บทที่42 เข้าสู่ดันเจี้ยนพฤกษาพิศวง
ริวเดินทางเข้าสู่ป่าลึกทางทิศเหนือของอาณาจักรลับพืชเพื่อมุ่งหน้าสู่ดันเจี้ยนพฤกษาพิศวง
สายลมอ่อนๆ พัดผ่านยอดไม้สูงที่คลุมฟ้า ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ป่ามาแตะปลายจมูก
เสียงลำธารเล็กๆ ไหลกระทบหินใกล้ๆ ช่วยเสริมบรรยากาศให้เงียบสงบและเปี่ยมด้วยชีวิตชีวา
ดินที่เขาย่ำไปนั้นนุ่มชื้น ราวกับผืนป่าเองกำลังโอบรับเขาไว้ในอ้อมกอด
ระหว่างทาง ริวพบสัตว์อสูรธาตุพืชและไม้หลากหลายสายพันธุ์
บ้างเป็นกวางตัวเล็กที่มีเขาเรืองแสงสีเขียว บ้างเป็นผีเสื้อขนาดใหญ่ที่ปีกของมันสะท้อนแสงอาทิตย์ออกมาเป็นประกายคล้ายอัญมณี
สัตว์เหล่านั้นจ้องมองริวด้วยแววตาที่ไม่ได้แฝงความเป็นศัตรู แต่กลับเต็มไปด้วยความสงสัย
ในช่วงแรกที่ริวพยายามเข้าใกล้สัตว์อสูรเหล่านี้ พวกมันต่างถอยห่างออกไปด้วยความหวาดระแวง
แต่ริวเลือกที่จะนั่งลงบนพื้น ดึงผลไม้และสมุนไพรเล็กๆ ที่เขาหาได้จากรอบตัวออกมาให้พวกมัน สายตาอ่อนโยนและท่าทีที่สงบสุขของริวช่วยลดความระแวงในตัวเขาลงทีละน้อย
และในระหว่างที่ริวกำลังนั่งพักใต้ต้นไม้ใหญ่ สัตว์อสูรตัวเล็กคล้ายลูกหมีแต่ขนของมันเป็นสีเขียวก็ปรากฎขึ้น มันเดินเข้ามาใกล้และนั่งลงข้างเขาอย่างไม่ลังเลพร้อมจ้องมองริวด้วยดวงตากลมโต
ก่อนจะยื่นอุ้งเท้ามาแตะขาของเขาอย่างเป็นมิตร
“นายอยากเล่นกับฉันเหรอ?” ริวพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น เขาเอื้อมมือไปลูบหัวของมันเบาๆ และมันก็ส่งเสียงครางในลำคอราวกับแสดงความพอใจ
….
ในขณะเดียวกันเขาก็พบเห็นสัตว์อสูรหลายตัวเริ่มเข้ามาทักทายเขาอย่างเปิดเผย
บางครั้งในช่วงที่เขากำลังฝึกท่าหมัดหรือเคลื่อนไหวเพื่อฝึกฝนการควบคุมปราณ สัตว์ตัวเล็กๆ ก็จะเข้ามาดูด้วยความสนใจ หรือบางตัวก็กระโดดมารอบๆ เหมือนต้องการเล่นกับเขา
“สัตว์อสูรที่นี่เป็นมิตรมาก” ริวคิดในใจด้วยรอยยิ้ม
“หากโลกภายนอกเป็นแบบนี้บ้าง บางทีโลกนี้คงเต็มไปด้วยความสงบสุข”
ขณะที่เขามองไปรอบๆ เขาไม่สามารถหยุดเปรียบเทียบได้ระหว่างป่าที่เต็มไปด้วยความสงบสุขนี้ กับโลกภายนอกที่เต็มไปด้วยการต่อสู้และการเอาตัวรอดจากอันตรายรอบด้าน
เขาสัมผัสได้ถึงความบริสุทธิ์และความจริงใจจากเหล่าสัตว์อสูรเหล่านี้
ความรู้สึกนี้ทำให้เขาตระหนักถึงสิ่งสำคัญบางอย่างในใจ การฝึกฝนเพื่อความแข็งแกร่งไม่จำเป็นต้องมาพร้อมกับการสูญเสียหรือความวุ่นวายเสมอไป
บางครั้งการเติบโตในบรรยากาศที่สงบสุขและเป็นมิตรก็สามารถเสริมสร้างจิตใจและร่างกายให้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
……..
เมื่อเดินต่อมาอีกพักใหญ่ ริวก็หยุดยืนอยู่หน้าถ้ำขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางความเงียบงัน ปากถ้ำถูกล้อมรอบด้วยเถาวัลย์ขนาดยักษ์ที่ดูเหมือนจะเคลื่อนไหวได้
ไอหมอกบางๆ ลอยอ้อยอิ่งรอบๆถ้ำทำให้บรรยากาศดูน่าเกรงขาม รอบๆ ไม่มีเสียงของสัตว์อสูรใดๆเลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้มักจะเต็มไปด้วยเสียงของพวกสัตว์อสูรน้อยใหญ่มากมาย
"ที่นี่แปลกมาก...”ริวกล่าวพลางมองรอบๆ ด้วยความสงสัย
พื้นดินรอบๆ ปราศจากร่องรอยของสัตว์อสูรใดๆ ซึ่งเป็นบรรยากาศที่ขัดแย้งกับป่าที่เขาเพิ่งเดินผ่านมา
ริวหรี่ตามองรอบๆ ก่อนจะเรียกไคจูและอารอนออกมา
"เตรียมตัวให้พร้อมนะ พวกเราอาจจะเจออันตรายได้ทุกเมื่อในดันเจี้ยนแห่งนี้"
สัตว์อสูรทั้งสองตอบรับอย่างรวดเร็ว ไคจูคำรามต่ำด้วยความพร้อม ส่วนอารอนกางใบมีดที่แขนออก เตรียมเข้าสู่โหมดต่อสู้
พวกเขาเดินก้าวเข้าไปภายในถ้ำทันที
ภายในถ้ำเต็มไปด้วยกลิ่นชื้นและหมอกบางๆ ที่ลอยคละคลุ้ง เถาวัลย์หนาแน่นเลื้อยปกคลุมผนังถ้ำ บางส่วนของเถาวัลย์ดูเหมือนจะมีชีวิต
รากไม้ขนาดใหญ่ยื่นออกมาจากพื้นและเพดาน กลายเป็นสิ่งกีดขวางที่พวกเขาต้องหลบหลีกอย่างระมัดระวัง
เมื่อเดินลึกเข้าไป พวกเขาพบต้นไม้เรืองแสงที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้องโถงกว้าง มันปล่อยแสงสีเขียวอ่อนออกมา ทำให้พื้นที่โดยรอบมีแสงสว่างเพียงพอที่จะมองเห็น
เถาวัลย์บางส่วนของต้นไม้นั้นขยับเล็กน้อยเหมือนกำลังหายใจ ริวเอื้อมมือแตะดาบที่ข้างเอวอย่างระแวดระวัง
"ที่นี่มีบางอย่างไม่ปกติ..." ริวพึมพำเบาๆพร้อมกับเคลื่อนตัวอย่างเงียบเชียบ ราชามังกรนักสู้เดินตามหลังพลางยกมือขึ้นเตรียมพร้อมเผชิญหน้ากับสิ่งที่อาจโจมตีพวกเขา
เมื่อเดินลึกลงไปอีก ทางเดินเริ่มแคบลงและมืดขึ้น พวกเขาเริ่มพบสัตว์อสูรระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ เช่น หมาป่ารากไม้ที่มีเถาวัลย์พันรอบตัว หรือฝูงผีเสื้อพิษที่ปล่อยละอองเรืองแสงออกมา
โชคดีที่พวกมันไม่ได้จู่โจมในทันที แต่กลับคอยเฝ้าสังเกตจากระยะไกลราวกับกำลังประเมินความแข็งแกร่งของพวกเขา
ขณะที่พวกเขากำลังก้าวลึกเข้าไปเรื่อยๆ
ทันใดนั้น เสียงกัมปนาทก็ดังก้องทั่วถ้ำ เงาทะมึนขนาดมหึมาโผล่ออกมาจากความมืด มันคือ ยักษ์รากไม้พิฆาต
สัตว์อสูรขนาดใหญ่ที่มีร่างกายประกอบไปด้วยรากไม้พันกันเป็นเกลียว มีดวงตาสีเขียวมรกตที่ส่องแสงราวกับหยกอันดุร้าย
มันคำรามก้องจนพื้นสั่นสะเทือน รากไม้หนาโผล่ขึ้นมาจากพื้นและฟาดเข้าหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว
“ตู้ม!”
พวกเขารีบหลบหลีกอย่างรวดเร็ว หลังจากตั้งหลักได้แล้ว ริวไม่รอช้ารีบใช้ระบบตรวจสถานะของมันทันที
【ยักษ์รากไม้พิฆาต 】
Lv: 31
เพศ: ชาย
ธาตุ: พืช/ไม้
คุณสมบัติ: สูงสุด
ความแข็งแกร่ง: สูงสุด
“สัตว์อสูรระดับสูงสุด” ริวพึมพำในใจ
นี่เป็นคู่ต่อสู้ที่ดีในการแสดงผลลัพธ์การฝึกของพวกเขา
ริวออกคำสั่งทันที "ไคจูใช้ หมัดคลื่นมังกร! อารอนใช้ความเร็วของนายหลอกล่อมัน!"
ไคจูกระโจนเข้าข้างหน้า ง้างหมัดที่เต็มไปด้วยพละกำลังและปล่อยหมัดคลื่นมังกร พลังมังกรที่อัดแน่นในหมัดนั้นพุ่งตรงเข้าหาเป้าหมาย
“ตู้ม!”
รากไม้บางส่วนแตกกระจาย แต่ยักษ์รากไม้พิฆาตยังคงไม่สะทกสะท้าน มันฟาดรากอีกเส้นตรงมายังไคจู
ในขณะเดียวกันอารอนก็พุ่งตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว มันหมุนตัวกลางอากาศ หลบหลีกรากที่พุ่งเข้ามาด้วยความคล่องตัว ใบมีดสีเขียวที่แขนสะท้อนแสงเล็กน้อย
ก่อนที่มันจะใช้ทักษะ ใบมีดพายุพฤกษา เฉือนรากที่โผล่ขึ้นมาจนขาดเป็นชิ้นๆ
ริวเองก็ไม่ยอมอยู่เฉย เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วด้วยทักษะพายุแปรปรวนและใช้ดาบมังกรพิโรธโจมตีจุดอ่อนของสัตว์อสูร
ดาบที่ห่อหุ้มด้วยพลังปราณสีทองฟาดลงที่แกนกลางของยักษ์รากไม้จนเกิดรอยร้าวลึก
"ตอนนี้แหละ! โจมตีพร้อมกัน!" ริวตะโกน
ไคจูใช้ กระสุนสุญญากาศ ยิงใส่แกนกลางที่ริวเปิดจุดอ่อนไว้ ในขณะเดียวกันอารอนก็หมุนตัวกลางอากาศ ใช้ใบมีดฟาดซ้ำไปที่แกนกลาง
เมื่อพลังของทั้งสามผสานกัน ยักษ์รากไม้ส่งเสียงคำรามครั้งสุดท้ายก่อนจะล้มลง รากทั้งหมดแห้งเหี่ยวกลับไปสู่ดิน
ริวหอบหายใจหนัก แต่เมื่อเขามองสัตว์อสูรทั้งสองของเขา รอยยิ้มพอใจก็ผุดขึ้นบนใบหน้า
“ดีมาก! พวกนายทำได้ยอดเยี่ยม”
" ดูเหมือนการฝึกของพวกเราจะไม่สูญเปล่า"
ไคจูคำรามต่ำด้วยความภาคภูมิใจ ขณะที่อารอนสะบัดใบมีดของมันเบาๆ ราวกับพอใจกับการต่อสู้ครั้งนี้
“ดันเจี้ยนนี้ยังมีอะไรที่อันตรายกว่านี้อีกมาก แต่ฉันมั่นใจว่าพวกเราจะผ่านมันไปได้ด้วยดี” ริวกล่าวขณะมองลึกเข้าไปในถ้ำที่ยังทอดยาวเบื้องหน้า
ซึ่งดูจากแผนที่แล้วเป็นสถานที่ๆหีบสมบัติระดับเงินตั้งอยู่
……
ภายในถ้ำอันมืดมิดและลึกลับ เส้นทางขรุขระเต็มไปด้วยก้อนหินแหลมคมที่โผล่พ้นจากพื้นผิว บรรยากาศอบอวลไปด้วยความเงียบสงัดที่ถูกแทรกด้วยเสียงหยดน้ำจากเพดานถ้ำ
เสียงฝีเท้าของพวกริวและเสียงหอบหายใจสะท้อนดังก้องภายในถ้ำ หลังจากการต่อสู้มาอย่างยาวนาน
ระหว่างทางที่พวกเขามุ่งหน้าลึกเข้าไป สัตว์อสูรหลากหลายสายพันธุ์ที่แฝงตัวอยู่ในความมืดโผล่ออกมาโจมตีพวกเขา
บางตัวมีร่างกายใหญ่โต หุ้มเกราะหนาแน่น บางตัวมีความว่องไวเกินคาด และอีกหลายตัวที่โจมตีพวกเขาจากระยะไกล
ในแต่ละครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้ ริวและสัตว์อสูรของเขาต่างผลัดกันแสดงศักยภาพอย่างเต็มที่
ริวเคลื่อนไหวอย่างชำนาญเรื่อยๆ ทักษะการต่อสู้ของเขาเฉียบคมขึ้นทุกครั้งที่ต่อสู้กับสัตว์อสูรต่างๆ
ดาบของเขาพลิ้วไหวเหมือนสายลม แต่ทรงพลังเหมือนพายุคลั่ง
ส่วนไคจูและอารอน หลังจากการฝึกฝนอย่างหนักหน่วงเกือบสามสัปดาห์หลังกลับมาจากอาณาจักรลับ ทั้งคู่ต่างก็แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาที่โดดเด่น
สะท้อนถึงศักยภาพที่น่าทึ่งของพวกเขา
ตอนแรกไคจูอยู่เพียง Lv.10 เท่านั้น แต่ในระยะเวลาเพียงสามสัปดาห์ มันก็พัฒนาจนกลายเป็น Lv.18แล้ว
ห่างจากการพัฒนาไปเป็นสัตว์อสูรระดับสูงอีกเพียงแค่สองก้าวเท่านั้น
นอกจากเลเวลจะเพิ่มแล้ว พลังการโจมตีของไคจูก็แม่นยำและรุนแรงขึ้นอย่างมาก ตอนนี้มันแข็งแกร่งพอๆกับสัตว์อสูรระดับสูง หรือแม้แต่สัตว์อสูรระดับสูงบางตัวก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน
ส่วนการพัฒนาของอารอนก็น่าประทับใจเช่นกัน
ตอนแรกจากLv.25 ตอนนี้มันพัฒนาเป็นLv.28แล้ว ถึงแม้ระดับของมันจะขึ้นช้ากว่าไคจูถึง5เลเวล แต่ความสามารถของมันไม่ด้อยกว่าแต่อย่างใด
เพราะยิ่งระดับสูงขึ้น ความยากลำบากในการพัฒนาก็ยิ่งสูงขึ้นตามด้วยเช่นกัน
หลังจากผ่านการต่อสู้อันยากลำบาก พวกเขาพบอุโมงค์เล็กๆ ที่เงียบสงบแฝงตัวอยู่ในมุมหนึ่งของดันเจี้ยน
สายลมเย็นบางเบาพัดผ่านทางเข้าอุโมงค์ นำความสงบมาสู่จิตใจที่อ่อนล้า
ริวนั่งลงกับพื้นหินเย็นๆ ขณะสำรวจบาดแผลของตนและสัตว์อสูรของเขา ไคจูนอนหมอบลงข้างๆ เขา ส่วนอารอนก็หย่อนกายลงและเริ่มเลียบาดแผลที่ได้รับระหว่างการต่อสู้
ริวมอบยารักษาอาการบาดเจ็บและ Life Grain ที่ใช้สูตรอาหารระดับสูงแทน ให้แก่พวกเขาเพื่อรักษาบาดแผลและฟื้นฟูร่างกาย
ส่วนเขาเองก็ใช้ยารักษาอาการบาดเจ็บเหมือนกันและหลับตาปล่อยให้พลังปราณในร่างกายไหลเวียน รักษาอาการบาดเจ็บและฟื้นฟูพลังอย่างช้าๆ
พลังปราณนอกจากจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาแล้ว ยังสามารถช่วยรักษาอาการบาดเจ็บและฟื้นฟูพลังกายได้อีกด้วย
ความเหนื่อยล้าค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยความกระปรี้กระเปร่า และความรู้สึกพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับอุปสรรคครั้งใหม่
เมื่อบาดแผลทั้งหมดหายดีและพลังของพวกเขากลับคืนมา พวกริวก็เดินหน้าต่อไป ความเงียบสงัดของถ้ำในตอนแรกถูกแทนที่ด้วยเสียงก้าวย่างที่มั่นคง
พวกเขาตั้งใจมุ่งหน้าสู่ส่วนลึกสุดของดันเจี้ยน
ระหว่างทาง มีสัตว์อสูรระดับสูงและระดับสูงสุดปรากฏตัว แต่พวกมันไม่ได้เป็นอุปสรรคใหญ่อีกต่อไป ด้วยความแข็งแกร่งและการทำงานเป็นทีมที่ไร้ที่ติของพวกเขา
แม้การต่อสู้กับสัตว์อสูรระดับสูงสุดจะหนักหน่วงก็ตาม แต่ก็อยู่เกณฑ์ที่พวกเขารับได้
อย่างไรก็ตาม ริวก็ยังคงระมัดระวังมากอยู่ดี เพราะเขารู้ว่าถ้าสัตว์อสูรระดับหัวหน้าปรากฏตัว
มันจะเป็นบททดสอบที่แท้จริง และอาจเป็นศึกที่เดิมพันด้วยชีวิตของพวกเขา...