บทที่45 กลืนกินผลวิญญาณพฤกษา
“นี่มันคืออะไรกัน...?”
ริวขมวดคิ้ว เขาไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน ไม่ว่าจากตำราโบราณหรือจากความรู้ของเขา เขายื่นมือแตะมันเบาๆ ความเย็นจากอัญมณีทำให้รู้สึกเหมือนมีพลังบางอย่างไหลผ่านเข้าสู่ร่างกาย
แม้จะไม่รู้แน่ชัดว่าอัญมณีนี้คืออะไร แต่มันต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
ริวตัดสินใจเก็บมันลงในแหวนมิติของเขาอย่างระมัดระวัง ความเงางามของอัญมณียังคงฉายแสงภายในแหวนมิติราวกับมันยังคงเฝ้ารอการค้นพบ
จากนั้นเขาก็เบนสายตากลับไปที่ผลวิญญาณพฤกษาบนต้นไม้ใหญ่ที่เป็นจุดเด่นของที่นี่ ผลสีเขียวอ่อนทั้งหกผลเปล่งแสงราวกับหยาดน้ำค้างบนยอดไม้
ริวปีนขึ้นไปเก็บผลวิญญาณพฤกษาอย่างระมัดระวัง เขาสังเกตเห็นว่าแต่ละผลนั้นเปี่ยมไปด้วยพลังที่บริสุทธิ์และหนาแน่น
“หกผล… เพียงพอแล้วสำหรับความพยายามครั้งนี้”
“ดูเหมือนมันจะต้องใช้เวลาเดือนหรือสองเดือนถึงจะสร้างผลใหม่ได้”
ริวคิดในใจ เขายิ้มเล็กน้อยเมื่อคิดว่าสิ่งนี้จะช่วยพัฒนาทั้งตัวเขาเองและสัตว์อสูรของเขาได้
หลังจากนั้นเขาก็เก็บผลวิญญาณพฤกษาเหล่านี้ไว้ในแหวนมิติอย่างระมัดระวัง และตัดสินใจว่าเขาจะมาเก็บเกี่ยวผลเหล่านี้อีกในอนาคต
นอกจากผลวิญญาณพฤกษาแล้ว ริวยังเก็บสมุนไพรหายากบางชนิดในดันเจี้ยน สมุนไพรเหล่านี้มีสีสันและกลิ่นหอมเฉพาะตัว พวกมันเติบโตอยู่ในที่ๆพลังธรรมชาติหนาแน่นเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เขาเลือกเก็บเพียงเล็กน้อย เพื่อไม่ให้ดันเจี้ยนสูญเสียสมดุลหรือธรรมชาติอันบริสุทธิ์ที่มีอยู่
เขาคิดว่าที่นี่อาจเป็นหนึ่งในสถานที่ๆบ่มเพราะแหล่งทรัพยากรของเขา
“โกเล็มผู้พิทักษ์พฤกษาคงเป็นสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดในดันเจี้ยนแห่งนี้แล้ว”
"เพราะฉะนั้นไม่มีปัญหาสำหรับฉันที่จะมาที่นี่อีกรอบ”
ริวเอ่ยกับตัวเองพลางเก็บทุกอย่างไว้ในแหวนมิติ หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จ เขาก็ออกจากดันเจี้ยนและมุ่งหน้ากลับไปยัง ต้นไม้แห่งชีวิตซึ่งเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรลับแห่งนี้
…..
ใช้เวลาเดินทางไม่นาน ริวก็กลับมาถึงต้นไม้แห่งชีวิต เขาเงยหน้ามองต้นไม้มหึมาที่แผ่กิ่งก้านกว้างใหญ่ปกคลุมทั่วบริเวณ เปล่งแสงเรืองรองราวกับหล่อเลี้ยงพลังชีวิตให้กับทุกสิ่งในอาณาจักรลับแห่งนี้
ที่ใกล้กับต้นไม้แห่งชีวิต มีบ้านหลังใหญ่ที่ดูเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความหรูหรา บ้านหลังนี้เป็นสิ่งที่ริวนำเข้ามาจากโลกภายนอก แม้จะมีขนาดใหญ่ แต่ก็ดูกลมกลืนไปกับธรรมชาติรอบๆ
บ้านของริวเต็มไปด้วยเครื่องอำนวยความสะดวกเหมือนบ้านปกติ แต่สิ่งที่พิเศษคือบรรยากาศรอบตัวที่สงบเงียบและเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตจากต้นไม้แห่งชีวิต ริวมักใช้เวลาอยู่ที่นี่ในช่วงพักผ่อน ฝึกฝน หรือแม้กระทั่งตอนนอน
พลังแห่งชีวิตจากต้นไม้ช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าและบำรุงร่างกายและจิตใจของเขาได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ พลังเหล่านี้ยังช่วยกระตุ้นการพัฒนาพื้นที่จิตวิญญาณของเขาได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
เขาถือว่าที่นี่เป็นบ้านหลังที่สองของเขาโดยไม่รู้ตัว!
นอกจากนี่เขายังให้สัตว์ของเขาอยู่ที่นี่มากกว่าพื้นที่จิตวิญญาณของเขาซะอีก เนื่องจากพวกเขาได้รับประโยชน์จากการอาศัยอยู่ที่นี่มากเช่นเดียวกัน
โดยเฉพาะอารอนที่เป็นสัตว์อสูรธาตุพืช
ริวเดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ของเขา บรรยากาศภายในเงียบสงบ แต่กลับเต็มไปด้วยความอบอุ่น เฟอร์นิเจอร์ที่เรียบง่ายแต่ดูหรูหรา สะท้อนถึงความใส่ใจในรายละเอียดของเจ้าของบ้าน
ขณะเดียวกัน แสงแดดอ่อนๆ ยามบ่ายที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้บ้านดูน่าอยู่ยิ่งขึ้น
ทว่า... เสียงก๊อบแก๊บเล็กๆ ที่ดังมาจากห้องนั่งเล่นดึงความสนใจของริวไปทันที
“เสียงอะไรน่ะ?” เขาขมวดคิ้วเดินตรงไปยังต้นเสียง
เมื่อเปิดประตูห้องนั่งเล่นเข้าไป ภาพที่ปรากฏทำให้ริวชะงักไปครู่หนึ่ง บนโซฟาสีครีมมีร่างของหญิงสาวผมสีเขียวอ่อนที่เปล่งประกายความงดงามนั่งอยู่
ใบหน้าของเธอแม้จะดูผ่อนคลายและเรียบง่าย แต่กลับเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่น่าดึงดูด ดวงตาของเธอเป็นประกายราวกับอัญมณีที่สะท้อนแสง
เธอคือ เฟลิน่า วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของต้นไม้แห่งชีวิต
เฟลิน่าดูเหมือนจะไม่ได้สังเกตเห็นริวในทันที เพราะสายตาของเธอจับจ้องไปที่ทีวีตรงหน้า บนหน้าจอมีภาพยนตร์แอ็กชันเรื่องหนึ่งกำลังเล่นอยู่ พร้อมเสียงระเบิดดังสนั่นเป็นฉากหลัง
มือข้างหนึ่งของเธอถือห่อขนมไว้แน่น ส่วนโต๊ะตรงหน้าเต็มไปด้วยขนมและน้ำอัดลมที่จัดเรียงอย่างไร้ระเบียบ
ทันทีที่เธอรู้สึกได้ถึงการปรากฏตัวของริว เฟลิน่าก็หันกลับมาพร้อมรอยยิ้มที่ดูสดใสและเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงขี้เล่น
“กลับมาแล้วเหรอ!?”
ริวยืนค้างไปชั่วอึดใจ เขาระงับความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นจากภาพตรงหน้า เธอดูเหมือนเทพธิดาแห่งพฤกษาผู้สง่างาม หากแต่ในขณะนี้เธอกำลังใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาที่กำลังดูทีวีและกินขนมแบบสบายใจ
“เธอกำลังทำอะไรอยู่?” เขาถามพลางเดินเข้ามาใกล้
“แน่นอนว่าฉันกำลังศึกษาโลกมนุษย์อยู่” เฟลิน่าตอบทันทีด้วยน้ำเสียงมั่นใจ แต่การตอบคำถามแบบไม่เต็มปากเต็มคำของเธอทำให้ริวคิดในใจว่า
“เหรอ!? ฉันคิดว่าเธอแค่หาอะไรแก้เบื่อมากกว่า”
หลังจากที่ริวย้ายบ้านหลังนี้มาอยู่ในอาณาจักรลับพืช เฟลิน่าก็มักจะแวะมาที่นี่บ่อยครั้ง เธอให้เหตุผลว่าเธอต้องการศึกษาโลกมนุษย์
แต่ริวรู้ดีว่าเธอแค่ต้องการหาอะไรแก้เบื่อมากกว่า อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ปฏิเสธหรือขัดใจเธอ เพราะเฟลิน่าเคยช่วยเขาไว้มากมาย
“การไปดันเจี้ยนในครั้งนี้ทำให้ฉันเหนื่อยมาก” ริวกล่าวพลางถอนหายใจ “เลยคิดว่าจะทำอาหารกินสักหน่อย แล้วก็นอนพักผ่อน”
ทันทีที่เฟลิน่าได้ยินคำว่า “ทำอาหาร” ดวงตาของเธอเปล่งประกาย เธอเคยได้ลิ้มรสอาหารฝีมือของริวมาก่อน และมันเป็นสิ่งที่เธอชื่นชอบมาก
“เร็วสิ! ฉันอยากกินด้วย” เธอพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
ริวเดินไปที่ห้องครัว เตรียมวัตถุดิบอย่างคล่องแคล่ว ไม่นานกลิ่นหอมของอาหารก็อบอวลไปทั่วบ้าน เขายกจานอาหารที่เต็มไปด้วยเมนูน่ากินออกมาวางบนโต๊ะ โดยมีเฟลิน่านั่งรออยู่พร้อมหมอนใบเล็กในมือ
พวกเขารับประทานอาหารด้วยความเพลิดเพลิน ใบหน้าของเฟลิน่าเต็มไปด้วยความพึงพอใจหลังจากลิ้มรสอาหารจานสุดท้าย
“ว่าแต่ว่า…” เฟลิน่าถามขึ้นหลังจากกินอิ่ม “นายได้อะไรกลับมาจากดันเจี้ยนบ้าง?”
ริวเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เขาพบเจอในดันเจี้ยน รวมถึงการต่อสู้กับโกเล็มผู้พิทักษ์พฤกษา และสิ่งที่เขาเก็บมาได้จากดันเจี้ยน
จากนั้นเขานำอัญมณีสีเขียวออกมาจากแหวนมิติวางลงบนโต๊ะ
แสงสีเขียวอ่อนที่เปล่งออกมาจากอัญมณีทำให้บรรยากาศรอบตัวเงียบลง เฟลิน่าจ้องมองมันด้วยสายตาสงสัย
“เธอรู้ไหมว่า… นี่คืออัญมณีอะไร?” ริวถาม
เฟลิน่าหยิบอัญมณีขึ้นมา แสงสีเขียวส่องสะท้อนในดวงตาของเธอ เธอเพ่งพินิจมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพึมพำออกมาเบาๆ
“นี่มัน…”
ริวเบิกตากว้างด้วยความหวัง “เธอรู้จักมันใช่ไหม?”
เฟลิน่าส่ายหน้าเล็กน้อยและตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความประหลาดใจ
“ไม่ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่มันมีพลังที่ลึกลับ… และทรงพลังมาก ฉันสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่ไม่ธรรมดาซ่อนอยู่ในนี้”
คำตอบของเฟลิน่าทำให้ริวรู้สึกทั้งผิดหวังและตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน อัญมณีชิ้นนี้ยังคงเป็นปริศนา แต่เขามั่นใจว่ามันน่าจะเป็นสิ่งที่ล้ำค่าอย่างมากจนแม้แต่เฟลิน่าก็ยังไม่สามารถมองผ่านได้
หลังจากนั้นเฟลิน่าก็กลับไปนอนบนโซฟา กินขนมและดูทีวีอย่างสบายใจเฉิบ ซึ่งทำให้ริวคิ้วกระตุกเล็กน้อย
เธอคิดว่าที่นี่เป็นบ้านของเธอหรือไง!?
ริวเลิกสนใจและกลับไปห้องนอนของเขาและนอนบนเตียงที่นุ่มนวล วันนี้เขาเหนื่อยมากจากการต่อสู้กับสัตว์อสูรต่างๆ
แต่ในขณะเดียวกันประสบการณ์เหล่านั้นก็ช่วยให้เขาก็พัฒนาขึ้นมาไม่น้อย
ดวงตาของริวค่อยๆปิดลงด้วยความเหนื่อยล้าและเข้าสู่ห้วงนิทรา
…………
ณ ยามเช้า อากาศที่สดชื่น ลมพัดเบาๆ ผ่านลานฝึกด้านหลังบ้านของริว เสียงใบไม้เสียดสีกันดังก้องเหมือนบทเพลงของธรรมชาติ
ที่ลานฝึก ร่างของริวขยับไปมาด้วยความมั่นคง ขณะที่เขาแกว่งดาบอย่างช้าๆ และมั่นคง แม้การเคลื่อนไหวของเขาจะดูธรรมดา แต่ทุกจังหวะกลับเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณที่มุ่งมั่นและความละเอียดอ่อน
“ฟุ่บ!” เสียงดาบแหวกผ่านอากาศในจังหวะสุดท้าย ริวหยุดยืนนิ่ง เหงื่อที่เกาะใบหน้าสะท้อนแสงแดดอ่อนๆ ของเช้าวันใหม่ เขาเก็บดาบเข้าฝัก หายใจเข้าลึกเพื่อปรับสมดุลร่างกาย
“ถึงเวลาแล้ว...” เขาพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหยิบ ผลวิญญาณพฤกษา ออกมาจากแหวนมิติ
ผลวิญญาณพฤกษาเปล่งแสงสีเขียวอ่อนราวกับหยดน้ำค้างที่รวบรวมพลังแห่งธรรมชาติเอาไว้ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของมันทำให้จิตใจของริวสงบและร่างกายผ่อนคลายอย่างประหลาด
เขามองผลไม้นั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกัดลงไปโดยไม่ลังเล
“ฟึบ!”