บทที่44 กำจัดโกเล็มผู้พิทักษ์
“ไคจูใช้มังกรคำราม”
ไคจูสูดลมหายใจลึก ก่อนจะเปล่งเสียงคำรามดังสนั่นราวกับมังกรโบราณถูกปลุกขึ้นทำให้โกเล็มผู้พิทักษ์ชะงักไปชั่วขณะ
เถาวัลย์ที่เคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่งหยุดนิ่งเหมือนถูกสะกด ริวไม่รอช้า เขากระโดดขึ้นไปอย่างว่องไว พร้อมกับฟันดาบมุ่งตรงสู่ลำตัวของมัน
แต่ในเสี้ยววินาทีก่อนที่ดาบของเขาจะถึงเป้าหมาย โกเล็มผู้พิทักษ์ฟื้นจากการชะงัก มันส่งหนามเถาวัลย์จำนวนมากแผ่กระจายรอบตัวอย่างรวดเร็ว
ริวจำต้องพลิกตัวหลบและถอยออกมาทันที เสียงหนามแหลมเฉียดผ่านร่างเขา สร้างรอยบาดเล็กๆ บนร่างกาย
ถึงแม้มังกรคำรามจะหยุดชะงักโกเล็มผู้พิทักษ์ได้ชั่วครู่ แต่เนื่องจากระดับพลังห่างกันเกินไปทำให้มันมีผลเล็กน้อยเท่านั้น
ขณะเดียวกัน เถาวัลย์เส้นหนาพุ่งจากพื้นพันรอบตัวไคจู เขาถูกยกขึ้นกลางอากาศก่อนจะถูกเหวี่ยงลงพื้นอย่างรุนแรงจนเกิดหลุมขนาดใหญ่ พื้นดินสั่นสะเทือนตามแรงกระแทก
โกเล็มผู้พิทักษ์ยกดาบยักษ์ขึ้นเหนือหัวและฟันลงมาหมายจะปิดฉากชีวิตไคจู ทำให้เขาต้องใช้หมัดคลื่นมังกรต้านทานแรงดาบ
แต่ความต่างระดับพลังทำให้หมัดนั้นไม่อาจหยุดแรงมหาศาลของโกเล็มผู้พิทักษ์ได้ ร่างของไคจูถูกผลักให้ถอยหลัง
“ไคจู!” ริวตะโกนพร้อมพุ่งเข้ามาช่วย เขาฟันดาบตัดผ่านเถาวัลย์ที่พุ่งเข้ามาขวางทาง
ในช่วงวิกฤต ไคจูลุกขึ้นจากหลุม แม้จะบาดเจ็บแต่แววตาของเขายังคงมุ่งมั่น เสียงคำรามของมันดังกึกก้อง ขณะที่ร่างเริ่มเปล่งแสงสีขาวสว่างจ้า
ร่างของมันพัฒนาก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง พลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทะลุผ่านLv.19 และเข้าสู่ Lv.20 ในชั่วพริบตา
ขนาดร่างกายเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เกล็ดสีเงินบนตัวเขาแวววาวราวกับอัญมณี กรงเล็บและฟันของเขาดูแข็งแกร่งราวกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์
ขณะนี้ไคจูได้พัฒนาเป็นสัตว์อสูรระดับสูงแล้ว ในเวลาเดียวกันก็เรียนรู้ทักษะใหม่ด้วย
นั้นก็คือ หมัดมังกรคลื่นสะเทือนฟ้า!”
เป็นทักษะระดับสูงที่เป็นเอกลักษณ์ของเผ่าพันธุ์ราชามังกรนักสู้
ทักษะนี้ไม่ได้เป็นเพียงการโจมตีด้วยพลังหมัดที่รุนแรง แต่ทุกครั้งที่หมัดถูกปล่อยออกไป มันจะสร้าง คลื่นพลังสะเทือน
ที่ไม่เพียงแค่ทำลายสิ่งที่ขวางหน้า แต่ยังสะสมพลังและเสริมพลังโจมตีของราชามังกรนักสู้ให้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทุกครั้งที่คลื่นถูกปล่อยออกมา
แล้วด้วยความสามารถนี้นี่เองที่ทำให้เผ่าราชามังกรนักสู้ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในสัตว์อสูรที่มีพลังโจมตีมากที่สุด เนื่องจากมันสามารถใช้คลื่นพลังสะเทือนเพิ่มพลังโจมตีให้มากกว่าเดิมสองเท่าในทุกๆครั้งได้
ไคจูยืดตัวขึ้น ขาหน้าหนักแน่นเหมือนเสาค้ำฟ้า มันก้มศีรษะลงเล็กน้อย รวบรวมพลังเข้าที่หมัดของมัน กรงเล็บสีเงินที่แวววาวเปลี่ยนเป็นสีทองเรืองรองราวกับอาบแสงสุริยัน
อากาศรอบตัวสั่นไหวเหมือนถูกกดดันด้วยแรงมหาศาล พื้นดินใต้ร่างของมันเกิดรอยร้าว ราวกับไม่อาจต้านทานพลังที่กำลังจะปลดปล่อย
ไคจูคำรามกึกก้องก่อนจะพุ่งเข้าหาศัตรู หมัดขวาถูกเหวี่ยงออกไปในแนวตรง หมัดนี้พุ่งเข้าใส่เป้าหมายด้วยแรงมหาศาล พื้นที่รอบข้างถูกกวาดล้างไปด้วยคลื่นพลังระลอกแรกที่ปล่อยออกจากหมัด
คลื่นพลังแรกสร้างแรงระเบิดเสียงดังก้องเหมือนภูเขาถล่ม ร่างของโกเล็มผู้พิทักษ์ที่ยืนอยู่ถูกกระแทกจนเซไป
ไคจูไม่หยุดเพียงเท่านั้น มันหมุนตัวอย่างว่องไว หมัดซ้ายถูกเหวี่ยงตามมาทันที คลื่นพลังที่สองถูกปล่อยออกมาด้วยความรุนแรงมากขึ้นเป็นสองเท่าของครั้งแรก
พลังสะสมจากคลื่นแรกทำให้หมัดที่สองมีแรงทำลายล้างสูงกว่าเดิมมาก ร่างกายของโกเล็มผู้พิทักษ์เกิดรอยร้าวบนหน้าอกและแตกกระจายเป็นเศษชิ้นเล็ก ๆ
โกเล็มผู้พิทักษ์คำรามด้วยความโกรธ มันพยายามฟื้นฟูตัวเองอย่างรวดเร็ว รากไม้เริ่มพันร่างของมันอีกครั้ง แต่ในช่วงเวลานั้นเอง อารอนใช้พลังทั้งหมดในการใช้ทักษะใบมีดมรกตสะบั้นอำพร
ใบมีดมรกตพุ่งเป็นเส้นแสงสีเขียวตัดเข้าที่หน้าอกโกเล็ม ทลายเกราะเถาวัลย์ที่ปกป้องลูกแก้วสีเขียวจนเปิดออก ริวไม่ปล่อยโอกาสนี้ เขาพุ่งตัวขึ้นสูงอีกครั้ง ปลดปล่อยพลังปราณจากพื้นที่จิตวิญญาณทั้งหมดเข้าสู่ดาบ
ดาบเรืองแสงสีทองเจิดจ้าตรงใบดาบมีลวดลายราวกับมังกร ฟันลงบนลูกแก้วสีเขียวตรงกลางอกโกเล็มอย่างรุนแรงและเต็มไปด้วยพลังทำลายล้าง
“ตู้ม!”
พลังระเบิดออกมาในชั่วพริบตา ลูกแก้วแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ แสงสว่างปกคลุมทั่วทั้งถ้ำ
โกเล็มผู้พิทักษ์ทรุดตัวลง เถาวัลย์ที่เคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่งเริ่มหยุดนิ่งก่อนจะเหี่ยวเฉาและสลายไป ร่างของมันพังทลายลงเป็นซากไม้
ริวทรุดลงกับพื้น หอบหายใจหนัก ไคจูและอารอนเดินเข้ามาเคียงข้าง แม้เหนื่อยล้าแต่แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความภาคภูมิใจ
“เราทำได้… พวกนายเก่งมาก” ริวกล่าวพลางยิ้มบางๆ
เขามองไปที่ประตูบานใหญ่ที่ตอนนี้ไร้ผู้พิทักษ์ขวางกั้น เถาวัลย์ที่พันทั่วประตูค่อยๆสลายหายไป ราวกับรอให้พวกเขาเข้ามาค้นหาความลับที่อยู่ด้านใน
ริวไม่รีบเข้าไปแต่อย่างใดและได้ดำเนินการรักษาตัวของเขาและสัตว์อสูรก่อน เนื่องจากการต่อสู้ในครั้งนี้ทำให้พวกเขาบาดเจ็บไม่น้อย
เวลาผ่านไป1ชั่วโมงอย่างรวดเร็ว ตอนนี้พวกเขาฟื้นฟูอาการบาดเจ็บและพลังกายเรียบร้อยแล้ว
ริวไม่รอช้ารีบรับรางวัลหีบสมบัติสีเงินทันที หีบสมบัติค่อยๆเปิดออกมาอย่างช้าๆพร้อมข้อความจากระบบที่ดังขึ้นในจิตใจของเขา
“ยินดีด้วยโฮสต์! คุณได้รับแผนที่ซากโบราณสถานดึกดำบรรพ์”
ริวที่ได้ยินสิ่งนี้คิ้วขมวดเล็กน้อย เพราะตอนแรกเขาคิดว่าจะได้รับรางวัลที่สามารถช่วยพัฒนาเขาหรือสัตว์อสูรของเขาได้
แต่เมื่อคิดดูดีๆสิ่งนี้ก็ดีเหมือนกันเพราะบางทีเขาอาจจะเจอสมบัติที่ล้ำค่าอยู่ในนั้นก็ได้และอีกอยากเขายังไม่ลืมว่าเขาจำเป็นต้องหาของทั้งห้าอย่างมาช่วยไข่ของมังกรจักรพรรดิหิมะ
หยาดพลังงานอสูรโบราณเป็นหนึ่งในนั้นซึ่งหาได้จากซากปรักหักพังโบราณที่ยังคงเหลือพลังงานของสัตว์อสูรโบราณที่สูญพันธุ์ไปแล้ว
บางทีซากโบราณสถานแห่งนี้อาจมีหยาดพลังงานอสูรโบราณอยู่ก็เป็นได้
ริวยืนขึ้นแล้วหันไปมองประตูยักษ์ขนาดใหญ่ที่ตอนนี้ไม่มีอะไรกั้นขวาง เสียงหัวใจของเขาเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น
“ข้างในนั้นมีอะไรซ่อนอยู่กัน!?” เขากล่าว ก่อนจะเดินนำสัตว์อสูรทั้งสองไปยังประตู
ริวเอื้อมมือผลักบานประตูยักษ์ด้วยแรงทั้งหมดที่มี เสียงครืดดังสะท้อนก้องไปทั่วห้องโถง เมื่อประตูค่อยๆ เปิดออก กลิ่นอายแห่งพลังชีวิตและธรรมชาติไหลทะลักออกมาราวกับสายน้ำที่ถูกปลดปล่อย
ความรู้สึกสงบสุขแผ่ซ่านไปทั่วร่างของริวและสัตว์อสูรของเขา
เมื่อสายตาของริวปรับตัวเข้ากับแสงที่ส่องลอดออกมาจากด้านใน เขาก็ต้องตกตะลึง สถานที่หลังประตูดูราวกับสวรรค์ย่อมๆ ด้านในเต็มไปด้วยสมุนไพรหายากที่เรืองแสงอ่อนๆ
พื้นปกคลุมด้วยพรมมอสสีเขียวขจี ที่กลางห้องมีต้นไม้ขนาดมหึมาที่เปล่งแสงเรืองรอง ต้นไม้ต้นนี้ดูราวกับเป็นศูนย์กลางของพลังธรรมชาติทั้งหมดในดันเจี้ยน
ริวเดินเข้าไปใกล้ต้นไม้ พลางเงยหน้ามองกิ่งก้านที่แผ่ขยายออกไปในทุกทิศทาง เขาเห็นผลไม้รูปร่างคล้ายหยาดน้ำตาเปล่งแสงสีเขียวอ่อนห้อยอยู่ตามกิ่ง ผลไม้เหล่านั้นเปล่งพลังอันบริสุทธิ์จนเขาสัมผัสได้
“ผลวิญญาณพฤกษา...” ริวเอ่ยด้วยเสียงเบาแต่เต็มไปด้วยความตกใจ
ผลวิญญาณพฤกษาถือเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างมาก
เขาจ้องมองผลไม้นั้นด้วยสายตาที่ตื่นเต้น “ผลไม้นี่..หากมนุษย์กินจะสามารถเพิ่มสมรรถภาพทางกายได้หลายเท่า รวมถึงช่วยพัฒนาพื้นที่จิตวิญญาณอีกด้วย”
" และหากให้สัตว์อสูรกินจะเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นเป็นเท่าตัวและพัฒนาได้เร็วขึ้นกว่าเดิม”
ริวยิ้มออกมาด้วยความเบิกบาน เขารู้สึกว่าสิ่งนี้คุ้มค่ากับความพยายามทั้งหมดที่เขาลงแรงในดันเจี้ยนแห่งนี้
“แค่ผลวิญญาณพฤกษาก็ทำให้การมาที่นี่ไม่สูญเปล่าแล้ว นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรหายากมากมายอีก”
แต่ในขณะที่เขากำลังมองผลวิญญาณพฤกษาด้วยความพึงพอใจ สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นแท่นหินที่อยู่ลึกเข้าไปด้านใน ใต้รากไม้ขนาดมหึมาของต้นไม้
แท่นนั้นดูเหมือนแท่นบูชาโบราณที่ถูกเถาวัลย์พันรอบแน่น เถาวัลย์เหล่านั้นเปล่งแสงจางๆ และมีกลิ่นอายแห่งชีวิตที่ทรงพลังไหลออกมา
ริวเดินเข้าไปใกล้แท่นบูชาด้วยความสงสัย ดวงตาของเขาเบิกกว้างเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่บนแท่นนั้น อัญมณีสีเขียวใส ที่เปล่งแสงเจิดจ้าราวกับดวงตะวันที่ถูกห่อหุ้มด้วยพลังธรรมชาติ
อัญมณีสีเขียวส่องประกายสดใสราวกับเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติที่ถูกกลั่นกรองให้บริสุทธิ์ที่สุด รูปลักษณ์ของมันโปร่งใสราวกับหยดน้ำบริสุทธิ์ในป่าลึก
แต่ในความใสกระจ่างนั้น กลับมีประกายสีเขียวระยิบระยับที่เปล่งออกมาอย่างนุ่มนวล แสงที่ตกกระทบอัญมณีจะกระจายตัวออกเป็นเงาสีเขียวอ่อนที่สะท้อนให้เห็นลวดลายคล้ายเส้นใบไม้หรือเครือเถาวัลย์ที่พันกันอย่างวิจิตร
กลิ่นอายลึกลับแผ่ซ่านออกมาจากอัญมณี ริวสัมผัสได้ถึงความมหัศจรรย์ที่ไม่อาจอธิบายได้
“นี่มันคืออะไรกัน...”