ตอนที่แล้วบทที่37มังกรทองแห่งโชคชะตา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่39 ฝึกดาบกับอลัน

บทที่38 สิงโตทองคำศักดิ์สิทธิ์และเทพมังกรดำ


ณ ใจกลาง ป่าแห่งดวงดาว

สถานที่นี่ดูเหมือนถูกหล่อหลอมขึ้นจากเทพนิยาย ต้นไม้สูงตระหง่านนับไม่ถ้วนแผ่กิ่งก้านสาขาออกไปจนเหมือนจะเชื่อมต่อกับขอบฟ้า

ใบไม้ของพวกมันเรืองแสงอ่อนๆ ในยามราตรี ราวกับดวงดาวที่หล่นลงมาสู่พื้นโลก

ตรงกลางป่ามีต้นไม้แห่งชีวิต ที่สูงเสียดฟ้า ลำต้นใหญ่โตจนดูเหมือนเสาหลักของโลก เปลือกของมันเปล่งประกายสีทองจางๆ และแผ่พลังงานอบอุ่นที่สัมผัสได้แม้อยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร

กิ่งก้านของมันลอยทะลุขึ้นไปเหนือก้อนเมฆ ราวกับสะพานเชื่อมสวรรค์กับโลกเบื้องล่าง

ไม่ไกลจากต้นไม้แห่งชีวิต คือ ทะเลสาบศักด์สิทธิ์ ผืนน้ำกว้างใหญ่ที่เปล่งแสงระยิบระยับดั่งประกายเพชรในยามค่ำคืน

พื้นผิวของมันเรียบนิ่งราวกับกระจกสะท้อนภาพของดวงดาวและแสงจันทร์ ทุกสายลมที่พัดผ่านทิ้งไว้เพียงเสียงกังวานเบาๆ เหมือนเสียงเพลงขับกล่อมของธรรมชาติ

ใต้ร่มเงาของต้นไม้แห่งชีวิต มีร่างเล็กๆ ที่เปล่งประกายเหมือนทองคำบริสุทธิ์กำลังขดตัวอยู่บนผืนหญ้าอันนุ่มราวปุยเมฆ   มันมีขนสีทองที่เปล่งประกายราวกับแสงอาทิตย์ยามเช้า  แผงคอเป็นประกายคล้ายมงกุฎของราชัน

ดวงตาของมันปิดสนิท แต่ยังคงแผ่กลิ่นอายแห่งความศักดิ์สิทธิ์แม้ในยามหลับ  ขนของมันสะท้อนออกมาเป็นประกายสีรุ้ง

มงกุฎเล็กๆ จากแสงสว่างบางเบาวางอยู่เหนือศีรษะของมัน ราวกับธรรมชาติทั้งปวงกำลังแสดงความเคารพ

มันคือ สิงโตทองคำศักดิ์สิทธิ์ ด้านข้างของมันมีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งยืนอยู่

เขาเป็นชายผมสีดำยาวสลวย ดวงตาคมกริบราวกับมีดที่สามารถเฉือนทะลุจิตใจ ร่างกายที่สูงใหญ่และสง่างามให้ความรู้สึกน่าเกรงขาม แต่กลับแฝงด้วยความอ่อนโยนเล็กน้อย

ชายคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือ เทพมังกรดำ สัตว์เทพที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในตำนาน

แม้เขาจะไม่ได้แผ่กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวออกมาในตอนนี้ แต่หากใครล่วงรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา ย่อมต้องตกตะลึงด้วยความหวาดหวั่น

เขายืนเงียบๆ จ้องมองสิงโตทองคำศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังหลับใหล ด้วยแววตาที่ดูเหมือนพี่เลี้ยงเด็ก

ในความเงียบสงบ สิงโตทองคำศักดิ์สิทธิ์พลันลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน ดวงตาสีทองสดใสที่ลึกล้ำและทรงพลังเหมือนมหาสมุทรจ้องมองไปยังทิศหนึ่งอย่างกระตือรือร้น

ท่าทีตื่นตัวจนชายข้างๆ สังเกตเห็น

“เกิดอะไรขึ้นหรือ?” เทพมังกรดำเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความสงสัย

สิงโตทองคำศักดิ์สิทธิ์พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่แฝงความประหลาดใจ “ฉันสัมผัสได้ถึง...พลังแห่งโชคชะตา มีคนที่มีพลังแห่งโชคชะตาคล้ายกับฉัน”

เทพมังกรดำเลิกคิ้วเล็กน้อย ราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “เป็นไปไม่ได้...” เขากล่าว น้ำเสียงยังคงนิ่งแต่หนักแน่น “สัตว์เทพที่มีพลังแห่งโชคชะตาในโลกนี้ มีเพียงเจ้าเท่านั้น ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นที่มีพลังนี้อยู่”

สิงโตทองคำศักดิ์สิทธิ์หรี่ตาลงเล็กน้อย ราวกับกำลังครุ่นคิดกับคำพูดนั้น มันพึมพำกับตัวเองเบาๆ “จริงเหรอ...? แต่ความรู้สึกนี้มันชัดเจนเกินไป”

หลังจากครู่หนึ่ง สิงโตทองคำศักดิ์สิทธิ์เงยหน้าขึ้นมองเทพมังกรดำอีกครั้ง “คุณลุง แล้วพวกคุณน้าคนอื่นๆ ไปไหนกันหมด? ทำไมถึงไม่อยู่ที่นี่?”

เทพมังกรดำถอนหายใจเบาๆ ก่อนตอบ “ช่วงนี้มีสัตว์ปีศาจปรากฏตัวขึ้นเรื่อยๆ บนทั่วโลก พวกมันปรากฎขึ้นต่อเนื่องอย่างผิดปกติ  ไม่มีใครรู้ว่ามันมาจากที่ไหน”

" พวกเขาจึงออกไปค้นหาเพื่อหาสาเหตุ”

แม้คำพูดของเขาจะดูเรียบง่าย แต่กลิ่นอายที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงนั้นกลับหนักแน่นและทรงอำนาจ ราวกับสามารถเขย่าท้องฟ้าและผืนดินได้หากเขาต้องการ

สิงโตทองคำศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ถามอะไรอีกต่อไป แต่มันยังคงจ้องไปในทิศทางที่มันสัมผัสถึงพลังแห่งโชคชะตา

“โลกมนุษย์งั้นเหรอ...?” มันพึมพำเบาๆ เสียงของมันเต็มไปด้วยความสงสัยและความอยากรู้อยากเห็น

ตั้งแต่เกิดมา มันไม่เคยออกจากป่าแห่งดวงดาวเลยแม้แต่ครั้งเดียว โลกมนุษย์ที่อยู่ไกลออกไปเป็นสถานที่ที่มันไม่เคยสัมผัส แต่เพียงจินตนาการก็ทำให้หัวใจของมันเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น

“ฉันอยากไป... อยากเห็นโลกมนุษย์สักครั้ง” มันคิดในใจ แต่ก็รู้ดีว่าคงไม่มีใครยอมปล่อยมันออกไปจากที่นี่

ด้วยความสงสัยและความกระตือรือร้นที่เพิ่งถูกปลุกขึ้น สิงโตทองคำศักดิ์สิทธิ์นอนลงอีกครั้ง

แต่ครั้งนี้มันไม่ได้หลับใหลเหมือนก่อน ใจของมันยังคงครุ่นคิดถึงพลังที่มันสัมผัสได้และผู้ที่อาจมีพลังแห่งโชคชะตาเหมือนมัน

………….

การฝึกอบรมผ่านไปอีกหนึ่งสัปดาห์อย่างรวดเร็ว พัฒนาการของนักเรียนแต่ละคนชัดเจนขึ้นจนอลันอดภูมิใจไม่ได้

เขามองไปยังกลุ่มเด็กหนุ่มสาวที่ตอนแรกยังจับจังหวะการหายใจควบคุมปราณแทบไม่ได้ แต่บัดนี้กลับสามารถเรียกปราณออกมาได้แม้ยังไม่สมบูรณ์แบบแต่ก็ดีกว่าเก่ามาก

ความเชี่ยวชาญแตกต่างกันไปในแต่ละคน ทว่าแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและพยายามนั้นเหมือนกันหมด

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกเหนือจากการฝึกควบคุมปราณ นักเรียนยังได้รับการสอนศิลปะการต่อสู้พื้นฐาน ซึ่งมีทั้งการต่อสู้มือเปล่า การใช้กำลังประสานกับการเคลื่อนไหว และการหลบหลีกที่รวดเร็ว

แม้ว่าสำหรับริวที่เชี่ยวชาญทักษะศิลปะการต่อสู้ระดับสูงอยู่แล้ว การฝึกนี้แทบจะไม่ได้มีประโยชน์กับเขาเลยแต่สำหรับคนอื่นๆ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่เคยมีพื้นฐานใดๆ การฝึกเหล่านี้เป็นประโยชน์ต่อพวกเขามาก

อลันยืนมองจากที่สูง มองเห็นบรรยากาศการฝึกที่คึกคักของเหล่านักเรียน แม้จะเหน็ดเหนื่อยแต่ก็เปี่ยมไปด้วยความกระตือรือร้น  เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่สงบแต่หนักแน่น

“หลังจากฝึกมาหนึ่งสัปดาห์ ตอนนี้พวกเธอทุกคนสามารถใช้ปราณได้ในระดับพื้นฐานแล้ว และยังได้เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้บางอย่างเพื่อเสริมทักษะการต่อสู้อีกด้วย” เขามองรอบๆ ก่อนจะยิ้มบางๆ

“แต่สิ่งที่พวกเธอได้เรียนรู้ไปยังเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ต่อไป ฉันจะสอนพวกเธอเรื่องการใช้ปราณในระดับที่สูงขึ้น”

คำพูดของอลันปลุกความตื่นเต้นในหมู่นักเรียน เสียงซุบซิบดังขึ้นขณะหลายคนตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อว่าเขาจะสอนอะไรต่อ

อลันยกมือขึ้นเพื่อให้ทุกคนเงียบ ก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความมั่นใจ

“ทุกคนรู้กันอยู่แล้วว่า ปราณสามารถเสริมความแข็งแกร่งของร่างกายได้ แต่ถ้าพวกเธอมีความเชี่ยวชาญมากพอ พวกเธอสามารถถ่ายทอดพลังปราณเข้าไปในอาวุธได้”

คำพูดนี้ทำให้บรรยากาศในหมู่เด็กๆ เต็มไปด้วยเสียงฮือฮา นักเรียนหลายคนแลกเปลี่ยนสายตาด้วยความประหลาดใจและตื่นเต้น อลันส่ายหัวเบาๆ พลางยกมือขึ้นอีกครั้งเพื่อให้ทุกคนกลับมาสงบ

“อย่างที่พวกเธอรู้ ผิวหนังของสัตว์อสูรนั้นแข็งแกร่งและทนทานอย่างยิ่ง” เขาเริ่มอธิบาย

“บางครั้ง แม้จะใช้ปราณของเราเสริมกำลัง เราก็ไม่สามารถทำอะไรพวกมันได้เลย ดังนั้นอาวุธจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในสถานการณ์เช่นนั้น”

อลันหยิบดาบสีดำยาวเล่มหนึ่งจากด้านข้างขึ้นมา ยกให้ทุกคนเห็น เขาใช้ปลายนิ้วแตะเบาๆ บนใบดาบ ก่อนที่ปราณสีฟ้าของเขาจะไหลเข้าสู่ตัวดาบ

เส้นแสงสีฟ้าเจิดจ้าลามจากด้ามจับไปจนสุดปลายดาบ เสียงของเหล่านักเรียนอุทานด้วยความตกตะลึงดังขึ้นทั่วลาน

“อาวุธธรรมดาอาจทำอะไรสัตว์อสูรไม่ได้ แต่หากพวกเธอถ่ายทอดปราณของตัวเองลงไป อาวุธเหล่านั้นจะได้รับการเสริมพลังอย่างมากและสามารถสร้างความเสียหายให้กับพวกมันได้” อลันหมุนดาบในมือเล็กน้อยก่อนจะวางมันลง

“มันไม่ได้แค่เพิ่มพลังทำลายล้างเท่านั้น แต่ยังสะท้อนลักษณะเฉพาะของพลังปราณของพวกเธอด้วย”

เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ปล่อยให้คำพูดซึมซับเข้าไปในจิตใจของเหล่านักเรียน ก่อนจะพูดต่อ

“อาวุธมีหลากหลายประเภท ทั้งดาบ หอก ธนู หรือแม้แต่สนับมือและมีดสั้น พวกเธอต้องค้นหาว่าอาวุธแบบไหนเหมาะกับตัวเองที่สุด”

" เพราะอาวุธนั้นไม่ใช่แค่เครื่องมือ หากพวกเธอเชี่ยวชาญมันจะเปรียบเสมือนส่วนหนึ่งของร่างกายพวกเธอ”

อลันหยุดพูดเพื่อให้ทุกคนเข้าใจเล็กน้อยและพูดต่อว่า

“ต่อจากนี้ฉันจะสอนถึงวิธีการถ่ายทอดปราณเข้าไปในอาวุธ”

อลันยืนอยู่บนแท่นสูงกลางลานฝึก ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังและตื่นเต้นของเหล่านักเรียน

เขาถือดาบเหล็กอีกเล่มหนึ่งมาในมือ ดาบเล่มนี้ดูเรียบง่าย ไร้การตกแต่งใดๆ แต่ความเรียบง่ายนั้นกลับให้ความรู้สึกมั่นคง

“การถ่ายทอดปราณเข้าสู่อาวุธไม่ใช่แค่การปล่อยพลังเข้าไป” อลันกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นคงและหนักแน่น

“มันเป็นการผสานระหว่างจิตใจ ปราณ และอาวุธ เพื่อเปลี่ยนอาวุธธรรมดาให้กลายเป็นสิ่งที่ทรงพลัง”

เขากวาดสายตามองนักเรียนอีกครั้ง ก่อนจะพูดต่อ “ขั้นตอนนี้ต้องการสมาธิสูง และที่สำคัญที่สุด คือการเข้าใจในพลังปราณของตัวเอง”

อลันยกดาบขึ้นในระดับอก ปลายดาบชี้ออกไปข้างหน้า ดวงตาของเขาแสดงออกถึงความสงบแต่แน่วแน่

“ขั้นแรก จงสร้างการเชื่อมต่อระหว่างปราณและอาวุธ” เขาอธิบาย พร้อมกับหลับตาลงเล็กน้อย “ให้พวกเธอคิดว่าอาวุธนี้เป็นส่วนหนึ่งของตัวเอง ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นส่วนขยายของร่างกายและจิตวิญญาณ”

ทันใดนั้น ออร่าบางเบาสีฟ้าเริ่มแผ่ซ่านจากร่างกายของอลัน มันเป็นปราณวารีที่สงบนิ่งแต่ทรงพลัง พลังงานนั้นล้อมรอบตัวเขาอย่างนุ่มนวล ก่อนจะเริ่มไหลเข้าสู่ดาบในมือ

“ขั้นต่อมา ใช้สมาธิของเธอควบคุมปราณ ให้ไหลผ่านจากร่างกายเข้าสู่มือ และส่งต่อไปยังอาวุธ”

แสงสีฟ้าบริเวณมือของอลันเริ่มเข้มขึ้น ดาบที่เคยดูธรรมดาเริ่มเปล่งประกายเรืองรอง มันเหมือนถูกชุบด้วยน้ำที่ส่องแสงในยามเช้า

“ปราณของเธอจะไหลเข้าสู่อาวุธ หากเธอสามารถรักษาสมดุลระหว่างพลังและจิตใจได้”

อลันหมุนดาบเล็กน้อยในมือ ก่อนที่แสงสีฟ้าจะแผ่ขยายไปทั่วทั้งใบดาบ แสงนั้นส่องสว่างจนราวกับว่าดาบเหล็กธรรมดากลายเป็นอาวุธวิเศษ

อลันยกดาบขึ้นเหนือหัว ก่อนจะฟาดมันลงบนหินขนาดใหญ่ที่ถูกนำมาวางไว้สำหรับการสาธิต

เสียงระเบิดดังสนั่น หินขนาดใหญ่แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ รอยที่เกิดขึ้นจากดาบนั้นลึกและเรียบ ราวกับถูกตัดด้วยมีดที่คมกริบ

นักเรียนรอบลานฝึกต่างอ้าปากค้าง เสียงฮือฮาดังขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ พวกเขาตื่นเต้นกับพลังที่ได้เห็น ดาบธรรมดาที่เคยไม่มีอะไรพิเศษกลับสามารถทำลายหินได้อย่างง่ายดายเมื่อได้รับการเสริมปราณ

อลันหันกลับมาหานักเรียน ดาบในมือยังคงเปล่งแสงสีฟ้าจางๆ

“จำไว้ การถ่ายทอดปราณเข้าสู่อาวุธไม่ได้เกี่ยวกับพละกำลัง แต่มันคือเรื่องของการควบคุม จิตใจของเธอต้องนิ่ง และปราณต้องถูกควบคุมอย่างแม่นยำ”

เขามองดูนักเรียนแต่ละคนด้วยสายตาจริงจัง

“และที่สำคัญที่สุด อย่าปล่อยปราณทั้งหมดในครั้งเดียว  เธอจำเป็นต้องควบคุมปราณให้พอเหมาะเพื่อไม่ให้หมดแรงในระหว่างการใช้”

นักเรียนทุกคนต่างจับจ้องดาบในมือของอลันด้วยความตื่นเต้น พวกเขาเริ่มจินตนาการถึงพลังของตัวเองที่จะทำให้ดาบ หอก หรือธนูธรรมดากลายเป็นอาวุธอันทรงพลังเช่นเดียวกับที่อลันแสดงให้เห็น

เมื่ออลันสาธิตเสร็จ เขาชี้ไปยังอาวุธหลากหลายชนิดที่ถูกจัดเรียงไว้บนชั้น “อันดับแรกพวกเธอต้องเลือกอาวุธที่พวกเธอถนัดก่อน”

“ในที่นี้มีครูฝึกหลายคนที่เชี่ยวชาญอาวุธในแต่ละชนิด   นอกจากการฝึกหลอมรวมปราณกับอาวุธแล้วพวกเขายังจะสอนทักษะพื้นฐานของอาวุธที่พวกเธอเลือกอีกด้วย”

“ใช้เวลาคิดให้ดีๆว่าจะเลือกอาวุธแบบไหน หลังเลือกแล้วเราจะแยกย้ายไปฝึกฝนกันในแต่ละกลุ่ม โดยจะมีครูฝึกแต่ละคนคอยช่วยเหลือและให้คำแนะนำอยู่”

หลังจากอลันพูดจบ เหล่านักเรียนต่างไปเลือกอาวุธที่ตัวเองถนัดด้วยความตื่นเต้น

เมื่อแต่ละคนเลือกอาวุธที่เข้ากับตัวเอง   นักเรียนหลายคนก็เริ่มแยกย้ายไปยังพื้นที่ฝึกซ้อมโดยมีครูฝึกคอยให้แนะนำและดูแลอยู่  พวกเขาถืออาวุธในมือ และเริ่มพยายามถ่ายทอดปราณลงไป

บางคนเริ่มต้นได้ดี มีแสงบางๆ ปรากฏบนอาวุธ แต่บางคนยังคงต้องฝึกฝนเพื่อควบคุมสมาธิ

ริวซึ่งกำลังยืนอยู่ด้านหนึ่ง รอบๆตัวเขามี โอดะ ชิน และแอมม่า กำลังพยายามถ่ายทอดปราณลงไปในอาวุธที่พวกเขาเลือก

ริวหยิบดาบเหล็กเรียบง่ายขึ้นมาในมือ

อาวุธที่เขาเลือกคือ ดาบ! 

เขาจ้องมองมันอย่างตั้งใจและมุ่งมั่น ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ

“มาเริ่มกันเถอะ...”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด