ตอนที่แล้วบทที่35 ปราณธาตุ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่37มังกรทองแห่งโชคชะตา

บทที่36 การฝึกฝนปราณ


หลังจากการสาธิตจบลง นักเรียนทุกคนได้รับคำสั่งให้แยกย้ายไปยังจุดต่างๆ ในลานฝึกที่ถูกจัดเตรียมไว้ แต่ละพื้นที่มีอุปกรณ์และเป้าหมายสำหรับการฝึกที่แตกต่างกัน ครูฝึกหลายคนเดินตรวจสอบและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด

บางคนนั่งสมาธิใต้ต้นไม้ใหญ่ พยายามเชื่อมต่อกับพื้นที่จิตวิญญาณของตัวเอง บางคนหลับตาแน่น กำมือจนสั่นเพื่อเรียกปราณออกมา

บางคนที่สำเร็จเล็กน้อยเริ่มมีแสงอ่อนๆ ปรากฏรอบตัว ท่ามกลางเสียงเชียร์ของเพื่อนๆ

ครูฝึกชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้างนักเรียนที่พยายามทำแต่ไม่สำเร็จ

เขากล่าวด้วยน้ำเสียงปลอบโยน “อย่ากังวลไป ไม่มีใครทำสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรก สิ่งสำคัญคือจิตใจต้องนิ่งและพยายามเชื่อมต่อกับพื้นที่จิตวิญญาณของตัวเองให้ได้”

…..

ภายใต้เงาของต้นไม้ใหญ่ในมุมหนึ่งของลานฝึก อากิ โอดะ ชิน และแอมม่า นั่งเรียงกันในท่าขัดสมาธิ ใบหน้าของพวกเขาแสดงถึงสมาธิที่แน่วแน่ ดวงตาหลับสนิท แต่ฉายถึงความพยายามอย่างชัดเจน

รอบๆ พวกเขายังมีเพื่อนนักเรียนจากห้องเดียวกันที่นั่งกระจายอยู่ในบริเวณใกล้เคียง เสียงลมหายใจเบาๆ ของทุกคนผสานกับสายลมอ่อนๆ ที่พัดผ่าน ให้บรรยากาศดูสงบและเต็มไปด้วยพลังงานที่ไม่อาจมองเห็นได้

เสียงใบไม้กระทบกันดังเป็นจังหวะ คล้ายเป็นดนตรีธรรมชาติที่ช่วยให้พวกเขาจดจ่อกับเป้าหมายตรงหน้า

ทุกคนกำลังพยายามทำจิตใจให้สงบ เพื่อเชื่อมต่อกับพื้นที่จิตวิญญาณอันลึกซึ้งในตัวเอง  การฝึกครั้งนี้ไม่ใช่การฝึกร่างกาย แต่เป็นการฝึกจิตใจที่จะควบคุมและนำพลังที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกออกมา

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตั้งใจ จู่ๆ ชิน ซึ่งนั่งอยู่ใกล้ศูนย์กลางกลุ่ม ก็เริ่มมีแสงเรืองรองปรากฏขึ้นรอบตัว

ทุกคนที่นั่งใกล้เขาค่อยๆ เปิดตา และพบว่าร่างของชินกำลังถูกห่อหุ้มด้วยออร่าบางเบาสีแดงที่เปล่งประกายอย่างอบอุ่น

“ปราณสีแดง...” เสียงกระซิบเบาๆ ดังขึ้นจากเพื่อนนักเรียนที่อยู่ใกล้เคียง

ปราณของชินแม้จะบางเบา แต่ก็มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ลำแสงสีแดงที่ล้อมรอบร่างของเขาไม่ได้ร้อนแรงเกินไป แต่กลับดูราวกับเปลวไฟที่เพิ่งจุดขึ้นใหม่ เปล่งประกายอย่างอบอุ่นและลึกลับ

มันเหมือนกับเปลวเพลิงที่มีชีวิต เต้นระริกรอบตัวเขาเบาๆ พลังงานนั้นสร้างความรู้สึกอบอุ่น แต่แฝงไปด้วยความร้อนแรงที่ไม่อาจมองข้าม

ริวที่นั่งใกล้ชินลืมตาขึ้นและมองภาพตรงหน้าด้วยความทึ่งเล็กน้อย

“ชินปลุกพรสวรรค์เกี่ยวกับธาตุไฟได้.. ดังนั้นปราณของเขาน่าจะเป็นปราณเพลิง” เขาพึมพำเบาๆและหลับตาฝึกฝนต่อไป

อลันซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลนัก สังเกตเห็นพลังงานที่เริ่มก่อตัวรอบตัวชิน เขาเดินเข้ามาใกล้อย่างสง่างาม ก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าชิน ดวงตาของอลันจับจ้องไปที่ออร่ารอบตัวชินพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย

“ดีมาก! เจ้าหนู” อลันกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ชื่นชม “นายสามารถดึงปราณออกมาได้สำเร็จแล้ว”

ชินเงยหน้าขึ้นมองอลัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นแต่ก็มีความสงสัยปะปน “แต่...ครูฝึกอลันครับ ทำไมปราณของผมถึงดูเบาบางแบบนี้ครับ?”

อลันพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะย่อเข่าลงให้อยู่ในระดับเดียวกับชิน

“นั่นเป็นเพราะนายยังไม่เชี่ยวชาญ” เขาอธิบาย

“ปราณที่นายเรียกออกมาในตอนนี้ยังไม่สมบูรณ์ เพราะนายยังไม่สามารถควบคุมและดึงพลังจากพื้นที่จิตวิญญาณได้อย่างเต็มที่”

" พลังที่ออกมาจึงเหมือนน้ำที่รั่วออกมาจากรูเล็กๆ แทนที่จะเป็นกระแสน้ำที่พุ่งแรง"

ชินฟังอย่างตั้งใจ ขณะที่อลันก้มตัวลงเล็กน้อยเพื่อพูดต่อ

“สิ่งที่นายต้องทำ คือทำให้จิตใจมั่นคงกว่านี้ ไม่ใช่เพียงแค่ดึงออกมา แต่ต้องรู้วิธี ‘นำพา’ มันให้ออกมาอย่างสมดุลและเสถียร ลองนึกถึงมันเหมือนสายลมที่ต้องไหลอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่บังคับมันให้ออกมาแบบกระทันหัน”

อลันยืดตัวตรงอีกครั้ง พร้อมวางมือลงบนไหล่ของชินเบาๆ

“นายมีปราณเพลิง นั่นหมายความว่าปราณของนายมีคุณสมบัติการเผาไหม้ที่รุนแรงเหมือนเปลวเพลิง”

" มันแข็งแกร่งมากแต่ถ้านายไม่เรียนรู้ที่จะควบคุมมันให้ดี  พลังนี้อาจหันมาทำร้ายตัวของนายเอง ”

ชินพยักหน้ารับด้วยแววตาจริงจัง “ผมเข้าใจแล้วครับครูฝึก ผมจะพยายามให้มากขึ้น”

อลันยิ้มบางๆ ก่อนจะผายมือให้ชินฝึกฝนต่อไป “ดี ลองอีกครั้ง ครูฝึกทุกคนที่นี่จะคอยช่วยเหลือนาย”

ชินกลับไปนั่งสมาธิอีกครั้ง รอบๆ ตัวเขา ปราณสีแดงยังคงเรืองรองจางๆ แม้จะยังไม่สมบูรณ์ แต่เปลวไฟแห่งความมุ่งมั่นในตัวเขากลับยิ่งลุกโชนมากขึ้นกว่าเดิม

หลังจากผ่านไปอีกสักพักก็เริ่มมีคนสามารถสัมผัสถึงพลังปราณได้เรื่อยๆ

ในขณะเดียวกันริวหลับตาแน่น ขณะพยายามเชื่อมต่อกับพื้นที่จิตวิญญาณอีกครั้ง  ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยเหงื่อหยดเหงื่อนั้นไหลลงมาตามขมับ พลางสะท้อนแสงแดดรำไร

เขาหลับตาแน่น มือทั้งสองวางบนเข่าและกำลังพยายามอย่างหนักที่จะดึงพลังปราณออกมาจากพื้นที่จิตวิญญาณ

ริวสามารถสัมผัสได้ถึงพลังอันอบอุ่นที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของเขา มันเป็นพลังที่เปรียบเสมือนแหล่งน้ำในทะเลทราย

แต่ทุกครั้งที่เขาพยายามจะดึงมันออกมา แสงสีทองอ่อนๆ ที่เริ่มปรากฏรอบกายเขากลับดับวูบไปทันที เหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังขัดขวาง

“ทำไมกัน!?”  คำถามดังขึ้นในจิตใจของริว

ในขณะที่เขากำมือแน่นด้วยความหงุดหงิด ความล้มเหลวเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกครั้งที่เขาเริ่มเห็นประกายแห่งความสำเร็จ มันก็เลือนหายไปเหมือนเงาในสายหมอก

ในครั้งแรกที่ริวหลับตาลงและมุ่งสมาธิ เขารู้สึกเหมือนตัวเองถูกพาเข้าสู่โลกอีกมิติหนึ่ง โลกที่เงียบสงบแต่เต็มไปด้วยพลังงานที่หมุนวน

ริวสัมผัสได้ถึงพื้นที่จิตวิญญาณของเขา มันเป็นเหมือน ทะเลสาบแห่งแสงสีทอง ที่ลึกและไม่มีที่สิ้นสุด พลังงานในนั้นล้วนบริสุทธิ์และอบอุ่น

เมื่อเขายื่นมือในจิตใจออกไปเพื่อสัมผัสพลังนั้น เขารู้สึกเหมือนคว้าจับแสงสว่างไว้ในมือ แต่ทุกครั้งที่เขาพยายามดึงแสงนั้นออกมาสู่โลกภายนอก แสงกลับลื่นหลุดไปเหมือนจับทรายที่ร่วงหล่นผ่านนิ้วมือ

ริวพยายามซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่ยอมแพ้ แม้จะรู้สึกว่าพลังของเขาใกล้สำเร็จแค่เอื้อม แต่ทุกครั้งที่แสงสีทองเริ่มเปล่งออกมา มันก็เลือนหายไปในทันที ราวกับมีม่านบางๆ ขวางกั้นไม่ให้เขาดึงพลังนั้นออกมาได้

เขาได้ยินเสียงเพื่อนๆ รอบตัว ทั้งเสียงโอดะที่พยายามให้กำลังใจตัวเอง หรือเสียงตื่นเต้นจากกลุ่มที่เริ่มเห็นผลลัพธ์แล้ว แต่สิ่งเหล่านั้นกลับทำให้หัวใจของริวยิ่งร้อนรน

เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เขามองเห็น ชิน ยืนอยู่ท่ามกลางออร่าสีแดงเรืองรอง ปราณเพลิงของเขากำลังเต้นระริกรอบตัว

“ทำไมฉันถึงทำไม่ได้?” ริวกัดฟันแน่น เขาไม่ได้รู้สึกอิจฉา เขาแค่ไม่อยากตามหลังใคร

ริวนั่งลงอีกครั้ง สูดลมหายใจลึกจนอกเขาขยับขึ้นลง เขารู้สึกถึงบางสิ่งในตัวเอง บางสิ่งที่เขาไม่สามารถเข้าใจได้

สิ่งที่กำลังขวางกั้นพลังของเขาอาจไม่ใช่ความล้มเหลวของร่างกายหรือจิตใจ แต่มันเหมือนกับว่ามีบางอย่างที่ยังไม่ได้รับการปลดล็อก

ในระหว่างที่ริวกำลังพยายามอยู่ ครูฝึกอลันซึ่งยืนอยู่ห่างออกไป สังเกตพฤติกรรมของริวอย่างเงียบๆ ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมแต่แฝงด้วยความเข้าใจ

“เด็กคนนี้สัมผัสพลังปราณได้ตั้งแต่แรก แต่มีบางอย่างขัดขวางเขาไว้” อลันคิดในใจ ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปใกล้

เมื่อเขามาถึงด้านหลังของริว เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่ทรงพลัง “เจ้าหนู หยุดก่อน”

ริวลืมตาขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงของอลัน เขาหันไปมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย “ครูฝึก…ผมทำอะไรผิดเหรอครับ?”

อลันส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามริว “ไม่ใช่ว่านายทำผิด แต่บางครั้ง การพยายามดึงปราณออกมามากเกินไปก็เหมือนกับการดึงเชือกที่ถูกมัดไว้ ยิ่งนายดึงแรงเท่าไร เชือกก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น”

คำพูดนั้นทำให้ริวนิ่งไป อลันพูดต่อ

“นายสัมผัสปราณได้เร็วกว่าคนอื่น นั่นเป็นข้อได้เปรียบ แต่ข้อเสียคือ นายพยายามควบคุมมันเร็วเกินไป”

" ปราณในพื้นที่จิตวิญญาณไม่ได้ถูกสร้างมาให้ถูกบังคับ แต่ต้องผ่านการยอมรับจากมัน”

ริวพยักหน้าเล็กน้อย เขาเริ่มเข้าใจถึงสิ่งที่อลันต้องการสื่อ “แล้วผมควรทำยังไงครับ?”

อลันยิ้มเล็กน้อยก่อนตอบ “ผ่อนคลาย เชื่อใจตัวเอง และฟังเสียงของพลังนั้น อย่าดึงมันออกมา แต่ให้มันไหลออกมาเอง เหมือนกับการเปิดประตูเบาๆ แทนที่จะพยายามกระชากมัน”

ริวนั่งลงอีกครั้ง คราวนี้เขาหลับตาด้วยจิตใจที่สงบกว่าเดิม เสียงรอบตัวค่อยๆ เงียบลงสำหรับเขา

เหลือเพียงเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะและความอบอุ่นที่เริ่มก่อตัวในส่วนลึกของจิตใจ

เขาไม่พยายามเร่งรีบ แต่ปล่อยให้พลังนั้นไหลเวียนอย่างเป็นธรรมชาติ ในที่สุด ริวก็เริ่มรู้สึกถึงแสงสีทองที่ค่อยๆ ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

รอบกายเขาเริ่มมีประกายแสงอ่อนๆ แผ่ซ่านออกมา แม้ยังไม่สมบูรณ์ แต่เขารู้สึกได้ถึงการเริ่มต้นที่ถูกต้อง

“ใช่ แบบนั้นแหละ” เสียงของอลันดังขึ้นเบาๆ ให้กำลังใจ

ริวไม่ตอบ แต่หัวใจของเขาเริ่มมุ่งมั่นและมั่นใจมากขึ้น เขาสัญญากับตัวเองว่าเขาจะทำให้สำเร็จ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด