บทที่ 59 เปิดฉาก
เรื่องนี้จะมีตอนฟรีทั้งหมด 1-200 ตอน และ....ถ้ายอดกดไลก์เพิ่ม 100 ก็จะแถมให้ฟรี 20 ตอนครับ (ปล.เริ่มนับจาก 8700 นะ เช่นขึ้นไป 8800 ก็บวกให้ 20 ตอน ถ้ายอดมันขึ้นยันจบเรื่อง ก็เปิดให้ฟรีหมดอะ)
*ครบหมื่น แถม 100 ตอนไปอีก เอาเป็นว่าจำกัดวันด้วยแล้วกัน เพราะงี้ถ้าเกิดครบขึ้นมาแบบ 2 ปีต่อมาลืมแหง เอาถึง 1/4/2568 นะครับ ก็คือ 1 เมษายน*
แฟนเพจกดไลก์ได้ที่ ยักษาแปร | Facebook
บทที่ 59 เปิดฉาก
ฉู่อันฉิงมาด้วยเหรอ?
หลินเสวียนรู้สึกเหมือนกำลังจะได้เล่นไพ่กวนอูกับกลุ่มคนนี้เต็ม ๆ เลย
งานเลี้ยงเล็ก ๆ นี่ช่างมีคนมากมายหลายประเภทมารวมตัวกันจริง ๆ
ปกติแล้ว การที่ผู้ชายพาครอบครัวมาร่วมงานเลี้ยงถือเป็นมารยาทที่ดีที่สุด แสดงให้เห็นถึงความให้เกียรติงานเลี้ยงนี้
ฉู่ซานเหอพาลูกสาวมาด้วยก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอกนะ ยกเว้น…
สายตาเหมือนยิ้มไม่ยิ้มของจ้าวอิงจวิ้น!
เห็นได้ชัดเลยว่า
ความเข้าใจผิดเรื่องภาพวาดเมื่อก่อนนั้น ยังไม่คลี่คลาย
“คุณจ้าวครับ”
หลินเสวียนรู้สึกว่าต้องพูดให้ชัดเจน ตรงไปตรงมา:
“ผมว่าเพื่อป้องกันความเข้าใจผิดที่ไม่ควรเกิดขึ้นในอนาคต ผมควรจะพูดตรง ๆ เลยดีกว่าครับ”
“คุณพูดมาเลยค่ะ”
“ภาพวาดนั้นผมวาดเล่น ๆ นะครับ คุณบอกว่ามันคล้ายกับฉู่อันฉิง มันก็แค่บังเอิญจริง ๆ”
“แล้วก็อย่างนี้ครับ คุณฉู่ซานเหอเป็นคนยังไงเราก็รู้กันดี ลูกสาวเขายังเด็กขนาดนั้น…ผมก็ไม่ได้อยากตายเร็ว ๆ นี่นา ทำไมผมจะไปคิดอะไรอย่างนั้นล่ะครับ”
จ้าวอิงจวิ้นหัวเราะออกมาเพราะหลินเสวียน:
“พูดตรงไปตรงมาดีกว่า แม้จะหยาบคายหน่อย แต่ก็ถูกต้อง ไหน ๆ คุณก็พูดออกมาแล้ว งั้นคุณก็คงเข้าใจดีว่ามันอันตรายแค่ไหน ฉันก็ไม่ได้คิดอะไรมากหรอก แค่อยากให้คุณระวังอย่าไปสร้างปัญหาให้ตัวเองก็เท่านั้น”
“ฉู่ซานเหอไม่ใช่แค่ประธานหอการค้าธรรมดา ๆ นะ พลังอำนาจของเขา คุณค่อย ๆ รู้เองก็ได้ แต่นี่คือคนที่ห้ามยุ่งด้วยที่สุดในเมืองตงไห่เลยล่ะ”
“ส่วนเรื่องที่ฉู่อันฉิงกับภาพวาดของคุณเหมือนกันหรือเปล่า...พรุ่งนี้เย็น คุณเจอตัวเธอแล้วก็จะรู้เอง”
หลินเสวียนพยักหน้า เขาเองก็อยากรู้เรื่องนี้มากเช่นกัน คำตอบจะปรากฏในงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จพรุ่งนี้เย็น
ต่อมา...
หลินเสวียนก็ออกจากห้องทำงานของจ้าวอิงจวิ้น กลับไปทำงาน
……
หลังเลิกงานบ่าย
เขามาเจอเกาหยางที่ร้านอาหารเล็ก ๆ ที่ทั้งคู่ชอบไปประจำ
อีกฝ่ายถอดเสื้อกันหนาวออก มองหลินเสวียนด้วยสีหน้าคาดหวัง:
“จริงเหรอวะ เพื่อนรัก! แกจะชวนฉันไปกินมื้อเย็นที่วิคตอเรียคลับ? บุฟเฟ่ต์ที่นั่นก็หลักหมื่นเลยนะ!”
หลินเสวียนหัวเราะเบา ๆ
หยิบการ์ดเชิญสีแดงขึ้นมาโบกไปโบกมา
“เพื่อนรัก——”
เกาหยางคว้าการ์ดเชิญไปจากมือหลินเสวียนด้วยท่าทางคล่องแคล่ว เปิดออกดูแล้วก็ยิ้มแฉ่ง
พึมพำอยู่ไม่หยุดว่า ดีจัง ๆ ดีจัง ๆ
น้ำลายไหลย้อยลงมาจนเห็นได้ชัด:
“ฉันอยากรู้จริง ๆ …ว่าพวกคนชั้นสูงนี่ กินอะไรกันวะ ถึงได้กล้าคิดราคาแพงขนาดนี้!”
“ว่าแต่หลินเสวียน ช่วงนี้เราสองคนก็ยุ่งมาก ฉันเลยยังไม่ได้ถามเรื่องที่แกไปหาจิตแพทย์ครั้งนั้นเลย……”
เกาหยางหยิบซองเชิญใส่กระเป๋า แล้วหันไปมองหลินเสวียน
“หลังจากนั้นแกไปตรวจสอบแล้วใช่ไหม? ถอดหน้ากากผู้หญิงคนนั้นออกแล้วหรือยัง?”
หลินเสวียนวางตะเกียบลง พยักหน้า
“ตรวจสอบแล้ว หมอหลิวพูดถูก ความฝันของฉันน่ะแค่เรื่องแต่งล้วน ๆ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก”
“เรื่องนี้ฉันไม่ได้ใส่ใจอะไรเลย ถ้าแกไม่เอ่ยขึ้นมาก่อน ฉันก็ลืมไปแล้ว”
เขาโกหก ไม่ได้ตั้งใจจะหลอกเกาหยาง แต่…
การยืนยันว่าความฝันคืออนาคตที่เป็นจริง ก็หมายความว่าสโมสรอัจฉริยะก็มีอยู่จริงเช่นกัน และมันแฝงตัวอยู่ในม่านหมอกแห่งประวัติศาสตร์ บางทีอาจอยู่ใกล้ตัวเขาก็ได้
เขาไม่อยากลากเกาหยางผู้บริสุทธิ์เข้าไปพัวพันกับเรื่องอันตราย
ดังนั้นการโกหกจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพื่อเขาจะได้ไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไป ปกติเขาก็เหนื่อยกับการทำงานขายรถอยู่แล้ว
“งั้นก็ดี ฮ่า ๆ ตกใจหมดเลย!”
เกาหยางยกแก้วขึ้น หัวเราะร่าแล้วชนแก้วกับหลินเสวียน ดื่มรวดเดียวหมดแก้ว
“เฮ้อ เสียดายจัง! เดิมทีฉันยังหวังว่าจะรวยจากความฝันของแกเลย!”
นานแล้วที่ไม่ได้เจอกัน ทั้งสองคนมีเรื่องมากมายที่อยากจะพูดคุย แน่นอนว่าคงไม่กินข้าวเสร็จแล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน
หลังจากอิ่มหนำสำราญแล้ว ทั้งคู่ก็ไปที่บาร์ประจำ นั่งเล่นกันอีกสองชั่วโมง จนถึงตีหนึ่งกว่าจึงกลับบ้าน
ยังไงพรุ่งนี้ก็วันเสาร์ นอนหลับได้จนเที่ยง แล้วค่อยตื่นมาเตรียมตัวไปงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จก็ได้
……
วันรุ่งขึ้น
อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว เกล็ดหิมะโปรยปรายลงมาเบาบาง ค่อย ๆ หนาขึ้น ปกคลุมเมืองหลวงนานาชาติแห่งนี้ด้วยความขาวโพลนราวกับหยก
วันที่ 31 ธันวาคม 2565 วันเสาร์
วันสุดท้ายของปี 2022 เมืองตงไห่ได้เห็นหิมะตกหนักเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี
หิมะแรกของปีนี้ บรรจงนำพาความอุดมสมบูรณ์มาสู่ปีใหม่
แอ๊ด——
หลินเสวียนผลักบานหน้าต่างที่ไม่ได้เปิดมานานออก
ยื่นมือออกไปนอกหน้าต่างสัมผัสความเย็นยะเยือกของเกล็ดหิมะที่โปรยปรายลงบนปลายนิ้ว
เกล็ดหิมะเบาบางเหล่านั้น...
ดูเหมือนผลึกน้ำแข็งละลายเป็นหยดน้ำบนปลายนิ้วของหลินเสวียนอย่างช้า ๆ
เขาเงยหน้ามองเมืองที่ห่มด้วยหิมะขาวโพลน
“หิมะตกแล้ว”
ต่างจากทางเหนือ การที่หิมะตกในเมืองตงไห่นั้นไม่ใช่เรื่องธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “หิมะตกหนัก” ในวันนี้
ที่เรียกว่าหิมะตกหนักก็แค่เทียบกับปีที่ผ่าน ๆ มาเท่านั้นแหละ
ความจริงแล้ว ถึงแม้จะตกตั้งแต่เช้าจนเย็น แต่ก็แค่สะสมบนพื้นเป็นชั้นบาง ๆ
พอเหยียบลงไปก็กลายเป็นโคลนน้ำแข็งสีเทาปนน้ำแข็งละลาย แล้วค่อย ๆ ละลายหายไปกับผู้คนและรถราบนท้องถนน
กลางวันในฤดูหนาวสั้นมาก
เมื่อหลินเสวียนเตรียมตัวแต่งตัวเสร็จและออกจากบ้านตอนประมาณหนึ่งทุ่มกว่า ๆ ท้องฟ้าข้างนอกก็มืดมิดเกือบสนิทแล้ว
เขามาถึงวิคตอเรียคลับ
พอเข้าไปข้างในก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาก
ในสายตาของหลินเสวียน คลับแห่งนี้ดูหรูหราอลังการกว่าคลับที่ฉู่ซานเหอจัดงานเลี้ยงครั้งก่อนเสียอีก
คลับนั้นดูเก่าไปหน่อย
แต่ความหรูหราล้ำค่ามันอธิบายยาก บางทีกลิ่นอายเก่า ๆ นั่นอาจเป็นเสน่ห์อันล้ำค่าในสายตาของคนชั้นสูงก็ได้
ตรงกลางห้องโถงมีเวทีขนาดเล็ก รอบนอกก็ยังเป็นโต๊ะและเก้าอี้สำหรับบุฟเฟ่ต์เหมือนเดิม เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่มีอาหารและเครื่องดื่ม
ถ้าจะพูดถึงของตกแต่งที่โดดเด่นที่สุดในห้องโถง... นั่นก็คือตุ๊กตาแมวไรน์ขนาดต่าง ๆ ที่วางอยู่ทั่วไปนี่แหละ
ตุ๊กตาแมวไรน์เต็มไปหมดทุกหนแห่ง ทั้งบนบันได มุมห้อง โต๊ะอาหาร และแม้แต่ที่วางของขวัญ
หลายตัวเป็นรุ่นใหม่ น่ารักน่าเอ็นดูเป็นพิเศษ
หลินเสวียนเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ
แปดโมงครึ่งแล้ว
งานเลี้ยงฉลองความสำเร็จวันนี้จึงเริ่มดึกขนาดนี้ก็เพราะเป็นวันที่พิเศษ คือวันสุดท้ายของปี 2022
พนักงานส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นวัยรุ่นที่ยังไม่แต่งงาน
จึงจัดงานเลี้ยงฉลองปีใหม่พร้อมกันไปเลยที่นี่
แขกที่มาร่วมงานวันนี้ตั้งใจจะรอเคาท์ดาวน์กันอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องทานอาหารกันเร็วเกินไป
“คุณหลิน ศาสตราจารย์สวี่หยุนกำลังจะมาแล้ว ไปรับที่ประตูกับฉันหน่อย”
จ้าวอิงจวิ้นเดินออกมาจากห้องด้านในแล้วเรียกหลินเสวียน
หลินเสวียนพยักหน้าแล้วเดินตามจ้าวอิงจวิ้นไป
วันนี้เธอยังคงดูสง่างามดุดันเช่นเดิม สวมชุดราตรีสีแดงเข้มตัดเย็บอย่างประณีต ดูสง่าราวกับแก้วไวน์แดงสูงเพรียว ต่างหูเพชรสีแดงระยิบระยับไปตามจังหวะการก้าวเดินด้วยรองเท้าส้นสูง สะท้อนแสงสีแดงสดใส
“ศาสตราจารย์สวี่หยุนมาด้วยวิธีไหนครับ?”
“เขามาเองโดยการเรียกรถแท็กซี่ค่ะ” จ้าวอิงจวิ้นตอบอย่างเหนื่อยอ่อน
“ฉันจัดรถไปรับท่านแล้ว แต่เขาไม่อยากให้ดูโอ้อวดมาก โดยเฉพาะที่หน้าประตูมหาวิทยาลัยยังมีนักข่าวหลายคนเฝ้าอยู่ เขาเลยยืนยันจะนั่งแท็กซี่มาเอง”
“อืม เข้าใจได้ เป็นสไตล์ท่านจริง ๆ”
ทั้งสองเดินออกมาจากล็อบบี้ ยืนอยู่บนบันได อุณหภูมิลดฮวบลงอย่างรวดเร็ว
พนักงานเสิร์ฟมืออาชีพสองคนข้างกาย รีบกางร่มสีดำขึ้นทันที เพื่อบังหิมะที่โปรยปรายให้ทั้งคู่
จ้าวอิงจวิ้นเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ แล้วถูแขนไปมา:
“น่าจะถึงแล้วล่ะ ฉันโทรหาเขาไปแล้ว เขาแยกตัวมาก่อนหน้านี้แล้ว”
เธอยิ้มมองหลินเสวียน:
“ที่เมืองตงไห่นี้ จะเชิญศาสตราจารย์สวี่หยุนมาร่วมงานเลี้ยงแบบนี้ได้ นอกจากฉู่ซานเหอแล้ว ก็คงมีคุณคนเดียวเท่านั้นแหละ”
“คุณหลิน ถึงฉันจะไม่รู้ว่าคุณช่วยศาสตราจารย์สวี่หยุนเรื่องอะไร หรือไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงให้เกียรติคุณขนาดนี้ แต่ฉันก็ต้องขอบคุณคุณจริง ๆ ที่ช่วยบริษัท MX ผ่านวิกฤตครั้งนี้มาได้”
หลินเสวียนส่ายหัว:
“ผมก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของบริษัท MX มันเป็นเรื่องที่ควรทำอยู่แล้วครับ”
รถแท็กซี่คันหนึ่งโผล่มาที่โค้งหน้าประตู ขับตรงมายังบันได น่าจะเป็นศาสตราจารย์สวี่หยุนมาถึงแล้ว
จ้าวอิงจวิ้นและหลินเสวียนเดินออกมาจากใต้ร่ม
เมื่อรถแท็กซี่จอดสนิท หลินเสวียนก็รีบเปิดประตูรถให้สวี่หยุน:
“อาจารย์สวี่ครับ คุณมาแล้ว”
สวี่หยุนหัวเราะเบา ๆ จับมือหลินเสวียนก่อนจะหันไปจับมือจ้าวอิงจวิ้น
“คุณจ้าว ขอบคุณมากนะครับสำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่น”
“ศาสตราจารย์พูดเกินไปแล้วค่ะ” จ้าวอิงจวิ้นยิ้มรับอย่างสุภาพ
“จริง ๆ แล้วพวกเราต่างหากที่ได้รับเกียรติจากศาสตราจารย์”
“เชิญเข้ามาข้างในเลยครับศาสตราจารย์ ข้างนอกหนาวนะครับ เข้ามาข้างในกันเถอะ”
วันนี้ศาสตราจารย์สวี่หยุนอารมณ์ดีเป็นพิเศษ แต่งตัวดี สวมสูทเรียบร้อยดูดีทีเดียว
เขาเคาะรองเท้าเบา ๆ บนพรมสีแดง เขี่ยหิมะที่ติดอยู่ที่ขอบรองเท้าออก ก่อนเดินเข้าห้องจัดเลี้ยงพร้อมจ้าวอิงจวิ้น
หลินเสวียนเดินตามหลังทั้งสอง หันกลับไปมองรถแท็กซี่ที่แล่นหายไป และร่องรอยล้อรถที่กำลังค่อย ๆ ถูกหิมะกลบฝัง
เขารู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง
แต่บอกไม่ถูกว่ามันไม่ถูกต้องตรงไหน
“คุณหลิน?”
เขาหันกลับไป พบจ้าวอิงจวิ้นและสวี่หยุนหันมารออยู่แล้ว
“เข้ามาข้างในกันเถอะ”
จ้าวอิงจวิ้นยิ้มบาง ๆ ชี้ไปยังกลุ่มคนที่กำลังปรบมือและส่งเสียงโห่ร้องในห้องโถง
“งานเลี้ยง…
“จะเริ่มแล้ว”