บทที่41 ฝึกการประสานงาน
ณ ลานฝึกที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากต้นไม้แห่งชีวิต
แสงแดดอ่อนๆ ส่องลอดผ่านกิ่งก้านหนาทึบของต้นไม้ กระทบพื้นมอสเขียวชอุ่มราวกับพรมธรรมชาติ เสียงลมพัดไหวทำให้ใบไม้สะท้อนประกายแสงราวกับคริสตัล
ใกล้ลานฝึกมีเสียงนกร้องและกลิ่นหอมอ่อนๆ ของพืชสมุนไพรที่เติบโตตามธรรมชาติ
แต่ในกลางลานฝึก กลับเต็มไปด้วยไปด้วยบรรยากาศจริงจังของร่างทั้งสี่
ริวถือดาบไว้ในมือแน่น ดาบเหล็กในมือสะท้อนแสงสีเขียวที่สาดมาจากต้นไม้แห่งชีวิตพลางจ้องมองไปที่ ราชากิ่งก่ามังกรเริงระบำ
ร่างขนาดใหญ่ที่ยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าคำรามต่ำ ใบมีดคมที่ยื่นออกมาจากข้อมือทั้งสองข้างเปล่งประกายดุจมรกตพร้อมสำหรับการต่อสู้
ข้างกายริวคือ ราชามังกรนักสู้หรือไคจู สัตว์อสูรที่มีเกล็ดสีเงินที่ดูแข็งแกร่งและแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความดุดัน
ขณะที่อีกฝั่งคือ กิ่งก่ามังกรเริงระบำหรืออารอน ร่างของมันยืดหยุ่นและพร้อมสำหรับการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว
ก่อนที่จะไปดันเจี้ยนพฤกษาพิศวง ริวต้องการฝึกฝนความร่วมมือการต่อสู้ระหว่างเขาและสัตว์อสูรของเขา
เนื่องจากปกติเขาจะคอยสั่งการอยู่เบื้องหลังอย่างเดียว พอมาอยู่ในจุดที่ต้องต่อสู้ด้วยกันทำให้ริวรู้สึกแปลกๆเล็กน้อยในใจ
ริวสูดลมหายใจลึก ระงับความแปลกใหม่ของการต่อสู้ร่วมกับสัตว์อสูร แล้วให้ความสนใจกับคู่ต่อสู้ตรงหน้า
ราชากิ่งก่ามังกรเริงระบำเป็นฝ่ายเริ่มโจมตี มันพุ่งตัวมาด้วยความเร็วเหนือมนุษย์ ใบมีดสีเขียวตวัดออกมาเป็นแนวโค้งคมกริบ
“ไคจู! หมัดสูญญากาศ!” ริวตะโกนทันที
ไคจูกระทืบพื้นอย่างแรง ก่อนจะส่งพลังจากหมัดของมันออกไปเป็นคลื่นพลังมหาศาล พุ่งตรงเข้าหาราชากิ่งก่ามังกรเริงระบำ
แต่ราชากิ่งก่ามังกรเริงระบำกลับหลบหลีกได้อย่างง่ายดาย มันเคลื่อนไหวรวดเร็วเหมือนสายลม ก่อนจะเข้าประชิดตัวไคจูและฟันด้วยใบมีดบนข้อมือ
“ระวัง!” ริวตะโกนพลางพุ่งเข้าไป
ริวใช้ทักษะ “พายุแปรปรวน” ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและไม่สามารถคาดเดาได้
ร่างของเขาเบี่ยงหลบเข้าไปในจุดบอดของราชากิ่งก่ามังกรเริงระบำ ก่อนจะตวัดดาบเข้าใส่ในจังหวะที่แม่นยำ
“เคร้ง!”
ใบดาบของริวปะทะกับใบมีดสีเขียวบนแขนของราชากิ่งก่ามังกรเริงระบำ แม้แรงปะทะจะทำให้มือของริวชาไปชั่วครู่
แต่เขาก็ยังไม่หยุดการโจมตี เขาตวัดดาบอีกครั้งอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนการเคลื่อนไหวทุกครั้งให้เป็นการป้องกันและโจมตีในคราวเดียว
ในขณะเดียวกันอารอนก็กระโจนเข้าร่วมการต่อสู้ มันใช้ทักษะ “ใบมีดพฤกษา” สร้างแรงตัดเป็นคลื่นลมคมกริบพุ่งตรงไปยังราชากิ่งก่ามังกรเริงระบำ
แต่ทว่าราชากิ่งก่ามังกรเริงระบำหลบได้อย่างง่ายดาย
“มันเร็วเกินไปหน่อย!” ริวพึมพำออกมาเล็กน้อยและตะโกนเสียงดัง
“ไคจู..ใช้กระสุนสูญญากาศ!”
ไคจูปล่อยกระสุนพลังสูญญากาศออกมาหลายชุด การโจมตีนี้แม่นยำและรวดเร็วมาก ทำให้ราชากิ่งก่ามังกรเริงระบำเริ่มเสียการทรงตัวเล็กน้อย
แต่ด้วยความชำนาญในการต่อสู้ มันฟื้นตัวกลับมาอย่างรวดเร็วและเริ่มโต้กลับ
การต่อสู้ของทั้งสี่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไหน พวกเขาก็ยิ่งเสียเปรียบมากขึ้นเรื่อยๆ
เหตุผลที่เป็นเช่นนี้เลยเพราะว่า การโจมตีของทั้งริวและสัตว์อสูรของเขาไม่ได้ประสานกันเท่าที่ควร
การโจมตีมักสวนทางกันในจังหวะที่ไม่ลงตัว ทำให้ราชากิ่งก่ามังกรเริงระบำสามารถหาช่องว่างโจมตีกลับมาได้เสมอ
ใบมีดสีเขียวของมันฟาดเข้าใส่อารอนจนเจ้าตัวต้องถอยหลังไปหลายก้าว ขณะที่ริวพยายามเข้าป้องกันก็กลับถูกต้านทานด้วยความเร็วและแรงของมัน
ริวเริ่มสังเกตปัญหาในการต่อสู้ด้วยกันของพวกเขา
เขาสูดหายใจลึก ก่อนจะพูดกับสัตว์อสูรของเขา “พวกเราต้องโจมตีพร้อมกัน!”
คราวนี้ริวใช้ทักษะ “ดาบมังกรพิโรธ” ซึ่งเป็นทักษะที่มีต้นกำเนิดมาจากทักษะมังกรพิโรธ
หลังจากที่พยายามปรับใช้ให้เข้ากับดาบอยู่หลายครั้งเขาก็คิดทักษะนี้ขึ้นมา
เป็นการผสมการโจมตีด้วยปราณเข้ากับแรงเหวี่ยงดาบที่ทรงพลัง อาศัยกระบวนการบีบอัดร่างกายและการเคลื่อนไหวที่เหมือนกับทักษะมังกรพิโรธสร้างการโจมตีที่ทรงพลังและรุนแรงขึ้นมา
ดาบในมือของเขาเปล่งแสงสีทองจางๆ เและตวัดดาบไปทางซ้ายในจังหวะเดียวกับที่ราชามังกรนักสู้ใช้ “มังกรคำราม” ปล่อยพลังเสียงอันรุนแรงกดดันศัตรู
ในอีกด้านอารอนก็ใช้ทักษะใบมีดพฤกษาเพื่อช่วยโจมตีอีกแรง คลื่นลมคมกริบราวกับมีดพุ่งตรงไปยังราชากิ่งก่ามังกรเริงระบำด้วยความเร็วสูง
ราชากิ่งก่ามังกรเริงระบำถูกบีบให้ถอยหนีเล็กน้อยจากการโจมตีสองทิศทาง
จากนั้นมันก็หมุนตัวกลางอากาศ ใบมีดทั้งสองสะบัดเฉือนกระแสมวลอากาศจนแตกกระจายและทำลายการโจมตีของพวกเขา
ถึงการโจมตีของเขาจะถูกทำลาย แต่ริวก็ไม่ตื่นตระหนกแต่อย่างใด
เขาอาศัยจังหวะนั้นจึงพุ่งเข้าด้านข้างพร้อมกับปล่อยทักษะดาบมังกรพิโรธอีกครั้ง แต่ใช้พลังปราณมากกว่าเดิมหลายเท่า
พลังปราณมังกรสีทองถูกหลอมรวมกับคมดาบจนเกิดเสียงคล้ายมังกรคำรามขึ้น
ในเวลาเดียวกันอารอนที่อยู่ทิศทางด้านหลังของราชากิ่งก่ามังกรเริงระบำก็พุ่งมาจากอีกด้านพร้อมกับใช้ ใบมีดที่เรืองแสงสีเขียวสว่างจ้าบนข้อมือฟันไปยังเบื้องหน้า
แต่เพราะการประสานงานที่ยังไม่ราบรื่น ริวและอารอนเคลื่อนไหวพร้อมกันโดยไม่ทันคิดถึงจังหวะซ้อนทับ
ราชากิ่งก่ามังกรเริงระบำจึงรีบกระโดดขึ้นสูงอย่างรวดเร็วราวกับสายลม
ทำให้ทั้งสองต้องระงับการโจมตีของพวกเขา ไม่งั้นพวกเขาจะโจมตีกันเอง
ในจังหวะนั้นเองราชากิ่งก่ามังกรเริงระบำใช้โอกาสนั้นสวนกลับ ใบมีดที่คมดุจเคียวหมุนฟาดเข้าใส่อารอนจนกระเด็นไปด้านข้าง
"ดูเหมือนพวกเรายังต่อสู้ไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร.." ริวขบคิดในใจ
เขาเรียกสัตว์อสูรทั้งสองถอยกลับมาตั้งหลักใหม่และเริ่มพยายามต่อสู้อีกรอบ
หลังจากฝึกฝนอยู่หลายชั่วโมง ริวและสัตว์อสูรของเขาต่างหอบหายใจหนัก แต่แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“มันยังไม่ดีพอ...” ริวพึมพำ พลางมองไปที่ราชากิ่งก่ามังกรเริงระบำที่นอนนิ่งอยู่กลางลานด้วยท่าทีสบายๆ
เห็นได้ชัดว่ามันยังยั้งมือไว้อยู่ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะหากราชากิ่งก่าเริงระบำเอาจริงพวกเขาย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันแม้แต่น้อย
เนื่องจากราชากิ่งก่าเริงระบำอีกก้าวเดียวก็จะกลายเป็นระดับอีลิท จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาจะสู้ไม่ได้
ริวหันไปมองสัตว์อสูรของเขา “พวกเราต้องทำให้ดีกว่านี้ พวกเราจะต้องประสานกันให้ลงตัวมากขึ้น”
“เพราะฉะนั้นต่อจากนี้ไปพวกเราจะฝึกฝนการประสานงานกันเป็นหลัก”
ทั้งไคจูและอารอนพยักหน้าตอบกลับ
……….
หลังจากนั้นการฝึกประสานการต่อสู้ระหว่างพวกเขาก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเข้มข้นจนผ่านไปสองวัน
สองวันนี้ลานฝึกในอาณาจักรลับพืชเต็มไปด้วยเสียงการเคลื่อนไหวที่สอดประสาน เสียงอาวุธกระทบกัน และการตะโกนออกคำสั่งที่สั้นลงเรื่อยๆของริว
การฝึกฝนการประสานของริว ราชามังกรนักสู้ และกิ่งก่ามังกรเริงระบำเริ่มต้นด้วยความยากลำบาก เนื่องจากลักษณะการต่อสู้ของแต่ละคนมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
เขาจึงใช้พยายามใช้คุณลักษณะเด่นของแต่ละคนมาแบ่งบทบาทหน้าที่และประสานความร่วมมือกัน
ริวที่เชี่ยวชาญการใช้ดาบพลังปราณ เน้นความสมดุลระหว่างพละกำลังและการเคลื่อนที่รวดเร็วแม่นยำ รวมถึงคอยสั่งการ เป็นศูนย์กลางของทีม
ขณะที่ราชามังกรนักสู้ที่มีพละกำลังมหาศาลและพลังโจมตีที่รุนแรงราวกับพายุ คอยเป็นแนวหน้าในการต่อสู้ ดึงความสนใจจากศัตรูและสร้างความเสียหายที่รุนแรง
ส่วนกิ่งก่ามังกรเริงระบำ ที่โดดเด่นด้านความเร็วเปรียบเสมือนเงาที่ลื่นไหล เคลื่อนตัวราวกับเงามืดบริเวณรอบๆด้วยความเร็วและความคล่องแคล่ว คอยลอบโจมตีเสมือนเข็มพิษที่พุ่งเข้าหาจุดอ่อนของศัตรู
ในวันแรก การประสานงานยังไม่ราบรื่นนัก ไคจูมักลุยเข้าไปข้างหน้าอย่างห้าวหาญ แต่การเคลื่อนไหวที่ดุดันของเขาทำให้อารอนไม่สามารถแทรกตัวเข้าไปโจมตีในจังหวะที่เหมาะสมได้
อารอนจึงต้องคอยหลบหลีกผลกระทบจากพลังของเขาแทนที่จะโจมตี ทำให้ทั้งคู่เสียจังหวะและพลังงานโดยเปล่าประโยชน์
ริวที่ยืนอยู่ด้านหลังก้าวเข้ามา พร้อมแนะนำพวกเขา
“ไคจู นายต้องจับจังหวะอารอนให้ได้ อย่าลุยเดี่ยว ส่วนอารอน นายต้องเรียนรู้ที่จะใช้พลังของไคจูเป็นเกราะป้องกัน ศัตรูที่รับมือกับการโจมตีของเขาอยู่จะไม่ทันมองเห็นนายที่มาจากเงามืด!”
หลังจากฝึกฝนไปซักพักพวกเขาก็เริ่มประสานงานกันดีขึ้นเรื่อยๆ
ไคจูได้เรียนรู้ที่จะควบคุมจังหวะการเคลื่อนไหวของเขาให้เหมาะสม เขาไม่ได้เพียงลุยไปข้างหน้า แต่เลือกจะชะลอจังหวะการโจมตีเพื่อสร้างโอกาสให้อารอนเข้ามาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อารอนเองก็ปรับตัวเช่นกัน เขาใช้การเคลื่อนไหวที่พลิ้วไหวของตัวเองไปพร้อมกับพลังของไคจู การโจมตีของเขาเริ่มตรงจุดและน้อยครั้งที่ศัตรูจะทันตั้งตัว
เมื่อไคจูสู้สร้างช่องโหว่ในแนวป้องกันของศัตรู อารอนจะพุ่งเข้าไปโจมตีทันทีเหมือนมีดที่พุ่งตัดเส้นเลือดสำคัญ
……..
ริวมองไปยังไคจูที่พุ่งเข้าไปด้วยแรงกระแทกมหาศาลจนศัตรู(หุ่นจำลอง) ถูกผลักถอยไปด้านหลัง
ทันทีที่ศัตรูเสียหลัก
อารอนก็พุ่งตัวออกจากเงามืด เขารีบพุ่งเข้าไปโจมตีในจุดอ่อนของหุ่นจำลองได้อย่างแม่นยำ ในเวลาน้อยกว่าหนึ่งลมหายใจ ทำให้หุ่นจำลองนั้นล้มลงราวกับไม่รู้ตัว
การทำงานร่วมกันของพวกเขาเปรียบเสมือนการร่ายรำบนสนามรบ เป็นการผสมผสานจังหวะที่ลงตัวระหว่างพละกำลังอันมหาศาลกับความรวดเร็วและแม่นยำที่เฉียบขาด
ริวมองภาพตรงหน้าด้วยความพอใจ ตอนนี้ปัญหาระหว่างไคจูและอารอนถูกแก้ไขแล้ว ถึงคราวที่จะแก้ไขปัญหาระหว่างการร่วมมือของพวกเขาทั้งสามคนแล้ว
หลังจากนั้นพวกเขาก็ฝึกฝนการประสานงานกัน แต่ในช่วงแรกการเคลื่อนไหวของทั้งสามยังไม่ประสานกันมากนัก
ริวมักฟันดาบในจังหวะที่ต้องการพื้นที่ว่างในการเคลื่อนไหว แต่ไคจูกลับลุยเข้าไปขวางดาบของเขา
ส่วนอารอนที่มักหลบหลีกและเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว กลับทำให้ริวต้องระวังไม่ให้ดาบของเขาโดนอารอนโดยไม่ได้ตั้งใจ
ริวที่รับรู้ถึงปัญานี้ก็เริ่มวิเคราะห์และต่อสู้เแบบมีแบบแผนมากขึ้น
เขารับบทเป็นแกนกลาง คอยนำการโจมตีด้วยดาบที่ห่อหุ้มพลังปราณของเขา
ดาบเปล่งออร่าสีทองสะท้อนแสงเป็นวงโค้งที่ทรงพลัง เมื่อใดที่ริวพุ่งเข้าโจมตี ไคจูจะคอยสร้างพื้นที่และดึงดูดศัตรูให้มุ่งความสนใจไปที่ตัวเขา
ไคจูใช้พลังโจมตีที่รุนแรงในแนวหน้า สร้างแรงกดดันต่อศัตรู เขาไม่เพียงป้องกันริวจากการโจมตี แต่ยังช่วยสร้างช่องว่างให้ริวสามารถฟันดาบได้โดยไม่มีสิ่งขัดขวาง
ส่วนอารอนเริ่มปรับตัวให้เข้ากับการเคลื่อนไหวของทั้งสองเขาเคลื่อนตัวอย่างเงียบเชียบ พุ่งไปยังด้านหลังหรือด้านข้างของศัตรูทุกครั้งที่ริวหรือไคจูสร้างช่องโหว่ในการป้องกัน
อาศัยความรวดเร็วและความแม่นยำในการโจมตีจุดสำคัญอย่างเฉียบขาด
……..
ณ ลานฝึก
เมื่อศัตรู(หุ่นจำลอง)พุ่งเข้าโจมตี ไคจูกระแทกหมัดปะทะเต็มแรงกลับไปจนศัตรูเซไปด้านหลัง ริวใช้จังหวะนั้นพุ่งเข้ามาด้วยดาบที่เต็มไปด้วยพลังปราณ สร้างแนวดาบที่ตัดผ่านศัตรูอย่างรุนแรง
และในชั่วพริบตา กิ่งก่ามังกรเริงระบำก็ปรากฏตัวจากด้านข้าง เขาโจมตีอย่างรวดเร็วในจุดที่เหลือของศัตรู ทำให้มันล้มลงในทันที
“สมบูรณ์แบบ!” ริวกล่าวด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นว่าพวกเขาสามารถประสานงานได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว
การโจมตีที่เคยขัดแย้งกันในช่วงแรก บัดนี้กลายเป็นการโจมตีที่ไหลลื่นเหมือนกระแสน้ำ ดาบของริวที่ทรงพลังนั้นได้รับการสนับสนุนอย่างสมบูรณ์แบบจากความแข็งแกร่งของไคจูและความรวดเร็วของอารอน
ทุกครั้งที่ริวฟาดฟัน จะมีไคจูช่วยปกป้องแนวหน้า และทุกครั้งที่ศัตรูเสียสมดุล จะมีอารอนเข้าจู่โจมจุดอ่อนจากด้านหลัง
“ถึงเวลาแล้วที่จะไปดันเจี้ยนพฤกษาพิศวง” ดวงตาของริวจ้องมองไปทิศทางของดันเจี้ยนด้วยจิตวิญญาณที่ลุกโชน
“หีบสมบัติเงิน…. ฉันมาแล้ว!”