ตอนที่ 9 สารภาพอย่างหุนหันพลันแล่น
“เด็กคนนี้ใช่ไหม? เด็กกำพร้าที่คนสวนเลี้ยงดูอยู่?”
ริ้วรอยปรากฏบนหน้าผากของเคาน์เตสแบรนต์ขณะที่เธอมองออกไปยังสวนผ่านหน้าต่าง หญิงสาวสวมแว่นกำลังช่วยคนสวนจัดระเบียบสวนกุหลาบอยู่
“ใช่ค่ะแม่ เลย์ลา เธอคือคนนั้น” คลอดีนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
ในขณะที่เคาน์เตสแบรนต์กำลังให้ความสนใจกับเลย์ลา คลอดีนก็ขยับเข็มปักผ่านผืนผ้าอย่างใจเย็น ดอกกุหลาบหลากสีเบ่งบานจากปลายนิ้วของเธอเมื่อเธอตั้งใจปักลาย
“เด็กผู้หญิงคนนี้สวยมาก ยิ่งโตก็ยิ่งสวย”
“แล้วมันไม่ทำให้ลูกกังวลบ้างเหรอ”
“หนูรู้ว่าแม่เป็นห่วงเรื่องอะไร”
คลอดีนวางผ้าปักลง ดวงตาของเคาน์เตสแบรนต์เบิกกว้างด้วยความกังวล
เคาน์เตสแบรนต์ ซึ่งสุขภาพอ่อนแอ เคยแท้งลูกหลายครั้งก่อนที่จะมีลูกสาวคนเดียว นั่นคือคลอดีน บุตรสาวคนเดียวของตระกูลแบรนต์
เคาน์เตสที่ต้องทนทุกข์กับปมด้อยเพราะไม่สามารถให้กำเนิดทายาทแก่สามีได้ ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความกลัวว่าสามีจะหมดรัก แม้ว่าภรรยาน้อยของท่านเคานต์จะไม่สามารถมีลูกชายให้เขาได้เช่นกัน แต่เคาน์เตสแบรนต์ก็ยังคงกังวล กังวลว่าวันหนึ่ง ผู้หญิงสาวสวยคนใดคนหนึ่งจะปรากฏตัวขึ้นและให้กำเนิดลูกชายที่จะพรากทุกอย่างไปจากเธอ
คลอดีนรู้สึกสงสารแม่ของเธอ แต่เธอก็เหนื่อยใจกับความกังวลที่มากเกินไปของแม่
“หนูไม่อยากหมกมุ่นกับเรื่องพวกนี้”
น้ำเสียงของคลอดีนดูหนักแน่นราวกับเธอกำลังประกาศจุดยืน เคาน์เตสได้แต่ถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง
“ลูกยังเด็กเกินไปที่จะเข้าใจผู้ชายนะ คลอดีน ถ้าแม่เป็นลูก...”
“แม่จะกำจัดผู้หญิงสวยทุกคนให้พ้นสายตาท่านดยุคเฮอร์ฮาร์ดเหรอคะ?”
คลอดีนถอนหายใจเสียงดังราวกับกำลังประชด
“อย่างที่แม่พูด หนูยังเด็ก และก็ยังไม่รู้จักผู้ชายดีนัก แต่หนูรู้ว่าผู้ชายที่มีชื่อเสียงมักจะมีภรรยาน้อยหนึ่งหรือสองคนเสมอ”
“โอ้ พระเจ้า! คลอดีน!”
“แน่นอน หนูหวังว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนั้น แต่ถึงจะเกิดขึ้นจริง หนูก็รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร”
คลอดีนยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
เมื่อไม่นานมานี้ เธอได้พบกับเลย์ลาโดยบังเอิญ ซึ่งนั่นทำให้คลอดีนผู้ซึ่งมักจะสงบนิ่งอยู่เสมอถึงกับประหลาดใจ แม้การที่เด็กสาวน่ารักจะเติบโตขึ้นเป็นหญิงสาวสวยจะเป็นเรื่องปกติ แต่ความงดงามที่ดูเป็นผู้ใหญ่ของเลย์ลากลับเกินความคาดหมาย
ด้วยรูปร่างเล็กและบอบบางที่เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงใบหน้าที่อ่อนหวานละเอียดอ่อน เลย์ลาดูราวกับนางฟ้า ความงดงามนั้นยิ่งโดดเด่นขึ้นไปอีกเมื่อรวมกับดวงตาสีเขียวลึกลับและผิวขาวใสเหมือนหยาดน้ำค้าง
นั่นคือเหตุผลที่คลอดีนเชิญเลย์ลามาดื่มชากับเธอ คลอดีนอยากรู้อยากเห็น อยากรู้ว่าท่านดยุคจะมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อผู้หญิงแบบเลย์ลา และเขาก็แสดงออกตามที่คลอดีนคาดหวังไว้พอดี ทั้งแสดงความสนใจอย่างเหมาะสมและความเฉยเมยอย่างสุภาพ ด้วยมารยาทที่สมบูรณ์แบบและความพอดีที่ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป ซึ่งสำหรับคลอดีน นั่นถือว่าเพียงพอแล้ว
“แต่คลอดีน มันไม่มีอะไรดีเลยที่จะให้เด็กคนนั้นอยู่ใกล้กับแมทเธียส”
เคาน์เตสแบรนต์ยังคงดูไม่สบายใจ
“แม่ว่าแม่ต้องไปพูดกับตระกูลเฮอร์ฮาร์ดดู”
“แม่คะ”
เสียงของคลอดีนต่ำลง
คลอดีนตั้งใจแน่วแน่ว่าเธอจะไม่มีวันใช้ชีวิตเหมือนแม่ของเธอที่ต้องร้องไห้เพราะความรัก ทั้งที่มีทุกอย่างพร้อมอยู่แล้ว นั่นคือเหตุผลที่คลอดีนยอมรับการหมั้นหมายกับแมทเธียส
แมทเธียส ฟอน เฮอร์ฮาร์ด เป็นชายผู้สูงศักดิ์ ร่ำรวย และหล่อเหลา คลอดีนเชื่อว่าผู้ชายแบบนั้นไม่มีทางรักภรรยาที่แต่งงานด้วยเพราะการคลุมถุงชนเพียงคนเดียว เธอรู้ดีว่าชีวิตของเธอไม่ได้จบลงแบบเทพนิยายที่มีตอนจบอย่างมีความสุข
บางทีเขาเองก็อาจถูกพัดพาไปตามแรงปรารถนาของเขาที่มีต่อหญิงงาม เหมือนกับพ่อ เหมือนกับผู้ชายอีกมากมาย
แต่ผู้ชายที่มองภรรยาน้อยเป็นเพียงภรรยาน้อยนั้นไม่เป็นอันตราย สิ่งที่ก่อปัญหาคือผู้ชายที่ไม่ได้มองภรรยาน้อยว่าเป็นเพียงแค่ภรรยาน้อย และคลอดีนมั่นใจว่าแมทเธียสเป็นแบบแรก
ฉันรักเขาหรือเปล่า?
คลอดีนเอียงศีรษะและยิ้มบาง ๆ
บางทีอาจจะ หรือบางทีอาจไม่ใช่ แต่สำหรับเธอ มันไม่ใช่เรื่องสำคัญ แมทเธียสเองก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน
สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอคือ ท่านดยุคแห่งอาร์วิสสามารถทำหน้าที่สามีที่ยิ่งใหญ่และพ่อที่สมบูรณ์แบบได้หรือไม่ คลอดีนต้องการแค่นั้น การแต่งงานที่สามารถปกป้องศักดิ์ศรีและความสง่างามของเธอ
“แล้วมันจะสำคัญอะไรนักถ้าท่านดยุคเฮอร์ฮาร์ดสนใจเด็กสาวผู้นอบน้อมและงดงามคนนั้น”
คำพูดที่คลอดีนเปล่งออกมาอย่างสงบทำให้เคาน์เตสแบรนดต์ตกตะลึง
“พระเจ้า คลอดีน! ลูกพูดอะไรออกมา?”
“เธอจะเป็นได้แค่ภรรยาน้อยเท่านั้นเองค่ะ”
คลอดีนหัวเราะเบา ๆ
“จริง ๆ แล้วมันอาจจะสะดวกสำหรับหนูด้วยซ้ำ หากผู้หญิงแบบนั้นกลายเป็นภรรยาน้อย ผู้หญิงที่ไม่กล้าท้าทายตำแหน่งของหนู ผู้หญิงที่หนูสามารถควบคุมได้ด้วยฝ่ามือ”
“คลอดีน ลูกของแม่... ลูก...ลูกไม่รู้จักความรักเลยจริง ๆ”
เสียงคร่ำครวญของเคาน์เตสแบรนต์ที่มีต่อลูกสาวของเธอลึกซึ้งขึ้น
คลอดีนมองเข้าไปในดวงตาสีฟ้าสดใสของแม่ แล้วจึงเบือนหน้าหนีด้วยรอยยิ้มแปลกประหลาด
เธอหันไปมองเลย์ลาผ่านหน้าต่าง เด็กสาวลุกขึ้นจากแปลงดอกไม้และหัวเราะขณะทุบหลังตัวเองเบา ๆ เพื่อคลายความเมื่อย
เมื่อไคล์มาถึง กระท่อมก็ว่างเปล่า ดูเหมือนเลย์ลากับลุงบิลจะไปที่สวนด้วยกัน ไคล์นั่งลงบนเก้าอี้ที่เฉลียง รอคอยทั้งสองคนกลับมา
เมื่อคิดถึงใบหน้าของเลย์ลาที่สวมแว่น ไคล์ก็ยิ้มออกมา อนาคตของ มิสซิสเอ็ตมัน ดูมีเสน่ห์แม้ยามสวมแว่นตา ตอนแรกเขารู้สึกแปลก ๆ กับรูปลักษณ์ใหม่ของเธอ แต่ตอนนี้หัวใจของเขาเต้นแรงเมื่อคิดถึงใบหน้าของเธอ
ไคล์กระแอมไอออกมาเพื่อกลบเกลื่อนใบหน้าที่อาจขึ้นสีแดง และในตอนนั้นเอง เลย์ลากับลุงบิลก็กลับมา
“นั่นหมวกอะไรกัน”
คิ้วของไคล์ขมวดมุ่นเมื่อเห็นหมวกเชย ๆ ใบหนึ่งปกปิดใบหน้าที่น่ารักของเลย์ลา
“โว้ว! ช่างเชยจริง ๆ นะ เธอไม่ได้เสียเงินซื้อเองใช่ไหม?”
ไคล์พูดเย้าอย่างขี้เล่น ทันใดนั้นสายตาของเลย์ลากับบิลก็ตวัดมาที่เขา สายตาทั้งคู่ดูดุไม่น้อย
“ลุงซื้อให้ฉัน!”
เลย์ลาตะโกนออกมา พร้อมทั้งจ้องไคล์อย่างขุ่นเคือง บิลตอบโต้ด้วยการหยิบพลั่วขึ้นมาจากรถเข็น
“เอ่อ... เอาจริง ๆ หมวกนี่ก็สวยดีนะ ลุงบิลนี่มีรสนิยมดีมากครับ”
ไคล์รีบเปลี่ยนท่าทีทันที
“อย่ามาล้อเล่นกับมันนะ หมวกนี่สำคัญกับฉันมาก”
เลย์ลาถอดหมวกเจ้าปัญหาออกด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ มันเป็นหมวกฟางที่ตกแต่งด้วยดอกไม้ประดิษฐ์และริบบิ้น
เลย์ลาเตรียมอาหารกลางวันในขณะที่บิลยุ่งอยู่กับการจัดเก็บรถเข็น หมวกเจ้าปัญหาถูกวางไว้ที่ปลายโต๊ะ ไคล์นั่งอยู่ตรงข้ามหมวกและพยายามอ่านสีหน้าของเลย์ลา
“เลย์ลา เธอโกรธฉันเหรอ?”
“ใช่”
เลย์ลาวางจานของไคล์ลงบนโต๊ะอย่างแรง
อย่างน้อยเธอก็ยังให้อาหารฉัน
ไคล์โล่งใจ
“ฉันขอโทษ เธอรู้ว่าฉันคงไม่พูดแบบนั้นถ้ารู้ใช่ไหม?”
“แล้วแต่”
“แต่ทำไมลุงบิลถึงตัดสินใจให้หมวกเธอล่ะ?”
“เพราะฉันขอให้ลุงซื้อให้”
“เธอเนี่ยนะ? เธอรู้จักขออะไรด้วยเหรอ?”
ไคล์ถามอย่างประหลาดใจ เพราะเลย์ลาที่เขารู้จักเป็นเด็กที่แทบไม่เคยขออะไรจากใคร
“แว่นตาทำให้ลุงไม่สบายใจมาก”
เสียงของเลย์ลาเบาลง
“เพราะลุงกังวลที่สายตาเธอแย่ลงเหรอ?”
“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น ลุงโกรธที่ฉันไม่บอกว่าจะซื้อแว่นราคาแพงด้วยเงินเก็บของตัวเอง”
เลย์ลานั่งลงตรงข้ามกับไคล์หลังจากจัดโต๊ะเสร็จ
ตอนที่เลย์ลากลับมาที่กระท่อมพร้อมกับแว่นตา ลุงบิลถึงกับตะลึง ราวกับถูกทุบเข้าที่หัว หลังจากฟังคำอธิบายของเธอเกี่ยวกับการซื้อแว่น ความโกรธของเขาก็เย็นชาเหมือนแผ่นน้ำแข็ง นั่นเป็นครั้งแรกที่ลุงบิลแสดงความโกรธต่อเธออย่างชัดเจน
'เลย์ลา... ลุงไม่ใช่คนที่เธอพึ่งพาได้เลยหรือ?'
บิลถอนหายใจ เลย์ลารู้สึกอึดอัดเมื่อมองดวงตาเศร้าของบิล
ยิ่งเธอพยายามอธิบายว่าที่เธอไม่ได้บอกเขาเพราะไม่อยากเป็นภาระ และเธอซาบซึ้งในทุกสิ่งที่เขาทำให้เธอมากแค่ไหน ดวงตาของเขาก็ยิ่งดูเศร้าหนักขึ้นไปอีก
ตั้งแต่วันนั้น ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็เริ่มกระอักกระอ่วน บิลทำหน้าบึ้งและปฏิเสธที่จะพูดอะไร ขณะที่เลย์ลาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร คำตอบที่เธอพบคือ "หมวก"
'ลุงคะ ช่วยซื้อหมวกให้หนูได้ไหม?'
เลย์ลาหลุดปากพูดขึ้นมาระหว่างมื้ออาหารค่ำเมื่อไม่กี่วันก่อน
'หนูอยากได้หมวกที่สวยมาก ๆ ค่ะ'
บิลหัวเราะกับน้ำเสียงจริงจังของเธอ
เย็นวันต่อมา ชายชราออกไปในตัวเมืองเพื่อซื้อกรรไกรไฟฟ้ากลับมาพร้อมหมวกฟางที่ตกแต่งด้วยดอกไม้และริบบิ้น
'ลุงซื้อมาจากร้านลินด์เซย์ ถ้าไม่ชอบก็เอาไปคืนได้เลยนะ'
บิลพูดอย่างไม่ใส่ใจขณะยื่นหมวกให้เธอ
'ลุงเลือกเองเหรอคะ?'
'ก็... ใช่'
'สวยมากเลยค่ะ'
เลย์ลายิ้มกว้างและสวมหมวกทันที
ลุงบิลเคยซื้อของให้เลย์ลาหลายครั้ง แต่ส่วนใหญ่เขาจะให้คุณโมนาช่วยซื้อให้ หรือพาเลย์ลาไปเลือกซื้อด้วยตัวเอง เลย์ลารู้ดีว่ามันคงยากแค่ไหนสำหรับลุงบิลที่จะเลือกหมวกของผู้หญิง และเธอก็รับรู้ถึงความรักที่ยิ่งใหญ่ของเขาที่มีต่อเธอ
สำหรับบิล เรมเมอร์ ดอกไม้คือสิ่งที่สวยงามที่สุดในโลก ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่าหมวกที่เต็มไปด้วยดอกไม้คือหมวกที่สวยที่สุด และเขามั่นใจว่าเขาเลือกหมวกที่ดูน่ารักที่สุดแล้ว
“เฮ้! เธอน่าจะบอกฉันก่อนหน้านี้สิ”
ไคล์พูดด้วยสีหน้าเขินอายขณะตั้งใจฟัง
“ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนคนเลวเลย ที่ล้อเลียนของขวัญชิ้นนั้น”
“แล้วฉันมีโอกาสพูดไหมล่ะ? เธอก็แซวฉันทันทีที่เห็น”
“นั่นก็จริง แต่...”
“เจ้าหมูขี้แกล้งกินจุ เธอกำลังกินอาหารของฉันอีกแล้ว สักวันฉันจะให้ ดร.เอ็ตมันจ่ายค่าอาหารทั้งหมดที่เธอกินที่นี่!”
บิลที่ผลักประตูเข้ามา ตะโกนเสียงดังลั่น แต่ใบหน้าของเขาดูเป็นมิตรและน้ำเสียงก็ขี้เล่น ต่างจากคำพูดที่ดูรุนแรงโดยสิ้นเชิง
บิลหัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นหมวกของเลย์ลาวางอยู่บนโต๊ะ รอยยิ้มหวาน ๆ ของเลย์ลาที่ส่งให้บิลทำให้ไคล์รู้สึกอิจฉาอย่างน่าสมเพช
ชายที่รักเลย์ลา เลอเวลลิน ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับชะตากรรมว่าเขาจะเป็นเพียงอันดับสองในหัวใจของเลย์ลา เพราะอันดับหนึ่งของเธอจะเป็นลุงบิลเสมอ
ข่มใจตัวเอง ไคล์หยิบส้อมขึ้นมา เขาไม่สนใจคำบ่นของลุงบิล เพราะอาหารของเลย์ลามีรสชาติอร่อยเกินกว่าจะใส่ใจกับคำบ่นเหล่านั้น
หลังจากที่บิลกลับไปทำงานต่อหลังมื้อกลางวัน เหลือเพียงไคล์และเลย์ลาอยู่ในกระท่อม
เลย์ลานั่งอยู่บนเฉลียง อ่านหนังสือเหมือนเช่นเคย ขณะที่ไคล์แสร้งทำเป็นอ่านหนังสือ แต่สายตาของเขาจ้องมองเลย์ลาแทบตลอดเวลา ยกเว้นช่วงเวลาที่เธอวางหนังสือเพื่อหยิบขนมมากิน เลย์ลามุ่งมั่นอยู่กับหนังสือของเธอจนไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
ไม่น่าปล่อยให้เธอยืมนิยายเรื่องนั้นเลย
แม้จะคิดเสียใจในใจ ไคล์ก็ยังยิ้ม
เลย์ลาไม่มีทางรู้หรอกว่า ใบหน้าของเธอเวลาตั้งใจอ่านหนังสือดูมีเสน่ห์เพียงใด หรือเวลาที่เธอเคี้ยวบิสกิตด้วยริมฝีปากที่ดูนุ่มนวลชวนหลงใหลนั้นน่ารักแค่ไหน
ควรบอกเธอวันนี้ดีไหมนะ?
ไคล์ที่วางหนังสือลงกับพื้นมองเลย์ลาด้วยสีหน้าจริงจัง
เขาเชื่อว่าเขาสามารถรอได้อีกสักหน่อย แต่ตอนนี้เขาไม่มั่นใจแล้ว แค่การสัมผัสปลายนิ้วของเลย์ลาก็ทำให้หัวใจของเขาแทบจะระเบิด เขารู้สึกถึงความร้อนในร่างกายบ่อยครั้ง เมื่อฝันถึงเธอในแบบที่ทำให้เขารู้สึกผิด
ไคล์กังวลเกี่ยวกับความรู้สึกของตัวเองมากขึ้นในช่วงนี้ เขากลัวว่าสักวันหนึ่ง จะมีใครบางคนปรากฏตัวขึ้นและพาเลย์ลาไปจากเขา
งั้นจะไม่ดีกว่าหรือถ้าลองสารภาพอย่างหุนหันพลันแล่น?
เสียงกีบม้าดังช้า ๆ มาจากระยะไกลในขณะที่ไคล์กำลังจะเปิดปากพูดคำที่เก็บไว้ในใจ เมื่อไคล์หันไปตามเสียง เขาเห็นดยุคเฮอร์ฮาร์ดในชุดขี่ม้าของเขา
เลย์ลาที่กำลังจะกัดบิสกิตอีกคำถึงกับชะงักเมื่อเห็นผู้มาเยือน ดยุคหยุดม้าของเขาที่ราวระเบียงเฉลียง สายตาของเขาที่ผ่านไคล์ไปอย่างรวดเร็วหยุดลงที่ใบหน้าของเลย์ลา ใบหน้าของเธอขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความสับสน