ตอนที่ 13
ตอนที่ 13 ภารกิจสำเร็จ
"ไม่ต้องกลัว ฉันไม่ใช่คนเลว สังกัดสำนักงานจัดการพลังเหนือธรรมชาติ ฉู่ ป๋อหยวน"
ชายคนนั้นพูดขึ้นเมื่อเห็นความงุนงงและความหวาดกลัวบนใบหน้าของหลี่ชิงโจว พร้อมกับยื่นบัตรประจำตัวออกมา
บนมุมซ้ายของบัตรมีรูปถ่ายของชายคนนั้น และทางขวามือเป็นข้อมูลประจำตัว
ฉู่ ป๋อหยวน หัวหน้าหน่วยรบพิเศษชุดที่หนึ่ง แห่สำนักงานนจัดการหุบเหว และจัดการพลังเหนือธรรมชาติ
ที่ด้านล่างของบัตรมีตราประทับของสำนักงานจัดการพลังเหนือธรรมชาติ
หลี่ชิงโจวมองชายคนนั้นด้วยสายตาสงสัย แต่พยักหน้าเล็กน้อย
"โอเค งั้นฉันขอทำงานก่อนแล้วกัน"
ฉู่ ป๋อหยวนพูดขึ้น ก่อนจะหยิบถุงมือสองคู่จากเสื้อของเขาและสวมลงไป จากนั้นเขาก็หยิบถุงใบหนึ่งออกมา ถุงนั้นแวววาวเล็กน้อย ดูแล้วไม่ใช่ถุงธรรมดา
เขาหยิบตัวหนอนสีดำบนพื้นขึ้นมาอย่างระมัดระวังและใส่มันลงไปในถุง จากนั้นเขาก็หยิบไฟฉายออกมา กดปุ่ม และแสงสีขาวบริสุทธิ์ก็ส่องออกมา
แสงสีขาวส่องไปยังรอยแตกบนกำแพง รอยแตกสีดำค่อยๆ จางลงทีละน้อยจนกระทั่งหายไปหมด
ฉู่ ป๋อหยวนแขวนถุงนั้นไว้ที่หัวของนกจักรกล จากนั้นถอดถุงมือและโยนมันเข้าไปในถุงใบเดียวกัน
"เรียบร้อยแล้ว" เขาตบมือและพูดขึ้น
หลี่ชิงโจวจ้องมองชายคนนั้นทำงานอย่างเงียบๆ แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจ แต่เขาก็รู้ว่ารอยแยกถูกกำจัดออกไปและสถานการณ์ปลอดภัยแล้ว
“รอยแยกและตัวหนอนพวกนั้นคืออะไรกันแน่?”
หลี่ชิงโจวถามด้วยความอยากรู้ รอยแยกและตัวหนอนพวกนั้นมันแปลกประหลาดเกินไป เขาจะไม่สบายใจจนกว่าจะเข้าใจมันได้
“รอยแยกนี้เรียกว่าช่องว่างแห่งเหวลึก มันเป็นการแสดงออกของพลังที่แทรกซึมมาจากหุบเหว ส่วนหนอนแห่งความฝันนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติที่อาศัยอยู่ในช่องว่างนี้ พวกมันเก่งในการโจมตีผ่านความฝันและกินเลือดมนุษย์เพื่อแพร่พันธุ์และขยายช่องว่างของเหวลึกออกไปเรื่อยๆ เมื่อช่องว่างขยายถึงจุดหนึ่ง การกัดกร่อนของเหวลึกจะรุนแรงขึ้น และจะมีสัตว์ประหลาดอื่นๆ หลุดออกมาจากหุบเหวอีก”
ฉู่ ป๋อหยวนตอบ จากนั้นเขาก็หยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋า
“คุณจะรังเกียจไหมถ้าฉันจะสูบบุหรี่สักมวน”
หลี่ชิงโจวพยักหน้าโดยไม่ได้ว่าอะไร
ฉู่ ป๋อหยวนจุดบุหรี่ สูบเข้าปอดลึกๆ แล้วพ่นควันออกมาเป็นวง เขามองลอดควันบุหรี่ออกไปยังเมืองที่พลุกพล่านในระยะไกล ไฟนีออนที่ส่องสว่างและรถยนต์ที่แล่นผ่านไปมา
“โลกนี้ดูเหมือนจะเจริญรุ่งเรืองและมั่นคง แต่ความจริงแล้วมันเต็มไปด้วยกระแสใต้ผิวน้ำที่ปั่นป่วน คุณอาจไม่รู้ตัว แต่คุณอาจช่วยโลกไว้เมื่อครู่นี้ก็เป็นได้”
ใบหน้าที่ดูเคร่งขรึมของฉู่ ป๋อหยวนเผยแววหม่นหมองออกมา ซึ่งขัดแย้งกับบุคลิกที่ดูดุดันของเขา
หลี่ชิงโจวไม่เข้าใจ เขาเพียงแค่ต้องการช่วยตัวเอง เขาไม่ใช่ซูเปอร์ฮีโร่ ไม่มีความทะเยอทะยานที่จะช่วยโลก และแน่นอนว่าเขายังไม่มีความสามารถในตอนนี้
“คุณทำได้ยังไง?”
ฉู่ ป๋อหยวนสังเกตเห็นจิ้งจอกแดงตั้งแต่แรก ไม่มีทางเลยที่จิ้งจอกแดงระดับเหล็กดำนั้นจะสามารถจัดการหนอนแห่งความฝันได้ ดังนั้นเขาจึงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น แม้ว่าหนอนแห่งความฝันจะถูกจำกัดพลังหลังจากออกมาจากเหวลึกและไม่สามารถแสดงพลังได้เต็มที่ แต่พวกมันก็เก่งในการซ่อนตัวและใช้ความฝันเพื่อส่งผลกระทบต่อโลกแห่งความจริงอย่างเงียบๆ ท้ายที่สุดแล้วมันก็ยังเป็นสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติที่อยู่ในเหวลึก ไม่ควรจะถูกกำจัดง่ายๆ
หลี่ชิงโจวเล่าเรื่องราวคร่าวๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น
“จิ้งจอกแดงที่มีพลังจิต? หายากมาก”
ฉู่ ป๋อหยวนมองไปที่จิ้งจอกแดงด้วยสายตาแปลกใจ
สัตว์ประหลาดในเหวลึกส่วนใหญ่ใช้พลังจิตในการกัดกร่อนและส่งผลกระทบต่อโลกมนุษย์
ดังนั้น การมีพลังจิตที่ระดับใกล้เคียงกันจึงเป็นกุญแจสำคัญในการต่อสู้กับพวกมัน
“นายชื่ออะไร?” ฉู่ ป๋อหยวนถาม
“หลี่ชิงโจว”
หลี่ชิงโจวไม่ได้คิดจะปิดบังอะไร เขาบอกชื่อของตัวเองไป
"นี่นามบัตรของฉัน จำไว้ว่าถ้าเจอสถานการณ์แบบนี้อีกให้ติดต่อมาหาฉัน อย่าคิดอวดดี"
ฉู่ ป๋อหยวนหยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้หลี่ชิงโจว
หลี่ชิงโจวรับนามบัตรมาและมองดู มันมีข้อมูลเหมือนกับบัตรประจำตัวก่อนหน้า แต่เพิ่มเติมช่องทางการติดต่อไว้ด้วย
ฉู่ ป๋อหยวนโบกมือเบาๆ ก่อนจะกระโดดขึ้นไปยืนบนหลังนกจักรกล
ชายหนุ่มรู้สึกว่าหลี่ชิงโจวมีบางอย่างพิเศษ การที่ยังรอดชีวิตจากผลกระทบของรอยแยกเหวลึกระดับนี้ถือว่าเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์อยู่แล้ว และยังสามารถจัดการกับตัวหนอนแห่งความฝันได้ด้วยตัวเองอีก ซึ่งยิ่งไม่น่าเชื่อเข้าไปใหญ่
ในการเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดจากเหวลึก แม้แต่นักควบคุมสัตว์อสูรมืออาชีพก็ยังต่อสู้ได้อย่างยากลำบาก
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่สถาบันควบคุมสัตว์อสูรอันดับหนึ่งของเมืองหลินหยวนมีนักเรียนที่เก่งขนาดนี้? พอกลับไปต้องสืบประวัติและรายละเอียดเพิ่มเติม
เขาจำได้ว่าหลี่ชิงโจวใส่ชุดนักเรียนอยู่ด้วย
รอยยิ้มจางๆ ปรากฏบนใบหน้าของเขา
นกจักรกลกางปีกกว้าง และบินหายลับไปบนท้องฟ้า
เมื่อหลี่ชิงโจวเดินออกจากตรอกด้วยใบหน้าที่เหนื่อยล้า จางไห่ก็เก็บแมวจรจัดทั้งสี่ตัวใส่กรงล็อกอย่างเรียบร้อยแล้ว
เขายืนอยู่ข้างกรงพร้อมกับสัตว์เลี้ยงของเขา "วัวป่า" มองไปยังตรอกที่หลี่ชิงโจวเพิ่งออกมา
"หัวหน้า จับแมวได้หรือยัง?"
จางไห่เห็นหลี่ชิงโจวก็ถามด้วยน้ำเสียงดีใจ
หลี่ชิงโจวก้าวเดินอย่างหนักหน่วง เหมือนเพิ่งวิ่งมาสิบกิโลเมตร และไม่มีเงาของแมวภูตระดับเหล็กดำ 5 ตัวนั้นอยู่ข้างเขาเลย
"หัวหน้าทำไม่สำเร็จเหรอ? ก็ไม่แปลกใจเลย แมวผีมันยืดหยุ่นเกินไป ยากที่จะจับ การจับได้สี่ตัวก็ถือว่าเยี่ยมแล้ว" จางไห่คิดในใจ
แต่ทันใดนั้นเสียงของหลี่ชิงโจวก็ดังขึ้น
"แมวผีนั้นตายแล้ว"
"ตายแล้ว?"
จางไห่ตกใจ เขาไม่คาดคิดว่าหลี่ชิงโจวจะฆ่าแมวตัวนั้นโดยตรง แถมยังไม่ได้เอาศพกลับมา
แต่เรื่องนี้ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคืองานสำเร็จแล้ว
—
ผู้ดูแลย่านวอลนัทสวมแว่นสายตา นั่งเขียนบางอย่างอยู่ที่โต๊ะ
เขากำลังเขียนใบขอภารกิจใหม่
นักเรียนสองคนที่สมาคมนักควบคุมสัตว์ส่งมาอายุแค่สิบเจ็ดสิบแปดปี ยังเด็กเกินไป ดูเหมือนไม่มีทางที่จะทำงานสำเร็จ
ใบขอภารกิจใหม่ถูกเขียนอย่างรวดเร็ว เขาเพิ่มเงื่อนไขพิเศษลงไปด้วย ต้องการนักควบคุมสัตว์อสูรที่มีประสบการณ์และฝีมือสูง!
หรือบางทีรางวัลตอบแทนของงานอาจต่ำเกินไป ถ้าเพิ่มรางวัลให้สูงขึ้นกว่านี้ ก็อาจมีนักควบคุมสัตว์อสูรที่เก่งกว่ามาจัดการปัญหาหนักของย่านนี้ได้
เขานับเงินสดในมือ สามพันหยวนถ้วน ขณะคิดว่าจะเพิ่มรางวัลอีกเท่าไรดี
สี่พันหยวน? หรือห้าพันหยวน?
เขาตัดสินใจไม่ได้ เพราะการเพิ่มรางวัลจะต้องจัดประชุมตัวแทนชาวบ้านเพื่อหารือกันก่อน เพราะเงินนี้เป็นเงินส่วนกลางของย่านนี้ เขาไม่สามารถตัดสินใจใช้เพียงลำพัง
"เฮ้อ งานนี้ต้องเลื่อนออกไปอีกหลายวัน เจ้าแมวจรจัดนี่มันน่ารำคาญจริงๆ"
ชายชราถอนหายใจด้วยความเศร้า
"ก๊อก ก๊อก ก๊อก"
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทันที
ใครมาเคาะประตูตอนกลางดึก? ผู้ดูแลสับสนและตะโกนถาม
"ใครน่ะ?"
"พวกเราเป็นนักควบคุมสัตว์อสูรจากสมาคมผู้ฝึกฝนสัตว์อสูร มาส่งมอบงานจับแมวจรจัดครับ"
เสียงตอบมาจากนอกประตู
"ว่าไงนะ? งานเสร็จแล้ว? จับแมวได้?"
ผู้ดูแลตกใจ เขาเปิดประตูด้วยความสงสัยจนกระทั่งเห็นกรงที่มีแมวอยู่สี่ตัวอยู่ข้างนอก
"จับได้จริงๆ"
ชายชรายิ้มกว้างจนริ้วรอยบนใบหน้ารวมตัวกันเป็นกอง
"ช่วยดูแลแมวพวกนี้ด้วยนะครับ"
หลี่ชิงโจวยื่นกุญแจกรงให้กับผู้ดูแล
ผู้ดูแลรับกุญแจไป พยักหน้าให้ทั้งสองคนด้วยความดีใจ และยื่นธนบัตรในมือให้
"นี่คือรางวัลงาน สามพันหยวนครับ"
หลี่ชิงโจวรับเงินมา กล่าวขอบคุณ ก่อนจะกล่าวลาพร้อมจางไห่
ผู้ดูแลมองตามแผ่นหลังของทั้งสองคนไปด้วยความพอใจและพูดกับตัวเอง
"เด็กหนุ่มสมัยนี้เก่งจริงๆ รู้ว่าพวกเขาต้องทำสำเร็จแน่ๆ"