บทที่ 395 การล้อมปราบครั้งที่สามล้มเหลว พลิกเกมรุกเป็นเกมรับ
###
“เจ้าคงพูดล้อเล่นใช่ไหม”
การสงบศึก... ย่อมไม่มีทางเป็นไปได้
เป้าหมายของมู่หลินในครั้งนี้คือการทำให้อ๋องตงไห่ได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เพื่อให้ทุกคนรับรู้ว่าการล่วงเกินเขาโดยปราศจากการไตร่ตรองนั้น ต้องแลกมาด้วยผลลัพธ์อันร้ายแรง
ผลลัพธ์ที่ทำให้พวกเขาหวาดผวา จนไม่กล้าลงมือกับมู่หลินอีก
เขาต้องการสร้างความหวาดกลัวเพียงหมัดเดียว เพื่อป้องกันหมัดนับร้อยที่จะตามมาในอนาคต
ด้วยแนวคิดนี้ ก่อนที่เป้าหมายของเขาจะสำเร็จ มู่หลินไม่มีทางหยุดยั้ง
ด้วยเหตุนี้ จี้เจิ้งจึงต้องตาย
เขาถูกเผาทั้งเป็นโดยวิญญาณอาฆาตแห่งการล้างแค้นที่ประกอบขึ้นจากวิญญาณนับล้าน
ในช่วงสุดท้ายก่อนตาย จี้เจิ้งยังคงสาปแช่งมู่หลินอย่างไม่หยุดหย่อน ทำให้มู่หลินรู้สึกสะท้อนใจเล็กน้อย
“สมแล้ว ที่เป็นเทพพิภพที่บรรลุจากพลังภายนอก ใจของเขาไม่สมบูรณ์เลยจริง ๆ” (ใจหมา)
หลังจากนั้น มู่หลินหันไปมองวิญญาณอาฆาต
หลังจากการต่อสู้อันดุเดือด วิญญาณอาฆาตหดตัวลงอย่างมาก เศษวิญญาณจำนวนมากถูกทำลายโดยจี้เจิ้ง
อย่างไรก็ตาม มู่หลินยังคงควบคุมวิญญาณอาฆาตนี้ไว้ได้อีกครั้ง
“ในโลกนี้ มีผู้ที่ตายอย่างไม่เป็นธรรมมากมายจนเหมือนโลกมนุษย์คือแดนขุมนรก เต็มไปด้วยพลังอาฆาต และข้าสามารถรวบรวมพลังอาฆาตเหล่านี้เพื่อสร้างวิญญาณอาฆาตได้”
“แต่จะไม่สามารถให้พวกมันรวมตัวกันทั้งหมดได้ เพราะพลังอาฆาตมากเกินไป ข้าไม่อาจควบคุมได้”
“วิธีที่ดีที่สุดคือใช้ร่างกระดาษทดแทนหนึ่งร้อยตัว แยกควบคุมวิญญาณอาฆาตเหล่านี้”
...
ในขณะที่มู่หลินกำลังครุ่นคิดถึงวิธีการเพิ่มพลังในมือ ผลกระทบจากการตายของเทพพิภพทั้งสองก็เริ่มแสดงออกสู่ภายนอก
การตายของเทพพิภพ ซึ่งเป็นผู้เชื่อมโยงจิตใจและพลังงานกับฟ้าดิน ย่อมไม่เงียบสงบ
เมื่อจี้เจิ้งและเทพพิภพอีกคนเสียชีวิต ฟ้าดินส่งเสียงโศกเศร้าก้องกังวาน และเกิดคลื่นพลังพิเศษแผ่กระจายออกไปทุกทิศทาง
คลื่นพลังนี้มาถึงจินห่าวหรานที่อยู่ไม่ไกลจากที่นั่น ทำให้เขาแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว
“พลังนี้… มีเทพพิภพตายไปแล้วหรือ?”
“รู้สึกได้ว่าเป็นจี้เจิ้ง และผู้อาวุโสของตระกูลจี้ แต่เรื่องนี้เป็นไปได้อย่างไร!”
“มู่หลินไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเทพพิภพนี่นา!”
จินห่าวหรานเคยประมือกับมู่หลินมาก่อน แต่เพราะการปะทะกันนั้นเองที่ทำให้เขารู้ว่า แม้มู่หลินจะมีความสามารถมากมายและซับซ้อน แต่เขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่แท้จริงของเทพพิภพ
ดังนั้น เขาจึงไม่เข้าใจว่าจี้เจิ้งและเทพพิภพอีกคนตายด้วยน้ำมือของมู่หลินได้อย่างไร
“แม้ว่าจะออกมาจากพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งลดพลังไปบ้าง แต่มู่หลินก็ไม่น่าจะฆ่าเทพพิภพได้”
เมื่อคิดเช่นนี้ จินห่าวหรานมองไปยังผู้อาวุโสจากตระกูลเหลียงที่อยู่ใกล้เขา
“นี่เป็นฝีมือของพวกเจ้าใช่ไหม? ตระกูลเหลียงกำลังช่วยมู่หลิน และเปิดศึกกับอ๋องตงไห่อย่างงั้นหรือ?”
คำพูดนี้ทำให้ฟู่ป๋อตื่นจากความตกตะลึง การตายของเทพพิภพสองคนทำให้เขารู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
แม้ฟู่ป๋อจะมองเห็นศักยภาพในอนาคตของมู่หลินและสนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างมู่หลินกับจี้หลิงซา แต่เขามองเห็นเฉพาะอนาคตของมู่หลิน ไม่ใช่พลังในปัจจุบัน
ดังนั้น การที่มู่หลินสามารถฆ่าเทพพิภพได้สองคน ทำให้ฟู่ป๋อรู้สึกมึนงง
อย่างไรก็ตาม ฟู่ป๋อรู้ดีว่ามู่หลินไม่ได้รับความช่วยเหลือจากพลังภายนอก การที่เขาสามารถฆ่าเทพพิภพสองคนได้นั้นเกิดจากพลังของเขาเอง
“แค่ขั้นหลุดพ้นก็ทำได้ถึงเพียงนี้ น่าทึ่งจริง ๆ… โชคดีที่มู่หลินมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับตระกูลเหลียง ความสำเร็จของเขาในอนาคตย่อมเป็นประโยชน์ต่อเรา”
ฟู่ป๋อเก็บความคิดไว้ในใจ แต่ไม่ได้ตอบคำถามของจินห่าวหราน เขากลับกล่าวอย่างเรียบง่ายว่า:
“ใครจะรู้ ตระกูลเหลียงไม่ใช่กลุ่มเดียวที่มีความสัมพันธ์ดีกับมู่หลิน ยังมีตระกูลเหยียนและตระกูลฉู่ รวมถึงขุนนางทางเหนือ และจักรวรรดิต้าหลิง พวกเขาอาจจะเป็นผู้ลงมือ”
“หรือไม่เช่นนั้น เทพพิภพสองคนนั้นอาจตายด้วยน้ำมือของมู่หลินเอง คำตอบมีมากมาย ข้าเองก็ไม่รู้แน่ชัด”
จากนั้น ฟู่ป๋อหันไปมองจินห่าวหรานและยิ้มเล็กน้อย:
“แต่ตอนนี้เจ้าไม่มีเวลามาคิดถึงเรื่องพวกนี้แล้วใช่ไหม? การต่อสู้ที่นั่นเพิ่งจบลง เจ้าจะไม่ไปหรือ? หากเจ้าไปตอนนี้ อาจมีโอกาสจับมู่หลินในจังหวะที่เขาเผลอ และฆ่าเขาได้”
ได้ยินเช่นนี้ จินห่าวหรานไม่มีความคิดที่จะไปเลย
ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด การที่มู่หลินฆ่าจี้เจิ้งได้ย่อมเป็นความจริง
และถ้ามู่หลินสามารถฆ่าจี้เจิ้งและเทพพิภพอีกคนได้ เขาย่อมสามารถฆ่าตนได้เช่นกัน
จินห่าวหรานไม่เคยคิดว่าตนเองเป็นเทพพิภพที่พิเศษกว่าผู้อื่น หรือแข็งแกร่งกว่าจี้เจิ้ง ถ้าจี้เจิ้งตายได้ เขาก็ย่อมตายได้เช่นกัน
“เจ้าผู้นั้นกำลังล่อลวงข้าให้ไปแน่ ข้าไม่มีทางไปเด็ดขาด”
“ยิ่งกว่านั้น สถานที่นี้ก็ไม่ปลอดภัย มู่หลินอาจปรากฏตัวที่นี่พร้อมกับผู้อาวุโสของตระกูลเหลียง ข้าอาจหนีไม่รอด”
เมื่อคิดได้ดังนี้ จินห่าวหรานซึ่งเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น ไม่เพียงแต่ไม่ไปยังเมืองหลอมเพลิงที่มู่หลินอยู่ แต่ยังถอยไปอีกก้าว มุ่งหน้าไปยังตำแหน่งของเทพพิภพอีกคนหนึ่งแทน
ฟู่ป๋อแม้จะลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ขัดขวาง
ไม่นานนัก จินห่าวหรานก็ได้รวมตัวกับเทพพิภพอีกคนที่ถูกอ๋องตงไห่เรียกตัวมา
เทพพิภพผู้นี้เป็นจอมยุทธ์พเนจร ผู้เชี่ยวชาญในวิชาไม้
ทันทีที่พบหน้า เขาก็เอ่ยถามจินห่าวหรานด้วยความร้อนรน
“เกิดอะไรขึ้น? ข้าได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือ และรับรู้ถึงการตายของเทพพิภพ ใครตาย?”
จินห่าวหรานตอบ:
“จี้เจิ้ง และผู้อาวุโสอีกคนของอ๋องตงไห่”
คำตอบนี้ทำให้เทพพิภพพเนจรตกอยู่ในความเงียบไปชั่วขณะ
หลังจากผ่านไปนาน เสียงแห้งผากที่เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อก็หลุดออกมาจากปากเขา
“ใครฆ่าพวกเขา? อย่าบอกนะว่าเป็นมู่หลิน?”
การที่ระดับหลุดพ้นสามารถฆ่าเทพพิภพได้สองคนในคราวเดียว เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อจนเทพพิภพพเนจรไม่อยากจะยอมรับ
ในความเป็นจริง จินห่าวหรานเองก็ไม่อยากเชื่อ
แต่ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไร ความจริงที่ว่าจี้เจิ้งตายไปแล้วก็ปฏิเสธไม่ได้
ข้อเท็จจริงที่แน่นหนานี้บังคับให้เขาต้องเชื่อ แม้จะไม่เต็มใจก็ตาม
“ข้าเองก็ไม่เชื่อว่าจี้เจิ้งจะตายด้วยน้ำมือของมู่หลิน แต่ความจริงเกิดขึ้นแล้ว เทพพิภพสองคนจากอ๋องตงไห่ได้ตายลงที่ที่มู่หลินอยู่”
“แน่นอน นี่อาจไม่ใช่ฝีมือของมู่หลิน แต่มีพลังอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง... ตอนที่ข้าไปช่วยจี้เจิ้ง ข้าถูกขัดขวางโดยคนของตระกูลเหลียง”
จินห่าวหรานกล่าวด้วยน้ำเสียงแฝงความกังวล:
“มีพลังหลายกลุ่มที่อยากให้อ๋องตงไห่ตาย คนของตระกูลเหลียงสามารถขัดขวางข้าได้ กองกำลังอื่นก็อาจช่วยมู่หลินฆ่าจี้เจิ้งและผู้อาวุโส”
“แต่เรื่องนี้ไม่สำคัญสำหรับเรา สิ่งที่เราต้องพิจารณาคือ เราควรไปต่อสู้กับมู่หลินและพลังที่อยู่เบื้องหลังเขา หรือกลับไปที่อ๋องตงไห่เพื่อรายงานสถานการณ์”
เทพพิภพพเนจรตอบกลับแทบจะในทันที:
“กลับไปเถอะ มู่หลินไม่ใช่คนที่เราจัดการได้อีกต่อไปแล้ว”
นี่เป็นคำตอบที่สมเหตุสมผล
ท้ายที่สุด ความแค้นกับมู่หลินเป็นเรื่องของอ๋องตงไห่ ไม่ใช่ของเขา
เขาเพียงตอบแทนบุญคุณที่อ๋องตงไห่เคยช่วยเหลือ แต่ชีวิตของเขามีค่ามากกว่า
“การสละชีวิตเพื่อไม่กี่พันตำลึง ข้าไม่ทำแน่”
ดังนั้น หยูหลิงจึงตัดสินใจที่จะถอย และหลังจากที่มู่หลินสามารถฆ่าเทพพิภพได้สองคน หยูหลิงผู้ไม่มีความแค้นกับมู่หลินโดยตรงก็อยากจะถอนตัวจากการล้อมปราบในครั้งนี้โดยสิ้นเชิง
“มู่หลินเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น ข้าทำการไล่ล่าเขามาก่อน แม้จะถอนตัวไปแล้ว เขาอาจไม่ยกโทษให้ข้า... คงต้องหาทางติดต่อกับตระกูลเหยียนและตระกูลฉู่ ให้พวกเขาช่วยเจรจา”
“เฮ้อ คราวนี้ข้าขาดทุนจริง ๆ”
ด้วยความหวาดกลัวในความสามารถของมู่หลิน ในที่สุดจินห่าวหรานและหยูหลิงก็ตัดสินใจไม่ไปสำรวจเมืองหลอมเพลิงที่จี้เจิ้งตาย แต่กลับไปยังเมืองเทียนไห่เพื่อรายงานสถานการณ์ให้อ๋องตงไห่
การถอยครั้งนี้ หมายความว่าการล้อมปราบมู่หลินครั้งที่สามที่อ๋องตงไห่เป็นผู้จัดล้มเหลวอีกครั้ง
และความล้มเหลวครั้งนี้ อาจเป็นครั้งสุดท้าย เพราะสถานการณ์ได้พลิกจากการรุกมาเป็นการตั้งรับอย่างสิ้นเชิง
.....
ตัวประกอบระดับเทพพิภพ ตายโดยแม้แต่ผู้เขียนก็ขี้เกียจตั้งชื่อให้