บทที่49 วิวัฒนาการแมวแสงพยับฟ้า
หลังจากที่ริวฟื้นฟูสภาพร่างกายของแมวแสงพยับฟ้า และได้รับความไว้วางใจจากมันแล้ว เป้าหมายถัดไปของเขาคือการวิวัฒนาการสัตว์อสูรตัวนี้ ซึ่งเป็นภารกิจที่ยากและท้าทายกว่าการรักษามาก
ริวนั่งลงที่โต๊ะในห้องทดลอง พลางจ้องมองแมวแสงพยับฟ้าที่กำลังนอนพักอยู่ มันดูผ่อนคลายขึ้นและดูแข็งแรงกว่าแต่ก่อนมาก
ดวงตาของมันสะท้อนประกายแสงอ่อนๆ ในแสงไฟห้อง ริวถอนหายใจลึก ก่อนจะหยิบสมุดบันทึกและข้อมูลทั้งหมดที่เขามีเกี่ยวกับแมวแสงพยับฟ้าขึ้นมา
จุดเด่น
-เป็นสัตว์อสูรธาตุสายฟ้าและแสงที่มีความเร็วสูงมาก
-พลังสายฟ้าช่วยเพิ่มความคล่องตัว และสามารถสร้างแรงโจมตีระยะสั้นที่รุนแรงได้
-พลังธาตุแสงเสริมการฟื้นฟูร่างกายทำให้มันสามารถต่อสู้ได้ยาวนาน
จุดอ่อน
-แม้จะมีพลังสองธาตุ แต่พลังงานทั้งสองยังไม่สมดุลกันดีนัก
-ธาตุสายฟ้าดูเหมือนจะเด่นกว่า แต่หากพลังธาตุแสงถูกกดทับมากเกินไป ร่างกายของมันจะอ่อนแอลง
ริวครุ่นคิดถึงรูปแบบวิวัฒนาการที่เหมาะสมสำหรับแมวแสงพยับฟ้า เขาต้องการให้มันมีจุดเด่นที่สมดุลระหว่างธาตุทั้งสอง และเพิ่มศักยภาพให้มันกลายเป็นสัตว์อสูรที่เหนือชั้นกว่าเดิม
จากนั้นริวก็คิดรูปแบบวิวัฒนาการที่ตั้งเป้าไว้ นั้นคือการเน้นการเพิ่ม ความเร็ว และ การโจมตีสายฟ้าแบบต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นนักล่าที่ไม่มีใครตามทัน
ใช้ธาตุแสงเป็นตัวสนับสนุนในการ สร้างโล่พลังงาน และ เสริมการฟื้นฟูระหว่างการต่อสู้
หลังจากที่ตั้งเป้าหมายได้แล้วริวก็เริ่มค้นคว้าหาวัตถุดิบที่เหมาะสมกับธาตุทั้งสองที่ช่วยดึงศักยภาพสูงสุดของแมวแสงพยับฟ้าออกมา
หลังจากใช้เวลาอยู่หลายชั่วโมงเขาก็ตัดสินใจที่จะใช้หินวิวัฒการธาตุสายฟ้า กลีบดอกแสงรุ่งอรุณ แก่นพลังสายฟ้าสะท้อน ผลึกโลหะแห่งวายุ และ สมุนไพรแห่งสมดุล
ริวจัดเตรียมวัตถุดิบทั้งหมดและเริ่มกระบวนการวิวัฒนาการทันที บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด
ริวพยายามผสมหินวิวัฒนาการสายฟ้าสมดุลและกลีบดอกแสงรุ่งอรุณเข้าด้วยกัน แต่กระบวนการล้มเหลว เพราะพลังงานทั้งสองไม่สามารถหลอมรวมได้อย่างสมบูรณ์
แมวแสงพยับฟ้าแสดงอาการกระสับกระส่ายและพลังสายฟ้าของมันพลุ่งพล่าน แต่ริวสังเกตเห็นว่าพลังแสงเริ่มมีการตอบสนองเล็กน้อย
“มันไม่ใช่เรื่องของวัตถุดิบเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของลำดับการผสมพลังงาน...” ริวพึมพำ
เขาเริ่มปรับแผนโดยเปลี่ยนลำดับการใส่วัตถุดิบ เขาเลือกใช้สมุนไพรแห่งสมดุลเป็นตัวกลางก่อนจะใส่วัตถุดิบสายฟ้าและแสง
ริวผสมวัตถุดิบใหม่ตามลำดับที่คิดไว้ แต่พลังงานที่หลอมรวมกันยังไม่เสถียร แมวแสงพยับฟ้าดูเหนื่อยล้าแต่ยังมีแววตาที่มุ่งมั่น
“อย่ายอมแพ้นะ เจ้าแมวน้อย” ริวพูดเบาๆ พลางลูบหัวของมันและพูดต่อ
" ฉันก็จะไม่ยอมแพ้เหมือนกัน
…….
เวลาได้ผ่านไปจนใกล้จะสิ้นสุดการแข่งขันรอบปฏิบัติ บรรยากาศในพื้นที่รอคอยเต็มไปด้วยความตึงเครียด
ผู้เข้าแข่งขันบางคนเริ่มทยอยออกมาจากห้องทดลองทีละคน หลายคนมีสีหน้ากังวลหรือผิดหวัง ขณะที่บางคนแสดงความมั่นใจในผลงานของตัวเอง
เอลซ่าออกมาจากห้องทดลองพร้อมกับความมั่นใจเต็มเปี่ยม แม้สีหน้าจะยังคงเฉยชา แต่สายตาของเธอกลับจับจ้องไปที่ ห้องหมายเลข 7
“ดูเหมือนเขายังไม่เสร็จ” เธอพึมพำเบาๆ พร้อมกับสงสัยในความเงียบของห้องนั้น
ในทางกลับกันกอร์มุสที่เพิ่งเดินออกมาด้วยสีหน้าพึงพอใจ มองไปยังห้องหมายเลข 7 ด้วยแววตาเต็มไปด้วยความชั่วร้าย
“หึ! ไอ้บ้านั่นคงไม่สามารถพัฒนาสัตว์อสูรได้แน่ ฮ่าๆ กล้าดียังไงมาเรียกฉันว่าหมาเลีย รับผลการกระทำของแกไปซะ” กอร์มุสหัวเราะในใจ
ก่อนจะมองไปยังลุงของตัวเองที่ยืนอยู่มุมหนึ่ง ลุงของเขาส่งยิ้มบางๆ และพยักหน้าให้ ราวกับทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผน
เมื่อการทดสอบเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุด กรรมการคนเดิมเดินเข้ามาประกาศ “การทดสอบรอบปฏิบัติได้สิ้นสุดลงแล้ว ขอให้ทุกคนออกจากห้องทดลองเพื่อตรวจสอบ”
แต่มีเสียงหนึ่งดังขึ้นขัดจังหวะทันที
“กรรมการครับ ยังมีคนที่ยังไม่ออกมาครับ” กอร์มุสรีบเสนอตัวพูดด้วยน้ำเสียงจับผิดทันที
กรรมการคิ้วขมวดเล็กน้อย ก่อนจะตรวจสอบรายชื่อและพบว่า ริว ซึ่งเป็นคนที่ได้คะแนนเต็มยังไม่ได้ออกมา
“เด็กคนนั้นกำลังทำอะไรอยู่?” กรรมการพูดขึ้นด้วยความสงสัย เขาเดินตรงไปยังห้องหมายเลข 7 พร้อมกับพนักงานคนอื่นๆ
แต่ก่อนที่กรรมการจะไปถึงประตูห้องหมายเลข 7 เสียง “ปัง!” ดังสนั่น กำแพงด้านหนึ่งของห้องทดลองระเบิดออก เศษผนังและฝุ่นควันลอยกระจายไปทั่ว
เสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นทั่วพื้นที่ เจ้าหน้าที่รีบเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมกับล้อมพื้นที่ไว้ กรรมการตะโกนด้วยความตกใจ “เด็กคนนั้นทำบ้าอะไรกัน!”
เมื่อฝุ่นควันเริ่มจางลง เผยให้เห็น ริวที่ยืนอยู่ตรงกลางห้องทดลอง พร้อมกับ แมวแสงพยับฟ้าที่ดูแปลกตา ร่างของมันดูใหญ่และสง่างามกว่าเดิม ขนของมันเปล่งประกายสีเงินที่มีสายฟ้าสีเหลืองวูบไหวรอบตัว
ริวเดินออกมาพร้อมรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย “ขอโทษทีครับ ดูเหมือนเจ้าตัวน้อยนี่จะยังควบคุมพลังไม่ค่อยได้”
………….
ย้อนเวลากลับไปก่อนหน้านั้น
หลังจากล้มเหลวหลายครั้ง ริวเริ่มคิดถึงวิธีที่คนอื่นอาจมองข้าม
“บางที... เราอาจต้องให้มันมีส่วนร่วมในกระบวนการวิวัฒนาการด้วยตัวมันเอง”
ริวปรับแผนใหม่ เขาออกแบบวงแหวนพลังงานที่สร้างจาก ผลึกโลหะแห่งวายุ และ แก่นพลังสายฟ้าสะท้อน เพื่อให้แมวแสงพยับฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อนพลังงานในกระบวนการวิวัฒนาการ
ริวให้แมวแสงพยับฟ้ากินสมุนไพรแห่งสมดุล และกลีบดอกแสงรุ่งอรุณ เพื่อปรับสมดุลพลังงานในร่างกายก่อน
เขาวางหินวิวัฒนาการสายฟ้าและผลึกโลหะแห่งวายุ ไว้ในวงแหวนพลังงาน แมวแสงพยับฟ้าก้าวเข้าไปในวงแหวน พลังงานสายฟ้าและแสงเริ่มหมุนวนรอบตัวมัน
แสงสว่างจ้าปะทุออกมาจากร่างของแมวแสงพยับฟ้า พลังงานทั้งสองธาตุหลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์ร่างของมันเปลี่ยนแปลงไป
ขนนประกายทองที่สะท้อนแสงทุกครั้งที่มันขยับตัวเส้นสายฟ้าที่พาดผ่านลำตัวเปล่งประกายราวกับฟ้าผ่า ดวงตาสีฟ้าสว่างแฝงความทรงพลังสีเงิน
“สำเร็จแล้ว...” ริวพึมพำพลางมองดูมันด้วยความภูมิใจ
แมวแสงพยับฟ้าตัวใหม่กระโจนเข้าหาเขา ก่อนจะเอาหัวถูไหล่ริวอย่างสนิทสนม ริวลูบหัวของมันพร้อมกับพูดเบาๆ
“เราทำสำเร็จแล้ว เจ้าตัวเล็ก”
หลังจากที่ริวสามารถวิวัฒนาการแมวแสงพยับฟ้าได้สำเร็จ เขาได้เริ่มตรวจสอบความสามารถใหม่และการเปลี่ยนแปลงของมัน
ร่างกายของมันใหญ่ขึ้นเล็กน้อย ขนเปล่งแสงสีเงินสะท้อนสายฟ้าหางของมันยาวขึ้น และปลายหางดูเหมือนปลายฟ้าผ่าขนาดเล็ก ดวงตาของมันเป็นสีเหลืองสว่างราวกับดวงอาทิตย์
นอกจากยังมีความสามารถใหม่สองอย่างนั้นก็คือ
1.ลำแสงพยับฟ้า แมวแสงพยับฟ้าสามารถรวมพลังสายฟ้าและแสงเข้าด้วยกัน ยิงเป็นลำแสงที่ทรงพลังและรวดเร็ว ลำแสงนี้ไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายอย่างรุนแรง แต่ยังแผ่พลังปะทะที่สามารถทำให้ศัตรูสูญเสียสมดุลได้
2.เกราะพยับแสง แมวแสงพยับฟ้าปล่อยออร่าสีทองและเหลืองรอบตัวของมันที่ไม่ใช่เพียงแค่สวยงามเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันที่สามารถดูดซับการโจมตีบางส่วน และยังช่วยฟื้นฟูพลังของมันเมื่ออยู่ภายใต้แสงอาทิตย์
หลังจากสำรวจความสามารถใหม่แล้วริวก็ให้แมวแสงพยับฟ้าโชว์ความสามารถใหม่ของมันเล็กน้อย แต่เนื่องจากมันเพิ่งวิวัฒนาการ ทำให้ควบคุมพลังงานตัวเองไม่ได้
ลำแสงพยับฟ้าที่ตั้งใจจะปล่อยออกมาเบาๆ กลับพุ่งไปที่กำแพงด้วยพลังมหาศาลจนเกิดระเบิด
…..
ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่แมวแสงพยับฟ้าที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด มันคือสัตว์อสูรที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนแต่รู้สึกคุ้นๆตาไม่น้อย
กรรมการเดินเข้ามาพร้อมจ้องสัตว์อสูรตรงหน้าด้วยความสงสัย “นี่มันสัตว์อสูรอะไร?”
ริวยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบ “แมวแสงพยับฟ้าครับ”
“แต่มันไม่ได้ดูเหมือนแมวแสงพยับฟ้าที่ฉันเคยเห็น...” กรรมการพูดพร้อมขมวดคิ้ว
“เพราะมันเพิ่งผ่านการวิวัฒนาการครับ” คำตอบของริวทำให้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ
“เธอพูดจริงหรือเปล่า!?” กรรมการถามด้วยน้ำเสียงตกตะลึง
“แน่นอนครับ! ผลลัพธ์แสดงให้เห็นอยู่ตรงหน้าแล้ว” ริวตอบกลับอย่างสบายๆ
กรรมการสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อระงับความตกตะลึง นอกจากเขาจะสอบได้เต็มแล้วยังสามารถวิวัฒานาการสัตว์อสูรได้ภายในวันเดียวอีก
เด็กนี่เป็นมนุษย์จริงๆเหรอ?
แต่ในขณะที่บรรยากาศในห้องที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงจากคำพูดของริวและการปรากฏตัวของ แมวแสงพยับฟ้าที่วิวัฒนาการแล้ว
ก็ต้องพลันหยุดชะงักลงเมื่อเสียงฝีเท้าหนักแน่นดังก้องขึ้นจากทางเดิน ทุกสายตาหันไปมองร่างสูงใหญ่ผมดำยาวสยายที่ก้าวเข้ามา
ซึ่งทำให้กรรมการและเจ้าหน้าที่ทุกคนอุทานด้วยความตกใจ
“ท่านผู้อำนวยการ”