บทที่ 132: ผู้นำกองกำลังกบฏ, เซียวเลี่ยเหยียน
บทที่ 132: ผู้นำกองกำลังกบฏ, เซียวเลี่ยเหยียน
เซียวซิงหยูมองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าในยามเย็นเป็นสีแดงเรื่อ
พลังมังกรเป็นพลังที่พิเศษที่สุดในโลก เเละคนธรรมดาไม่สามารถรับรู้ถึงมันได้
อย่างไรก็ตาม, แม้จะไม่ใช้พลังของดวงตาเทพอสูร เซียวซิงหยูก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงพลังมังกรได้อย่างง่ายดาย
ดูเหมือนว่านี่จะเป็นพรสวรรค์ที่ติดตัวเขามาตั้งแต่เกิด
"แหล่งที่มาของพลังมังกร ดูเหมือนจะอยู่ด้านนั้น…"
เซียวซิงหยูเงยหน้าขึ้น สายตาของเขามองผ่านหน้าต่างห้องเรียนขึ้นไปบนท้องฟ้าเเล้วขมวดคิ้วแน่น
"มองไม่เห็นอะไรเลย แต่ฉันรู้สึกได้ลางๆ…นอกจากมังกรดำของซ่างกวนหลานแล้ว ยังมีมังกรสายเลือดบริสุทธิ์อื่นๆหลงเหลืออยู่บนโลกนี้อีกงั้นเหรอ?"
……
บนท้องฟ้าหมื่นเมตรจากพื้นดิน
สิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาตัวหนึ่งกำลังบินผ่านเมืองหลงอิ๋น
กรงเล็บสีทองเก้าเล็บ ทะยานอยู่บนก้อนเมฆ เกล็ดมังกรสีแดงเพลิงพลิ้วไหวไปตามสายลม, หัวมังกรขนาดใหญ่โผล่พ้นเมฆออกมา พ่นไฟสีทองแดง บนใบหน้าที่ดูน่าเกรงขาม มีรอยแผลเป็นยาวๆที่สามารถเพิ่มความดุดันขึ้นไปอีกขั้น
จากพลังที่แผ่ออกมาจากมังกรตัวนี้ ไม่ยากที่จะบอกได้ว่ามันมีระดับสูงกว่าระดับเทพเจ้า หรือนั่นก็คืสัตว์อสูรระดับสังหารเทพเจ้า!
ที่น่ากลัวกว่านั้นคือบนหัวของมังกรสีทองแดงตอนนี้ มีชายหญิงคู่หนึ่งยืนอยู่
ผู้ชายสวมเสื้อคลุมยาวสีน้ำตาล ผมเผ้าดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย มีรอยสักรูปสามเหลี่ยมบนใบหน้าด้านซ้าย แต่ถึงมีรอยสักเเต่ความหล่อเหลาของเขาก็เพียงพอที่จะสะกดใจสาวๆได้มากมาย
จากชายคนนี้ เราจะเห็นความผันผวนของพลังต่างๆมากมาย…เเละถ้ามองอย่างถี่ถ้วน ทุกคนจะรู้สึกว่าเขาดุจดาบศักดิ์สิทธ์ที่ถูกผนึกไว้นานนับพันปี
นอกจากนี้, ใบหน้าของชายคนนี้ เหมือนกับภาพในประกาศจับระดับสูงสุดของประเทศมังกรไม่มีผิดเพี้ยน
เขาคือเซียวเลี่ยเหยียน ผู้นำกองกำลังกบฏ!
ส่วนผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆเซียวเลี่ยเหยียน สวมเสื้อผ้าหนัง สวมหน้ากากแมว ปล่อยผมยาวสยาย
เธอคือเย่เม่ย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองกำลังกบฏ
ไม่ต้องพูดถึงอิทธิพลของกองกำลังกบฏ เพียงแค่คนสองคนนี้ ก็สามารถทำให้กองทัพบก กองทัพเรือ หรือกองทัพอากาศของประเทศมังกรพังพินาศได้เลย
"ท่านผู้นำ ตอนนี้เราอยู่เหนือเมืองหลงอิ๋น…วิทยาลัยชิงหลงที่คุณหนูอยู่ ก็อยู่ในเมืองนี้"
"อืม ข้ารู้"
"เราจะไปพบเขารึเปล่า?"
คำแนะนำของเย่เม่ย สั่นสะเทือนหัวใจของเซียวเลี่ยเหยียนเล็กน้อย
เซียวเลี่ยเหยียนสูดหายใจเข้าลึกๆ มองลงไปยังเมืองเบื้องล่าง สายตาคมกริบจับจ้องไปที่อาคารเรียนของวิทยาลัยชิงหลง
ในขณะนั้น เซียวซิงหยูยื่นหน้าออกไปนอกหน้าต่าง มองขึ้นไปบนท้องฟ้า
เเน่นอนว่าเซียวซิงหยูมองไม่เห็นสิ่งใดบนท้องฟ้า
ส่วนสายตาของเซียวเลี่ยเหยียนก็มองเห็นเพียงโครงร่างของวิทยาลัยชิงหลงเท่านั้น เขามองไม่เห็นเซียวซิงหยูเช่นกัน
"ยังไม่ถึงเวลาที่ข้าจะได้พบเขา"
"ท่านผู้นำ แล้วต้องรอถึงเมื่อไหร่ ท่านถึงจะไปพบเขา?"
เซียวเลี่ยเหยียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นรอยยิ้มอบอุ่นก็ปรากฏบนใบหน้าที่หล่อเหลา
"เด็กคนนี้เติบโตเร็วมาก ข้าเชื่อว่าอีกไม่นาน วันที่เราจะได้พบกันก็คงมาถึงเอง"
“เอาล่ะ…เรารีบไปกันเถอะ”
มังกรสีทองแดงรับรู้ถึงความตั้งใจของเจ้านาย มันเร่งความเร็ว เเล้วบินหายไปในหมู่เมฆทันที
…..
ณ ขณะนี้
เซียวซิงหยูหดหัวกลับเข้ามาในห้องเรียน เขาเอามือเท้าคางเเล้วใช้นิ้วชี้เคาะโต๊ะเบาๆ
"แปลกจัง พลังมังกรเมื่อกี้หายไปแล้ว ตอนนี้ไม่รู้สึกถึงพลังอะไรเลย"
"มังกรตัวนั้น มันเป็นมังกรแบบไหนกันเเน่นะ?"
กริ๊งงงง!!!
ทันใดเสียงออดก็ดังขึ้น เซียวซิงหยูสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป คว้ากระเป๋าแล้ววิ่งออกจากห้องเรียนทันที
อาคารเรียน ประตูโรงเรียน
ถนนหลังโรงเรียน อพาร์ตเมนต์สำหรับครอบครัว
เซียวซิงหยูวิ่งตลอดทาง เพราะคิดถึงพี่สาวมาก เขาไม่ยอมแม้แต่จะรอลิฟต์เเล้ววิ่งขึ้นบันไดไปยังห้องพัก
เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู เซียวรั่วเสวี่ยที่กำลังทำอาหารอยู่ในครัวก็ตะโกนออกมา
"เหมิงเหมิง ไปเปิดประตูหน่อย!"
เมื่อประตูเปิดออกเเล้วเย่ซือเหมิงเห็นคนตรงหน้า เธอก็ยิ้มร่าพร้อมวิ่งเข้าไปกอดทันที
"พี่ชาย!"
เย่ซือเหมิงเกาะเซียวซิงหยูเหมือนหมีโคอาล่าตัวน้อย
"เหมิงเหมิง พี่กลับมาแล้ว"
เซียวซิงหยูแกะเย่ซือเหมิงที่เกาะเขาเหมือนตุ๊กตาออก ลูบผมเปียสองข้างของเธออย่างเอ็นดู
"พี่ชาย พี่ออกจากบ้านไปตั้งครึ่งเดือน…หนูคิดถึงพี่จะแย่แล้ว!"
"เเล้วทุกวันหนูกับพี่รั่วเสวี่ยก็ได้ดูการแข่งขันซูเปอร์โนว่าทางทีวีด้วยนะ"
"พี่ชายเท่มากๆเลยตอนอยู่บนเวที พอหนูโตขึ้น หนูอยากแต่งงานกับผู้ชายเก่งๆแบบพี่ชาย!"
เซียวซิงหยูนวดแก้มป่องๆ ของเย่ซือเหมิงพรางล้อเลียนว่า
"เหมิงเหมิง เธอน่ะยังเด็กมาก…แล้วพี่ชายก็ไม่ชอบเด็กตัวเล็กๆ พี่ชายชอบสาวๆที่โตแล้ว"
"สาวๆที่โตแล้วมีดีอะไร…ฮึ่ม สาวๆที่โตแล้วมีอะไรเหมิงเหมิงก็มีเหมือนกัน"
เย่ซือเหมิงเบะปากอย่างน้อยใจ เเล้วก้มมองหน้าอกของตัวเอง
การเรียกเย่ซือเหมิงว่าสาวน้อยหน้าเด็กอกโต…คงไม่เกินจริงนัก
เด็กสาวคนนี้มีใบหน้าที่ดูเด็ก แต่รูปร่างไม่แพ้สาวๆที่โตแล้วเลยสักนิด
เเต่ทันใดนั้นเอง, เซียวรั่วเสวี่ยก็ยกอาหารจานสุดท้ายออกมาจากครัว
"เหมิงเหมิง มารับจานหน่อย!"
เย่ซือเหมิงรับจานจากเซียวรั่วเสวี่ย วางบนโต๊ะอาหาร แล้วจัดวางช้อนซ่อม
เซียวซิงหยูอดใจไม่ไหว รีบวิ่งเข้าไปกอดเซียวรั่วเสวี่ยไว้แน่น
"พี่สาว ผมคิดถึงพี่มาก"
เซียวซิงหยูกอดเซียวรั่วเสวี่ยแน่นขึ้น ซุกหน้าลงกับผมหอมๆของเธอ ราวกับอยากจะหลอมรวมพี่สาวเข้ากับตัวเขาเอง
"เซียวหยู พี่ก็คิดถึงเธอนะ"
ตั้งแต่เด็ก พี่น้องทั้งสองต่างพึ่งพาอาศัยเเละอยู่ด้วยกันมาตลอด
ครั้งนี้เซียวซิงหยูไปเมืองสี่วิญญาณเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันซูเปอร์โนว่า เขาจึงต้องจากเซียวรั่วเสวี่ยมาเป็นเวลาถึงครึ่งเดือน
นี่เป็นครั้งแรกที่พี่น้องทั้งสองต้องแยกจากกันเป็นเวลานานขนาดนี้, การกอดกันอย่างแนบแน่นนี้ ให้ความรู้สึกเหมือนคู่บ่าวสาวที่เพิ่งแต่งงานกันใหม่ๆเลน
การกอดกันเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ หลังจากนั้นทุกคนก็นั่งลงทานอาหารเย็นด้วยกัน
บนโต๊ะอาหาร เย่ซือเหมิงไม่ได้ทานอาหารอย่างตะกละตะกลามอย่างที่เคย, แต่เธอคอยตักกับข้าวให้เซียวซิงหยูตลอดเวลาเเทน
"พี่ชายทานเยอะๆนะ พี่ดูผอมลงไปมากเลย"
เซียวซิงหยูผอมลงจริงๆ แต่ไม่ใช่เพราะการแข่งขันซูเปอร์โนว่า แต่มันเป็นเพราะการต่อสู้กับกองทัพเรือในฐานะชายชุดดำต่างหาก
ในการต่อสู้นั้น เซียวซิงหยูกินยาเม็ดวิญญาณมังกรไปถึงสองเม็ด ทั้งพลังกายและพลังวิญญาณถูกใช้ไปจนหมด แถมยังถูกซ่างกวนหลานไล่ล่า จนต้องใช้หยาดน้ำตามังกรถึงรอดชีวิตกลับมาได้
โชคดีที่ในช่วงที่เขาหมดสติ เดลลูและเมดูซ่าได้ป้อนน้ำนมอสูรให้เขา…ไม่อย่างนั้นสถาพของเขาคงย่ำแย่กว่านี้มาก
“พี่สาว พี่กับเหมิงเหมิงได้ดูการถ่ายทอดสดไหม?”
“ดูสิ…ตอนนั้นเซียวหยูเท่มากเลยนะ!” เซียวรั่วเสวี่ยมองน้องชายด้วยความเอ็นดู เเละไม่ลืมตักซุปให้เขาด้วยตัวเอง
สำหรับเธอ แค่น้องชายเติบโตอย่างแข็งแรงและปลอดภัย เธอก็พอใจแล้ว
เซียวซิงหยูทานข้าวไปได้สี่ชาม ทันใดนั้น…เขาก็นึกอะไรขึ้นได้
“จริงสิพี่สาว วันนี้ของสัปดาห์หน้า ผมต้องออกเดินทางอีกแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้, รอยยิ้มของเซียวรั่วเสวี่ยก็จางหายไปทันที
“หือ? ต้องออกเดินทางอีกแล้วเหรอ?”
เซียวซิงหยูจับมือพี่สาว เเล้วอธิบายอย่างจนใจ
“ผมเพิ่งกลับมา อยากอยู่กับพี่ให้นานๆ…แต่วันนี้ของสัปดาห์หน้าก็ถึงเวลาสอบกลางภาคแล้ว”
หลังจากฟังคำอธิบาย เซียวรั่วเสวี่ยก็อดแสดงความเป็นห่วงออกมาไม่ได้
“คุ้มกันขบวนรถไฟหมายเลข 13 ไปเมืองหวงเยียนเหรอ? นั่นมันเมืองชายแดนทางตะวันตกของประเทศมังกรเลยนะ ระหว่างทาง…ต้องเจอกับอสูรร้ายเยอะแยะแน่ๆ”
“พี่สาวไม่ต้องห่วง ผมจะกลับมาอย่างปลอดภัย”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงอันมั่นใจของเซียวซิงหยู, เซียวรั่วเสวี่ยก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก
………
ตกดึก
เย่ซือเหมิงนอนหลับอยู่บนโซฟา กอดตุ๊กตาหมีที่เซียวซิงหยูซื้อให้ไว้แน่น
“เด็กคนนี้ นอนบนโซฟาอีกแล้ว”
เซียวซิงหยูกลัวว่าจะปลุกเย่ซือเหมิง เขาจึงไปหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวเธอ แล้วเอาหมอนมารองศีรษะให้
“พี่ชาย หนูก็อยากเป็นปรมาจารย์อสูร หนูก็อยากไปเรียนที่วิทยาลัยชิงหลง…”
เซียวซิงหยูชะงักไปเล็กน้อย, เขารู้ดีว่าสาเหตุที่เย่ซือเหมิงไม่สามารถเป็นปรมาจารย์อสูรได้ เพราะเธอเป็นโรคกลัวอสูรร้าย
โรคนี้เป็นทั้งโรคทางจิตใจ, เพียงแค่เห็นอสูรร้าย เธอก็จะหมดสติทันที ดังนั้นมันจึงไม่มีวิทยาลัยไหนรับนักเรียนที่มีปัญหาแบบนี้เข้าเรียน
“เหมิงเหมิง รอหลังสอบกลางภาคเสร็จ พี่จะหาเวลาว่างรักษาโรคกลัวอสูรร้ายของเธอให้หาย แล้วเธอจะได้เข้าวิทยาลัยชิงหลง กลายเป็นปรมาจารย์อสูรอย่างที่ใฝ่ฝัน”
เซียวซิงหยูนั่งยองๆข้างโซฟา พลางลูบหน้าเย่ซือเหมิงเบาๆ
“เซียวหยู พี่จัดห้องให้เรียบร้อยแล้ว…น้องเข้านอนได้แล้วนะ”
เมื่อเซียวซิงหยูหันไป เขาก็เห็นเซียวรั่วเสวี่ยในชุดนอนผ้าไหมเดินเข้ามาหา
ชุดนี้ทำให้เซียวรั่วเสวี่ยซึ่งมีรูปร่างที่เซ็กซี่…ได้โชว์หน้าอกอิ่ม เอวคอด สะโพกผายได้อย่างสมบูรณ์
“พี่สาว~”
“ว่าไง?”
“คืนนี้ผมขอนอนกับพี่เหมือนตอนเด็กๆได้ไหม?”
………………….