ตอนที่แล้วบทที่32 infinity Nexus Company
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่34 พลังปราณ

บทที่33 การอบรมในสองสัปดาห์แรก


ณ  ใจกลางอาณาจักรลับพืช

ที่นี่เต็มไปด้วยความงดงามเหนือจินตนาการ ต้นไม้มหึมาที่สูงจนยอดสัมผัสกับท้องฟ้าแผ่ร่มเงาครอบคลุมผืนดินเบื้องล่าง

ใบไม้สีเขียวมรกตเรืองแสงอ่อนๆ ในแสงสลัวของดวงตะวันที่ลอดผ่านเรือนยอดลงมา ต้นไม้แห่งชีวิตตั้งตระหง่านเป็นศูนย์กลางของอาณาจักร

รากของมันแผ่ขยายปกคลุมพื้นดินไปจนสุดสายตา มันเปล่งประกายแสงสีทองเบาบางราวกับเป็นหัวใจที่เต้นเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตทั้งหมดในอาณาจักรลับ

ริวยืนอยู่ไม่ไกลจากลานฝึกซึ่งถูกปกคลุมด้วยพรมหญ้าสีเขียวสดใสและล้อมรอบด้วยพืชเรืองแสงที่แปลกตา

เบื้องหน้าของเขาคือ สัตว์อสูรที่มีเกล็ดสีเงินเปล่งประกาย ราชามังกรนักสู้หรือไคจูที่กำลังเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วและทรงพลัง

ในอีกด้านหนึ่งกิ่งก่ามังกรเริงระบำหรืออารอน ที่ว่องไวราวกับสายลม กำลังใช้ใบมีดอันแหลมคมปะทะเข้ากับใบมีดของราชากิ่งก่ามังกรเริงระบำ ผู้เป็นคู่ฝึกที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรลับแห่งนี้อย่างดุเดือด

เสียงคำรามดังกึกก้องประสานกับเสียงปะทะของใบมีดทำให้ลานฝึกเต็มไปด้วยพลังและความตึงเครียด ราชามังกรนักสู้ใช้ท่ากระสุนสุญญากาศโจมตีสมทบกิ่งกามังกรเริงระบำอีกแรงทำให้อากาศรอบๆสั่นสะเทือน

ส่วนราชากิ่งก่ามังกรเริงระบำที่ได้เห็นกระสุนสุญญากาศพุ่งตรงเข้ามา ก็เคลื่อนตัวหลบหลีกด้วยความพลิ้วไหว เสียงฝีเท้าเบาของมันแผ่วเบาเหมือนใบไม้ตกกระทบพื้น

แต่ในขณะนั้นเองกิ่งก่ามังกรเริงระบำก็ไล่ตามมาอย่างรวดเร็ว

……..

แม้ว่าริวจะยุ่งวุ่นวายกับการจัดการบริษัท แต่เขาไม่เคยละเลยที่จะพัฒนาความสามารถสัตว์อสูรของเขา

แน่นอนว่าการต่อสู้เป็นกุญแจสำคัญอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้พวกมันพัฒนาได้เร็วที่สุด

เขารู้ดีว่าการพัฒนาราชามังกรนักสู้ให้ไปถึงระดับสูงภายในหนึ่งเดือนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เขาก็พอมีแผนคร่าวๆอยู่ในใจเช่นกัน

หนึ่งเลยคือเพิ่มระดับความเข้มข้นของการฝึก ริววางแผนให้ไคจูรวมถึงอารอนต่อสู้กับสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งกว่าตัวเอง อย่างราชากิ่งก่ามังกรเริงระบำ

ด้วยพลังฟื้นฟูของต้นไม้แห่งชีวิตทำให้พวกเขาสามารถฝึกฝนได้อย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ประสบการณ์การต่อสู้ของไคจูและอารอนกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในทุกวัน

สองริวเตรียมน้ำยาพิเศษที่ผสมจากสมุนไพรล้ำค่าภายในอาณาจักรลับพืช รวมถึงน้ำหล่อเลี้ยงจากต้นไม้แห่งชีวิต ยานี้จะช่วยเร่งการฟื้นฟูและเสริมพลังให้พวกเขาหลังการฝึกได้เห็นผลและมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม

สามริวมีอุปกรณ์เทคโนโลยีฝึกฝนพิเศษจากภายนอกที่สามารถช่วยเพิ่มแรงโน้มถ่วงได้ในพื้นที่ๆกำหนด เขามักจะพาสัตว์อสูรทั้งสองตัวของเขาฝึกในพื้นที่เหล่านั้นเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อและความคล่องตัว

สี่เขาให้ไคจูและอารอนพักผ่อนอยู่ใต้ต้นไม้แห่งชีวิตในช่วงเวลากลางคืน เพื่อให้พลังงานจากต้นไม้ช่วยฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจ

แน่นอนว่าการพักผ่อนก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากเช่นกัน!

ส่วนสุดท้ายเขามีความตั้งใจที่จะพาสัตว์อสูรของเขาไป  ดันเจี้ยนพฤกษาพิศวง ที่เป็นหนึ่งในพื้นที่อันตรายที่สุดของอาณาจักรลับพืช

การต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังและเผชิญกับอุปสรรคในดันเจี้ยนจะช่วยเพิ่มประสบการณ์และพัฒนาความสามารถได้อย่างก้าวกระโดด

ซึ่งส่วนนี้เขาต้องระมัดระวังอย่างมาก เขาจำเป็นต้องรอให้ไคจูและอารอนแข็งแกร่งกว่านี้ก่อนถึงจะไปที่นั่น รวมถึงตัวเขาเองด้วย

นอกจากจะฝึกฝนสัตว์อสูรของเขาแล้ว ริวยังต้องฝึกฝนตัวเองอย่างหนักหน่วงด้วยเช่นกัน

เขาจะล้าหลังสัตว์อสูรของตัวเองไม่ได้

…..

ใต้เงาร่มของต้นไม้แห่งชีวิต ริวยืนอยู่ข้างๆ เฟลิน่า วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ต้นไม้แห่งชีวิต หญิงสาวที่สง่างามและลึกลับ ดวงตาสีมรกตของเธอเปล่งประกายด้วยพลังแห่งชีวิตที่น่าเกรงขาม

“ต้นไม้แห่งชีวิตสามารถยื้อชีวิตของไข่ใบนี้ได้อีกสี่เดือน” เฟลิน่ากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแต่หนักแน่น

ริวมองไปยังไข่มังกรจักรพรรดิเพลิงหิมะที่ถูกวางไว้ในรังเรืองแสงซึ่งสร้างขึ้นจากรากและใบของต้นไม้ ไข่เรืองประกายสีฟ้าอมแดงที่งดงามทว่าดูอ่อนแอ ราวกับชีวิตภายในกำลังดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด

“สี่เดือน… ริวพึมพำกับตัวเอง แม้จะน้อยกว่าที่เขาคิดไว้ในตอนแรก แต่ก็ยังถือเป็นสิ่งที่ดีมากแล้ว

หากเวลาตามปกติ 1 เดือนเขาไม่มีหาวัตถุทั้ง5อย่างนั้นทันแน่นอน   แต่ตอนนี้เขายังพอมีหวังอยู่บ้างแม้จะยากมากก็ตาม

สถานที่ที่ทั้งห้าวัตถุเหล่านี้อยู่ไม่เพียงแต่ห่างไกลกันมาก แต่ยังเต็มไปด้วยอันตรายที่เกินกว่ามนุษย์ธรรมดาจะรับมือได้

ริวรู้ดีว่าในสถานการณ์ปัจจุบัน เขาไม่แข็งแกร่งพอที่จะเผชิญหน้ากับภัยเหล่านี้ได้อย่างนี้แน่นอน ดังนั้นเขาจำเป็นต้องพัฒนาทั้งพลังของตนเองและสัตว์อสูรให้เร็วที่สุด

……

ณ โรงเรียนหมายเลขหนึ่งแห่งเมืองเพลิงตะวัน

ภายใต้แสงแดดยามสายที่เจิดจ้า ลานกว้างกลางโรงเรียนหมายเลขหนึ่งของเมืองเพลิงตะวันเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา

นักเรียนจำนวนมากในชุดฝึกสีเทาซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของคลาสพิเศษ ยืนกระจัดกระจายเป็นกลุ่มเล็กๆ

แต่ละคนเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรคู่พันธะสัญญาของตน ในกลางลานที่ปูด้วยแผ่นหินสีดำสนิทมีรอยขีดข่วนและร่องลึกจากการฝึกฝนอย่างหนักหน่วง

ที่ขอบลานมีต้นไม้ใหญ่เรียงรายเป็นแนวยาว มอบร่มเงาบางๆ ให้กับผู้ที่ยืนอยู่ด้านข้าง

รอบๆนักเรียนเหล่านี้ต่างเต็มไปด้วยครูฝึกในชุดทหาร เสียงตะโกนคำสั่งดังเป็นระยะสลับกับเสียงคำรามของสัตว์อสูรหลากหลายสายพันธุ์

บางตัวตัวใหญ่สูงตระหง่านจนร่างของมันบดบังแสงแดด ขณะที่บางตัวมีรูปร่างเล็กแต่เคลื่อนไหวได้รวดเร็วดุจเงา

ลานฝึกแห่งนี้กว้างขวางจนสามารถรองรับนักเรียนและสัตว์อสูรของพวกเขาได้อย่างสบาย รอบลานเต็มไปด้วยกำแพงอิฐสีแดงเข้มที่มีรอยสลักเป็นลวดลายเปลวเพลิง แสดงถึงเอกลักษณ์ของเมืองเพลิงตะวัน

ตลอดเวลาสองสัปดาห์ที่ผ่านมานับตั้งแต่การฝึกอบรมวันแรกมีหลายอย่างเกิดขึ้นมาก

ในวันที่สองของการฝึกอบรม เหล่านักเรียนได้รับการฝึกฝนที่หลากหลายตามแนวทางการฝึกที่พวกเขาเลือกในวันแรก

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่ว่าจะเลือกแนวทางการฝึกแบบใด ก็จำเป็นต้องผ่านการฝึกนี้อย่างเคร่งครัดโดยเฉพาะ

นั้นคือ การสั่งคำสั่งและการควบคุมสัตว์อสูร!

ซึ่งถือเป็นพื้นฐานสำคัญที่สุดสำหรับผู้ฝึกสัตว์อสูร หากสัตว์อสูรไม่เชื่อฟังคำสั่งของผู้ทำพันธะสัญญา มันอาจนำไปสู่สถานการณ์อันตราย โดยเฉพาะในการต่อสู้จริง

แม้จะทำพันธะสัญญากับสัตว์อสูรของตัวเองแล้ว แต่ก็ยังมีนักเรียนจำนวนมากที่ประสบปัญหา สัตว์อสูรบางตัวดื้อรั้นเกินกว่าจะเชื่อฟังคำสั่งของเจ้านาย

ขณะที่บางตัวขาดการฝึกฝนพื้นฐานทำให้ไม่เข้าใจคำสั่งอย่างถูกต้อง

นักเรียนบางคนมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว พวกเขาสามารถสั่งสัตว์อสูรให้ทำตามคำสั่งได้ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของตัวเอง แต่ก็ยังมีนักเรียนอีกหลายคนที่ต้องดิ้นรนพยายามต่อไป

….

เสียงหนึ่งดังก้องไปทั่วลาน

“ออกคำสั่งให้ชัดเจน! อย่าแสดงความลังเล!” ครูฝึกคนหนึ่งตะโกน สายตาจ้องมองนักเรียนที่พยายามจะสั่งสัตว์อสูรขนาดเล็กของตนให้โจมตีเป้าหมายตรงหน้า

นักเรียนคนนั้นมีสีหน้ากังวลใจ ขณะที่สัตว์อสูรของเขาซึ่งเป็นหมาป่าเพลิงขนาดเล็กส่งเสียงคำรามต่ำ มันไม่ขยับไปตามคำสั่ง แต่กลับจ้องตาเขาเหมือนท้าทาย

“มัน...มันไม่ฟังผมครับ!” นักเรียนร้องออกมา

ครูฝึกเดินเข้าไปใกล้ พลางอธิบายด้วยน้ำเสียงมั่นคง

"จำไว้ให้ดี! สัตว์อสูรจะเชื่อฟังนายก็ต่อเมื่อนายมีความมั่นใจและแสดงให้มันเห็นว่า นายคู่ควรกับการเป็นเจ้านายของมันอย่างแท้จริง!"

….

พื้นที่มุมหนึ่งของลานฝึก นักเรียนหญิงคนหนึ่งกำลังพยายามให้ นกเพลิงลายเทา ของเธอบินขึ้นตามคำสั่ง แต่เจ้านกกลับยืนหยัดอยู่กับที่ ส่ายหัวพลางส่งเสียงร้องที่แสดงถึงความไม่พอใจ

" สัตว์อสูรไม่ได้ตั้งใจฟังเธอเลย  เธอกำลังสั่งมันแบบลวกๆ!" ครูฝึกอีกคนตะโกนบอก เธอจึงต้องเริ่มต้นใหม่ด้วยการสูดลมหายใจลึก และพูดกับวิหคเพลิงด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและมั่นคง

สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับนักเรียนหลายคนนับตั้งแต่วันที่สองของการฝึกอบรม

สำหรับนักเรียนที่ยังไม่สามารถควบคุมสัตว์อสูรได้ ครูฝึกจะเข้าไปช่วยและแก้ไขจุดบกพร่องอย่างเคร่งครัด

พวกเขาต่างให้คำแนะนำที่หลากหลาย เช่น วิธีการออกคำสั่งที่ชัดเจน การปรับเสียงคำสั่ง หรือการใช้สายตาและภาษากายเพื่อเสริมการสื่อสาร  และ อื่นๆ

บางครั้งครูฝึกถึงกับใช้สัตว์อสูรของตนเป็นตัวอย่าง เพื่อให้นักเรียนเข้าใจถึงวิธีการที่ถูกต้อง

ในอีกมุมหนึ่ง นักเรียนที่ประสบความสำเร็จในการควบคุมสัตว์อสูรกำลังแสดงความสามารถให้ครูฝึกประเมิน

สัตว์อสูรของพวกเขาแสดงพลังอันน่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีเป้าหมายที่ตั้งอยู่ไกล หรือการใช้ทักษะพิเศษเฉพาะตัวอย่างแม่นยำ

ริว โอดะ และ ชิน ถูกจัดอยู่ในกลุ่มนั้น

ถึงแม้บรรยากาศในลานฝึกเต็มไปด้วยความตึงเครียด แต่ก็แฝงไว้ด้วยความมุ่งมั่นของทั้งนักเรียนและครูฝึก การฝึกสัตว์อสูรไม่ใช่เพียงแค่การออกคำสั่ง

แต่เป็นการสร้างสายสัมพันธ์และความเชื่อมั่นระหว่างมนุษย์และสัตว์อสูร

ริวยืนมองสถานการณ์ของนักเรียนหลายคน เขาสังเกตเห็นถึงความแตกต่างในวิธีการฝึกของแต่ละคน

ในขณะที่เขาครุ่นคิด เสียงคำรามดังก้องมาจากอีกฝั่งหนึ่งของลานฝึก ดวงตาของริวหันไปมองทันที และสิ่งที่เขาเห็นคือ นักเรียนคนหนึ่งถูกสัตว์อสูรของตนโจมตี

สถานการณ์นั้นสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้คนรอบข้าง แต่ครูฝึกก็รีบเข้าไปควบคุมสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว

"นี่แหละที่เรากำลังพยายามป้องกัน!" ครูฝึกประกาศเสียงดังหลังเหตุการณ์สงบลง

"จำไว้! หากไม่สามารถควบคุมสัตว์อสูรของพวกเธอได้ มันจะเป็นภัยต่อทุกคน รวมถึงตัวของพวกเธอเอง!"

วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ นักเรียนที่เคยลังเลเริ่มมั่นใจขึ้น บางคนจับจังหวะได้และเริ่มสั่งการสัตว์อสูรอย่างคล่องแคล่ว ขณะที่บางคนยังต้องฝ่าฟันกับความดื้อรั้นของสัตว์อสูรอยู่

จนมาถึงสัปดาห์ที่2หรือวันที่15ของการฝึกอบรม

เหล่านักเรียนก็สามารถควบคุมและสั่งการสัตว์อสูรได้ทั้งหมดแล้ว ถึงแม้บางคนยังไม่เชี่ยวชาญหรือทำได้ไม่ดีนัก แต่ก็พัฒนาขึ้นมาก

อลันมองไปที่นักเรียนเหล่านี้ด้วยความพึงพอใจ เขาเห็นถึงความก้าวหน้าของทุกคนที่พัฒนาขึ้นกว่าวันแรกอย่างมาก

ในลานกว้างที่รายล้อมด้วยกำแพงหินและต้นไม้ใหญ่ที่ทอดร่มเงา เหล่านักเรียนยืนรวมตัวกันเป็นแถวเรียงตามลำดับกลุ่ม

อลันยืนอยู่ด้านหน้าในท่าทางสง่างาม ชุดทหารสะท้อนแสงแดดระยิบระยับ ดวงตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจและความคาดหวัง

“การฝึกอบรมผ่านมา 14 วันแล้ว” อลันเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงทรงพลัง

“และในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา พวกเธอทุกคนได้แสดงให้ฉันเห็นถึงความมุ่งมั่น ความพยายาม และการพัฒนาที่น่าประทับใจ”

" สัตว์อสูรของพวกเธอเริ่มเชื่อฟังคำสั่งมากขึ้น ถึงแม้บางคนยังไม่สมบูรณ์แบบนัก แต่ก็ก้าวหน้าขึ้นกว่าตอนแรกมาก”

เสียงกระซิบของนักเรียนดังเบาๆ พวกเขายิ้มและสบตากันด้วยความภาคภูมิใจ แม้จะเหนื่อยล้าจากการฝึกหนัก แต่การได้รับคำชมเชยจากครูฝึกทำให้พวกเขารู้สึกมีแรงใจ

อลันเว้นจังหวะเล็กน้อยก่อนพูดต่อ “แต่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจะปรับเปลี่ยนทิศทางการฝึก…”

คำพูดนี้ทำให้ลานฝึกเต็มไปด้วยเสียงกระซิบ นักเรียนหลายคนเริ่มมองหน้ากันด้วยความสงสัย บางคนเลิกคิ้ว บางคนขมวดคิ้ว แต่อลันไม่ได้ปล่อยให้พวกเขาคาดเดานาน

“ต่อจากนี้ เราจะมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนตัวของพวกเธอเอง”

“???” เหล่านักเรียน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด