ตอนที่แล้วตอนที่ 92 หมดสติ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 94 แบ่งระดับ

ตอนที่ 93 บ้านพักหลังใหม่ (ฟรี)


ตอนที่ 93 บ้านพักหลังใหม่

เกี่ยวกับความจริงที่ว่าตัวเธอกำลังจะกลับไปที่ฐานในย่านเมืองเก่านั้น สวี่จื้อได้ขอให้เสี่ยวเจินส่งจดหมายไปหาจงหลิงฟาน และเสิ่นจินเหวินล่วงหน้า เพื่อทั้งสองหากมีอะไรที่ต้องการปรึกษาหารือกับเธอให้เตรียมตัว และรีบมาพบ เพราะอีกไม่นาน เธออาจจะต้องออกไปข้างนอกอีกครั้ง

จงหลิงฟานตอบกลับผ่านจดหมายว่าได้จัดหาห้องใหม่ให้สวี่จื้อแล้ว เพื่อที่จะจัดที่พักอาศัยของผู้คนให้เป็นระบบระเบียบมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ผู้คนของฝ่ายบริหารจะอาศัยอยู่ในเขตหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ ณ ใจกลางฐาน รายล้อมไปด้วยที่พักของผู้ปลุกพลัง และผู้คนถูกแบ่งออกเป็นระดับต่างๆ ที่มองไม่เห็นตามที่พักอาศัยของพวกเขา

เมื่อสวี่จื้อถามถึงเหตุผลของจงหลิงฟานในการเช่นนี้ คำตอบที่เธอได้ก็คือ เพื่อการพัฒนาที่ดีขึ้น และโครงสร้างทางสังคมที่มั่นคงในเมืองหยุน

สวี่จื้อไม่ค่อยเข้าใจเรื่องนี้มากนัก ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ตั้งใจที่จะเข้าไปแทรกแซง

บ้านพักที่จงหลิงฟานจัดให้เธออยู่ตรงกลางฐาน และเป็นบ้านเดี่ยว สวี่จื้อค่อนข้างพอใจกับมัน ตราบใดที่เธอไม่ต้องอยู่ร่วมกับคนอื่น ก็ไม่มีปัญหาอะไร

เมื่อรถของสวี่จื้อขับไปใกล้ย่านเมืองเก่า เธอสังเกตเห็นความแตกต่างระหว่างตอนนี้ และก่อนที่เธอจะออกเดินทาง

การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนอย่างหนึ่งคือ บางครั้งเธอจะได้เห็นผู้ปลุกรวมทีมกันออกล่าสัตว์กลายพันธุ์บนถนน และเมื่อเห็นรถขับเข้ามาใกล้ พวกเขาก็ไม่ได้ถอยหนีหรือดูหวาดระแวงมากเกินไป

“ดูเหมือนว่าจงหลิงฟานจะบริหารดูแลได้ดีจริงๆ”

เดิมที สวี่จื้อวางแผนที่จะขับรถตรงเข้าไปในย่านเมืองเก่าโดยตรง แต่เธอก็พบว่าก่อนเข้าไปมีคนที่คอยเฝ้ายามอยู่

นี่…

นี่เธอไม่ได้มาผิดที่หรอกใช่มั้ย?

เมื่อคนเฝ้ายามเห็นป้ายทะเบียนรถของสวี่จื้อ เขาก็เปิดทางปล่อยให้เธอเข้าไป สวี่จื้อจึงลดกระจกลงมองไปที่คนเฝ้ายามทั้งสองแล้วถาม “ฉันไม่ได้กลับมานานแล้ว ปกติพวกนายมีหน้าที่ต้องทำอะไรบ้าง”

เมื่อเห็นว่าสวี่จื้อดูจะไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ พวกเขาก็ใจดีอธิบายว่า “งานของเราคือการตรวจคนที่ผ่านเข้าออก แล้วนับจำนวนดูว่าขากลับ จำนวนคนกลับมาครบหรือเปล่า ถ้าไม่ครบ เราก็สืบหาสาเหตุ”

สวี่จื้อถามอีกครั้ง “แล้วทำไมพวกนายถึงปล่อยให้ฉันผ่านด่านตรวจไปง่ายๆ ล่ะ”

ชายคนนั้นยิ้มอย่างประจบประแจง “เพราะผู้ดูแลฐานได้บอกเราถึงป้ายทะเบียนของคุณไว้ก่อนแล้ว ว่าหากพบให้ผ่านไปได้เลย”

ว้าว

ช่างเอาใจใส่จริงๆ!

แต่ทำไมเหมือนกับฉากที่ลูกคนรวยอวดเบ่งในละครทีวีเลย?

หลังจากถามจบ สวี่จื้อก็ขับต่อไปยังบ้านพักของตัวเธอเองที่จงหลิงฟานกล่าวถึง ตามที่อีกฝ่ายได้อธิบายผ่านจดหมาย ดูเหมือนว่าบ้านพักสำหรับเธอค่อนข้างง่ายที่จะระบุความแตกต่างจากอาคารหลังอื่นๆ เนื่องจากการตกแต่งที่เป็นเอกลักษณ์

ท้ายที่สุดแล้ว ย่านเมืองเก่าก็ดำรงอยู่มานาน ตามความทรงจำของเสิ่นจินเหวิน บ้านหลังนั้นถูกสร้างขึ้นโดยครอบครัวหนึ่งที่อาศัยอยู่แถวๆ นี้ และต่อมาก็ทำธุรกิจจนเจริญรุ่งเรือง ชายชราที่เป็นเจ้าบ้านชอบที่แห่งนี้ เขาจึงเลือกมาปลูกบ้านแล้วพักผ่อนอยู่ที่นี่

บ้านพักของสวี่จื้อเป็นวิลล่าสี่ชั้นที่มีอุปกรณ์ครบครัน มีลิฟต์ สวนขนาดเล็ก และยิมส่วนตัวที่ชั้นบนสุด

แน่นอนว่าด้วยสภาพอากาศของเมืองหยุนในตอนนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะปลูกพืชพรรณใดๆ

แต่แค่การเอาชีวิตรอดก็ยังเป็นเรื่องยากเลย ไม่มีใครมาสนใจเกี่ยวกับสิ่งสวยๆ งามๆ ในตอนนี้

หลังกลับมา สวี่จื้อก็ได้รู้ว่าปัญหาขาดแคลนไฟฟ้าของฐานได้ได้รับการแก้ไขแล้ว โดยใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าดัดแปลงซึ่งใช้แก่นพลังเป็นเชื้อเพลิงแทน

สำหรับหลักการแปลงพลังงานนั้น และแม้แต่ช่างฝีมือที่เป็นผู้ปลุกพลังหลอมก็ยังไม่สามารถอธิบายได้ว่าหลักการเบื้องหลังมันคืออะไร ตอนที่สร้าง พวกเขาก็แค่รู้สึกโดยสัญชาตญาณว่าสามารถทำให้มันเกิดขึ้นได้

สวี่จื้อจึงถือว่าทั้งหมดนี้ไม่ต่างจากเวทมนตร์ มันเป็นเหมือนสิ่งมหัศจรรย์

จดหมายดังกล่าวมาพร้อมกับกุญแจดอกหนึ่ง แต่จงหลิงฟานแนะนำให้เธอเข้าบ้านโดยใช้ลายนิ้วมือเพื่อความปลอดภัย สำหรับกุญแจ มันก็แค่ของสำรองที่เผื่อเอาไว้

เมื่อสวี่จื้อเห็นหลายๆ สิ่งที่เปลี่ยนไป เธอก็มีภาพลวงตาว่าได้หวนกลับมาก่อนเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่

เมื่อรถของเธอเข้าสู่เขตหนึ่ง สวี่จื้อก็สังเกตเห็นสายตาของหลายๆ คนมองมาที่รถที่เธอขับอยู่อย่างคลุมเครือ

คงเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยเห็นรถคันนี้มาก่อน

แต่เมื่อรถมาจอดหน้าวิลล่าที่โดดเด่นที่สุด สายตาของทุกคนก็เปลี่ยนไป

แต่สวี่จื้อไม่สนใจเรื่องนี้ หลังจากที่เธอลงจากรถแล้ว เธอก็สั่งให้โก้วจื่อพาตัวอวี้เสิ่นเวยออกมา จากนั้นจึงเปิดประตูด้วยกุญแจแล้วเดินเข้าไปพบกับบ้านหลังใหม่

จะเห็นได้ว่าบ้านหลังนี้ได้รับการทำความสะอาดแล้ว ไม่เช่นนั้น คงจะถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นเนื่องจากไม่ได้อยู่อาศัยมานานกว่าสามเดือน และไม่มีคนอยู่ แม้แต่พื้นดินในสวนก็เรียบเนียน และมีวัชพืชน้อยมาก

สวี่จื้อถอนหายใจอีกครั้งเมื่อเห็นความเอาใจใส่ของจงหลิงฟาน หลังจากโยนร่างของอวี้เสิ่นเวยลงบนโซฟา เธอก็ไปอาบน้ำ

เมื่อเธอออกมาจากห้องน้ำ เธอก็พบอีกคนหนึ่งที่นั่งรอบนโซฟา นั่นคือจงหลิงฟานซึ่งเธอไม่ได้พบหน้าเป็นเวลานาน อีกฝ่ายมาพร้อมกับเสื้อผ้าใหม่สองสามตัวที่ยังไม่ถูกดึงฉลากออก เมื่อดูจากขนาดแล้ว มันน่าจะพอดีตัวกับตัวเธอ

แต่สถานการณ์ตอนนี้ก็น่าอึดอัดใจเล็กน้อย เพราะหลังออกมาจากห้องน้ำ สวี่จื้อยังไม่ได้เป่าผมให้แห้ง แล้วนุ่งผ้าเช็ดตัวเท่านั้น

เธอจึงอยากจะร้องไห้จริงๆ แต่เพื่อรักษาภาพลักษณ์ เธอจึงตีหน้านิ่ง

หลังจากแต่งตัวแล้ว เธอก็เดินเข้าไปนั่งตรงข้ามกับจงหลิงฟาน และรอให้อีกฝ่ายเปิดปากพูด

จงหลิงฟานจึงเริ่มอธิบายก่อนว่า “สำหรับบ้านพักหลังนี้ ฉันได้สั่งให้คนมาคอยทำความสะอาดไว้ก่อนเพื่อรอคุณกลับมา ตอนนี้ในเมื่อคุณกลับมาแล้วฉันจึงอยากถามว่ายังต้องการให้พวกเขามาคอยทำความสะอาดอีกหรือเปล่า ถ้าไม่ ฉันจะโยกย้ายพวกเขาให้ไปทำงานอื่น”

“ไม่เป็นไร ให้ทำตามเดิมไปเถอะ” สวี่จื้อพูดด้วยความเด็ดขาด ไม่ว่ายังไง เธอก็ไม่ได้เก็บของมีค่าอะไรไว้ในบ้านอยู่แล้ว

“ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ฉันต้องการหารือกับคุณ” จงหลิงฟานพูดต่อ

“บังเอิญจัง ฉันก็มีเหมือนกัน” ดูเหมือนสวี่จื้อจะจดจำอะไรบางอย่างได้ จากนั้นก็วางผ้าขนหนูที่ใช้เช็ดผมลง และปล่อยให้น้ำจากผมหยดลงบนไหล่ และกระดูกไหปลาร้าของเธอ

จงหลิงฟานพยักหน้า ส่งสัญญาณให้สวี่จื้อพูดก่อน และเธอก็ไม่คิดจะปฏิเสธ

“ฉันได้รวบรวมไข่ของสัตว์กลายพันธุ์มาเป็นจำนวนมาก และวางแผนที่จะสร้างสวนสัตว์ที่ให้ผู้คนออกล่าได้ คุณน่าจะเข้าใจว่าฉันต้องการทำอะไร?” สวี่จื้อมองไปที่จงหลิงฟาน

จงหลิงฟานก็พยักหน้าตอบรับ เรื่องที่ชัดเจนเช่นนี้ เธอต้องเข้าใจอยู่แล้ว

“คุณวางแผนที่จะเรียกเก็บเงินมากน้อยแค่ไหน” เธอถามออกไปโดยตรง

“สำหรับเรื่องนั้น ฉันยังไม่รู้เลย” คำตอบของสวี่จื้อค่อนข้างตรงไปตรงมา

“ฉันอยากให้คุณเป็นคนตัดสินใจ” หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว สวี่จื้อก็กล่าวเสริมว่า “เป้าหมายของฉันคือการหาแก่นพลัง ดังนั้นค่าตั๋วจึงต้องสูงกว่าปกตินิดหน่อย แต่ประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับก็ถือว่าไม่น้อย ฉันจึงคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”

สีหน้าของจงหลิงฟานค่อนข้างสงบ อาจเป็นเพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าสวี่จื้อเป็นคนแบบไหน

เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาใหม่ เธอจึงพยักหน้า “ตกลง เดี๋ยวฉันจะรีบจัดการให้”

สวี่จื้อถามอีกครั้ง “ฉันคิดว่าเราน่าจะต้องการพื้นที่กว้างขวางกว่านี้ คุณมีที่ๆ เหมาะสมในใจบ้างหรือเปล่า”

เธอเลิกคิดเรื่องน่าปวดหัว และโยนเรื่องยุ่งยากทั้งหมดให้กับจงหลิงฟานเป็นคนจัดการ

เมื่อได้ยิน จงหลิงฟานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “มี แต่หากต้องทำจริง มันก็คงจะไม่ง่าย”

สวี่จื้อมองด้วยความสนใจ “ถ้าต้องการความช่วยเหลือจากฉันก็บอกมาได้เลย”

ในขณะที่สวี่จื้อพูด เธอก็สังเกตเห็นว่าดวงตาของจงหลิงฟานมักจะจ้องมาที่ปลายผมที่เปียกปอนของเธออยู่เสมอ

หลังจากช่วงเวลาแห่งความเงียบงันสี่ถึงห้าวิ ในที่สุด จงหลิงฟานก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยราวกับว่าทนไม่ไหวอีกต่อไป

“อันดับแรก”

“เป่าผมก่อนได้มั้ย?”

“...” สวี่จื้อ

นี่เธอเป็นพวกเพอร์เฟ็คต์ชันนิสต์เหรอ?

***อีกสองตอนลงตามเวลาเดิมตอนสิบเอ็ดโมงเช้า

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด