บทที่46 การแข่งขันนักวิวัฒนาการสัตว์อสูรระดับภูมิภาค
“ฟึบ!”
ทันทีที่เนื้อผลไม้สัมผัสลิ้นของเขา รสชาติหวานละมุนผสมความสดชื่นของธรรมชาติไหลผ่านไปทั่วร่าง ริวรู้สึกถึงกระแสพลังที่เริ่มก่อตัวขึ้นในร่างกายเหมือนน้ำในแม่น้ำที่กำลังท่วมท้น
ร่างกายของริวรู้สึกเหมือนถูกปลุกให้ตื่นจากการหลับใหล เขารู้สึกถึงกล้ามเนื้อทุกมัดที่กระชับและแข็งแกร่งขึ้น กระดูกของเขาเหมือนเคลือบด้วยเหล็กที่ยืดหยุ่นแต่ไม่แตกหัก
ประสาทสัมผัสทั้งห้าของเขาก็พุ่งทะยานขึ้นไปอีกระดับ เสียงลมพัดไหว เสียงฝีเท้าของสัตว์เล็กๆ ในป่า และแม้แต่เสียงกระซิบของใบไม้ที่เคลื่อนไหวเบาๆ เขาก็สามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจน
พื้นที่จิตวิญญาณของเขาขยายกว้างขึ้นราวกับทุ่งกว้างที่ไม่มีที่สิ้นสุด กระแสน้ำใสที่หล่อเลี้ยงพลังปราณไหลเวียนอย่างอิสระ พลังปราณที่เคยไหลช้าเหมือนลำธาร กลับพุ่งทะยานราวกับแม่น้ำใหญ่
“พื้นที่จิตวิญญาณ...มันพัฒนาไปอีกระดับแล้ว” ริวพึมพำด้วยความตื่นเต้น ตอนนี้พื้นที่จิตวิญญาณของเขาได้เลื่อนจากระดับ 3 ไปสู่ ระดับ 4 อย่างสมบูรณ์
หลังจากที่อลันได้สอนพลังปราณ เขาก็สอนเกี่ยวกับวิธีดูระดับพื้นที่จิตวิญญาณของตัวเองด้วย ก่อนหน้านี้พื้นที่จิตวิญญาณของริวอยู่ที่ระดับ3 แต่ตอนนี้เขาอยู่ระดับ4แล้ว
นั้นหมายความว่าริวสามารถดึงพลังปราณระดับ4มาเสริมร่างกายของตัวเองทำให้เขาแข็งแกร่งพอๆกับสัตว์อสูรระดับสูงสุด
นี่ยังไม่รวมถึงพื้นที่จิตวิญญาณของเขากว้างใหญ่และบริสุทธิ์กว่าปกติหลายสิบเท่า
หากเขาได้สู้กับโกเล็มผู้พิทักษ์พฤกษาอีกครั้ง ผลลัพธ์จะแตกต่างออกไปแน่นอน
ริวยืนขึ้นอย่างมั่นคง เขารู้สึกได้ว่าพลังใหม่ในร่างกายไม่เพียงแต่ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น แต่ยังทำให้เขาสามารถควบคุมพลังปราณได้ดีขึ้น
พื้นที่จิตวิญญาณที่กว้างขึ้นทำให้เขาสามารถรวบรวมพลังปราณได้เร็วและมากกว่าที่เคย
เขาดึงดาบออกมาอีกครั้ง พลังปราณสีทองที่เรืองแสงรอบดาบดูเข้มข้นและนิ่งสงบมากกว่าที่เคย ดาบที่ฟันผ่านอากาศเปล่งเสียงเหมือนเสียงคำรามเบาๆ พลังงานมหาศาลในตัวเขาพุ่งทะยานออกมาราวกับมังกรที่ตื่นจากการหลับใหล
“น่าเสียดาย...ถึงผลวิญญาณพฤกษาจะมีผลลัพธ์ยอดเยี่ยมขนาดนี้ แต่ก็สามารถกินได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ต่อให้กินอีกกี่ลูกก็ไม่มีผลอะไร”
หลังจากนั้นเขาก็เรียกไคจูและอารอนออกมาจากพื้นที่จิตวิญญาณ ทั้งสองปรากฏตัวในแสงสีจางๆ ก่อนจะยืนเคียงข้างริว ดวงตาทั้งคู่มองมาที่เขาด้วยความสงสัย
เขาเรียกพวกมันเข้ามาใกล้ๆ “มานี่สิ! นี่คือรางวัลสำหรับการทำงานหนักของพวกนาย”
ไคจูและอารอนค่อยๆ เดินเข้ามาหา ริวส่งผลวิญญาณพฤกษาให้ทั้งคู่ ไคจูมันรับไว้ด้วยความระมัดระวัง ก่อนจะใช้ฟันฉีกผลวิญญาณออก น้ำสีเขียวสดใสไหลซึมออกมา
ไคจูคำรามเบาๆ ก่อนจะกลืนผลนั้นลงไป
อารอนเองมองตามอย่างกระตือรือร้นมันหยิบผลวิญญาณพฤกษาขึ้นมากัดและกลืนลงไปทันที
ทันทีที่พวกมันกินผลวิญญาณพฤกษา เสียงกระแสพลังบางอย่างดังสะท้อนเบาๆ ราวกับความสมดุลของธรรมชาติกำลังตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง
ไคจูเริ่มเปล่งแสงสีเงินจากเกล็ดทั่วร่าง ร่างกายของมันใหญ่ขึ้นเล็กน้อย กล้ามเนื้อหนาแน่นขึ้น เกล็ดที่เคยเป็นสีเงินเปล่งประกายราวกับโลหะมีชีวิต
อารอนเปล่งแสงสีเขียวมรกตที่เรืองรองไปทั่วร่าง ใบมีดที่แขนของมันดูคมกว่าเดิมและมีลวดลายใบไม้ที่ซับซ้อนปรากฏขึ้น
ริวสังเกตการเปลี่ยนแปลงอย่างละเอียด ไคจูเลื่อนระดับจากLv.20ไปสู่Lv.21 อย่างรวดเร็ว ส่วนอารอนก็พัฒนาไปถึงLv.29
และดูเหมือนพลังงานที่ได้รับจะยังไม่ถูกดูดซับจนหมด
ถึงแม้ความแข็งแกร่งของพวกมันจะเพิ่มขึ้นอย่างน่าประทับใจ แต่ริวกลับไม่ได้แสดงความโลภที่จะผลักดันให้พวกมันก้าวหน้าเร็วไปมากกว่านี้ เขาโบกมือหยุดพวกมันก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“หยุดก่อน! ถึงพวกนายจะพัฒนาได้อีก แต่ฉันต้องการให้พวกนายใช้พลังงานที่เหลือเสริมรากฐานของตัวเองให้แข็งแกร่งก่อน โดยเฉพาะไคจู” ริวหันไปมองไคจู
“นายเลื่อนระดับเร็วเกินไป ถ้ารากฐานไม่มั่นคง มันจะเป็นปัญหาในอนาคต”
ไคจูคำรามตอบรับเบาๆ ราวกับเข้าใจในสิ่งที่ริวพูด
ริวยืนกอดอก มองทั้งสองที่กำลังปรับตัวอย่างพึงพอใจ
การเดินทางไปยังดันเจี้ยนพฤกษาพิศวงครั้งนี้คุ้มค่าเกินกว่าที่เขาคิด พลังของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก
………..
ณ เมืองพิรุณพราย
สนามบินเมืองพิรุณพรายเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังสัญจรไปมา เสียงประกาศจากลำโพงดังก้องพร้อมกับเสียงพูดคุยของผู้โดยสารที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย
เมืองพิรุณพรายซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปประกายฟ้า มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยสภาพอากาศที่เย็นสบายตลอดปีและชื่อเสียงในฐานะเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรือง
เครื่องบินลำหนึ่งเพิ่งลงจอด เสียงล้อเครื่องบินสัมผัสรันเวย์ดังครืดไปทั่วบริเวณ ประตูเครื่องบินเปิดออก เผยให้เห็นผู้โดยสารที่เริ่มทยอยลงจากเครื่องบิน
ในจำนวนนั้นมี ริว โอดะ และชิน สามร่างที่โดดเด่นในหมู่คนอื่นๆ
ริว ผู้ที่อยู่ตรงกลางหยุดเดินแล้วหันหลังกลับมามองเพื่อนทั้งสองของเขา
“พวกนายตามฉันมาทำไมกัน?” เขาถามด้วยน้ำเสียงเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความสงสัย
โอดะซึ่งดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น
“แน่นอนว่าต้องมาเชียร์นายอยู่แล้ว!”
ทว่าชิน ผู้ที่มีใบหน้าสงบนิ่งและมักพูดตรงไปตรงมา กลับตัดบทด้วยคำพูดที่ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง
“ไม่หรอก… ที่จริงเขาแค่อยากมาเที่ยวมากกว่า”
ใช่แล้ว! วันนี้คือวันที่ริวต้องแข่งขันนักวิวัฒนาการสัตว์อสูรระดับภูมิภาครุ่นเยาว์ที่จัดขึ้นในเมืองพิรุณพราย
ซึ่งเป็นการรวบรวมนักวิวัฒนาการสัตว์อสูรรุ่นเยาว์ที่มีความสามารถทั่วภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือมาแข่งขันกัน
นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในภารกิจของริวด้วย
การแข่งขันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในเส้นทางของนักวิวัฒนาการสัตว์อสูร ซึ่งนอกจากจะวัดความสามารถแล้ว ยังเป็นโอกาสในการสร้างชื่อเสียงและต่อยอดในอาชีพนี้
ริวและเพื่อนทั้งสองไม่รอช้า พวกเขารีบเดินทางไปยังโรงแรมที่จองไว้เพื่อเช็คอิน หลังจากจัดการเรื่องที่พักเรียบร้อย
พวกเขาพบว่ายังเหลือเวลาอีกประมาณสามชั่วโมงก่อนการแข่งขันจะเริ่ม ทั้งสามจึงตัดสินใจออกไปเดินเล่นชมเมืองพิรุณพราย
เมืองพิรุณพรายเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา อาคารบ้านเรือนถูกสร้างอย่างมีเอกลักษณ์ ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมเก่าแก่และความทันสมัย
ถนนสายหลักเต็มไปด้วยร้านค้าและแผงลอยที่ขายสินค้าท้องถิ่น ตั้งแต่อาหารพื้นเมืองไปจนถึงอัญมณีและเครื่องรางที่เกี่ยวข้องกับสัตว์อสูร
เสียงดนตรีสดจากมุมหนึ่งของถนนดึงดูดความสนใจของพวกเขา โอดะยืนฟังพร้อมโยกหัวไปตามจังหวะเพลง ขณะที่ชินดูสนใจร้านขายเครื่องประดับที่เต็มไปด้วยอัญมณีหลากสี
ริวเดินนำหน้า หยุดมองป้ายประกาศการแข่งขันที่ติดอยู่บนเสาไฟ “การแข่งขันนักวิวัฒนาการสัตว์อสูรระดับภูมิภาค” ตัวอักษรสีทองบนพื้นดำดูเด่นชัดและทรงพลัง
เขารู้ว่าที่แห่งนี้จะเป็นสนามพิสูจน์ความสามารถของเขา
เมื่อเวลาใกล้เริ่มการแข่งขัน ริวและเพื่อนๆ เดินทางไปยังอาคารสมาคมวิวัฒนาการสัตว์อสูรสาขาเมืองพิรุณพราย
อาคารนี้สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมที่ดูแข็งแรงแต่ก็มีความสวยงาม ผนังอาคารทำจากหินอ่อนสีขาวตัดกับหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ที่สะท้อนภาพท้องฟ้า บริเวณทางเข้าเต็มไปด้วยผู้คนที่เดินเข้าออกอย่างคึกคัก
สมาคมวิวัฒนาการสัตว์อสูรเป็นหน่วยงานสำคัญของสหพันธ์ดาวประกายฟ้า ที่มีหน้าที่ดูแลและส่งเสริมเหล่านักวิวัฒนาการสัตว์อสูรทั่วทั้งทวีป
หากต้องการเป็นนักวิวัฒนาการสัตว์อสูรอย่างเป็นทางการ ผู้สมัครจำเป็นต้องลงทะเบียนและผ่านการทดสอบของสมาคมวิวัฒนาการสัตว์อสูร
ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในอาคาร บรรยากาศภายในกลับเต็มไปด้วยชีวิตชีวา เสียงพูดคุยดังออกมาจากผู้คนหลากหลายกลุ่ม บ้างมาเพียงลำพัง บ้างมาพร้อมครอบครัว
สีหน้าของผู้เข้าร่วมแสดงอารมณ์ที่หลากหลาย บางคนดูตื่นเต้น บางคนมีแววตากังวล และบางคนเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
ในระหว่างที่ริวกำลังตรวจสอบเอกสารและเตรียมตัวอย่างสงบ ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าหนักๆ ดังขึ้น เสียงพูดจาดังลั่นและกลุ่มคนที่เคลื่อนไหวทำให้สายตาของคนในห้องเริ่มจับจ้องไปยังต้นเสียง
ชายร่างอ้วนท้วมที่ดูหยิ่งผยองเดินเข้ามา พร้อมกับบอดี้การ์ดสามคนที่ยืนขนาบข้าง เขาสวมชุดหรูหราราคาแพง ใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มที่ดูจะภูมิใจกับตัวเองสุดๆ
“นั่นมันลูกชายคนเล็กของยิมเมืองเพลิงตะวันไม่ใช่เหรอ!? หรือว่าล้มเหลวในฐานะนักวิจัยสัตว์อสูรไปแล้ว เลยอยากจะมาเป็นนักวิวัฒนาการสัตว์อสูรแทน” ชายอ้วนคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงหยิ่งผยอง
ริวหันหลังกลับไปมองชายอ้วนที่กำลังเดินเข้ามา เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“นี่นาย…”
ชายอ้วนที่ยิ้มอย่างพึงพอใจหยุดยิ้มทันที เมื่อได้ยินคำถามต่อมาจากริว
“…คือใครนะ?”
คำพูดนั้นทำให้บรรยากาศรอบตัวหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนที่ชายอ้วนจะพูดออกมาด้วยความโกรธ
“ฉันคือกอร์มุส คนที่เคยแข่งกับแกในการแข่งขันนักวิจัยสัตว์อสูรครั้งที่แล้วไงล่ะ!”
ริวทำท่าเหมือนนึกออก ก่อนจะพูดออกมาอย่างขอโทษ
“อ๋อ ฉันนึกออกแล้ว นายคือเจ้าหมูแฮมใช่ไหม? ขอโทษที ฉันจำคนที่แพ้ฉันไม่ค่อยได้เท่าไหร่”
คำพูดของริวทำให้โอดะและชินที่ยืนอยู่ข้างๆ หัวเราะออกมา รวมถึงคนรอบข้างที่กำลังฟังอยู่ด้วย
“นะ...นี่แก!” เส้นเลือดปูดขึ้นบนหน้าของกอร์มุส เขามองริวด้วยสายตาเต็มไปด้วยความโกรธ ก่อนที่เขาจะพูดอะไรต่อ เสียงประกาศเรียกให้ผู้เข้าแข่งขันเตรียมตัวเข้าสอบก็ดังขึ้น
“หึ! ฝากไว้ก่อนเถอะ!” กอร์มุสพูดด้วยความโกรธและเดินจากไปพร้อมกับบอดี้การ์ด
โอดะหันมาถามริวด้วยความสงสัย “ริว เจ้าอ้วนนั่นคือใครกัน?”
ริวตอบด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย
“เขาคือลูกชายคนโตของตระกูลที่ทรงอิทธิพลในเมืองเพลิงตะวันนะ พ่อของเขาเคยมีเรื่องขัดแย้งกับพี่ชายของฉันมาก่อน ดังนั้นเราจึงเหมือนศัตรูกันโดยธรรมชาติ”
“ถึงว่า… เขาพยายามที่จะยั่วโมโหนาย” ชินเสริมขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
ทันใดนั้น สายตาของชินก็ถูกดึงดูดไปยังร่างหนึ่งที่เดินเข้ามาในอาคารอย่างสง่างาม
ร่างนั้นเป็นหญิงสาวที่มีใบหน้างดงาม รูปร่างเพรียวบาง ผมสีบลอนด์ปลิวไสว ดวงตาคมกริบเต็มไปด้วยความเย็นชา เธอเดินเข้ามาอย่างไม่สนใจสายตาของคนรอบข้าง
“นั่นเอลซ่าไม่ใช่เหรอ!?” ชินเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“เธอมาที่นี่ทำไม? หรือว่าเธอจะมาเข้าร่วมการแข่งขันด้วย?” โอดะถามด้วยความสงสัย
ชินพยักหน้า “น่าจะใช่แหละ! เธอเป็นคนที่เก่งมากคนหนึ่งเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นเธอจะมาที่นี่ทำไม”
เอลซ่าเดินตรงเข้ามาด้วยท่าทางเย็นชา ท่ามกลางสายตาของผู้คนที่จับจ้องมาที่เธอ ทว่าดวงตาของเธอกลับหยุดนิ่งอยู่ที่ริวเพียงคนเดียว เธอมองเขาด้วยสายตาแข็งกร้าวราวกับมีความเป็นศัตรูอยู่ในใจ
ริวขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เขาถามออกมาอย่างตรงไปตรงมา “ทำไมเธอมองฉันเหมือนเป็นศัตรู? ฉันเคยทำอะไรให้เธอไม่พอใจหรือเปล่า?”
โอดะหันไปถามริว “นายไม่รู้เหรอ!?”
ริวส่ายหน้า
ชินตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ “ไม่แปลกหรอก… ทุกครั้งที่มีการสอบหรือการแข่งขัน เธอมักอยู่อันดับสองรองจากนายเสมอ ดังนั้นเธอจึงมองนายเป็นคู่แข่งตัวฉกาจ”
ริวทำท่าครุ่นคิดอย่างไม่ใส่ใจ “ฉันจำไม่ค่อยได้เท่าไหร่”
“……”
เอลซ่าไม่พูดอะไร เธอเพียงแค่ปรายตามองริวอย่างเย็นชา ก่อนจะเดินผ่านไป ทิ้งความรู้สึกกดดันที่ยังคงอบอวลอยู่ในบรรยากาศ
ริวหันกลับมาหาเพื่อนพร้อมรอยยิ้มเล็กๆ “ดูเหมือนวันนี้จะน่าสนุกกว่าที่คิด”
การแข่งขันครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นการทดสอบฝีมือ แต่ยังเป็นเวทีที่เต็มไปด้วยความหวังของผู้เข้าแข่งขันทุกคน...