ตอนที่แล้วบทที่ 21 พวกคุณก็ต้องให้ความร่วมมือด้วยนะ!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 23 เอาไปประมูลขายเลยดีไหม!

บทที่ 22 ผลงานที่น่าตื่นตะลึง?!


บทที่ 22 ผลงานที่น่าตื่นตะลึง?!

"เรื่องที่พักไม่ใช่ปัญหา พวกเราแค่ช่วยกันแบ่งๆ ที่ว่างก็คงจะพอ หมู่บ้านเราหาที่พักได้เยอะแยะ"

รองผู้ใหญ่บ้านจ้าวหงเย่โบกมือไปมา "แต่โรงงานนี่หมายความว่ายังไงกัน ไม่ได้จะขายทั้งหมดให้คนพวกนั้นหรอกหรอ เราจะแปรรูปเองเนี่ยนะ"

นี่มันราคา 280 หยวนต่อกิโลเลยนะ!

มันเกินกว่าที่คาดไว้ตั้งเยอะ

ทำไมต้องคิดถึงเรื่องแปรรูปเองให้ยุ่งยากชักช้าด้วยล่ะ

แล้วถ้าเกิดแปรรูปเองมันจะทำเงินได้เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ

จะขายออกไหมก็เป็นปัญหาแล้ว

การตัดสินใจที่กะทันหันของเฉินจิ่วซือ ทำให้เขางงงวย

ในฐานะที่เคยเป็นผู้ใหญ่บ้านมาสิบกว่าปี เขาก็พอจะมีประสบการณ์ด้านการขายสินค้าเกษตรอยู่บ้าง

เขาไม่เข้าใจการตัดสินใจของเฉินจิ่วซือเลยจริงๆ

คนอื่นๆ ก็คิดเหมือนกัน

พวกเขาจ้องมองไปที่เฉินจิ่วซืออย่างใจจดใจจ่อ

ที่ผ่านมานอกจากเรื่องระดมพลปลูกกล้วยไม้สกุลหวายแล้ว เขาก็ไม่ใช่คนที่ทำอะไรผลีผลามนี่นา แล้วทำไมจู่ๆ เขาถึงกล้าที่จะก้าวไปข้างหน้ามากขนาดนี้กันนะ

"ส่วนใหญ่ก็ต้องขายอยู่แล้ว แต่จะเก็บไว้ส่วนหนึ่งเพื่อแปรรูปแล้วขายเอง" เฉินจิ่วซือพยักหน้าเล็กน้อย

"พวกเราเข้าใจว่าอยากจะทำกำไรให้มากขึ้น แต่ว่ามันจะเร็วเกินไปไหม ตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเก็บเกี่ยวกล้วยไม้สกุลหวายแล้ว ถ้าจะรอให้เริ่มสร้างโรงงาน ฝึกคนงาน กว่าจะเตรียมทุกอย่างเสร็จ มันก็คงจะเลยช่วงเวลาทองนี้ไปแล้วมั้ยคุณเฉิน"

คำพูดของจ้าวหงเย่นั้นแม้แต่กับผู้สนับสนุนหลักของเฉินจิ่วซือ ก็ยังรู้สึกว่ามีเหตุผล

ปีนี้เป็นปีแรก

ถ้าเริ่มตอนนี้ มันก็ดูเหมือนจะเร็วเกินไปจริงๆ

ปีนี้ก็ขายวัตถุดิบไปก่อน แล้วปีหน้าค่อยมาสู้กันใหม่ มันจะฟังดูสมเหตุสมผลกว่า

"เวลาในการเก็บเกี่ยวกล้วยไม้สกุลหวายนั้นมีตั้งแต่ตอนนี้ไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า มันทันอยู่แล้ว" เฉินจิ่วซือส่ายหน้า "แต่พวกคุณอาจจะไม่รู้ว่าในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา พวกเราดังในโลกออนไลน์แล้ว ตอนนี้คุณตาฝูไลฟ์สดมีคนดูเป็นแสนคน นี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะขยายแบรนด์ของตัวเอง"

"ถ้าพลาดโอกาสทองนี้ไป การจะสร้างแบรนด์ของเรามันก็จะยากขึ้นมาก"

เมื่อหยุดไปเล็กน้อย ก่อนที่จะมีใครโต้แย้งได้ เฉินจิ่วซือก็พูดต่อ "สรุปก็คือ ผมจะขายกล้วยไม้สด 100,000 จิน ให้กับบริษัทของหลี่ชุนเหลย ส่วนที่เหลือก็จะเอามาแปรรูปเอง"

คุณตาฝูไลฟ์สด มีคนดูเป็นแสนคน

ชั่วขณะนั้น ทุกคนต่างหันเหความสนใจไปที่คุณตาฝู

ในสายตาเต็มไปด้วยความสงสัย

คุณตาของคุณเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ

ในยุคนี้ คนในหมู่บ้านหลายคนก็ใช้ติ๊กต็อกเหมือนกับเฟซบุ๊ก

พวกเขามักจะโพสต์อะไรทั่วๆ ไป แล้วก็รอให้เพื่อนๆ มากดหัวใจ

สำหรับเรื่องพวกนี้ พวกเขาก็พอรู้มาบ้าง

บางห้องไลฟ์สดที่มีคนดูแค่ไม่กี่ร้อยคน ก็สามารถมีรายได้ที่ค่อนข้างดี ถ้าขายของ ก็สามารถขายได้เยอะ

และตอนนี้ เมื่อได้ยินว่าห้องไลฟ์สดของคุณตาฝูมีคนดูเป็นแสนคน มันจึงทำให้ทุกคนงุนงงไปหมด

ถ้าเป็นแบบนี้ แผนการของเฉินจิ่วซือก็ดูเหมือนจะสำคัญมากจริงๆ

นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะสร้างชื่อเสียง

คุณฝูเองก็งงเหมือนกัน!

พ่อตาของเขามีคนดูเป็นแสนเลยงั้นหรอ ทำไมเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ!

"เมื่อไม่กี่วันก่อน ผมให้คนย้ายของออกจากห้องกิจกรรมไปแล้วใช่ไหม ที่บอกว่ามีโครงการที่อยากจะลองทำน่ะครับ พูดง่ายๆ ก็คือการแกะสลักหินภูเขาไฟ แล้วก็ปลูกกล้วยไม้สกุลหวายลงบนนั้น เรียกง่ายๆ ว่าเป็นกระถางต้นไม้นั่นแหละครับ แต่ไม่คิดว่าฝีมือของคุณตาจะดีมากขนาดนี้ พอปล่อยคลิปปุ๊ป ก็ดังปั๊ปเลย" เมื่อเห็นคุณฝูและคนอื่นๆ กำลังงุนงง เฉินจิ่วซือก็เริ่มอธิบาย..

"สรุปก็คือ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะสร้างแบรนด์ของหมู่บ้านหยุนซี"

"เรื่องโรงงานก็ตัดสินใจตามนี้เลย!"

เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว แม้ว่าบางคนจะยังรู้สึกว่ามันเร็วเกินไป แต่เสียงนั้นก็ไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่อีกต่อไป

ถ้าอยากจะพัฒนา ก็ต้องกล้ารับความเสี่ยง

การออกทะเลหาปลาเองก็มีความเสี่ยง แต่ทำไมยังต้องออกทะเลล่ะ

พอได้เงินมานิดหน่อย ก็กลัวไปหมด มันไม่ถูกนะ!

ในเมื่อสามารถใช้ 'เงินที่ได้มาโดยบังเอิญ' เพื่อรับความเสี่ยงได้ แล้วพวกเขาจะมีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธ?!

มันก็แค่เรื่องของกำไรมากหรือน้อยเท่านั้น!

ยิ่งไปกว่านั้น เฉินจิ่วซือเป็นคนตัดสินใจ!

เมื่อขายกล้วยไม้สกุลหวายชุดนี้ออกไป แล้วได้เงินกลับมา ชื่อเสียงของเฉินจิ่วซือก็จะสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมาในหมู่บ้าน!

ถ้ากรรมการหมู่บ้านส่วนใหญ่ไม่สนับสนุนเขา เขาก็แค่เรียกประชุมชาวบ้าน ผลลัพธ์ก็คงจะเป็นการสนับสนุนจากคนส่วนใหญ่อยู่ดี

หลังจากพูดคุยเรื่องการต้อนรับผู้เชี่ยวชาญ และการเก็บเกี่ยวกล้วยไม้สกุลหวายเสร็จ การประชุมก็สิ้นสุดลง

จากนั้นเฉินจิ่วซือก็ตั้งใจจะเดินทางไปบ้านคุณตาฝู

ผลงานชิ้นใหญ่ที่ใช้เวลาถึง 3 วันกำลังจะเสร็จแล้ว เขาอยากจะดูสถานการณ์ในห้องไลฟ์สดเสียหน่อย

ถ้าเป็นไปได้ เขาก็จะสาธิตวิธีการปลูกกล้วยไม้สกุลหวายบนหินภูเขาไฟให้ดู เพื่อให้พวกเขาเห็นสถานการณ์และฝีมือของคนอื่นๆ ในสตูดิโอกระถางกล้วยไม้สกุลหวายหินภูเขาไฟ

ฝีมือของคนอื่นๆ อาจจะไม่เก่งเท่าคุณตาฝู แต่ก็ถือว่าค่อนข้างดี

ช่วงนี้พวกเขาได้แกะสลักตามที่เฉินจิ่วซือบอกไปไม่น้อย

เมื่อดูปฏิกิริยาของแฟนคลับแล้วถ้ามีคนที่สนใจเยอะ โครงการนี้ก็น่าจะไปได้ดี!

"จิ่วซือ เธอจะไปบ้านพ่อฉันเหรอ"

ขณะที่เดินออกมาได้ไม่กี่ก้าวก็มีเสียงดังขึ้นมา

"ใช่ครับ" เฉินจิ่วซือพยักหน้า "คุณลุงฝูจะไปด้วยกันไหม จือหยินเองก็กำลังไลฟ์สดกับคุณตาอยู่ด้วย!"

"แน่นอนว่าต้องไปสิ พ่อของฉันเป็นเน็ตไอดอลไปแล้ว ฉันที่เป็นลูกชายจะไม่ไปดูได้ยังไงเล่า ตั้งความหวังจะเป็นมังกรมาทั้งชีวิต รู้สึกเหมือนดินจะกลบหลังแล้ว แต่พ่อกลับบินขึ้นไปซะได้ นายว่ามันน่าโมโหไหมล่ะฮ่าๆ"

เสียงของคุณฝูสูงกว่าปกติเล็กน้อย

เหมือนกับว่ากำลังโกรธจริงๆ

เมื่อฟังแล้วเฉินจิ่วซือก็รู้สึกขำๆ "มันก็ดีไม่ใช่เหรอครับ คุณตาบินขึ้นไปแล้ว จือหยินกับผมก็จะพลอยได้รับอานิสงส์ไปด้วย แล้วพวกเราทั้งหมู่บ้านก็ต้องพึ่งพาคุณตาแล้ว!"

ทั้งสองคนก็คุยกันไปเรื่อยๆ

เมื่อเดินออกไปไกล จนมองไปรอบๆ ก็ไม่มีคนอื่นแล้ว คุณฝูก็เปลี่ยนเรื่อง "เธอพูดกับฉันตามตรงเลยนะ ตอนนี้พ่อฉันเป็นยังไงบ้าง งานของเขาทำไมถึงมีคนชอบเยอะขนาดนั้นได้ล่ะ"

"เมื่อกี้ยังบอกว่าตั้งความหวังจะเป็นมังกรอยู่เลย ทำไมตอนนี้ไม่เชื่อมั่นในตัวคุณตาแล้วล่ะครับ"

"ไม่ใช่แบบนั้น ถ้าเขาแกะสลักด้วยหยก หรือแกะสลักด้วยทองคำ หรือแม้แต่แกะสลักด้วยหินงอกหินย้อย หรือหินธรรมดา ฉันก็จะไม่รู้สึกแบบนี้เลย แต่แกะสลักด้วยหินภูเขาไฟเนี่ยนะ ทำไมถึงมีคนชอบเยอะขนาดนี้ได้ล่ะ"

คุณฝูพูดต่อด้วยหน้าตาที่ดูไม่เชื่อ "ช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาแกะสลักไปไม่ต่ำกว่า 800-1000 ชิ้นแล้ว แล้วมันเคยขายได้เมื่อไหร่กันล่ะ สมัยก่อน.. ตอนนั้นเขาเคยถูกหลอกส่งงานไปขายเป็นของที่ระลึกที่เกาะไห่หนาน แต่ก็ไม่ได้เงินบ้าง โดนดูถูกบ้างอะไรบ้าง.."

เหมือนกับกำลังนึกถึงความทรงจำที่ไม่ดีนัก สีหน้าของคุณฝูก็ดูแย่ลงเล็กน้อย

"ก็คงเป็นเพราะยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้วมั้งครับคนถึงชอบแบบนี้" เฉินจิ่วซือจนปัญญา "แต่ความจริงก็คือ ทุกคนชอบผลงานของคุณตา เดี๋ยวอีกสักพัก คุณลุงก็จะได้เห็นเอง ไม่ต้องเป็นห่วงคุณตานะครับ"

ผ่านไปอีกไม่ถึงห้านาที

ทันทีที่เดินเข้าไปในบ้านของคุณตาฝู เฉินจิ่วซือก็ถึงกับตาค้าง

มันช่างน่าตกตะลึง!

เมื่อเทียบกับ 28 นักษัตรเดิมที่อยู่ในวัดอวี้หวัง การแกะสลักของคุณตาดูน่าเกรงขามกว่ามาเลยทีเดียว

บางทีนี่อาจเป็นลักษณะเฉพาะของหินภูเขาไฟสีดำที่ส่งผลต่องานศิลปะชิ้นนี้

เหมือนกับว่าแสงสว่างทั้งหมดจะถูกกลืนกินโดยการแกะสลัก

ท่าทางของแต่ละนักษัตรดูสง่าและเคร่งขรึมอย่างหาที่เปรียบไม่ได้เลย!

นี่ถ้าแกะสลักเป็นจงขุย คงไม่มีผีกล้าเข้ามา... ไม่รู้ทำไม ในหัวของเฉินจิ่วซือถึงนึกคำนี้ขึ้นมา..

*** จง ขุย (จีน: 鍾馗; พินอิน: Zhōng Kuí) เป็นเทพกึ่งปีศาจในตำนานเทพของจีน เชื่อกันว่าจงเขว่ยเป็นผู้กำราบปิศาจร้าย และมักจะวาดภาพจงเขว่ยไว้ที่หน้าประตู เพื่อเป็นผู้ปกปักษ์คุ้มครองบ้าน ***

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด