บทที่39 ฝึกดาบกับอลัน
ริวหลับตาลง ลมหายใจของเขาสงบนิ่ง ร่างกายผ่อนคลาย แต่จิตใจกลับจดจ่ออยู่กับดาบเหล็กในมือที่ดูธรรมดา
“สร้างการเชื่อมต่อกับอาวุธ...” ริวพึมพำเบาๆ ทบทวนคำสอนของอลัน
เขาเริ่มจินตนาการว่าดาบในมือไม่ใช่เพียงวัตถุโลหะ แต่เป็นส่วนหนึ่งของตัวเขา
เป็นแขนที่สามารถตอบสนองต่อความคิดและพลังของเขาได้
ริวเริ่มดึงพลังปราณที่ไหลเวียนอยู่ในพื้นที่จิตวิญญาณของตัวเองออกมา พลังนั้นอบอุ่นและทรงพลัง ราวกับแสงสว่างที่กำลังหล่อเลี้ยงความมุ่งมั่นของเขา
ริวจดจ่อกับการควบคุมพลังนั้นอย่างระมัดระวัง ค่อยๆ ส่งพลังปราณจากหัวใจสู่แขนและเข้าสู่ดาบในมือ
แสงสีทองอ่อนๆ เริ่มแผ่ซ่านออกมาจากปลายมือของเขา คลื่นพลังที่อบอุ่นและทรงพลังนี้ไม่เพียงแค่หลอมรวมปราณเข้ากับดาบเท่านั้น แต่มันยังเปล่งออร่าแห่งศักดิ์สิทธิ์คล้ายมังกรทองในตัวเขาอีกด้วย
ทันใดนั้น ดาบเหล็กธรรมดาที่เคยหมองหม่นก็เริ่มเปล่งแสงสีทองสว่างไสว ออร่าปราณมังกรที่ห่อหุ้มดาบส่งเสียงคำรามเบาๆ ราวกับมังกรที่ตื่นจากการหลับใหล
รอบตัวดาบปรากฏ ลวดลายของมังกรศักดิ์สิทธิ์ที่ดูเหมือนมีชีวิต แสงทองนั้นส่องสว่างจนทำให้นักเรียนรอบข้างต้องหรี่ตา
แต่ก่อนที่ริวจะได้ชื่นชมผลงาน ดาบกลับเริ่มสั่นและแตกเป็นเสี่ยงๆ อย่างรวดเร็ว เสียงโลหะที่แตกหักดังสนั่น ทำให้ริวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
"ดาบ...แตกงั้นเหรอ?" ริวพึมพำอย่างตกใจ เพื่อนๆของเขาและนักเรียนคนอื่นๆ ที่มองเห็นเหตุการณ์ต่างอุทานด้วยความตกใจเช่นกนัน
เสียงฝีเท้าของอลันดังใกล้เข้ามา เขามองเศษซากของดาบที่หล่นอยู่บนพื้น
“ดูเหมือนปราณของนายจะแข็งแกร่งเกินไป” อลันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย แต่มั่นใจ“ดาบเหล็กธรรมดาเล่มนั้นไม่สามารถรองรับพลังปราณของนายได้”
ริวพยักหน้าเบาๆขอบคุณและถามต่อว่า “ถ้าอย่างนั้น ผมต้องเปลี่ยนไปใช้ดาบที่ดีกว่านี้ใช่ไหมครับ?”
อลันยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะตอบ
“ถูกต้อง แต่ตอนนี้ถ้านายสามารถใช้ประโยชน์จากจุดนี้เพื่อฝึกควบคุมพลังปราณของนายให้เหมาะสมกับดาบธรรมดาได้ มันจะเป็นการฝึกที่ดีมากสำหรับนาย”
ริวพยักหน้าขอบคุณอีกครั้ง “ขอบคุณครับ ครูฝึก”
ริวลังเลเล็กน้อยก่อนถามต่อ “ถ้างั้น... ผมจะหาดาบดีๆ ได้ที่ไหน?”
อลันหันกลับมามองริว พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ในทวีปนี้ มีร้านขายอาวุธมากมายที่สามารถมอบอาวุธที่ดีให้กับนาย แต่ถ้าพูดถึงอาวุธที่ดีที่สุดคงน่าจะเป็น อาวุธภูต”
คำพูดของอลันทำให้นักเรียนรอบๆ เกิดเสียงฮือฮาทันที ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความสงสัย โอดะที่อยู่ใกล้ถามขึ้นมา
“อาวุธภูต... คืออะไรเหรอครับ?”
อลันถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเริ่มอธิบาย
“โลกนี้ไม่ได้มีเพียงแค่สัตว์อสูรอย่างที่พวกเธอรู้ แต่ยังมีสิ่งมีชีวิตอีกมากมายที่มีความสามารถที่ทรงพลัง เช่น เผ่ามนุษย์สัตว์ เผ่ามนุษย์มังกร เผ่าแฟรี่ เผ่าเอลฟ์ และอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน”
" พวกเขามีอาณาเขตเป็นของตัวเองและอาศัยอยู่ในดินแดนธรรมชาติ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ถึงแปดในสิบส่วนของโลก”
“ซึ่งภูตก็เป็นหนึ่งในนั้น”
โอดะเลิกคิ้วด้วยความสงสัย "ภูตคืออะไรเหรอครับ?แล้วเกี่ยวกับอาวุธภูตยังไง"
อลันเริ่มอธิบาย “ภูตคือสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในดินแดนธรรมชาติ พวกเขามีเอกลักษณ์และพลังเฉพาะตัว เช่น ภูตไฟ ภูตน้ำ หรือภูตลม”
“นอกจากนี้พวกเขามีความสามารถพิเศษเฉพาะตัวอย่างหนึ่ง พวกเขาสามารถทำพันธะสัญญากับมนุษย์ และแปลงร่างเป็น อาวุธภูต ที่มีพลังมหาศาลได้”
“ไม่เพียงแค่นั้น มนุษย์ที่ทำพันธะสัญญากับพวกเขายังสามารถยืมพลังของภูตนั้นมาใช้ได้ เช่น หากพวกเธอทำพันธะกับภูตไฟ พวกเธอสามารถใช้พลังไฟผ่านอาวุธภูตนั้นได้”
“เราเรียกคนที่ทำพันธะสัญญากับภูตว่า ผู้ใช้ภูต ”
คำพูดของอลันทำให้นักเรียนรอบๆต่างเต็มไปด้วยเสียงฮือฮาทันที
โอดะที่ฟังด้วยความตื่นเต้น อดถามไม่ได้ว่า “ถ้าอย่างนั้น เราทำพันธะสัญญากับภูตแทนสัตว์อสูรไม่ดีกว่าเหรอครับ?”
อลันยิ้มบางๆ ก่อนส่ายหัว “มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น”
“พวกภูตชื่นชอบจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์หรือที่เรียกว่า ดวงจิตบริสุทธิ์ ซึ่งมักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย จิตวิญญาณของผู้ชายมักถูกมองว่า 'หยาบกระด้างและไม่บริสุทธิ์' ในสายตาของภูต ”
"อีกทั้งภูตส่วนใหญ่ยังมีอคติต่อผู้ชาย เพราะพวกเขามองว่าผู้ชายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถรักษาความสัมพันธ์ที่ละเอียดอ่อนได้”
“ทำให้แทบไม่มีความเป็นไปได้ที่ผู้ชายจะทำพันธะสัญญากับเหล่าภูตได้”
คำพูดนี้ทำให้นักเรียนชายหลายคนถอนหายใจด้วยความผิดหวัง ในขณะที่นักเรียนหญิงบางคนยิ้มออกมาด้วยความหวัง
โอดะอดไม่ได้ที่จะพึมพำเบาๆ ด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “ให้ตายเถอะ โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรม”
นักเรียนชายรอบๆ ต่างพยักหน้าเห็นด้วย แต่ก่อนที่ความผิดหวังจะครอบงำพวกเขามากไป อลันพูดต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“อย่างไรก็ตาม อย่าคิดว่ามันง่ายสำหรับผู้หญิงเช่นกัน การทำพันธะสัญญากับภูตนั้นยากมาก เพราะพวกภูตต่างมีความคิดและความต้องการเป็นของตัวเอง”
" และอีกอย่างพวกเขาก็ไม่สนใจจะทำพันธะสัญญากับมนุษย์ พวกเขาต่างมีอาณาเขตของตัวเองในดินแดนธรรมชาติ พวกเขาจะยอมออกจากอาณาเขตเพื่อทำพันธะสัญญากับมนุษย์ไปทำไม?”
คำพูดของอลันทำให้ความหวังของนักเรียนหญิงดับลงในทันที
หลังกล่าวอธิบายเกี่ยวกับดาบภูตจบแล้ว อลันก็หันกลับมาบอกชื่อร้านอาวุธคุณภาพดีที่มีชื่อเสียงในทวีปดาวประกายฟ้าแก่ริว
ริวพยักหน้าอย่างขอบคุณเมื่ออลันบอกชื่อร้านเหล่านั้น เขาจดจำรายละเอียดเหล่านั้นไว้ในใจ
หลังจากนั้น อลันยังคงช่วยแนะนำการควบคุมปราณให้ริวอย่างต่อเนื่อง อลันค่อยๆ สอนด้วยความละเอียดและใจเย็น ทำให้ริวเข้าใจและสามารถหลอมรวมปราณเข้ากับอาวุธได้แม่นยำขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ความก้าวหน้าของริวไม่เพียงดึงดูดความสนใจของนักเรียนคนอื่น แต่ยังทำให้อาจารย์ผู้ฝึกสอนคนอื่นๆ หันมาสังเกตด้วยความชื่นชม
หลังการฝึกควบคุมปราณ อลันหยุดพักเล็กน้อยก่อนจะถามริวด้วยน้ำเสียงสงสัย "นายเคยใช้ดาบมาก่อนไหม?"
ริวส่ายหัว "ไม่เคยเลยครับ แต่ผมเคยฝึกทักษะศิลปะการต่อสู้ต่างๆมาก่อน"
อลันพยักหน้าเขาไม่ได้แสดงความผิดหวังแม้แต่น้อย “งั้นก็ดี จะได้เริ่มต้นกันอย่างถูกวิธี”
อลันนำริวมายังมุมหนึ่งของลานฝึกที่กว้างและโล่ง ลมเย็นพัดผ่านใบไม้บนต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบสงบ
แต่กลับรู้สึกถึงความตึงเครียดเล็กน้อยจากสายตานักเรียนคนอื่นๆ ที่หันมามองด้วยความสนใจ
อลันหยิบดาบเหล็กธรรมดาส่งให้ริว ก่อนจะถืออีกเล่มในมือของตัวเอง
ทั้งสองคนมองหน้ากัน ดาบเหล็กในมือสะท้อนแสงแดด ริวจับดาบแน่นด้วยท่าทีที่ตั้งใจ แม้เขาจะไม่เคยใช้ดาบมาก่อน
แต่ความเชี่ยวชาญในศิลปะการต่อสู้ระดับสูงทำให้เขามีความมั่นใจว่าจะสามารถนำสิ่งนั้นประยุกต์ใช้ได้
“การใช้ดาบไม่ใช่แค่การฟาดฟันด้วยแรง” อลันกล่าวพลางยกดาบขึ้นแสดงให้ดู
“มันคือการผสมผสานระหว่างสมาธิ การเคลื่อนไหวที่แม่นยำ และจังหวะที่ถูกต้อง นายต้องให้ดาบเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของร่างกาย”
อลันแนะนำให้ริวยืนในท่าที่มั่นคง ขาข้างหนึ่งถอยหลังเล็กน้อย มือจับด้ามดาบอย่างแน่น แต่ไม่เกร็งจนเกินไป ริวทำตามอย่างเงียบๆ ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความมุ่งมั่น
“ดี... นายจับดาบได้ถูกต้องแล้ว ตอนนี้ลองฟาดดาบตามฉัน”
อลันค่อยๆ โชว์ท่าฟาดดาบพื้นฐาน ทั้งการฟันแนวตรง การปัดป้อง และการแทง ริวพยายามเลียนแบบทุกการเคลื่อนไหวของอลันอย่างตั้งใจ
แม้ท่าทางจะยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่การตอบสนองที่รวดเร็วและความเข้าใจในหลักการของเขาทำให้อลันพยักหน้าด้วยความพอใจ
“ต่อไป เราจะลองปะทะกันจริง” อลันกล่าวพลางก้าวถอยหลังเล็กน้อย ยกดาบขึ้นในท่าพร้อมป้องกัน “อย่ากลัวที่จะโจมตีฉัน ใช้ทุกสิ่งที่นายมีมาเลย”
ริวสูดลมหายใจลึกก่อนจะพยักหน้า เขายกดาบขึ้นตามที่อลันสอน และพุ่งเข้าไปด้วยความเร็วที่น่าตกใจ
เสียง “เคร้ง!” ของดาบทั้งสองเล่มกระทบกันดังก้องไปทั่วลานฝึก นักเรียนที่อยู่ใกล้เคียงต่างหันมามองด้วยความสนใจ
ดาบของอลันเคลื่อนที่เร็วและแม่นยำราวกับเขาเป็นนักดาบที่ผ่านการฝึกฝนมาหลายสิบปี
ส่วนริวแม้จะเป็นมือใหม่ในด้านการใช้ดาบ แต่เขาเริ่มนำทักษะศิลปะการต่อสู้ของตัวเองมาปรับใช้ การเคลื่อนไหวของเขาลื่นไหล รวดเร็ว และคล่องแคล่ว
ขณะที่ทั้งสองปะทะกัน อลันกล่าวแนะนำไปด้วย “อย่ากดดาบแรงเกินไป มันจะเสียสมดุล!”
ริวปรับเปลี่ยนท่าทางตามคำแนะนำในทันที การฟาดดาบครั้งต่อมาของเขามีความแม่นยำมากขึ้น
“ดี! ตอนนี้ลองเคลื่อนที่ในแนวขวาง อย่าแค่ยืนประจันหน้า” อลันเอ่ยพร้อมกับปัดดาบของริวออก
ริวหมุนตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพุ่งดาบเข้าหาเป้าหมายอีกครั้ง “แบบนี้ใช่ไหมครับ?”
“ใช่! แต่นายต้องรักษาจังหวะ อย่ารุกเร็วเกินไป มิฉะนั้นนายจะเสียการควบคุม”
ดาบของริวถูกปัดตกไปข้างหนึ่งจากแรงกระแทกของอลัน ริวถอยหลังเล็กน้อย แต่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขาพุ่งกลับเข้าหาอีกครั้ง พร้อมปรับการเคลื่อนไหวให้เหมาะสม
เสียงดาบปะทะกันดังขึ้นต่อเนื่อง การต่อสู้ระหว่างครูกับนักเรียนกลายเป็นฉากที่น่าจับตามอง อลันยังคงให้คำแนะนำอย่างใจเย็น และริวก็ปรับปรุงการใช้ดาบของตัวเองอย่างรวดเร็ว
“ฉิ่ง! ฉิ่ง! ”
ถึงจะผ่านไปสักพักแล้ว เสียงดาบกระทบกันยังคงดังก้องในสนามอย่างต่อเนื่อ
ดวงตาของอลันยังคงนิ่งสงบในขณะที่เขาปัดป้องดาบของริวอย่างง่ายดาย แม้ริวจะเป็นมือใหม่ในการใช้ดาบ แต่ความรวดเร็วและความยืดหยุ่นจากศิลปะการต่อสู้ของเขาทำให้การเคลื่อนไหวของเขาดูคล่องแคล่วผิดคาด
“ดีมาก แต่ยังไม่พอ!” อลันพูดขณะโจมตีสวนกลับ ริวหลบหลีกด้วยท่าทางที่ว่องไว ก่อนจะหมุนตัวกลับมาฟาดดาบอีกครั้ง
ริวสูดลมหายใจลึกเขาตัดสินใจผสมผสานทักษะการต่อสู้ที่เขาเชี่ยวชาญเข้าไปในใช้ดาบ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยลองทำมาก่อน
ริวเริ่มเปลี่ยนจังหวะการเคลื่อนไหว ดาบในมือของเขาเหมือนจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย เขาใช้ทักษะ “พายุแปรปรวน” เข้ามาเสริมการโจมตี
ดาบของริวเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วในมุมที่คาดไม่ถึง ร่างของเขาพุ่งเข้าใกล้อลันด้วยความเร็วที่แทบมองไม่ทัน
ทักษะพายุแปรปรวนเป็นหนึ่งในกระบวนท่าเคลื่อนไหวของทักษะศิลปะการต่อสู้ระดับสูงที่ได้มาจากระบบนับตั้งแต่วันแรก
มีหลายกระบวนท่าที่อยู่ในทักษะศิลปะการต่อสู้ระดับสูง ถึงแม้ตอนแรกที่ได้รับมาริวจะไม่เชี่ยวชาญนัก แต่นับตั้งแต่นั้นมาเขาก็ฝึกฝนอยู่ตลอดทุกวันจนผ่านมาเดือนกว่าๆแล้ว
ปัจจุบันเขาสามารถใช้ทักษะเหล่านี้ได้เชี่ยวชาญกว่าตอนแรกอย่างมาก
“พายุแปรปรวน” ทักษะนี้เน้นที่การเปลี่ยนแปลงจังหวะและทิศทางอย่างรวดเร็วเหมือนสายลมที่หมุนวน มันทำให้ศัตรูไม่สามารถคาดเดาการโจมตีหรือหลบหลีกได้ทัน
การเคลื่อนไหวนี้ต้องอาศัยสมาธิสูงและการควบคุมจังหวะร่างกายที่ยอดเยี่ยม เสมือนกับการพุ่งเข้าหาเป้าหมายในจังหวะที่คาดเดาไม่ได้ ราวกับเงาที่ปรากฏแล้วหายไปในพริบตา
" ดีมาก! แต่นายยังคุมจังหวะของการเคลื่อนไหวร่วมกับการควบคุมดาบได้ไม่ดีพอ!” อลันพูดขณะยกดาบขึ้นปัดป้องการโจมตี
เมื่อริวเข้าใกล้อีกครั้ง เขาใช้โอกาสที่อลันยกดาบป้องกันอยู่ พุ่งตัวเข้าไปในระยะประชิด ดวงตาของริวฉายแววเด็ดเดี่ยว ราวกับประกายของมังกรที่พร้อมคำราม
ริวหมุนตัวอย่างรวดเร็ว ดาบในมือถูกจับมั่นเหมือนกับเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย
ก่อนที่เขาจะใช้ท่วงท่าของ “มังกรพิโรธ” ซึ่งเป็นทักษะหมัดระยะประชิด
ทักษะนี้เป็นการปลดปล่อยพลังมหาศาลในระยะประชิด การโจมตีนี้ไม่ได้พึ่งพาแรงอย่างเดียว แต่ยังอาศัยการบิดตัวและการปล่อยพลังจากกล้ามเนื้อทุกส่วนเพื่อเพิ่มพลังทำลาย
หมัดนี้มักถูกใช้เป็นท่าไม้ตายที่สามารถสร้างแรงกระแทกมหาศาลจนผลักศัตรูให้ถอยไกล
ถึงแม้ มังกรพิโรธ จะเป็นทักษะหมัด แต่ครั้งนี้ริวเลือกที่จะปรับเปลี่ยนจากหมัดเป็นการฟันดาบแทน !
“เคร้ง!!”
เสียงกระแทกดังก้องสนาม ริวปล่อยพลังทั้งหมดผ่านดาบไปยังอลัน แรงปะทะนั้นมหาศาลจนทำให้อลันต้องถอยหลังไปไกล ทรายบนพื้นกระจายตัวเป็นวงกว้างจากแรงกระแทก ทุกคนที่มองอยู่ต่างอ้าปากค้าง
อลันยืนหยัดอย่างมั่นคง แม้จะถอยหลังไปหลายก้าว แต่สีหน้าของเขากลับไม่แสดงถึงความโกรธหรือผิดหวัง เขากลับยิ้มเล็กน้อยและพูดขึ้น
“ดูเหมือนนายจะพยายามปรับใช้ทักษะการต่อสู้ของตัวเองมาใช้ในดาบแทน นั่นถือเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด”
ริวยิ้มบางๆ พลางหายใจหอบเล็กน้อย “ผมแค่คิดว่ามันน่าจะใช้ได้ครับ”
“ถึงแม้มันจะทรงพลังก็จริงแต่…” อลันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “การโจมตีที่ทรงพลังไม่ใช่ทุกอย่าง ถ้าขาดการควบคุม มันอาจกลายเป็นดาบสองคมที่ทำร้ายนายเอง”
ริวพยักหน้าด้วยความเข้าใจ
เขารู้ดีว่าต้องฝึกฝนอีกมากเพื่อที่จะควบคุมพลังปราณและดาบได้อย่างสมบูรณ์ แต่มันคงไม่ไกลเอื้อมหากเขายังคงพยายามอยู่ต่อไปเรื่อยๆ……