บทที่36 การฝึกฝนปราณ
หลังจากการสาธิตจบลง นักเรียนทุกคนได้รับคำสั่งให้แยกย้ายไปยังจุดต่างๆ ในลานฝึกที่ถูกจัดเตรียมไว้ แต่ละพื้นที่มีอุปกรณ์และเป้าหมายสำหรับการฝึกที่แตกต่างกัน ครูฝึกหลายคนเดินตรวจสอบและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด
บางคนนั่งสมาธิใต้ต้นไม้ใหญ่ พยายามเชื่อมต่อกับพื้นที่จิตวิญญาณของตัวเอง บางคนหลับตาแน่น กำมือจนสั่นเพื่อเรียกปราณออกมา
บางคนที่สำเร็จเล็กน้อยเริ่มมีแสงอ่อนๆ ปรากฏรอบตัว ท่ามกลางเสียงเชียร์ของเพื่อนๆ
ครูฝึกชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้างนักเรียนที่พยายามทำแต่ไม่สำเร็จ
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงปลอบโยน “อย่ากังวลไป ไม่มีใครทำสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรก สิ่งสำคัญคือจิตใจต้องนิ่งและพยายามเชื่อมต่อกับพื้นที่จิตวิญญาณของตัวเองให้ได้”
…..
ภายใต้เงาของต้นไม้ใหญ่ในมุมหนึ่งของลานฝึก อากิ โอดะ ชิน และแอมม่า นั่งเรียงกันในท่าขัดสมาธิ ใบหน้าของพวกเขาแสดงถึงสมาธิที่แน่วแน่ ดวงตาหลับสนิท แต่ฉายถึงความพยายามอย่างชัดเจน
รอบๆ พวกเขายังมีเพื่อนนักเรียนจากห้องเดียวกันที่นั่งกระจายอยู่ในบริเวณใกล้เคียง เสียงลมหายใจเบาๆ ของทุกคนผสานกับสายลมอ่อนๆ ที่พัดผ่าน ให้บรรยากาศดูสงบและเต็มไปด้วยพลังงานที่ไม่อาจมองเห็นได้
เสียงใบไม้กระทบกันดังเป็นจังหวะ คล้ายเป็นดนตรีธรรมชาติที่ช่วยให้พวกเขาจดจ่อกับเป้าหมายตรงหน้า
ทุกคนกำลังพยายามทำจิตใจให้สงบ เพื่อเชื่อมต่อกับพื้นที่จิตวิญญาณอันลึกซึ้งในตัวเอง การฝึกครั้งนี้ไม่ใช่การฝึกร่างกาย แต่เป็นการฝึกจิตใจที่จะควบคุมและนำพลังที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกออกมา
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตั้งใจ จู่ๆ ชิน ซึ่งนั่งอยู่ใกล้ศูนย์กลางกลุ่ม ก็เริ่มมีแสงเรืองรองปรากฏขึ้นรอบตัว
ทุกคนที่นั่งใกล้เขาค่อยๆ เปิดตา และพบว่าร่างของชินกำลังถูกห่อหุ้มด้วยออร่าบางเบาสีแดงที่เปล่งประกายอย่างอบอุ่น
“ปราณสีแดง...” เสียงกระซิบเบาๆ ดังขึ้นจากเพื่อนนักเรียนที่อยู่ใกล้เคียง
ปราณของชินแม้จะบางเบา แต่ก็มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ลำแสงสีแดงที่ล้อมรอบร่างของเขาไม่ได้ร้อนแรงเกินไป แต่กลับดูราวกับเปลวไฟที่เพิ่งจุดขึ้นใหม่ เปล่งประกายอย่างอบอุ่นและลึกลับ
มันเหมือนกับเปลวเพลิงที่มีชีวิต เต้นระริกรอบตัวเขาเบาๆ พลังงานนั้นสร้างความรู้สึกอบอุ่น แต่แฝงไปด้วยความร้อนแรงที่ไม่อาจมองข้าม
ริวที่นั่งใกล้ชินลืมตาขึ้นและมองภาพตรงหน้าด้วยความทึ่งเล็กน้อย
“ชินปลุกพรสวรรค์เกี่ยวกับธาตุไฟได้.. ดังนั้นปราณของเขาน่าจะเป็นปราณเพลิง” เขาพึมพำเบาๆและหลับตาฝึกฝนต่อไป
อลันซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลนัก สังเกตเห็นพลังงานที่เริ่มก่อตัวรอบตัวชิน เขาเดินเข้ามาใกล้อย่างสง่างาม ก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าชิน ดวงตาของอลันจับจ้องไปที่ออร่ารอบตัวชินพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย
“ดีมาก! เจ้าหนู” อลันกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ชื่นชม “นายสามารถดึงปราณออกมาได้สำเร็จแล้ว”
ชินเงยหน้าขึ้นมองอลัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นแต่ก็มีความสงสัยปะปน “แต่...ครูฝึกอลันครับ ทำไมปราณของผมถึงดูเบาบางแบบนี้ครับ?”
อลันพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะย่อเข่าลงให้อยู่ในระดับเดียวกับชิน
“นั่นเป็นเพราะนายยังไม่เชี่ยวชาญ” เขาอธิบาย
“ปราณที่นายเรียกออกมาในตอนนี้ยังไม่สมบูรณ์ เพราะนายยังไม่สามารถควบคุมและดึงพลังจากพื้นที่จิตวิญญาณได้อย่างเต็มที่”
" พลังที่ออกมาจึงเหมือนน้ำที่รั่วออกมาจากรูเล็กๆ แทนที่จะเป็นกระแสน้ำที่พุ่งแรง"
ชินฟังอย่างตั้งใจ ขณะที่อลันก้มตัวลงเล็กน้อยเพื่อพูดต่อ
“สิ่งที่นายต้องทำ คือทำให้จิตใจมั่นคงกว่านี้ ไม่ใช่เพียงแค่ดึงออกมา แต่ต้องรู้วิธี ‘นำพา’ มันให้ออกมาอย่างสมดุลและเสถียร ลองนึกถึงมันเหมือนสายลมที่ต้องไหลอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่บังคับมันให้ออกมาแบบกระทันหัน”
อลันยืดตัวตรงอีกครั้ง พร้อมวางมือลงบนไหล่ของชินเบาๆ
“นายมีปราณเพลิง นั่นหมายความว่าปราณของนายมีคุณสมบัติการเผาไหม้ที่รุนแรงเหมือนเปลวเพลิง”
" มันแข็งแกร่งมากแต่ถ้านายไม่เรียนรู้ที่จะควบคุมมันให้ดี พลังนี้อาจหันมาทำร้ายตัวของนายเอง ”
ชินพยักหน้ารับด้วยแววตาจริงจัง “ผมเข้าใจแล้วครับครูฝึก ผมจะพยายามให้มากขึ้น”
อลันยิ้มบางๆ ก่อนจะผายมือให้ชินฝึกฝนต่อไป “ดี ลองอีกครั้ง ครูฝึกทุกคนที่นี่จะคอยช่วยเหลือนาย”
ชินกลับไปนั่งสมาธิอีกครั้ง รอบๆ ตัวเขา ปราณสีแดงยังคงเรืองรองจางๆ แม้จะยังไม่สมบูรณ์ แต่เปลวไฟแห่งความมุ่งมั่นในตัวเขากลับยิ่งลุกโชนมากขึ้นกว่าเดิม
หลังจากผ่านไปอีกสักพักก็เริ่มมีคนสามารถสัมผัสถึงพลังปราณได้เรื่อยๆ
ในขณะเดียวกันริวหลับตาแน่น ขณะพยายามเชื่อมต่อกับพื้นที่จิตวิญญาณอีกครั้ง ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยเหงื่อหยดเหงื่อนั้นไหลลงมาตามขมับ พลางสะท้อนแสงแดดรำไร
เขาหลับตาแน่น มือทั้งสองวางบนเข่าและกำลังพยายามอย่างหนักที่จะดึงพลังปราณออกมาจากพื้นที่จิตวิญญาณ
ริวสามารถสัมผัสได้ถึงพลังอันอบอุ่นที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของเขา มันเป็นพลังที่เปรียบเสมือนแหล่งน้ำในทะเลทราย
แต่ทุกครั้งที่เขาพยายามจะดึงมันออกมา แสงสีทองอ่อนๆ ที่เริ่มปรากฏรอบกายเขากลับดับวูบไปทันที เหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังขัดขวาง
“ทำไมกัน!?” คำถามดังขึ้นในจิตใจของริว
ในขณะที่เขากำมือแน่นด้วยความหงุดหงิด ความล้มเหลวเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกครั้งที่เขาเริ่มเห็นประกายแห่งความสำเร็จ มันก็เลือนหายไปเหมือนเงาในสายหมอก
ในครั้งแรกที่ริวหลับตาลงและมุ่งสมาธิ เขารู้สึกเหมือนตัวเองถูกพาเข้าสู่โลกอีกมิติหนึ่ง โลกที่เงียบสงบแต่เต็มไปด้วยพลังงานที่หมุนวน
ริวสัมผัสได้ถึงพื้นที่จิตวิญญาณของเขา มันเป็นเหมือน ทะเลสาบแห่งแสงสีทอง ที่ลึกและไม่มีที่สิ้นสุด พลังงานในนั้นล้วนบริสุทธิ์และอบอุ่น
เมื่อเขายื่นมือในจิตใจออกไปเพื่อสัมผัสพลังนั้น เขารู้สึกเหมือนคว้าจับแสงสว่างไว้ในมือ แต่ทุกครั้งที่เขาพยายามดึงแสงนั้นออกมาสู่โลกภายนอก แสงกลับลื่นหลุดไปเหมือนจับทรายที่ร่วงหล่นผ่านนิ้วมือ
ริวพยายามซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่ยอมแพ้ แม้จะรู้สึกว่าพลังของเขาใกล้สำเร็จแค่เอื้อม แต่ทุกครั้งที่แสงสีทองเริ่มเปล่งออกมา มันก็เลือนหายไปในทันที ราวกับมีม่านบางๆ ขวางกั้นไม่ให้เขาดึงพลังนั้นออกมาได้
เขาได้ยินเสียงเพื่อนๆ รอบตัว ทั้งเสียงโอดะที่พยายามให้กำลังใจตัวเอง หรือเสียงตื่นเต้นจากกลุ่มที่เริ่มเห็นผลลัพธ์แล้ว แต่สิ่งเหล่านั้นกลับทำให้หัวใจของริวยิ่งร้อนรน
เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เขามองเห็น ชิน ยืนอยู่ท่ามกลางออร่าสีแดงเรืองรอง ปราณเพลิงของเขากำลังเต้นระริกรอบตัว
“ทำไมฉันถึงทำไม่ได้?” ริวกัดฟันแน่น เขาไม่ได้รู้สึกอิจฉา เขาแค่ไม่อยากตามหลังใคร
ริวนั่งลงอีกครั้ง สูดลมหายใจลึกจนอกเขาขยับขึ้นลง เขารู้สึกถึงบางสิ่งในตัวเอง บางสิ่งที่เขาไม่สามารถเข้าใจได้
สิ่งที่กำลังขวางกั้นพลังของเขาอาจไม่ใช่ความล้มเหลวของร่างกายหรือจิตใจ แต่มันเหมือนกับว่ามีบางอย่างที่ยังไม่ได้รับการปลดล็อก
ในระหว่างที่ริวกำลังพยายามอยู่ ครูฝึกอลันซึ่งยืนอยู่ห่างออกไป สังเกตพฤติกรรมของริวอย่างเงียบๆ ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมแต่แฝงด้วยความเข้าใจ
“เด็กคนนี้สัมผัสพลังปราณได้ตั้งแต่แรก แต่มีบางอย่างขัดขวางเขาไว้” อลันคิดในใจ ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปใกล้
เมื่อเขามาถึงด้านหลังของริว เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่ทรงพลัง “เจ้าหนู หยุดก่อน”
ริวลืมตาขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงของอลัน เขาหันไปมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย “ครูฝึก…ผมทำอะไรผิดเหรอครับ?”
อลันส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามริว “ไม่ใช่ว่านายทำผิด แต่บางครั้ง การพยายามดึงปราณออกมามากเกินไปก็เหมือนกับการดึงเชือกที่ถูกมัดไว้ ยิ่งนายดึงแรงเท่าไร เชือกก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น”
คำพูดนั้นทำให้ริวนิ่งไป อลันพูดต่อ
“นายสัมผัสปราณได้เร็วกว่าคนอื่น นั่นเป็นข้อได้เปรียบ แต่ข้อเสียคือ นายพยายามควบคุมมันเร็วเกินไป”
" ปราณในพื้นที่จิตวิญญาณไม่ได้ถูกสร้างมาให้ถูกบังคับ แต่ต้องผ่านการยอมรับจากมัน”
ริวพยักหน้าเล็กน้อย เขาเริ่มเข้าใจถึงสิ่งที่อลันต้องการสื่อ “แล้วผมควรทำยังไงครับ?”
อลันยิ้มเล็กน้อยก่อนตอบ “ผ่อนคลาย เชื่อใจตัวเอง และฟังเสียงของพลังนั้น อย่าดึงมันออกมา แต่ให้มันไหลออกมาเอง เหมือนกับการเปิดประตูเบาๆ แทนที่จะพยายามกระชากมัน”
ริวนั่งลงอีกครั้ง คราวนี้เขาหลับตาด้วยจิตใจที่สงบกว่าเดิม เสียงรอบตัวค่อยๆ เงียบลงสำหรับเขา
เหลือเพียงเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะและความอบอุ่นที่เริ่มก่อตัวในส่วนลึกของจิตใจ
เขาไม่พยายามเร่งรีบ แต่ปล่อยให้พลังนั้นไหลเวียนอย่างเป็นธรรมชาติ ในที่สุด ริวก็เริ่มรู้สึกถึงแสงสีทองที่ค่อยๆ ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
รอบกายเขาเริ่มมีประกายแสงอ่อนๆ แผ่ซ่านออกมา แม้ยังไม่สมบูรณ์ แต่เขารู้สึกได้ถึงการเริ่มต้นที่ถูกต้อง
“ใช่ แบบนั้นแหละ” เสียงของอลันดังขึ้นเบาๆ ให้กำลังใจ
ริวไม่ตอบ แต่หัวใจของเขาเริ่มมุ่งมั่นและมั่นใจมากขึ้น เขาสัญญากับตัวเองว่าเขาจะทำให้สำเร็จ