล้ว ฐานะของเขาก็ยิ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้แต่ผู้อาวุโสคนอื่นในตระกูลก็ไม่กล้าแตะต้องเขา

แม้แต่ในเมืองเทียนเซี่ยง คำพูดของเขาถือเป็นคำสั่ง

“ท่านเจ้าตระกูล ชายคนนี้เจ้าเล่ห์และยังเชี่ยวชาญการแปลงกาย เรารู้เรื่องเขาเพียงน้อยนิด ยากนักที่จะหาเขาเจอในเวลาอันสั้น”

รองหัวหน้าคนที่เฉินหยวนเจอในตอนบ่ายคุกเข่าด้วยความนับถือกับพื้นและพูดอย่างระมัดระวัง

เขากลัวว่าเขาจะต้องเจอกับโชคร้าย

ซึ่งความจริงมันไม่ใช่ความผิดของพวกเขา เฉินหยวนเพียงจะปรากฏตัวเพียงไม่กี่วันเท่านั้น

เขาคือคนต่างถิ่นในโลกใบนี้ ไม่มีทางเลยที่จะมีใครได้ข่าวคราวเรื่องของเขา

ประกอบกับผลของหน้ากากจำแลงอันยอดเยี่ยมในการแปลงกาย การหาตัวเขาให้เจอนั้นไม่ต่างจากการงมเข็มในกองฟาง

“รู้ไหมว่ามีคนเมืองเทียนเซี่ยงหัวเราะเยาะตระกูลหลินเพราะเจ้ามากมายเท่าไหร่?”

“ไอ้พวกคนไร้ความสามารถ”

เจ้าตระกูลหลินโกรธแค้นมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาใช้คนจำนวนมากแต่ก็จับคนในขอบเขตบ่มเพาะร่างกายธรรมดา ๆ คนเดียวไม่ได้

เขาจินตนาการได้เลยว่าอีกสองตระกูลล้อเลียนตระกูลหลินอย่างไร

และชื่อเสียงตระกูลหลินก็ถูกทำลายป่นปี้ในเวลาแค่ไม่กี่วัน

สำหรับตระกูลใหญ่อย่างพวกเขา โดยเฉพาะในยามรุ่งโรจน์เช่นนี้ การรักษาหน้านั้นสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด

ไม่มีใครกล้าพูดโต้แย้ง

ไม่มีอะไรที่พวกเขาทำได้

คนที่เขาต้องตามหานั้นไม่ต่างจากผีที่ปรากฏตัวและหายไปอย่างไร้ร่องรอย นอกจากเขาจะปรากฏตัวออกมาเอง พวกเขาก็ไม่มีทางหาเจอได้เลย

“ท่านเจ้าตระกูล บางทีเราอาจจะใช้ป่าเพื่อดึงอีกฝ่ายออกมาได้”

“มันแอบลอบมาที่ตระกูลหลินของเรา บางทีอาจจะเพราะว่ามันต้องการรู้เรื่องราวทั้งหมด แล้วเขาก็รู้เรื่องความขัดแย้งระหว่างสองฝ่ายจากหลินเจี้ยน ถ้าหากเราใช้หลินเจี้ยนล่อเขาออกมา เขาจะต้องเปิดเผยเบาะแสของตัวเองแน่”

“และอีกฝ่ายยังกล้าแอบลอบเข้าตระกูลหลิน แสดงว่ามันจะต้องเป็นคนกล้าดีเดือดสุดขั้ว”

รองหัวหน้าคิดคร่หนึ่ง เขากัดฟันพูดแผน

“ไม่ได้”

เจ้าตระกูลหลินปฏิเสธทันที เขาพูดเสียงเย็นชา

“อีกไม่กี่วันลูกชายคนโตข้าจะพาอาจารย์สำนักจื้อหยางมาที่นี่ ถึงเวลานั้นเราขอให้อาจารย์สำนักจื้อหยางลงมือได้ ถ้ามีอาจารย์สำนักจื้อหยาง จับโจรกระจอกก็ไม่ยากจริงไหม?”

“ส่วนเจ้าคนในป่านั่น ประหารมันทิ้งซะ”

“เป็นเพราะมัน เราถึงเสียหายมากมาย มันสมควรตาย”

เดิมทีเขาไม่คิดจะให้ความสนใจในเรื่องนี้ เพราะมีคนตายไม่เท่าไหร่

แต่เพราะคนของพวกเขาไร้ความสามารถ พวกเขาจำศัตรูไม่ได้แล้วยังเสียคนไปอีกมากมาย

ที่สำคัญที่สุดก็คือข่าวนี้แพร่งพรายออกไปจนทำให้ตระกูลหลินเสียหน้า มิเช่นนั้นเจ้าตระกูลหลินคงจะไม่สนใจเรื่องนี้เลย

ส่วนเรื่องเฉินหยวนถูกคนของเขาเองใส่ร้ายนั้น เขาไม่สนใจอยู่แล้ว

เขาก็แค่ผู้บ่มเพาะพลังอ่อนแอ ต่อให้มีความสามารถอยู่บ้างแล้วจะมีประโยชน์อะไร?

บอกไม่ได้เลยว่ามีคนตายในเมืองเทียนเซี่ยงปีละกี่คน

“ถ้ามีสำนักจื้อหยางช่วย ไอ้โจรกระจอกนั่นต้องตายแน่”

แม้ว่าเขาจะโกรธ แต่เขาก็กล่าวชมสำนักจื้อหยางจากก้นบึ้งของหัวใจ

สำนักจื้อหยางนั้นเป็นสำนักที่ทรงพลังที่สุดในเขตเฉียนหลง มันเต็มไปด้วยคนแข็งแกร่งที่มีพลังวิเศษลึกลับ

ถ้าหากให้พวกเขาช่วย ต่อให้วิธีการลงมือของศัตรูจะประหลาด เขาก็ไม่มีทางหนีรอดจากน้ำมือของคนที่แข็งแกร่งจากสำนักจื้อหยางได้

บอกสั้น ๆ ได้เลยว่าพวกเขารู้สึกปลอดภัยแล้ว

“เหลือแค่พวกเราต้องรอ โชคดีที่ลูกชายท่านเจ้าตระกูลกลายเป็นศิษย์ระดับสูงของสำนักจื้อหยางแล้ว”

“พึ่งพาได้จริง ๆ”

“พูดอะไรกัน? เขาก็ถูกท่านเจ้าตระกูลบ่มเพาะมาไม่ใช่หรือ?”

พวกเขาเพียงชมเชยกันไปมา

ได้ยินเช่นนั้น เจ้าตระกูลยิ้มออกมาเล็กน้อย

….

แทบจะขณะเดียวกัน

เฉินหยวนได้แอบเข้ามาในเขตพื้นที่ของตำหนักตระกูลหลินแล้ว

แต่เขาไม่กล้าเข้าหาอีกฝ่ายง่ายเกินไป ตระกูลใหญ่เช่นนี้จะต้องไม่ขาดกำลังคนที่คุ้มกันสี่ทิศ พลังของพวกเขาย่อมไม่น้อย

หากเขาเข้าใกล้เกินไปเขาจะโดนเจอตัวได้

เขาอยู่บนหลังคาหอหนึ่ง เขามองจากที่สูงและเห็นหอจำนวนมากด้านล่างซึ่งถูกตกแต่งไว้อย่างยิ่งใหญ่ราวกับวัง

แม้แต่เฉินหยวนก็ถอนหายใจกับความมั่งคั่งของตระกูลหลิน

แม้ว่ามันจะไม่ได้ยิ่งใหญ่บนโลกใบนี้ แต่มันก็นับว่าเป็นตระกูลร่ำรวยบนโลก

“ถึงอาคารจะสวยงาม แต่สุดท้ายก็ต้องกลายเป็นเถ้าถ่าน”

เฉนิหยวนจ้องมองและฉีกยันต์หยก

ยันต์หยกขาดออกจากกัน แสงสีฟ้าสว่างจ้าระเบิดออกมา พลังปราณเดือนพล่านไม่ต่างจากมหาสมุทรยิ่งใหญ่รวบรวมที่เหนือน้องฟ้า พลังยิ่งใหญ่นั้นรวมตัวเป็นพลังพิเศษที่ปกคลุมทั้งตระกูลหลิน มีกรงที่มองไม่เห็นหล่นลงมาแบ่งแยกโลกทั้งสองฝั่งออกจากกัน

เมื่อถูกแบ่งเป็นเอกเทศแล้วมันไม่ต่างจากโลกสองใบที่มีภายในภายนอก

ตู้ม

เสียงพยัคฆ์ขาวคำราม วิหคสีชาดเปล่งเสียงไพเราะ มังกรฟ้าสั่นสะเทือนนภา และเต่าดำแบกท้องฟ้าไว้บนหลัง

สี่สัญลักษณ์ปรากฏแบ่งแยกโลกทั้งสองใบออกจากกัน

เมื่อวงแหวนวิเศษกำลังจะเสร็จ เฉินหยวนรีบโยนยันต์อัสนีสวรรค์ลงไป

ฟ้าดินร้องคำราม สายฟ้าน่าสะพรึงกลัวหลั่งรินลงมา แสงสีฟ้าครามเปล่งประกายท้องฟ้า ขจัดความมืดให้สว่างสดใสดั่งกลางวัน

“เกิดอะไรขึ้น?”

การเปลี่ยนแปลงของสิ่งรอบข้างดึงความสนใจของทุกคนในตระกูลหลินทันที

คนที่แข็งแกร่งหลายคนรีบออกมาดูสิ่งที่เกิดขึ้น

แต่เมื่อเขาออกมา พวกเขาก้ได้เจอกับเสียงคำรามของสัญลักษณ์ทั้งสี่ตามด้วยสายฟ้านับไม่ถ้วนที่ผ่าลงมาจากท้องฟ้า

สายฟ้าอันกว้างใหญ่ผ่าลงมาอย่างอิสระมากมายมหาศาลดุจแม่น้ำไหลมาจากท้องฟ้า สายฟ้าผ่าตระกูลหลินทั้งตระกูลจนจมลงไปใต้สายฟ้านั้น

เพื่อที่จะขจัดปัญหาอย่างสิ้นสงสัย เฉินหยวนได้ใช้คะแนนทั้งหมดของเขา

เขาย่อมไม่ปล่อยให้อันตรายของเขารอดชีวิตไปได้ทั้งหมด

ที่อีกด้าน

ทุกคนในเมืองเทียนเซี่ยงตกตะลึงกับภาพที่ได้เห็น

เมื่ออีกสองตระกูลเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับตระกูลหลิน พวกเขาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

แทบจะทุกคนตกตะลึงกับภาพที่ได้เห็นที่เหมือนกับภัยธรรมชาตินี้

“ตระกูลหลินล่วงเกินคนที่แข็งแกร่งขนาดนั้นเชียวหรือ”

เจ้าเมืองเทียนเซี่ยงพูดด้วยความกลัว

แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างออกไป แต่พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังสุดยอดนั่น

ไม่รู้เลยว่าจะต้องจินตนาการวิธีการที่อีกฝ่ายทำอย่างไร

แม้แต่เขาเองก็ต้องตายจากสิ่งนี้

“ได้ยินว่าพวกเขาไปมีเรื่องกับคนในขอบเขตบ่มเพาะร่างกาย เขาคือคนลงมือหรือ”

บางคนพูดเตือน

“ถ้าหากเป็นเขา มันก็อาจจะเป็นไปได้”

เจ้าเมืองเทียนเซี่ยงเองก็รู้เรื่องราวเหล่านี้ เพราะอย่างไรข่าวก็กระจายในวันที่ผ่านมามาแล้ว

แม้ว่าเขาจะเป็นแค่ขอบเขตบ่มเพาะร่างกาย แต่มันก็พอจะเป็นไปได้

เพราะเขาไม่ใช่ชาวเมืองเทียนเซี่ยง เป็นธรรมดาที่จะไม่รู้ตัวตนและวิธีการที่เขาทำ

“ตระกูลหลินไม่เหลืออะไรแล้ว”

“ไม่คิดเลยว่าหลังจากหลายร้อยปีของการห้ำหั่นกันระหว่างสามตระกูลใหญ่ ตระกูลหลินจะถูกทำลายไปแบบนี้”

“พวกเขาจะเสียใจที่ล่วงเกินชาวต่างถิ่นคนนั้นก่อนตายไหมนะ?”

เจ้าเมืองเทียนเซี่ยงพูดด้วยน้ำเสียงและแววตาลึกล้ำ

“ท่านเจ้าเมือง แบบนี้ก็ดีแล้ว ถ้าหากไร้ซึ่งตระกูลหลิน เราก็แค่ต้องรอเวลาที่จะได้กุมอำนาจเมืองเทียนเซี่ยงน่ะสิ?”

มีคนอื่นพูดด้วยรอยยิ้ม

“เจ้าโง่ นี่คือภัยของเรา”

“ถ้าหลินฉู่รู้เรื่องนี้ คิดว่าเขาจะทำอะไรหรือ?”

“เจ้าจะเชื่อหรือไม่ว่านี่เป็นฝีมือของคนที่อยู่ในขอบเขตบ่มเพาะร่างกาย?”

เจ้าตระกูลหลินพูดอย่างกังวล

ถ้าหากหลินฉู่รู้ว่าตระกูลหลินถูกทำลาย เขาอาจจะเสียสติและใช้โอกาสนี้ทำลายพวกเขาไปด้วย

และหลินฉู่มีทั้งความสามารถและฐานะในสำนักจื้อหยาง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด