ตอนที่แล้วตอนที่ 9 สารภาพอย่างหุนหันพลันแล่น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 11 น้ำลึก

ตอนที่ 10 จัดดอกไม้


“คุณบิลล่ะ?”

ดยุคถามเลย์ลา

“ลุงไปในตัวเมืองสักพักแล้วค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?”

เลย์ลาตอบกลับหลังจากปัดเศษบิสกิตออกจากริมฝีปาก

ดยุคเฮอร์ฮาร์ดพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะหันสายตาไปทางไคล์ เมื่อดวงตาของเขาสบกับไคล์ ริมฝีปากของเขาแย้มยิ้มอย่างเป็นมิตร ไคล์ถึงได้ผ่อนคลายความระแวงในใจลง

หลังจากที่ดยุคกล่าวขอบคุณและฝากความปรารถนาดีไปถึงพ่อของไคล์ที่ช่วยดูแลสุขภาพของม้าชื่อ นอร์มา ดยุคจึงหันกลับมามองเลย์ลาอีกครั้ง

“คุณเลอเวลลินช่วยนำดอกกุหลาบเข้าไปแทนคุณบิลได้ไหม?”

เขากล่าวช้า ๆ ขณะที่รอยยิ้มบนริมฝีปากของเขาค่อย ๆ เลือนหายไป

“ดอกกุหลาบ? หมายถึงดอกกุหลาบในสวนเหรอคะ?”

“ตัดดอกกุหลาบมาพอประมาณแล้วนำไปที่เรือนรับรอง”

ดยุคพูดพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็เดินจากไปโดยไม่รอฟังคำตอบของเลย์ลา

เลย์ลาถอนหายใจอย่างหมดหวังขณะมองดูเสื้อเชิ้ตและกระโปรงของตัวเองที่เปรอะไปด้วยผงบิสกิต แม้เธอจะพยายามปัดออก แต่มันก็ไม่อาจลบความรู้สึกอับอายที่เกาะกินในใจเธอได้

“พอได้แล้ว ผงมันไม่ติดเสื้อเธอแล้ว”

ไคล์หัวเราะลั่นขณะที่มองเลย์ลาถูริมฝีปากซ้ำ ๆ

“ทำไมเขาต้องมาปรากฏตัวแบบนี้ด้วยนะ?”

“ทำไมล่ะ? หรือเธอคิดว่าดยุคไม่เคยกินของว่างเลยในชีวิต?”

“แต่...”

เลย์ลาเผลอถูปากของตัวเองอีกครั้ง

“ทำไมเธอถึงสนล่ะ? ปกติก็กินเลอะเทอะต่อหน้าฉันอยู่แล้ว”

“ก็เธอเป็นเพื่อนฉัน”

“แล้วดยุคเฮอร์ฮาร์ดก็เป็นคนแปลกหน้า เธอไม่จำเป็นต้องแคร์เขามากกว่าเพื่อนตัวเองหรอก”

“นั่นก็จริง แต่… ฉัน...ไม่รู้สิ มันอึดอัดมากเลย” เลย์ลาขมวดจมูกเล็กน้อย

“ทำไมล่ะ? เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

“ไม่ใช่แบบนั้น แต่…แค่ดยุคอยู่ใกล้ ฉันก็รู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออกแล้ว ยังไงฉันก็ไม่ชอบเลย”

“แล้วฉันล่ะ? อยู่กับฉันสบายใจแล้วก็ดีใช่ไหม?”

ไคล์ถามพร้อมกับความคาดหวังเล็ก ๆ เลย์ลายิ้มและสวมหมวกของเธอ

“แน่นอนค่ะ คุณเอ็ตมัน”

รอยยิ้มของไคล์กว้างขึ้นเมื่อได้คำตอบที่น่าพอใจ

“อย่างที่คิดเลย ฉันรู้อยู่แล้วล่ะ อ๊ะ ให้ฉันช่วยเธอทำธุระดีไหม”

“ไม่ต้องหรอก มันไม่ได้ยากอะไร เธอควรกลับบ้านได้แล้ว”

“งั้นฉันรออยู่ที่นี่ก็ได้”

“ฉันไม่เป็นไรหรอก คุณนายเอ็ตมันคงโกรธมากถ้ารู้ว่าเธอมาเล่นอยู่ที่นี่อีก อย่าให้ฉันโดนดุไปด้วยเลย รีบกลับไปอ่านหนังสือเถอะ”

คิ้วของไคล์กระตุกเมื่อได้ยินคำพูดที่สมเหตุสมผลของเลย์ลา เขาอยากจะเถียง แต่ก็พูดอะไรไม่ออก

ไคล์มองไปทางที่ดยุคเดินหายไปอย่างระมัดระวัง

'ช่วงนี้ฉันคงคิดมากเกินไปสินะ' เด็กหนุ่มรำพึงในใจ

ก็แค่ดยุคเฮอร์ฮาร์ด ขุนนางผู้ไร้ที่ติที่กำลังจะประกาศการหมั้นหมายต่อสาธารณชนในไม่ช้า แต่ถึงอย่างนั้น...

“เลย์ลา”

ไคล์พยายามจะบอกไม่ให้เธอไป ความคิดที่ว่าเลย์ลาอยู่กับดยุคเฮอร์ฮาร์ดทำให้เขายังรู้สึกกังวลอยู่ลึก ๆ

ในขณะเดียวกัน เลย์ลากำลังจะเดินลงจากเฉลียงหลังจากกล่าวลา เธอถือกรรไกรและตะกร้าไว้ในมือ

“เจอกันพรุ่งนี้นะ ไคล์!”

อย่าไปเลย

ไคล์เพียงแค่โบกมือให้เธอ ขณะที่พยายามกลืนคำพูดที่อยากจะพูดลงไป

ก็แค่ดยุคเฮอร์ฮาร์ด จะมีอะไรผิดพลาดได้ล่ะ?

ในขณะที่ไคล์พยายามท่องคำพูดเหล่านั้นในใจราวกับร่ายมนต์ เลย์ลาก็เดินหายไปทางอีกฝั่งของเส้นทาง

“อีกครั้ง”

เสียงของแมทเธียสดังขึ้นด้านหลังของเลย์ลา เพียงชั่วครู่หลังจากเธอกะพริบตา เธอก็รู้ว่าเขาพูดกับเธอ

เลย์ลาหันกลับไปหาเขา ขณะกลั้นหายใจไว้ แมทเธียสนั่งอยู่ตรงโต๊ะที่ตั้งอยู่ริมหน้าต่าง เขากำลังตรวจสอบเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะ โดยมีพ่อบ้านนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

“เลือกสีที่ไม่ฉูดฉาด”

แมทเธียสพูดช้า ๆ โดยไม่ได้ละสายตาจากเอกสารในมือ

“อีกครั้ง”

รอยยิ้มที่ดูนุ่มนวลผิดปกติปรากฏขึ้นบนใบหน้าของแมทเธียสเมื่อเขามองเลย์ลา

เลย์ลากำหมัดแน่นเพื่อข่มความหงุดหงิดที่เริ่มก่อตัวในใจ เธอรู้แล้วว่าปัญหาอยู่ที่ดอกกุหลาบ ดอกกุหลาบที่เขาบอกให้เธอ “ตัดออกอย่างพอประมาณ”

ขณะที่เลย์ลามองดอกกุหลาบด้วยสายตาไม่พอใจ สายตาของแมทเธียสกลับไร้อารมณ์โดยสิ้นเชิง พ่อบ้านเฮสเซนรายงานต่อไป และแมทเธียสที่ฟังอยู่ก็ให้คำสั่งสั้น ๆ เป็นระยะ เหมือนว่าเขาจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ามีเด็กสาวผู้ถูกใช้ให้ทำงานอยู่ในห้อง

เพื่อลุงบิล

เลย์ลาท่องคำเหล่านี้ในใจซ้ำ ๆ ก่อนจะเดินออกจากเรือนรับรองที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำและกลับไปยังสวน

คนที่กล้ากดขี่คนอื่นตอนบ่ายสองในหน้าร้อนแบบนี้เนี่ยเหรอ ที่เขาว่ากันว่าเป็นสุภาพบุรุษ?

เธอบ่นในใจด้วยความไม่พอใจต่อชื่อเสียงที่ดูไม่สมเหตุสมผลของเขา

แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยสนใจเรื่องของคฤหาสน์อาร์วิสนัก แต่เลย์ลาก็รู้ว่าเรือนรับรองที่แยกออกไปริมแม่น้ำนั้นเป็นของดยุคเฮอร์ฮาร์ด เขาแทบจะไม่มีแขกมาที่เรือนหลังนั้นเลย และจำนวนคนรับใช้ที่เข้าออกก็มีเพียงไม่กี่คน

ตอนแรกเลย์ลาคิดว่าที่ดยุคต้องการดอกกุหลาบในเรือนรับรองนั้นน่าจะเกี่ยวกับคลอดีน เพราะคลอดีนกำลังจะหมั้นกับเขา เธอจึงอาจเริ่มใช้เรือนรับรองด้วย ดังนั้นเลย์ลาที่รู้ว่าคลอดีนชอบดอกไม้สีสดใสจึงตั้งใจตัดดอกกุหลาบที่มีสีฉูดฉาดที่สุดมาให้ดยุค แต่แน่นอนว่าก็ถูกเขาปฏิเสธกลับมา

เมื่อเลย์ลาเดินออกจากป่า สวนก็ปรากฏให้เห็นตรงหน้า

เลย์ลาเดินอย่างมั่นใจและเริ่มตัดกุหลาบอีกครั้งด้วยความพิถีพิถัน คราวนี้เธอเลือกดอกกุหลาบที่มีสีเรียบ ๆ เพื่อรับมือกับคำสั่งที่เต็มไปด้วยความกดดันของดยุคเฮอร์ฮาร์ด ส่วนใหญ่เป็นดอกกุหลาบในแบบที่เลย์ลาชอบ

ในขณะที่ถือตะกร้าที่เต็มไปด้วยดอกไม้ เลย์ลามุ่งหน้ากลับไปที่เรือนรับรองอีกครั้งท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุในบ่ายหน้าร้อน

ทำไมไม่บอกสีที่ต้องการมาตั้งแต่แรกนะ?

เลย์ลาระบายความหงุดหงิดด้วยการเตะก้อนหินบนพื้น แทนที่จะพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาให้ดยุคฟัง

ฉันเกลียดคุณ

คำที่เลย์ลาพูดออกมาต่อหน้าเขาไม่ได้ ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังก้อนหินที่เธอเตะไป

เมื่อเธอเริ่มรู้สึกเวียนหัวเพราะความร้อนระอุ เลย์ลาก็มาถึงเรือนรับรองที่แยกตัวโดดเดี่ยว

เรือนรับรองที่สวยงามซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับท่าเรือนั้นถูกสร้างเหมือนกับลอยอยู่ครึ่งหนึ่งบนแม่น้ำ ชั้นล่างมีโรงเก็บเรือและครัวเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยของว่างง่าย ๆ ส่วนชั้นสองมีห้องรับแขก ห้องนอน และห้องรับประทานอาหารสำหรับดยุคใช้พักผ่อนและรับประทานอาหาร

เลย์ลาขึ้นบันไดภายนอกที่นำไปสู่ชั้นสองโดยตรง ขณะถือช่อดอกกุหลาบในมือ พ่อบ้านและสาวใช้วัยกลางคนกำลังจะออกจากเรือนรับรอง

หลังจากกล่าวลาพวกเขา เลย์ลาก็เดินไปยังห้องรับแขก แมทเธียสยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ โดยหลับตาและเอนศีรษะไปด้านหลัง

ฉันควรรอไหมนะ?

ขณะที่เลย์ลากำลังลังเล โชคดีที่เขาลืมตาขึ้น ผมที่ยุ่งเล็กน้อยของเขาปกคลุมหน้าผากอย่างนุ่มนวล

“ฉันเอาดอกกุหลาบชุดใหม่มาส่งให้ค่ะ ท่านดยุค”

เลย์ลายกตะกร้าดอกไม้ขึ้นเล็กน้อย

ดยุคจ้องมองแก้ววิสกี้ที่วางอยู่ตรงหน้าโดยไม่ได้เอ่ยอะไร เสื้อแจ็คเก็ตขี่ม้าถูกถอดออก และเขาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกสองสามเม็ด ทำให้ดูผ่อนคลายและไร้การป้องกันมากกว่าก่อนหน้านี้

“ฉันควรจะ…กลับไปอีกครั้งไหมคะ?”

เสียงของเลย์ลาสั่นเล็กน้อยขณะถามอย่างระมัดระวัง หากต้องกลับไปที่สวนอีกครั้ง เธอรู้สึกว่าคงอดไม่ได้ที่จะเอาดอกกุหลาบฟาดใส่เขา

“ถ้าฉันบอกให้เธอไป เธอจะไปเหรอ?”

เขาถามด้วยน้ำเสียงง่วง ๆ

ถ้าฉันทำผิดอีกครั้ง ฉันจะไปค่ะ แต่ได้โปรดบอกสีของกุหลาบที่ท่านต้องการในครั้งนี้ด้วย

“ใช่ค่ะ ท่านดยุค”

นั่นคือคำตอบที่เลย์ลาคิดไว้ตั้งแต่แรก แต่สิ่งที่หลุดออกจากปากกลับไม่ใช่คำนี้

แมทเธียสที่นั่งเอนพิงพนักเก้าอี้ลึก ๆ ขยับตัวมานั่งตัวตรง

“นั่งลงสิ”

แมทเธียสชี้ไปยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามโต๊ะด้วยสายตา

“ไม่ดีกว่าค่ะ ถ้าท่านพอใจ ฉันขอตัว…”

“ถ้าเธอเอาดอกไม้มาส่ง นั่นไม่ใช่หน้าที่ของเธอที่จะจัดดอกไม้ลงแจกันเหรอ? คุณเลอเวลลิน?”

“แต่ท่านดยุคคะ ฉันจัดดอกไม้ไม่เก่งเลยค่ะ”

“งั้นเธอคาดหวังให้ฉันทำเหรอ?”

แมทเธียสมองไปรอบ ๆ ห้อง ก่อนจะหันกลับมามองเลย์ลาอีกครั้ง เลย์ลารู้ได้ทันทีว่าท่าทางนั้นหมายถึงอะไร

เธอกับดยุคเป็นเพียงสองคนที่อยู่ในเรือนรับรองนี้ เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำในสิ่งที่เธอไม่ถนัด

เลย์ลาก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามโต๊ะดูจะเป็นภาระมากเกินไปสำหรับเธอ เธอจึงเลือกนั่งบนเก้าอี้ไม้ที่อยู่หน้าหน้าต่างซึ่งหันไปทางแม่น้ำอย่างระมัดระวัง

ขณะที่เลย์ลาเริ่มตัดแต่งดอกกุหลาบ แมทเธียสก็หันกลับไปที่เอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะ เสียงใบมีดกรรไกรตัดก้านดอกไม้สดและเสียงพลิกหน้ากระดาษเอกสารแทรกตัวเข้ามาในความเงียบของห้อง

ขณะที่เขาเซ็นเอกสารฉบับสุดท้ายที่ตรวจสอบแล้ว แมทเธียสก็นึกถึงนกตัวเล็ก ๆ ที่อาศัยอยู่ในห้องนอนของเขาในคฤหาสน์ แม้ผู้ดูแลสัตว์จะบอกว่านกคีรีบูนเป็นสัตว์เลี้ยงที่ฝึกให้เชื่องได้ยาก แต่นกคีรีบูนในห้องของแมทเธียสกลับเชื่องกับเขาอย่างไม่น่าเชื่อ มันเกาะอยู่บนปลายนิ้วของเขาและร้องเพลงอย่างไร้ความลังเล

เขาจ้องมองมันอยู่นานด้วยความทึ่งที่นกตัวเล็กจิ๋วสามารถร้องเพลงได้ไพเราะขนาดนี้ มันกระพือปีกอยู่บนปลายนิ้วของเขาและส่งเสียงร้องเล็ก ๆ ราวกับกำลังเล่าเรื่องราวในแต่ละวันของมัน

ในขณะที่เขากำลังจัดเอกสาร เลย์ลาก็ลุกขึ้นไปยังห้องน้ำอย่างเงียบ ๆ และเติมน้ำใส่แจกัน เธอเดินอย่างเบาและรวดเร็ว

สิ่งที่เลย์ลาพูดไว้พิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่เรื่องโกหก การจัดดอกไม้ของเธอนั้นดูยุ่งเหยิงอย่างสิ้นเชิง

“ท่านชอบไหมคะ?”

เลย์ลาถามอย่างลังเลขณะยกแจกันกุหลาบขึ้นให้แมทเธียสดู

“มันแย่มาก”

น้ำเสียงของแมทเธียสไม่ดูถูก แต่กลับเรียบเฉย ดวงตาของเลย์ลากะพริบด้วยความตกใจ ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะความอับอาย

“ฉันขอโทษค่ะ ฉันจะไปตามสาวใช้ที่มีความสามารถมาแทน”

“นั่งลง”

“คะ?”

“นั่งลง เลย์ลา”

เสียงของเขาต่ำลง ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด เขาชี้นิ้วไปที่โซฟาฝั่งตรงข้ามของเขา

เลย์ลาวางแจกันกุหลาบที่ถูกตำหนิไว้บนโต๊ะข้างใกล้ ๆ อย่างเก้ ๆ กัง ๆ ก่อนจะนั่งลงตรงที่แมทเธียสบอก

“กินสิ”

แมทเธียสหันไปมองโดมจานสีเงินที่วางอยู่ใกล้โซฟา

เลย์ลาค่อย ๆ เปิดฝาครอบอย่างอึดอัด ภายในมีแซนด์วิชและน้ำมะนาวหนึ่งแก้วสำหรับหนึ่งคน

แมทเธียสมองเลย์ลาด้วยสายตาแปลกใจ เขาคิดว่าถ้าเธอชอบอาหารแบบนั้น เขาจะมอบค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมให้เธอเป็นค่าตอบแทนสำหรับงานของเธอ แม้ว่าผลงานจะไม่ดี แต่เธอก็ทำอย่างเต็มที่

“ขอบคุณค่ะ ท่านดยุค แต่ฉันไม่เป็นไรค่ะ”

เลย์ลาวางจานโดมลงด้วยมือที่สั่นไหว ใบหน้าที่เคยยิ้มสดใสต่อหน้าลูกชายของหมอ บัดนี้กลับดูสับสนอย่างชัดเจน

“ถ้าท่านไม่ต้องการให้ฉันทำอะไรอีก ฉันขอตัว…”

“เลย์ลา”

เสียงของแมทเธียสบัดนี้ใกล้เคียงกับเสียงกระซิบ

เลย์ลากะพริบตาอย่างช้า ๆ ขณะที่แมทเธียสยกแก้ววิสกี้ขึ้นจิบ หยดน้ำบนผิวแก้วคริสตัลค่อย ๆ ไหลลงมาตามนิ้วมือยาวของเขา

“คำพูดของฉันฟังดูเหมือนคำขอสำหรับเธออย่างนั้นเหรอ?”

แมทเธียสยิ้มขณะที่ริมฝีปากของเขาแดงขึ้นจากวิสกี้ที่เปียกชื้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด