บทที่ 61 ฉันเคยเจอคุณมาก่อน
เรื่องนี้จะมีตอนฟรีทั้งหมด 1-200 ตอน และ....ถ้ายอดกดไลก์เพิ่ม 100 ก็จะแถมให้ฟรี 20 ตอนครับ (ปล.เริ่มนับจาก 8700 นะ เช่นขึ้นไป 8800 ก็บวกให้ 20 ตอน ถ้ายอดมันขึ้นยันจบเรื่อง ก็เปิดให้ฟรีหมดอะ)
*ครบหมื่น แถม 100 ตอนไปอีก เอาเป็นว่าจำกัดวันด้วยแล้วกัน เพราะงี้ถ้าเกิดครบขึ้นมาแบบ 2 ปีต่อมาลืมแหง เอาถึง 1/4/2568 นะครับ ก็คือ 1 เมษายน*
แฟนเพจกดไลก์ได้ที่ ยักษาแปร | Facebook
บทที่ 61 ฉันเคยเจอคุณมาก่อน
หลินเสวียนมองรอยยิ้มหวานละมุนนั้น คล้ายกับรอยยิ้มของซีซีในความฝันจนแทบแยกไม่ออกว่าจริงเหรอไม่
แต่เพียงชั่วพริบตาเดียว ฉู่อันฉิงก็ละสายตาจากหลินเสวียนไป หันไปทักทายคนอื่น ๆ รอบข้างด้วยรอยยิ้ม
หลินเสวียนเริ่มหายใจติดขัด…
ดูเหมือนว่า ฉู่อันฉิงจะไม่คุ้นเคยกับเขา หรืออาจจะไม่รู้จักกันเลยก็ได้
สายตาที่เธอมองมาไม่มีอะไรพิเศษ เหมือนกับที่เธอปฏิบัติต่อแขกคนอื่น ๆ ในห้องโถง สุภาพอ่อนโยนเสมอกัน
แต่…
ความคล้ายคลึงกันราวกับ【คัดลอกและวาง】นี้ ทำให้หลินเสวียนเริ่มสงสัยในข้อสันนิษฐานเดิมของตัวเอง
ฉู่ซานเหอไม่ให้หลินเสวียนได้คิดอะไรมาก ก็พาฉู่อันฉิงเดินฝ่าฝูงชน แล้วมาหยุดยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่ตรงหน้า
จ้าวอิงจวิ้นก้าวออกมาข้างหน้าก่อน
“คุณฉู่ ขอบคุณมากนะคะที่ในยามงานยุ่งยังกรุณามาด้วยตนเอง”
ฉู่ซานเหอดูอารมณ์ดีมาก หัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า
“ไม่เป็นไรครับ แค่ว่าอากาศไม่ดี รถติดนิดหน่อย เลยมาช้าไปหน่อยขอโทษด้วยนะ”
จ้าวอิงจวิ้นหันไปมองฉู่อันฉิง
“อันฉิง นานแล้วเนอะ ชีวิตมหาวิทยาลัยเป็นยังไงบ้าง ปรับตัวได้แล้วหรือยัง?”
ฉู่อันฉิงหัวเราะคิกคัก ตาปิดเป็นเสี้ยววงเดือน ระหว่างคิ้วราวกับดอกท้อบานสะพรั่ง
“ขอบคุณพี่สาวที่เป็นห่วงค่ะ ทุกอย่างดีหมดเลยค่ะ”
ฉู่ซานเหอมองลูกสาวด้วยสายตาเปี่ยมรัก ก่อนจะเงยหน้ามองหลินเสวียน
“หนุ่มคนนี้หน้าตาดีจริง ๆ คงจะเป็นกำลังสำคัญของบริษัทคุณสินะครับ?”
จ้าวอิงจวิ้นยิ้มแล้วพยักหน้าเบา ๆ
“คุณฉู่ชมเกินไปค่ะ นี่คือหลินเสวียน ผู้สร้างแมวไรน์ หัวหน้าแผนกที่อายุน้อยที่สุดของบริษัทเราค่ะ”
“ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง คุณหลินเพิ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยตงไห่เมื่อฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ เป็นรุ่นเดียวกับศาสตราจารย์สวี่หยุนและคุณอันฉิงเลย วันนี้ได้มาเจอกันแบบนี้ก็ช่างเป็นวาสนาจริง ๆ”
เมื่อได้ยินว่าหลินเสวียนจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยตงไห่ แววตาของฉู่ซานเหอแสดงออกถึงความชื่นชม รอยยิ้มที่หันไปทางหลินเสวียนก็ดูอบอุ่นขึ้น
“เพิ่งจบใหม่นี่เองเหรอพ่อหนุ่ม เรียนคณะอะไรล่ะ?”
“คณะศิลปกรรมและการออกแบบครับ” หลินเสวียนตอบตรงไปตรงมา
“อย่างนี้ก็มีวาสนากันจริง ๆ ด้วย!” ฉู่ซานเหอหัวเราะเสียงดังอย่างอารมณ์ดี
“อันฉิงก็เรียนคณะศิลปกรรม เอกนาฏศิลป์เหมือนกัน ตั้งแต่เด็ก ๆ เธอก็ชอบเต้น สมัยงานต้อนรับน้องใหม่เธอยังขึ้นแสดงบนเวทีเลยนะ——”
“พ่อ!”
เสียงหวาน ๆ ฉู่อันฉิงบ่นพึมพำพลางมองฉู่ซานเหอ
“เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ไม่ต้องพูดถึงก็ได้นะคะ……”
พอพูดจบแล้ว
เธอมองหลินเสวียน ยิ้มแล้วกล่าวว่า
“สวัสดีค่ะพี่หลินเสวียน ฉันเป็นนักศึกษาปีหนึ่งค่ะปีนี้”
“ฉันชื่อฉู่อันฉิงค่ะ”
หลินเสวียนยิ้มแล้วพยักหน้า
“สวัสดีครับ สวัสดีครับ”
……
ฉู่ซานเหอและจ้าวอิงจวิ้นพูดคุยกันสักครู่ ก่อนจะพาฉู่อันฉิงไปหาศาสตราจารย์สวี่หยุน ส่วนจ้าวอิงจวิ้นและหลินเสวียนถือแก้วเหล้าตามไปติด ๆ
ศาสตราจารย์สวี่หยุนเห็นผู้มีพระคุณแล้ว ก็รู้สึกตื่นเต้นมาก
วางแก้วเหล้าลงแล้วเดินตรงเข้าไป จับมือฉู่ซานเหอแน่น
“อาจารย์ซู ขอแสดงความยินดีด้วยครับ! อดทนรอจนได้เห็นผลสำเร็จเสียที งานวิจัยของคุณได้ออกดอกออกผลแล้ว!”
ฉู่ซานเหอเป็นคนแรกที่แสดงความยินดี
ศาสตราจารย์สวี่หยุนมองฉู่ซานเหอ ดวงตาเต็มไปด้วยความซาบซึ้งและชื่นชม:
“คุณฉู่ ขอบคุณมากครับ สำหรับการสนับสนุนอย่างไม่เห็นแก่ตัวตลอดหลายปีที่ผ่านมา วันใดที่ผมมีโอกาส ผมจะทุ่มเทตอบแทนพระคุณของคุณอย่างเต็มที่ครับ”
ฉู่ซานเหอบ่ายมือไปมาพลางกล่าวว่า:
“ความสำเร็จของคุณในวันนี้ นั่นคือการตอบแทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้วต่อวงการวิทยาศาสตร์ ต่อสังคม และต่อประเทศชาติ ความช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ ของผมน่ะ ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอกครับ”
“ขอแสดงความยินดีกับอาจารย์สวี่อีกครั้งนะครับ ขอให้คุณประสบความสำเร็จในการวิจัยด้านเทคโนโลยีทางตะวันออก และขอให้ความฝันของคุณเป็นจริงในเร็ววัน! เชิญครับ... เราดื่มกันสักแก้ว!”
เขาหยิบแก้วไวน์แดงจากพนักงานเสิร์ฟข้างกาย แล้วชนแก้วกับสวี่หยุน
หลังจากวางแก้วลง ฉู่ซานเหอหัวเราะร่า แล้วดึงฉู่อันฉิงมายืนข้างกาย ก่อนจะแนะนำให้สวี่หยุนรู้จัก
“อาจารย์สวี่ นี่คือลูกสาวผม อันฉิง พวกคุณเคยเจอกันมาแล้วเมื่อนานมาแล้ว”
“สวัสดีค่ะ อาจารย์สวี่”
ฉู่อันฉิงโค้งคำนับทักทายด้วยรอยยิ้มแสนหวาน
สวี่หยุนพยักหน้า มองฉู่อันฉิงด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึก
“ครั้งสุดท้ายที่ผมเจออันฉิง... นานหลายปีมาแล้ว ตอนนั้นเธอยังเป็นนักเรียนมัธยมอยู่เลย ไม่น่าเชื่อเลยว่าเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก แป๊บเดียวก็เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว”
“คุณฉู่ครับ โทษทีนะครับที่ผมมัวแต่ทุ่มเทให้กับการวิจัย จนไม่ได้ไปช่วยเหลืออะไรอันฉิงเลยตอนที่เธอเข้าเรียน”
ฉู่ซานเหอยิ้มแล้วส่ายหน้าไปมา
“เรื่องแค่นี้จะมาทำให้การวิจัยของคุณสะดุดได้ยังไงกันล่ะ? นั่นมันเรื่องเล็กน้อยที่ทำให้เสียแผนใหญ่เลยนะ ถ้าต่อไปคุณยังทำวิจัยที่มหาวิทยาลัยตงไห่ เราก็คงได้เจอกันบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ ฮ่า ๆ ๆ ! อันฉิงเรียนเก่งมากเลยนะ ไม่ใช่แค่เป็นตัวแทนนักศึกษาใหม่พูดในพิธีเปิดการฝึกทหาร แต่ในงานเลี้ยงต้อนรับน้องใหม่เธอก็—”
“พ่อ!”
ฉู่อันฉิงรีบตะโกนขัด แก้มแดงขึ้นมาทันที:
“พ่อพูดเรื่องนี้กับคนอื่นพอเถอะค่ะ!”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ……” ฉู่ซานเหอหัวเราะกลบเกลื่อน แล้วหันไปคุยกับศาสตราจารย์สวี่หยุนต่อ
……
พิธีเปิดการฝึกทหาร? ตัวแทนนักศึกษาใหม่พูด?
หลินเสวียนจับประเด็นสำคัญสองอย่างนี้ได้
อ๋อ…เป็นอย่างนั้นเอง……
ก็เลยไม่แปลกใจ ที่ก่อนหน้านี้เขาถึงรู้สึกว่าเสียงของซีซีคุ้นหู ต้องเคยได้ยินมาจากที่ไหนสักแห่ง เมื่อครู่เขาก็รู้สึกว่าเสียงของฉู่อันฉิงคุ้น ๆ แต่ก็คิดไม่ออกว่าเคยได้ยินมาจากไหน……
เพราะก่อนวันนี้ เขากับฉู่อันฉิงไม่เคยเจอหน้า ไม่เคยพูดคุยกันมาก่อน
ตอนนี้ปริศนาคลี่คลายแล้ว
【ที่แท้ก็ได้ยินมาจากพิธีเปิดการฝึกทหารของนักศึกษาปีหนึ่งมหาวิทยาลัยตงไห่ เมื่อฤดูใบไม้ร่วงปีนี้เอง】
ตอนต้นเดือนกันยายน หลินเสวียนกลับไปที่มหาวิทยาลัยเก่าเพื่อขอเอกสารจากอาจารย์ที่ปรึกษา
ระหว่างทางเดินผ่านสนามกีฬา บังเอิญไปเจอกับพิธีเปิดการฝึกทหาร สนามกีฬาเต็มไปด้วยนักศึกษาปีหนึ่งที่ใส่ชุดฝึกทหาร
ตอนนั้นเขาเลยแวะไปดู ไปฟังบรรยากาศสักหน่อย
และในตอนนั้นเอง คนที่กำลังพูดอยู่ก็คือ ฉู่อันฉิง ตัวแทนนักศึกษาใหม่ที่กำลังกล่าวสุนทรพจน์อยู่
เพราะฉะนั้น หลินเสวียนจึงได้ยินเสียงเธอจากลำโพง...แต่เพราะได้ยินแต่เสียง ไม่เห็นตัว จึงจำได้ไม่ชัดนัก และไม่เคยคิดถึงเบาะแสนี้มาก่อน
“นี่มันยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่……”
หลินเสวียนเขย่าแก้วไวน์เบา ๆ
ตอนนี้มองดูแล้ว ซีซีกับฉู่อันฉิงไม่เพียงแต่หน้าตาและรูปร่างเหมือนกันเป๊ะ แม้แต่เสียงก็ยังเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน
ยิ่งไปกว่านั้น อายุก็ใกล้เคียงกัน ดูเหมือนจะราว ๆ สิบเจ็ดสิบแปดปีทั้งคู่
จะให้บอกว่าไม่ใช่คน ๆ เดียวกัน...หลินเสวียนเองก็ไม่เชื่อในความบังเอิญเช่นนี้
ถึงแม้ว่าตามหลักเหตุผลของกาลเวลาแล้ว นี่ไม่ใช่สิ่งที่แคปซูลจำศีลซึ่งยังไม่ประดิษฐ์สำเร็จ และอีก 600 ปีต่อมาก็ยังไม่ถูกพัฒนาขึ้นมา จะสามารถอธิบายได้
แต่ว่า...
น่าจะมีสาเหตุอื่น ๆ ต้องตรวจสอบเพิ่มเติมก่อนที่จะสรุป
เอาเป็นว่า รีบเข้าไปในฝัน ไปหาซีซีกันเถอะ
……
ฉู่ซานเหอและสวี่หยุนคุยกันอย่างออกรส ยกแก้วเหล้าแลกเปลี่ยนกันไปมา ดูท่าจะคุยกันอีกพักใหญ่
จ้าวอิงจวิ้นมองไปที่ฉู่อันฉิง
“อันฉิง หรือว่าเราจะไปเดินเล่นที่อื่นกันดี? ไปกินขนมกันหน่อยไหม?”
“ได้เลยค่ะ”
ทั้งสองคนกำลังจะไป จ้าวอิงจวิ้นก็หันกลับมามองหลินเสวียนอีกครั้ง:
“คุณก็มานั่งนี่สิ หลินเสวียน ให้คุณฉู่กับอาจารย์สวี่ได้คุยกันให้เต็มที่เลย”
“คุณกับอันฉิงเรียนจบที่เดียวกัน คณะเดียวกัน ในฐานะรุ่นพี่ มีประสบการณ์อะไรก็แนะนำน้องเขาหน่อยสิ”
หลินเสวียนพยักหน้า
ทางด้านฉู่ซานเหอและสวี่หยุน เขาก็แทรกแทรงอะไรไม่ได้ ยืนอยู่เฉย ๆ ก็รู้สึกอึดอัด อยากจะหนีไปตั้งนานแล้ว
เขาจึงเดินตามหลังสาวงามทั้งสองไป
เพราะความสูงที่ต่างกัน เขาจึงมองเห็นลำคอขาวเนียนและไหล่ที่อ่อนนุ่มของฉู่อันฉิงได้อย่างชัดเจน เนื่องจากชุดราตรีของเธอเป็นแบบเปิดไหล่ ผิวขาวราวหยกจึงโชว์ให้เห็นอย่างเต็มที่
หลินเสวียนสังเกตเห็นว่า บนแขนซ้ายที่เนียนละเอียดของฉู่อันฉิง มีรอยบุ๋มเล็ก ๆ ขนาดประมาณเหรียญห้าสิบสตางค์ นั่นคงเป็นจุดบกพร่องเดียวบนผิวพรรณที่งดงามราวหยกของเธอ
แต่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
รอยบุ๋มเล็ก ๆ นั้น คือรอยแผลเป็นจากการฉีดวัคซีนป้องกันวัณโรค ชาวจีนทุกคนมีกันหมด เพียงแต่ขนาดจะใหญ่หรือเล็กขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย
รอยแผลเป็นแบบนี้ ที่แต่ละคนมีรูปทรงไม่เหมือนกัน และเกิดจากการฉีดวัคซีน …บางทีอาจจะเป็นเครื่องหมายรับรองความถูกต้องที่เข้มงวดที่สุดก็ได้
“รุ่นพี่หลินเสวียนค่ะ”
ฉู่อันฉิงหันกลับมา ยิ้มแย้มมองหลินเสวียน
หลินเสวียนจึงรู้สึกตัว แล้วก็ยิ้มตอบอย่างสุภาพ
“มีอะไรเหรอครับคุณฉู่”
“เรียกฉันว่าอันฉิงก็ได้ค่ะ”
ฉู่อันฉิงมองด้วยดวงตาใสปิ๊ง
“ฉันนึกออกแล้ว……”
เธอมองขึ้นไปที่หลินเสวียน
ตาปรือเล็กน้อย
“ฉันเคยเจอคุณมาก่อน!”