ตอนที่ 240 แย่งค้อน!
ตอนที่ 240 แย่งค้อน!
“พวกนายต้องการความช่วยเหลือไหม?”
เอริคมาถึงในเวลาที่เหมาะสมที่สุด เพราะตอนนี้ไอรอนแมนและกัปตันอเมริกากำลังช่วยกันล่อเป้าให้รีดสร้างอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อจัดการกับผู้ทำลายวิญญาณจนสำเร็จ ทำให้ผู้ทำลายวิญญาณเริ่มล่าถอยทีละนิด
อย่างไรก็ตาม ผู้ทำลายวิญญาณ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ธรรมดา เมื่อถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง เขาก็โกรธจัดและละทิ้งการป้องกันไม่สนใจการโจมตีของคนอื่นอีกต่อไป และพุ่งตรงไปยังฝูงคนและเริ่มก่อความวุ่นวาย ทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้น
“ไม่ ไม่ต้อง ขอบคุณ ฉันคุมสถานการณ์ได้แล้ว ขอเวลาอีกสองนาที ฉันจะจัดการเขาได้แน่นอน!” รีดพูดด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก ซึ่งอาจเป็นเพราะเขายังไม่สามารถช่วยเพื่อนของตัวเองได้สำเร็จ
“เอริค นายมาทันเวลาพอดี รีบหยุดเขาไว้ก่อน!” กัปตันอเมริกากล่าวในทางตรงกันข้าม เพราะผู้ทำลายวิญญาณ เริ่มโจมตีประชาชนทั่วไป เขาจึงต้องการให้หยุดอีกฝ่ายก่อนที่จะมีการสูญเสียเพิ่มขึ้น
“เฮ้ เพื่อน เรื่องชุดเกราะของฉันเป็นไงบ้าง? นายไม่ได้บาดเจ็บใช่ไหม?” โทนี่บินมาหาเอริคพร้อมเปิดหน้ากากออก และยิงคำถามด้วยน้ำเสียงหยอกล้อทันที
เอริคเข้าใจดีว่าโทนี่หมายถึงชุดเกราะที่ออกแบบมาเพื่อต่อต้านเขาโดยเฉพาะ และชุดเกราะนั้นก็ได้เสียการควบคุมไปทันทีเมื่อมันยกค้อนขึ้น ดังนั้นโทนี่จึงอยากรู้ชุดเกราะที่เขาสร้างขึ้นมันสามารถสร้างความเสียหายให้กับเอริคได้หรือไม่
“เสียใจด้วยโทนี่ มันควบคุมไม่ได้ ฉันเลยต้องทำลายมันไป และฉันก็ขอแนะนำให้นายเปลี่ยนแนวคิดใหม่ เพราะฉันใช้เวลาแค่ไม่กี่วินาทีในการฉีกมันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย” เอริคพูดพร้อมรอยยิ้ม
โทนี่เลิกคิ้วขึ้น “โอ้? แล้วมีอะไรจะแนะนำไหม?”
“พวกนายสองคน ฉันคิดว่าควรจัดการปัญหาตรงหน้าก่อนดีไหมว่า ดูเหมือนว่า ดร.รีด จะไม่ได้จัดการเขาได้ในสองนาทีตามที่พูดแน่นอน!” นาตาชาหลบการโจมตีของผู้ทำลายวิญญาณ ก่อนจะวิ่งมาหาเอริคและโทนี่ พร้อมกับเปลี่ยนแมกกาซีนของปืนอย่างรวดเร็ว
“ได้สิ ในเมื่อสุภาพสตรีสั่ง ฉันก็คงต้องทำตาม!” เอริคพูดด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ยกมือขึ้นและกำหมัดเบา ๆ
ทันใดนั้นผู้ทำลายวิญญาณก็ลอยขึ้นไปในอากาศโดยไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ทำให้มันตะโกนด้วยความโกรธพลางเหวี่ยงค้อนในมือไปทั่ว แต่ก็ไม่สามารถสัมผัสสิ่งใดได้
เมื่อเห็นดังนั้นทุกคนจึงหยุดโจมตี ส่วนรีดเองก็หยุดใช้อุปกรณ์ด้วยใบหน้าไม่สู้ดีสักเท่าไหร่
“ส่งค้อนมาให้ฉัน!” เอริคตะโกนพลางยื่นมืออีกข้างไปทางผู้ทำลายวิญญาณ ก่อนที่ค้อนในมือของผู้ทำลายวิญญาณจะถูกแรงดึงดูดดึงเข้ามาหาเอริค
ผู้ทำลายวิญญาณพยายามจับค้อนนั้นไว้แน่นและส่งเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่ง
“แรงเยอะเหมือนกันนะ!” เอริคพูดพลางหัวเราะ ก่อนจะเพิ่มแรงดึงดูดเป็นสองเท่า ทำให้ค้อนหลุดจากมือของผู้ทำลายวิญญาณในที่สุด ก่อนที่เขาจะทำให้ผู้ทำลายวิญญาณหมดสติไป
“ระวัง! อย่าแตะต้องค้อน!” กัปตันอเมริกาตะโกนเตือน แต่ก็สายไปแล้วเพราะเอริคจับค้อนนั้นไว้ในมืออย่างแนบแน่น
“อะไรนะ?” เอริคยกค้อนขึ้นมองกัปตันอเมริกา
“ทำไมนายไม่ถูกควบคุม?” กัปตันอเมริกาถามด้วยความสงสัย
“โอ้ เรื่องนั้นเหรอ?” เอริคย้ายค้อนไปอีกมือหนึ่งพลางยักไหล่ “บางทีฉันอาจจะไม่ถูกชะตากับค้อน มันเลยไม่ชอบฉันก็ได้!”
แม้ว่าทุกคนจะรู้ว่าเอริคไม่ได้พูดความจริง แต่ไม่มีใครซักถามเพิ่มเติม ส่วนโทนี่ก็คาดเดาอย่างกล้าหาญว่าเอริคอาจใช้พลังสนามแม่เหล็กควบคุมค้อนโดยที่ไม่ได้แตะต้องมันจริง ๆ
“ขอบคุณ คุณเอริค” ซูซานพูดขอบคุณ พลางใช้พลังควบคุมสนามพลังงานเพื่อส่งตัวเบน กริมกลับไปที่ตึกแบ็กซ์เตอร์
“คุณเอริค ฉันคิดว่าของชิ้นใหญ่ในมือคุณ ควรเก็บให้มิดชิดน่าจะดีกว่านะ” นาตาชาลากกล่องโลหะขนาดใหญ่เข้ามาและวางตรงหน้าเขา
เอริคมองนาตาชา และเหลือบมองกล่องใบนั้น
กล่องโลหะสีเงินนี้มีระบบป้องกันและติดตามที่ซับซ้อน บนฝามีโลโก้รูปเหยี่ยวของชีลด์พร้อมตัวอักษร ‘S.S.R.084’ เขียนติดเอาไว้อยู่
“ฮ่า ๆ ฉันเพิ่งได้ค้อนมา เธอก็เตรียมกล่องรอไว้เลยงั้นเหรอ?”
นาตาชามองหน้าเอริค พลางกลอกตาด้วยความเหนื่อยหน่าย “คำสั่งของผู้อำนวยการ”
เอริคหันไปมองกัปตันอเมริกา ซึ่งเคยพูดไว้ว่าเขาสงสัยว่าฟิวรี่อาจเกี่ยวข้องกับไฮดรา
กัปตันอเมริกาลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าพร้อมมองโลโก้เหยี่ยวบนกล่อง “เอริค ฉันคิดว่าของชิ้นนี้ควรมอบให้ชีลด์ดูแลน่าจะปลอดภัยที่สุด”
“ไม่ ค้อนอันนี้ตกลงมาที่ตึกแบ็กซ์เตอร์ และมันเลือกเบ็น ดังนั้นเรื่องนี้ควรเป็นหน้าที่ของทีมแฟนแทสติกโฟร์ เอริค คุณช่วยส่งค้อนให้ผมได้ไหม?” รีดพูดขึ้นหลังจากได้ยินการถกเถียงเกี่ยวกับการแบ่ง ‘ของรางวัล’ และรีบเดินเข้ามาทันที
“ด็อกเตอร์รีด ฉันคิดว่าพวกคุณไม่มีความสามารถที่จะเก็บรักษามันได้!” นาตาชาปัดผมยาวของเธออย่างสง่างาม พร้อมส่งสายตาที่ทั้งเย้ายวนและแฝงไปด้วยการคุกคามไปที่รีด
“ให้ผมเวลาไม่กี่วัน ผมจะสร้างอุปกรณ์ที่สามารถควบคุมค้อนอันนี้ได้อย่างแน่นอน!” รีดมั่นใจในความสามารถทางวิทยาศาสตร์ของตัวเองมาก
“คุณต้องการจะศึกษาค้อนอันนี้เหรอ? งั้นผมก็ยิ่งไม่สามารถปล่อยคุณเอามันไปได้!” กัปตันอเมริกาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น พร้อมหยิบโล่ออกจากหลังเพื่อแสดงออกถึงการคัดค้าน
“เลิกเถียงกันได้แล้ว พวกนายก็มีจุดประสงค์เหมือนกันไม่ใช่หรือไง? ถ้าชีลด์ได้ไปก็คงจะเอามันไปวิจัยเหมือนกัน!” โทนี่อดไม่ได้ที่จะพูดแทรกขึ้นมา “เอริค ส่งให้ฉันดีไหม? ฉันสามารถส่งมันไปยังอวกาศได้ รับรองว่าไม่มีใครหาเจอแน่นอน”
“ฉันก็ส่งมันไปได้เหมือนกัน!” รีดรีบแย้ง “ยานของฉันสามารถบินไปในอวกาศได้แล้ว!”
“ส่งให้ชีลด์ปลอดภัยกว่า . . .”
“ชีลด์อาจใช้มันในทางที่ผิด! สตาร์ค อินดัสตรีส์มีทรัพยากรมากพอที่จะซ่อนมันเอาไว้ได้ . . .”
“ทีมแฟนแทสติกโฟร์สามารถทำได้ดีกว่า . . .”
การถกเถียงเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ทำให้เอริคที่ยืนฟังอยู่ส่ายหัวอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะตะโกนว่า “เงียบ!”
ทุกคนหยุดโต้เถียงกันและหันมามองเอริคกันอย่างพร้อมเพียง
“ค้อนที่ตกลงมาบนโลกครั้งนี้ มีทั้งหมดเจ็ดอัน และถ้านับรวมกับอีกอันที่ตกลงมาที่ขั้วโลกเหนือเมื่อหลายสิบปีก่อน ก็รวมเป็นแปดอัน!”
“ที่ขั้วโลกเหนือ? หลายสิบปีก่อน?” ทุกคนต่างตกใจ เพราะพวกเขารู้แค่เรื่องของค้อนเจ็ดอันที่ตกลงมาครั้งนี้ แต่ไม่เคยได้ยินเรื่องของค้อนที่เรียกว่า ‘ค้อนของสการ์ดี’ เลย
เอริคไม่สนใจที่จะอธิบายเพิ่มเติม ก่อนที่เขาจะยกค้อนขึ้นพร้อมพูดว่า “ค้อนทั้งหมดแปดอัน ตอนนี้อีกเจ็ดอันถูกฉันทำลายไปแล้ว และฉันคิดว่าอันนี้ก็ไม่ควรจะเป็นข้อยกเว้น จริงไหม?”
ขณะที่เอริคพูดรอยร้าวก็เริ่มปรากฏบนค้อน ทำให้ทุกคนพยายามจะหยุดเขา แต่มันก็สายเกินไป และทำได้เพียงมองดูค้อนที่แตกเป็นเศษเหล็ก และถูกเอริคทำลายจนกลายเป็นผุยผงในพริบตา
“คราวนี้ยังจะแย่งค้อนกันอีกไหม?”
“เอาล่ะ ฉันยังมีเรื่องต้องทำอยู่ เพราะงั้นขอตัวก่อน ส่วนพวกนายก็คุยกันต่อเถอะ!” เอริคปัดฝุ่นที่มืออย่างไม่ใส่ใจ แล้วหันหลังเดินจากไป
โปรดติดตามตอนต่อไป …