ตอนที่แล้วบทที่ 57 ผลข้างเคียง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 59 เปิดฉาก

บทที่ 58 พายุกำลังมา


เรื่องนี้จะมีตอนฟรีทั้งหมด 1-200 ตอน และ....ถ้ายอดกดไลก์เพิ่ม 100 ก็จะแถมให้ฟรี 20 ตอนครับ (ปล.เริ่มนับจาก 8700 นะ เช่นขึ้นไป 8800 ก็บวกให้ 20 ตอน ถ้ายอดมันขึ้นยันจบเรื่อง ก็เปิดให้ฟรีหมดอะ)

*ครบหมื่น แถม 100 ตอนไปอีก เอาเป็นว่าจำกัดวันด้วยแล้วกัน เพราะงี้ถ้าเกิดครบขึ้นมาแบบ 2 ปีต่อมาลืมแหง เอาถึง 1/4/2568 นะครับ ก็คือ 1 เมษายน*

แฟนเพจกดไลก์ได้ที่ ยักษาแปร | Facebook

บทที่ 58 พายุกำลังมา

หลินเสวียนส่ายหัว

“การจำศีลมีผลข้างเคียงด้วยเหรอครับ?”

หนังไซไฟไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้เลยนี่นา…

ในบทสรุปของพวกเขา การจำศีลมีแต่ข้อดี ไม่มีข้อเสีย นอนหลับไปหลายร้อยปี หลายพันปี หลายหมื่นปีก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

หลังจากที่สวี่หยุนพูดจบ หลินเสวียนก็พบจุดบอดนี้

ยาดีก็ยังมีพิษอยู่สามส่วน

ยารักษาโรคหรือวิธีการรักษาอะไรเล่าที่ไม่มีผลข้างเคียงเลยสักนิด

ยิ่งเป็นการจำศีลซึ่งเป็นวิศวกรรมทางด้านร่างกายที่ซับซ้อนขนาดนี้ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีผลข้างเคียงเลย

“ผมไม่รู้หรอกครับ อาจารย์สวี่”

หลินเสวียนตอบตามตรง

“แล้วการจำศีลมีผลข้างเคียงอะไรอีกบ้างครับ เป็นเรื่องเกี่ยวกับระบบการทำงานของร่างกายหรือเปล่าครับ?”

สวี่หยุนส่ายหัว

ชี้ไปที่ศีรษะของตัวเองด้วยนิ้วชี้

“【ผลข้างเคียงที่ร้ายแรงที่สุด คือ สัญญาณสมองไม่ทำงานเป็นเวลานาน ทำให้เกิดอาการความจำเสื่อมได้ในระดับต่าง ๆ กัน】”

“จริง ๆ แล้วในแง่ระบบการทำงานของร่างกาย การจำศีลจะไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ ถึงแม้ว่ากล้ามเนื้อจะฝ่อบ้าง ก็สามารถฟื้นฟูได้ด้วยการออกกำลังกาย”

“แต่…ความเสียหายต่อความจำของสมอง เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ปัจจุบัน ทฤษฎีการจำศีลสามารถทำให้ปฏิกิริยาทางสรีรวิทยาของร่างกายช้าลงได้หลายสิบเท่า หลายร้อยเท่า แต่หลักการของความจำในสมองนั้นซับซ้อนมาก มันเป็นรูปแบบการเรียกค้นข้อมูลแบบคลุมเครือที่อาศัยการกระตุ้นของสัญญาณประสาท”

“เรื่องซับซ้อนผมก็ไม่เล่าให้หลินเสวียนฟังมากนักหรอกนะ สรุปคือ ยิ่งจำศีลนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งสูญเสียความทรงจำมากขึ้นเท่านั้น แน่นอนว่า สภาพความเป็นจริงของแต่ละคนก็อาจจะแตกต่างกันบ้าง แต่ถ้าจำศีลนานเกินยี่สิบปี…โอกาสที่จะสูญเสียความทรงจำทั้งหมดมีสูงมาก”

……

หลินเสวียนตาสว่างวาบขึ้นมา

ถึงแม้เขาจะเป็นเด็กสายศิลป์ ไม่เข้าใจเรื่องวิทยาศาสตร์พวกนี้สักเท่าไหร่

แต่ผลข้างเคียงอย่างอาการความจำเสื่อมนี่ฟังดูสมเหตุสมผลจริง ๆ นี่เป็นอะไรที่ไม่เคยมีกล่าวถึงในนิยายวิทยาศาสตร์เรื่องไหนเลย

แน่นอน ไซไฟมันก็ไม่ใช่เรื่องวิทยาศาสตร์เสียหน่อย

สวี่หยุนลูบแขนแห้งผากของลูกสาว ยิ้มบาง ๆ แล้วพูดว่า

“จริง ๆ แล้ว ถ้าอี้อี้ลืมพ่อไปก็ไม่เป็นไรหรอก ลืมหมดจดไปเลยก็ช่างเถอะ… ลูกก็จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ จำพ่อแก่คนนี้ได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญ”

“แต่พ่อไม่อยากลืมลูก… พ่อไม่อยากลืมอี้อี้ อี้อี้ที่สดใสร่าเริงในวัยเด็กเพียงไม่กี่ปี ความทรงจำเกี่ยวกับเธอของพ่อก็มีแค่นิดเดียว…”

“ความทรงจำเหล่านั้น พ่อไม่ยอมเสียไปแม้แต่น้อย”

“ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าความจำเสื่อม นั่นหมายความว่าความรู้สึกจะหายไปด้วยรึเปล่า? ถ้าตื่นขึ้นมาแล้ว พ่อกับอี้อี้กลายเป็นคนแปลกหน้า ไม่มีความรู้สึกอะไรต่อกัน… พ่อรู้สึกว่ามันน่ากลัวมาก”

สวี่หยุนมองหลินเสวียน ยิ้มบาง ๆ อีกครั้ง

“ดังนั้น พ่อจะไม่เข้าไปจำศีล”

“พ่อจะเก็บรักษาความทรงจำเกี่ยวกับอี้อี้เอาไว้จนวินาทีสุดท้ายของชีวิต และจะใช้เวลาในวินาทีสุดท้ายของชีวิต เพื่อวิจัยแคปซูลจำศีลที่ดีกว่าให้กับอี้อี้”

“ดังนั้นหลินเสวียน ถ้าในอนาคต เมื่ออี้อี้ฟื้นขึ้นมาแล้ว ถ้าเธอยังอยู่… ช่วยดูแลเด็กคนนี้ให้ฉันด้วยนะ”

หลินเสวียนรีบยกมือปฏิเสธทันที!

อย่า ๆ ๆ ๆ

ภาระนี้เขาแบกรับไม่ไหว!

“อาจารย์สวี่ ผมว่าคุณไม่ต้องคิดมากขนาดนั้นหรอกครับ”

หลินเสวียนปลอบใจเบา ๆ

“เรื่องความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมันยากที่จะคาดเดาครับ อาจจะมีสักวันหนึ่งที่เขาจะรักษาอาการความจำเสื่อมได้ก็ได้นะครับ อสขสนบ์ต้องดูแลสุขภาพด้วยนะครับ…พ่อคนไหนล่ะครับที่ไม่อยากเห็นลูกสาวตัวเองเติบใหญ่”

สวี่หยุนยิ้มบาง ๆ ไม่ได้พูดอะไรมาก

“คุณมาที่นี่โดยเฉพาะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า หลินเสวียน?”

หลินเสวียนพยักหน้า

หยิบจดหมายเชิญออกมา แล้วเล่าเรื่องราวต่าง ๆ

วันเสาร์เย็น ก็คือเย็นพรุ่งนี้

บริษัท MX จะจัดงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ อยากเชิญศาสตราจารย์สวี่หยุนไปร่วมงาน

หลินเสวียนคิดว่าสวี่หยุนคงปฏิเสธแน่ ๆ

แต่ว่า…

“ได้สิ”

สวี่หยุนตอบรับด้วยรอยยิ้มกว้าง

เขาโอบไหล่หลินเสวียนเบา ๆ

“เธอช่วยฉันไว้เยอะขนาดนี้ ฉันก็ต้องช่วยเธอบ้างสิ”

“ฉันเองก็ไม่ได้รู้สึกมีความสุขแบบนี้มานานแล้ว…ถึงวันนั้น เราสองคนดื่มกันสองแก้วนะ!”

ง่ายดายเกินคาด…

เย็นวันนั้น ผู้บริหารระดับกลางหลายคนในบริษัทพาหลินเสวียนไปกินข้าวและดื่มเหล้า สนุกสนานกันจนถึงตีหนึ่งกว่าจะกลับบ้านได้

เช้าวันต่อมา หลินเสวียนมาทำงานที่บริษัท และรายงานเรื่องที่ศาสตราจารย์สวี่หยุนจะมาร่วมงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จให้กับจ้าวอิงจวิ้น

จ้าวอิงจวิ้นยิ้มอย่างรู้ทัน:

“ดูท่าให้คุณไปส่งบัตรเชิญถึงจะถูกต้อง ถ้าให้พวกเราไปเอง...อาจารย์สวี่หยุนอาจจะไม่ให้เกียรติเราก็ได้”

“ผมก็ไม่มีหน้าตาอะไรมากหรอกครับ” หลินเสวียนตอบอย่างไม่ใส่ใจ:

“แค่ตอนนี้อาจารย์สวี่หยุนท่านอารมณ์ดี เลยคิดว่าจะมาผ่อนคลายบ้าง”

จ้าวอิงจวิ้นก้มตัวลงหยิบบัตรเชิญสีแดงอีกสี่ห้าใบจากลิ้นชักด้านล่าง:

“งานเลี้ยงฉลองความสำเร็จบางคนมาไม่ได้ บัตรเชิญที่เหลือพวกนี้เอาไปเถอะ ถ้ามีญาติ เพื่อน หรือคนรู้จักก็เชิญมาด้วยได้”

หลินเสวียนหยิบมาแค่ใบเดียว:

“ผมขอแค่ใบเดียวก็พอครับ ผมมีเพื่อนแค่คนเดียวที่เมืองตงไห่”

ก่อนหน้านี้ยังคุยกับเกาหยางว่า ร่ำรวยแล้วอย่าลืมกัน

งานเลี้ยงอาหารบุฟเฟ่ต์หรูหราขนาดนี้ จะขาดเกาหยางเจ้าหนอนกินจุไม่ได้เด็ดขาด:

“งานเลี้ยงฉลองความสำเร็จมีแต่คนในบริษัทเราใช่ไหมครับ นอกจากอาจารย์สวี่หยุน”

จ้าวอิงจวิ้นพยักหน้า:

“นี่เป็นกิจกรรมภายในบริษัทเราอยู่แล้ว ฉันก็ไม่ได้เชิญคนอื่นมาด้วย กลัวทุกคนจะไม่สนุก”

“แต่เช้านี้...มีบุคคลสำคัญคนหนึ่งติดต่อมาขอเข้าร่วมงานเอง บอกว่าอยากมาแสดงความยินดีกับพวกเราด้วยตัวเอง”

“ใครเหรอครับ?” หลินเสวียนถามด้วยความสงสัย

“คุณรู้จักเขาค่ะ”

จ้าวอิงจวิ้นยิ้มบาง ๆ :

“ฉู่ซานเหอ”

?

หลินเสวียนถึงกับประหลาดใจ:

“ฉู่ซานเหอจะมาด้วยเหรอ? ไม่นึกเลยว่าเขาจะมาแสดงความยินดีกับพวกเราด้วยตัวเอง”

“คิดอะไรอยู่หลินเสวียน แน่นอนว่าไม่ใช่กับพวกเราหรอกค่ะ”

จ้าวอิงจวิ้นเกี่ยวเส้นผมที่ปลิวปลิวอยู่ข้างหูไปไว้ด้านหลัง:

“ฉู่ซานเหอคงไม่สนใจธุรกิจเล็ก ๆ น้อย ๆ และความสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ ของพวกเราหรอกค่ะ เขาคงมาแสดงความยินดีกับศาสตราจารย์สวี่หยุนเป็นหลักมากกว่า”

“อย่างที่ฉันบอกคุณไปแล้วไงคะ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เป็นฉู่ซานเหอคนเดียวที่ให้การสนับสนุนศาสตราจารย์สวี่หยุน ยิ่งไปกว่านั้น ตัวเขาเองก็เป็นคนที่ทุ่มเทให้กับวงการวิทยาศาสตร์อย่างมาก ฉันเดาว่าเขาคงทราบข่าวว่าศาสตราจารย์สวี่หยุนจะมาร่วมงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จของพวกเรา เลยอยากจะมาแสดงความยินดีกับศาสตราจารย์สวี่หยุนด้วยตัวเอง”

“แต่เขาคงไม่ค่อยอยู่ที่นี่นานหรอกค่ะ ฉู่ซานเหอเป็นคนที่มีอัธยาศัยดีและมีวิสัยทัศน์กว้างไกล เขาคงแค่มาแสดงความยินดี ทักทาย และพบกับศาสตราจารย์สวี่หยุนสักหน่อยก็คงจะไปแล้ว คงไม่นั่งทานข้าวด้วยหรอกค่ะ”

อ้อ…

อย่างนี้นี่เอง

ฉู่ซานเหอมาหาศาสตราจารย์สวี่หยุน นั่นก็สมเหตุสมผลดี

เขาเคารพและชื่นชมนักวิทยาศาสตร์อย่างเปิดเผย สวี่หยุนประสบความสำเร็จขนาดนี้ คงจะดีใจกว่าสวี่หยุนเสียอีก ถ้าเป็นฉู่ซานเหอ

ต้องยอมรับว่า งานเลี้ยงฉลองความสำเร็จของบริษัท MX ครั้งนี้…นับว่า【เต็มไปด้วยผู้คนมากความสามารถ】จริง ๆ

การที่เชิญศาสตราจารย์สวี่หยุนมาร่วมงานได้ก็ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งอยู่แล้ว

ยิ่งกว่านั้นยังไม่นึกเลยว่าฉู่ซานเหอจะมาแสดงความยินดีด้วยตัวเองอีก

“งานเลี้ยงฉลองความสำเร็จของเรามีคุณค่าสูงมากจริง ๆ คนสำคัญที่สุดสองคนของเมืองตงไห่มาครบเลยนะครับ” หลินเสวียนหัวเราะเบา ๆ

จ้าวอิงจวิ้นไม่พูดอะไร มองหลินเสวียนนิ่ง ๆ เหมือนอยากพูดแต่พูดไม่ออก

ทำให้หลินเสวียนรู้สึกอึดอัด “หรือว่าหน้าผมมีอะไรติดหรือเปล่าครับเนี่ย?”

“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณจ้าว?”

จ้าวอิงจวิ้นยิ้มอย่างมีเลศนัย แล้วพูดต่อว่า:

“คุณพูดถูกแล้วล่ะ งานเลี้ยงฉลองความสำเร็จของเราครั้งนี้คุณค่าสูงจริง ๆ”

“จำตอนที่ฉันคุยกับคุณที่งานเลี้ยงการกุศลวิทยาศาสตร์ครั้งที่แล้วได้ไหมคะ? คุณฉู่ซานเหอเนี่ย ทุกครั้งที่มีงานเลี้ยงใหญ่ ๆ เขาจะพาลูกสาวคนสวยมาด้วยตลอดเลย เหมือนจะอวดเลยล่ะ… กลัวคนอื่นจะไม่รู้ว่าเขามีลูกสาวสวยขนาดนี้”

“ดังนั้น…”

เธอยกหน้าขึ้น มองหลินเสวียน:

“คุณฉู่ซานเหอ ครั้งนี้ก็ไม่ได้มาคนเดียวค่ะ”

“เขาบอกว่าจะพาลูกสาวมาด้วย…”

“ฉู่อันฉิง”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด