บทที่ 130: กลับบ้าน!
บทที่ 130: กลับบ้าน!
สายฝนที่ตกกระหน่ำตลอดทั้งคืนชะล้างทุกตารางนิ้วของเมืองสี่วิญญาณจนสะอาดหมดจด
ณ สนามบินสี่วิญญาณ
เซียวซิงหยูเป็นคนแรกที่ขึ้นเครื่องบิน
, ภายในห้องโดยสารชั้นเฟิร์สคลาสจึงว่างเปล่าไร้ผู้โดยสาร
“ทำไมถึงไม่มีคนอื่นเลยล่ะ?” เซียวซิงหยูพึมพำกับตัวเองอย่างสงสัย
ทันใดนั้น, เสียงทุ้มนุ่มของผู้หญิงก็ดังมาจากด้านหลังของเขา “เพราะฉันจ่ายเงินเช่าเหมาลำทั้งลำแล้วไงล่ะ”
“ท่านอธิการบดี! ท่านสิ้นเปลืองเกินไปแล้ว!”
เซียวซิงหยูร้องออกมาอย่างตกใจ เมื่อเห็นซูหรูเหยียนในชุดกระโปรงทรงเข้ารูป สวมแว่นตาขอบดำ ขายาวระหงภายใต้ถุงน่องสีดำ กับรองเท้าส้นสูงพื้นแดง…ลักษณะของเธอตอนนี้ ดูราวกับอาวุธสังหารผู้ชายที่เคลื่อนที่ได้
ซูหรูเหยียนยกยิ้มเล็กน้อย "พวกเธอคว้าแชมป์การแข่งขันซูเปอร์โนว่ามาให้วิทยาลัยชิงหลงได้ นี่คือสิ่งที่พวกเธอสมควรได้รับ"
จากนั้น พี่น้องมู่หรงและเฉินฉีเหนียนก็ทยอยขึ้นเครื่อง ทุกคนได้มาร่วมกันเพลิดเพลินกับสิทธิพิเศษของการเหมาลำ
……
เมื่อเครื่องบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ทะลุผ่านชั้นเมฆ
เซียวซิงหยูนั่งริมหน้าต่าง มองผ่านกระจก ชมทัศนียภาพอันงดงามของประเทศมังกร
“ในที่สุดก็ได้กลับบ้านแล้ว” เขาพึมพำเบาๆ
ตลอดครึ่งเดือนที่จากบ้านมา สิ่งที่เขาคิดถึงมากที่สุดคือพี่สาว เซียวรั่วเสวี่ย และน้องสาวตัวน้อย เย่ซือเหมิง
“ซิงหยู เมื่อกี้ก่อนขึ้นเครื่อง นายซื้ออะไรมาน่ะ ให้ฉันดูหน่อยสิ!” มู่หรงหยางซั่วเดินเข้ามาใกล้เซียวซิงหยูด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เขาจ้องมองห่อของขนาดใหญ่ในอ้อมแขนของเซียวซิงหยูเขม็ง
“พวกนี้เป็นของฝากจากเมืองสี่วิญญาณ มีเนื้อแดดเดียว, ขนมน้ำตาลชิงจิง… พี่สาวผมต้องชอบแน่ๆ”
“นายนี่เป็นซิสค่อนจริงๆสินะ”
เซียวซิงหยูยิ้มกว้าง “พี่สาวผม เป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดในโลก”
ทุกครั้งที่พูดถึงเซียวรั่วเสวี่ย ใบหน้าของเซียวซิงหยูจะปรากฏรอยยิ้มที่แสนอบอุ่น ความผูกพันระหว่างพี่น้องที่อยู่เคียงข้างกันมาตั้งแต่เด็กคือสิ่งล้ำค่าที่สุดในใจของเซียวซิงหยู
“ใช่ๆๆ พี่สาวนายน่ะ เป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดในโลก” มู่หรงหยางซั่วพูดพลางพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะถามขึ้นอย่างกะทันหัน
“แล้วน้องสาวฉันล่ะ?”
มู่หรงซินซินนั่งอยู่ด้านหลังเซียวซิงหยู แม้จะใส่หูฟังฟังเพลงอยู่ แต่เธอก็ยังได้ยินบทสนทนาของทั้งสองอย่างชัดเจน
เมื่อได้ยินคำถามนี้, เซียวซิงหยูมองไปที่มู่หรงหยางซั่วอย่างสับสน
“พี่หยางซั่ว พี่อยากถามอะไรกันแน่?”
“อย่ามาทำเป็นเล่นลิ้น ฉันถามเจ้าว่า นายคิดอย่างไรกับน้องสาวฉัน?” มู่หรงหยางซั่วถามด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
ดวงตาของเขาเป็นประกายวิบวับ ราวกับแม่สื่อประจำหมู่บ้าน
เซียวซิงหยูก็ไม่ลังเลที่จะตอบตามตรง
“ซินซินดีมากครับ เธอทั้งสวย ทั้งรูปร่างดี ถึงแม้ว่านิสัยจะเก็บตัวไปหน่อย แต่ก็เป็นคนใจดีมากคนหนึ่ง”
มู่หรงซินซินคือลูกสาวของมู่หรงจินพลเรือเอกแห่งกองทัพเรือ ทั้งรูปร่างหน้าตา พรสวรรค์ และความสามารถล้วนโดดเด่นเป็นเลิศ
เด็กสาวที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ย่อมเคยได้ยินคำชมเชยเเบบนี้มาตั้งแต่เด็กจนเบื่อหูแล้ว
แต่เมื่อได้ยินคำชมเเบบนี้จากปากของเซียวซิงหยู มู่หรงซินซินก็รู้สึกตัวสั่นไหวเล็กน้อย
เธอถอดหูฟังออก หูตั้งขึ้นเล็กน้อยราวกับกำลังตั้งใจฟังทุกคำพูด
มู่หรงหยางซั่วโอบไหล่เซียวซิงหยูไว้เเล้วถามต่อ
“ซิงหยู ฉันถามนายอีกครั้งนะ หากในอนาคตนายจะหาภรรยา นายจะหาแบบไหน?”
“แบบพี่สาวของผมครับ”
“เเล้มนอกจากพี่สาวของนายล่ะ?”
“ก็แบบซินซิน” เซียวซิงหยูตอบอย่างไม่ใส่ใจ
เเต่คำพูดของเขาราวกับก้อนหินขนาดใหญ่ที่ถูกโยนลงไปในใจของมู่หรงซินซิน จนก่อให้เกิดระลอกคลื่นมากมาย
“เซียวซิงหยู! ฉันเห็นนายเป็นพี่น้อง เเต่นายกลับคิดจะเป็นน้องเขยฉัน ฉันจะฆ่าเเก” มู่หรงหยางซั่วแกล้งทำเป็นโกรธ แต่ในใจกลับดีใจมาก
“ดูเหมือนเซียวซิงหยูกับน้องสาวฉันยังมีลุ้นแฮะ! ฮี่ๆๆ”
มู่หรงหยางซั่วและเซียวซิงหยูหยอกล้อกันโดยไม่ทันสังเกตเห็นมู่หรงซินซินที่นั่งอยู่ด้านหลัง
ในตอนนี้ มู่หรงซินซินนั่งตัวตรง ใส่หูฟังกลับเข้าไปแล้วเปิดเสียงดังสุด
ดูเหมือนเธอจะทำตัวสงบเช่นเดิม แต่จริงๆ แล้วเธอไม่สามารถปกปิดความรู้สึกที่ปั่นป่วนภายในใจได้
ใบหน้าของเธอแดงก่ำเหมือนแอปเปิลแดงสุก ติ่งหูร้อนผ่าว ลูกตากระตุกเล็กน้อย
หัวใจของหญิงสาว หากไม่หวั่นไหวก็แล้วไป แต่หากหวั่นไหวมันก็จะเป็นอีกเเบบทันที
“เซียวซิงหยู มู่หรงซินซิน บนเครื่องบินห้ามส่งเสียงดัง!” เฉินฉีเหนียนเอ่ยขัดขึ้นมา
เเต่ทันใดนั้นเอง, เซียวซิงหยูก็ได้กลิ่นอะไรเเปลกจนอดถามขึ้นมาไม่ได้
“อาจารย์เฉิน ผมได้กลิ่นเหล้า”
“อึก~” เสียงดื่มเบาๆ ดังมาจากซูหรูหยาน
“ท่านอธิการบดี ท่านดื่มเหล้าอีกแล้วเหรอครับ?...พอเเล้วๆท่านเหมือนจะเมาแล้วนะ”
“ฉันไม่ได้เมา!” ซูหรูหยานส่ายหน้า
“ท่านอธิการบดี ทำไมท่านถึงเดินไปทางห้องนักบินล่ะครับ?” เซียวซิงหยูพูดขึ้นอย่างตื่นตระหนก
“ฉันจะขับเครื่องบินเอง!” ซูหรูหยานประกาศกร้าว
“โอ้พระเจ้า…ท่านอธิการบดี ท่านใจเย็นๆก่อน!”
บนท้องฟ้า เครื่องบินเริ่มสั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากเหตุการณ์นี้ เซียวซิงหยูได้รู้จักซูหรูหยานในอีกมุมหนึ่ง
ซูหรูหยานในภาวะปกติ: ระดับความอันตราย 3 ดาว
ซูหรูหยานในภาวะมึนเมา: ระดับความอันตราย 3,000 ดาว
……
ณ เวลาเที่ยง
เครื่องบินได้ลงจอดอย่างปลอดภัย
ทันทีที่เซียวซิงหยูและคนอื่นๆเดินออกจากสนามบินหลงอิ๋น พวกเขาก็ได้ถูกห้อมล้อมด้วยชาวเมืองหลงอิ๋นที่ต่างกำลังตื่นเต้นดีใจ
“ยินดีต้อนรับเหล่าวีรบุรุษน้อยกลับบ้าน!”
“เซียวซิงหยู ฉันรักคุณ!”
“มู่หรงซินซิน! มู่หรงซินซิน! มู่หรงซินซิน!”
“คุณชายมู่หรงยอดเยี่ยมที่สุด!”
เซียวซิงหยูและพี่น้องมู่หรงคือวีรบุรุษผู้พาวิทยาลัยชิงหลงคว้าแชมป์ เเละนำความภาคภูมิใจมาสู่เมืองหลงอิ๋น
เเละนี่คืองานต้อนรับที่จัดขึ้นโดยชาวเมืองทั้งหมด
นอกจากนี้มันยังไม่ใช่แค่ที่สนามบินเท่านั้น แต่ตลอดเส้นทางจากสนามบินไปยังวิทยาลัยชิงหลง ต่างก็เต็มไปด้วยผู้คนที่มารอต้อนรับ
เซียวซิงหยูและคนอื่นๆ นั่งรถยนต์เคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆ ท่ามกลางฝูงชน
เพื่อที่จะเเสดงความยินดีร่วมกับชาวเมือง เซียวซิงหยูจึงปีนขึ้นไปบนหลังคารถ มือถือถ้วยรางวัลแชมป์การแข่งขันซูเปอร์โนว่าเเล้วยิ้มอย่างสดใสตลอดทาง
“เซียวซิงหยู สุดยอด!”
“พี่หยู คุณคือม้ามืดแห่งศตวรรษ!”
เสียงเชียร์ของฝูงชนที่มีต่อเซียวซิงหยู พิสูจน์ให้เห็นถึงสถานะของเขาในเมืองหลงอิ๋นในขณะนี้ได้เป็นอย่างดี
ผู้คนทั่วประเทศต่างรับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันซูเปอร์โนว่า และต่างก็รู้ว่าเซียวซิงหยูคือผู้มีส่วนสำคัญที่สุดที่ทำให้วิทยาลัยชิงหลงคว้าแชมป์มาได้
ณ วันนี้, เซียวซิงหยูจึงกลายเป็นวีรบุรุษในสายตาของชาวเมืองหลงอิ๋น เขาได้รับความเคารพและเสียงเชียร์อย่างล้นหลาม
รถยนต์เคลื่อนที่ไปจอดที่หน้าประตูวิทยาลัยชิงหลงอย่างช้าๆ
ที่ปลายทาง, คณาจารย์และนักเรียนของวิทยาลัยชิงหลงมายืนเรียงรายเพื่อต้อนรับ
โดยเฉพาะเพื่อนร่วมชั้นของเซียวซิงหยู ทุกคนต่างตื่นเต้นและพยายามเบียดเสียดเข้ามาหาเขา
วันนี้ทั้งเมืองเต็มไปด้วยความยินดีที่วิทยาลัยชิงหลงคว้าแชมป์ สถานีโทรทัศน์ทุกช่องต่างถ่ายทอดสดขบวนพาเหรดของเซียวซิงหยูและคนอื่นๆ
เเต่ท่ามกลางฝูงชนทั้งหมด มีขอทานคนหนึ่งผมเผ้ารุงรัง เสื้อผ้าขาดวิ่น
ขอทานคนนี้เปิดผมที่ยุ่งเหยิงออก ดวงตาแดงก่ำจ้องมองเซียวซิงหยูที่ถูกรายล้อมด้วยผู้คนอย่างไม่วางตา
เเละขอทานคนนี้คือหวังเยี่ยน ลูกชายของหวังตงเซิง อดีตรองผู้อำนวยการวิทยาลัยชิงหลง
ครั้งหนึ่ง หวังเยี่ยนถูกไล่ออกจากวิทยาลัยเนื่องจากละเมิดกฎระเบียบ
หวังตงเซิงต้องการแก้แค้นให้ลูกชาย แต่กลับถูกเซียวซิงหยูฆ่าตายในป่าชานเมือง
หวังเยี่ยนไม่รู้ว่าพ่อของเขาตายไปแล้ว เขาคิดว่าพ่อของเขาแค่หายตัวไป
แต่เนื่องจากการหายตัวไปอย่างลึกลับของพ่อ เขาจึงกลายเป็นหมาหัวเน่า เเละกลายเป็นขอทานที่ทุกคนรังเกียจอย่างทุกวันนี้
“เซียวซิงหยู!”
หวังเยี่ยนกัดฟันกรอด พึมพำชื่อของเซียวซิงหยูด้วยความเคียดแค้น
ไม่กี่เดือนก่อน เซียวซิงหยูและหวังเยี่ยนต่างก็เป็นนักเรียนใหม่ของวิทยาลัยชิงหลง
แต่เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไป ทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลง
เซียวซิงหยูคว้าแชมป์การแข่งขันซูเปอร์โนว่า กลายเป็นวีรบุรุษในสายตาของชาวเมืองหลงอิ๋น และเป็นเสาหลักของประเทศในอนาคต
ในทางกลับกัน หวังเยี่ยนไม่เพียงแต่ถูกไล่ออก แม้แต่คุณสมบัติการเป็นปรมาจารย์อสูรก็ยังสูญเสียไป สุดท้ายเขาก็กลายเป็นขอทานเร่ร่อน
ความแตกต่างระหว่างทั้งสองราวท้องฟ้ากับหุบเหว
เเละทันใดนั้นเอง หวังเยี่ยนก็รู้สึกว่ามีคนมาตบบ่า เมื่อเขาหันไปมองเขาก็ต้องตกใจสุดขีด
เพราะคนที่ตบบ่าเขาคือชายคนหนึ่งที่แต่งกายแปลกประหลาด สวมหมวกปีกกว้าง ริมฝีปากสีม่วงยกยิ้ม
“หวังเยี่ยน ลูกชายของหวังตงเซิงใช่ใหม”
“คุณเป็นใคร? คนรู้จักพ่อของข้างั้นหรือ?”
ชายลึกลับไม่ได้ตอบคำถามของหวังเยี่ยน แต่หันไปมองเซียวซิงหยูที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะเกลียดชังวีรบุรุษน้อยผู้นี้มากเลยนะ~”
“มันไม่ใช่วีรบุรุษบ้าบออะไรทั้งนั้น!” หวังเยี่ยนกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ
เมื่อได้ยินเช่นนี้, ชายลึกลับก็ยื่นนามบัตรให้เขา
“หากเจ้าต้องการเอาชนะเซียวซิงหยู ก็จงมาหาฉัน”
ในเสี้ยววินาที ชายลึกลับก็หายไปในฝูงชน
“หมอนั่นเป็นใครกัน? เเล้วนามบัตร…”
หวังเยี่ยนก้มลงมองนามบัตรในมือ ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ
ข้อความบนนามบัตร: กิลด์หุบเหวเเห่งความมืด
…………………….