บทที่33 การอบรมในสองสัปดาห์แรก
ณ ใจกลางอาณาจักรลับพืช
ที่นี่เต็มไปด้วยความงดงามเหนือจินตนาการ ต้นไม้มหึมาที่สูงจนยอดสัมผัสกับท้องฟ้าแผ่ร่มเงาครอบคลุมผืนดินเบื้องล่าง
ใบไม้สีเขียวมรกตเรืองแสงอ่อนๆ ในแสงสลัวของดวงตะวันที่ลอดผ่านเรือนยอดลงมา ต้นไม้แห่งชีวิตตั้งตระหง่านเป็นศูนย์กลางของอาณาจักร
รากของมันแผ่ขยายปกคลุมพื้นดินไปจนสุดสายตา มันเปล่งประกายแสงสีทองเบาบางราวกับเป็นหัวใจที่เต้นเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตทั้งหมดในอาณาจักรลับ
ริวยืนอยู่ไม่ไกลจากลานฝึกซึ่งถูกปกคลุมด้วยพรมหญ้าสีเขียวสดใสและล้อมรอบด้วยพืชเรืองแสงที่แปลกตา
เบื้องหน้าของเขาคือ สัตว์อสูรที่มีเกล็ดสีเงินเปล่งประกาย ราชามังกรนักสู้หรือไคจูที่กำลังเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วและทรงพลัง
ในอีกด้านหนึ่งกิ่งก่ามังกรเริงระบำหรืออารอน ที่ว่องไวราวกับสายลม กำลังใช้ใบมีดอันแหลมคมปะทะเข้ากับใบมีดของราชากิ่งก่ามังกรเริงระบำ ผู้เป็นคู่ฝึกที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรลับแห่งนี้อย่างดุเดือด
เสียงคำรามดังกึกก้องประสานกับเสียงปะทะของใบมีดทำให้ลานฝึกเต็มไปด้วยพลังและความตึงเครียด ราชามังกรนักสู้ใช้ท่ากระสุนสุญญากาศโจมตีสมทบกิ่งกามังกรเริงระบำอีกแรงทำให้อากาศรอบๆสั่นสะเทือน
ส่วนราชากิ่งก่ามังกรเริงระบำที่ได้เห็นกระสุนสุญญากาศพุ่งตรงเข้ามา ก็เคลื่อนตัวหลบหลีกด้วยความพลิ้วไหว เสียงฝีเท้าเบาของมันแผ่วเบาเหมือนใบไม้ตกกระทบพื้น
แต่ในขณะนั้นเองกิ่งก่ามังกรเริงระบำก็ไล่ตามมาอย่างรวดเร็ว
……..
แม้ว่าริวจะยุ่งวุ่นวายกับการจัดการบริษัท แต่เขาไม่เคยละเลยที่จะพัฒนาความสามารถสัตว์อสูรของเขา
แน่นอนว่าการต่อสู้เป็นกุญแจสำคัญอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้พวกมันพัฒนาได้เร็วที่สุด
เขารู้ดีว่าการพัฒนาราชามังกรนักสู้ให้ไปถึงระดับสูงภายในหนึ่งเดือนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เขาก็พอมีแผนคร่าวๆอยู่ในใจเช่นกัน
หนึ่งเลยคือเพิ่มระดับความเข้มข้นของการฝึก ริววางแผนให้ไคจูรวมถึงอารอนต่อสู้กับสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งกว่าตัวเอง อย่างราชากิ่งก่ามังกรเริงระบำ
ด้วยพลังฟื้นฟูของต้นไม้แห่งชีวิตทำให้พวกเขาสามารถฝึกฝนได้อย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ประสบการณ์การต่อสู้ของไคจูและอารอนกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในทุกวัน
สองริวเตรียมน้ำยาพิเศษที่ผสมจากสมุนไพรล้ำค่าภายในอาณาจักรลับพืช รวมถึงน้ำหล่อเลี้ยงจากต้นไม้แห่งชีวิต ยานี้จะช่วยเร่งการฟื้นฟูและเสริมพลังให้พวกเขาหลังการฝึกได้เห็นผลและมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
สามริวมีอุปกรณ์เทคโนโลยีฝึกฝนพิเศษจากภายนอกที่สามารถช่วยเพิ่มแรงโน้มถ่วงได้ในพื้นที่ๆกำหนด เขามักจะพาสัตว์อสูรทั้งสองตัวของเขาฝึกในพื้นที่เหล่านั้นเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อและความคล่องตัว
สี่เขาให้ไคจูและอารอนพักผ่อนอยู่ใต้ต้นไม้แห่งชีวิตในช่วงเวลากลางคืน เพื่อให้พลังงานจากต้นไม้ช่วยฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจ
แน่นอนว่าการพักผ่อนก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากเช่นกัน!
ส่วนสุดท้ายเขามีความตั้งใจที่จะพาสัตว์อสูรของเขาไป ดันเจี้ยนพฤกษาพิศวง ที่เป็นหนึ่งในพื้นที่อันตรายที่สุดของอาณาจักรลับพืช
การต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังและเผชิญกับอุปสรรคในดันเจี้ยนจะช่วยเพิ่มประสบการณ์และพัฒนาความสามารถได้อย่างก้าวกระโดด
ซึ่งส่วนนี้เขาต้องระมัดระวังอย่างมาก เขาจำเป็นต้องรอให้ไคจูและอารอนแข็งแกร่งกว่านี้ก่อนถึงจะไปที่นั่น รวมถึงตัวเขาเองด้วย
นอกจากจะฝึกฝนสัตว์อสูรของเขาแล้ว ริวยังต้องฝึกฝนตัวเองอย่างหนักหน่วงด้วยเช่นกัน
เขาจะล้าหลังสัตว์อสูรของตัวเองไม่ได้
…..
ใต้เงาร่มของต้นไม้แห่งชีวิต ริวยืนอยู่ข้างๆ เฟลิน่า วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ต้นไม้แห่งชีวิต หญิงสาวที่สง่างามและลึกลับ ดวงตาสีมรกตของเธอเปล่งประกายด้วยพลังแห่งชีวิตที่น่าเกรงขาม
“ต้นไม้แห่งชีวิตสามารถยื้อชีวิตของไข่ใบนี้ได้อีกสี่เดือน” เฟลิน่ากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแต่หนักแน่น
ริวมองไปยังไข่มังกรจักรพรรดิเพลิงหิมะที่ถูกวางไว้ในรังเรืองแสงซึ่งสร้างขึ้นจากรากและใบของต้นไม้ ไข่เรืองประกายสีฟ้าอมแดงที่งดงามทว่าดูอ่อนแอ ราวกับชีวิตภายในกำลังดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด
“สี่เดือน…” ริวพึมพำกับตัวเอง แม้จะน้อยกว่าที่เขาคิดไว้ในตอนแรก แต่ก็ยังถือเป็นสิ่งที่ดีมากแล้ว
หากเวลาตามปกติ 1 เดือนเขาไม่มีหาวัตถุทั้ง5อย่างนั้นทันแน่นอน แต่ตอนนี้เขายังพอมีหวังอยู่บ้างแม้จะยากมากก็ตาม
สถานที่ที่ทั้งห้าวัตถุเหล่านี้อยู่ไม่เพียงแต่ห่างไกลกันมาก แต่ยังเต็มไปด้วยอันตรายที่เกินกว่ามนุษย์ธรรมดาจะรับมือได้
ริวรู้ดีว่าในสถานการณ์ปัจจุบัน เขาไม่แข็งแกร่งพอที่จะเผชิญหน้ากับภัยเหล่านี้ได้อย่างนี้แน่นอน ดังนั้นเขาจำเป็นต้องพัฒนาทั้งพลังของตนเองและสัตว์อสูรให้เร็วที่สุด
……
ณ โรงเรียนหมายเลขหนึ่งแห่งเมืองเพลิงตะวัน
ภายใต้แสงแดดยามสายที่เจิดจ้า ลานกว้างกลางโรงเรียนหมายเลขหนึ่งของเมืองเพลิงตะวันเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา
นักเรียนจำนวนมากในชุดฝึกสีเทาซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของคลาสพิเศษ ยืนกระจัดกระจายเป็นกลุ่มเล็กๆ
แต่ละคนเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรคู่พันธะสัญญาของตน ในกลางลานที่ปูด้วยแผ่นหินสีดำสนิทมีรอยขีดข่วนและร่องลึกจากการฝึกฝนอย่างหนักหน่วง
ที่ขอบลานมีต้นไม้ใหญ่เรียงรายเป็นแนวยาว มอบร่มเงาบางๆ ให้กับผู้ที่ยืนอยู่ด้านข้าง
รอบๆนักเรียนเหล่านี้ต่างเต็มไปด้วยครูฝึกในชุดทหาร เสียงตะโกนคำสั่งดังเป็นระยะสลับกับเสียงคำรามของสัตว์อสูรหลากหลายสายพันธุ์
บางตัวตัวใหญ่สูงตระหง่านจนร่างของมันบดบังแสงแดด ขณะที่บางตัวมีรูปร่างเล็กแต่เคลื่อนไหวได้รวดเร็วดุจเงา
ลานฝึกแห่งนี้กว้างขวางจนสามารถรองรับนักเรียนและสัตว์อสูรของพวกเขาได้อย่างสบาย รอบลานเต็มไปด้วยกำแพงอิฐสีแดงเข้มที่มีรอยสลักเป็นลวดลายเปลวเพลิง แสดงถึงเอกลักษณ์ของเมืองเพลิงตะวัน
ตลอดเวลาสองสัปดาห์ที่ผ่านมานับตั้งแต่การฝึกอบรมวันแรกมีหลายอย่างเกิดขึ้นมาก
ในวันที่สองของการฝึกอบรม เหล่านักเรียนได้รับการฝึกฝนที่หลากหลายตามแนวทางการฝึกที่พวกเขาเลือกในวันแรก
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่ว่าจะเลือกแนวทางการฝึกแบบใด ก็จำเป็นต้องผ่านการฝึกนี้อย่างเคร่งครัดโดยเฉพาะ
นั้นคือ การสั่งคำสั่งและการควบคุมสัตว์อสูร!
ซึ่งถือเป็นพื้นฐานสำคัญที่สุดสำหรับผู้ฝึกสัตว์อสูร หากสัตว์อสูรไม่เชื่อฟังคำสั่งของผู้ทำพันธะสัญญา มันอาจนำไปสู่สถานการณ์อันตราย โดยเฉพาะในการต่อสู้จริง
แม้จะทำพันธะสัญญากับสัตว์อสูรของตัวเองแล้ว แต่ก็ยังมีนักเรียนจำนวนมากที่ประสบปัญหา สัตว์อสูรบางตัวดื้อรั้นเกินกว่าจะเชื่อฟังคำสั่งของเจ้านาย
ขณะที่บางตัวขาดการฝึกฝนพื้นฐานทำให้ไม่เข้าใจคำสั่งอย่างถูกต้อง
นักเรียนบางคนมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว พวกเขาสามารถสั่งสัตว์อสูรให้ทำตามคำสั่งได้ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของตัวเอง แต่ก็ยังมีนักเรียนอีกหลายคนที่ต้องดิ้นรนพยายามต่อไป
….
เสียงหนึ่งดังก้องไปทั่วลาน
“ออกคำสั่งให้ชัดเจน! อย่าแสดงความลังเล!” ครูฝึกคนหนึ่งตะโกน สายตาจ้องมองนักเรียนที่พยายามจะสั่งสัตว์อสูรขนาดเล็กของตนให้โจมตีเป้าหมายตรงหน้า
นักเรียนคนนั้นมีสีหน้ากังวลใจ ขณะที่สัตว์อสูรของเขาซึ่งเป็นหมาป่าเพลิงขนาดเล็กส่งเสียงคำรามต่ำ มันไม่ขยับไปตามคำสั่ง แต่กลับจ้องตาเขาเหมือนท้าทาย
“มัน...มันไม่ฟังผมครับ!” นักเรียนร้องออกมา
ครูฝึกเดินเข้าไปใกล้ พลางอธิบายด้วยน้ำเสียงมั่นคง
"จำไว้ให้ดี! สัตว์อสูรจะเชื่อฟังนายก็ต่อเมื่อนายมีความมั่นใจและแสดงให้มันเห็นว่า นายคู่ควรกับการเป็นเจ้านายของมันอย่างแท้จริง!"
….
พื้นที่มุมหนึ่งของลานฝึก นักเรียนหญิงคนหนึ่งกำลังพยายามให้ นกเพลิงลายเทา ของเธอบินขึ้นตามคำสั่ง แต่เจ้านกกลับยืนหยัดอยู่กับที่ ส่ายหัวพลางส่งเสียงร้องที่แสดงถึงความไม่พอใจ
" สัตว์อสูรไม่ได้ตั้งใจฟังเธอเลย เธอกำลังสั่งมันแบบลวกๆ!" ครูฝึกอีกคนตะโกนบอก เธอจึงต้องเริ่มต้นใหม่ด้วยการสูดลมหายใจลึก และพูดกับวิหคเพลิงด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและมั่นคง
…
สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับนักเรียนหลายคนนับตั้งแต่วันที่สองของการฝึกอบรม
สำหรับนักเรียนที่ยังไม่สามารถควบคุมสัตว์อสูรได้ ครูฝึกจะเข้าไปช่วยและแก้ไขจุดบกพร่องอย่างเคร่งครัด
พวกเขาต่างให้คำแนะนำที่หลากหลาย เช่น วิธีการออกคำสั่งที่ชัดเจน การปรับเสียงคำสั่ง หรือการใช้สายตาและภาษากายเพื่อเสริมการสื่อสาร และ อื่นๆ
บางครั้งครูฝึกถึงกับใช้สัตว์อสูรของตนเป็นตัวอย่าง เพื่อให้นักเรียนเข้าใจถึงวิธีการที่ถูกต้อง
ในอีกมุมหนึ่ง นักเรียนที่ประสบความสำเร็จในการควบคุมสัตว์อสูรกำลังแสดงความสามารถให้ครูฝึกประเมิน
สัตว์อสูรของพวกเขาแสดงพลังอันน่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีเป้าหมายที่ตั้งอยู่ไกล หรือการใช้ทักษะพิเศษเฉพาะตัวอย่างแม่นยำ
ริว โอดะ และ ชิน ถูกจัดอยู่ในกลุ่มนั้น
ถึงแม้บรรยากาศในลานฝึกเต็มไปด้วยความตึงเครียด แต่ก็แฝงไว้ด้วยความมุ่งมั่นของทั้งนักเรียนและครูฝึก การฝึกสัตว์อสูรไม่ใช่เพียงแค่การออกคำสั่ง
แต่เป็นการสร้างสายสัมพันธ์และความเชื่อมั่นระหว่างมนุษย์และสัตว์อสูร
ริวยืนมองสถานการณ์ของนักเรียนหลายคน เขาสังเกตเห็นถึงความแตกต่างในวิธีการฝึกของแต่ละคน
ในขณะที่เขาครุ่นคิด เสียงคำรามดังก้องมาจากอีกฝั่งหนึ่งของลานฝึก ดวงตาของริวหันไปมองทันที และสิ่งที่เขาเห็นคือ นักเรียนคนหนึ่งถูกสัตว์อสูรของตนโจมตี
สถานการณ์นั้นสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้คนรอบข้าง แต่ครูฝึกก็รีบเข้าไปควบคุมสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว
"นี่แหละที่เรากำลังพยายามป้องกัน!" ครูฝึกประกาศเสียงดังหลังเหตุการณ์สงบลง
"จำไว้! หากไม่สามารถควบคุมสัตว์อสูรของพวกเธอได้ มันจะเป็นภัยต่อทุกคน รวมถึงตัวของพวกเธอเอง!"
…
วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ นักเรียนที่เคยลังเลเริ่มมั่นใจขึ้น บางคนจับจังหวะได้และเริ่มสั่งการสัตว์อสูรอย่างคล่องแคล่ว ขณะที่บางคนยังต้องฝ่าฟันกับความดื้อรั้นของสัตว์อสูรอยู่
จนมาถึงสัปดาห์ที่2หรือวันที่15ของการฝึกอบรม
เหล่านักเรียนก็สามารถควบคุมและสั่งการสัตว์อสูรได้ทั้งหมดแล้ว ถึงแม้บางคนยังไม่เชี่ยวชาญหรือทำได้ไม่ดีนัก แต่ก็พัฒนาขึ้นมาก
อลันมองไปที่นักเรียนเหล่านี้ด้วยความพึงพอใจ เขาเห็นถึงความก้าวหน้าของทุกคนที่พัฒนาขึ้นกว่าวันแรกอย่างมาก
ในลานกว้างที่รายล้อมด้วยกำแพงหินและต้นไม้ใหญ่ที่ทอดร่มเงา เหล่านักเรียนยืนรวมตัวกันเป็นแถวเรียงตามลำดับกลุ่ม
อลันยืนอยู่ด้านหน้าในท่าทางสง่างาม ชุดทหารสะท้อนแสงแดดระยิบระยับ ดวงตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจและความคาดหวัง
“การฝึกอบรมผ่านมา 14 วันแล้ว” อลันเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงทรงพลัง
“และในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา พวกเธอทุกคนได้แสดงให้ฉันเห็นถึงความมุ่งมั่น ความพยายาม และการพัฒนาที่น่าประทับใจ”
" สัตว์อสูรของพวกเธอเริ่มเชื่อฟังคำสั่งมากขึ้น ถึงแม้บางคนยังไม่สมบูรณ์แบบนัก แต่ก็ก้าวหน้าขึ้นกว่าตอนแรกมาก”
เสียงกระซิบของนักเรียนดังเบาๆ พวกเขายิ้มและสบตากันด้วยความภาคภูมิใจ แม้จะเหนื่อยล้าจากการฝึกหนัก แต่การได้รับคำชมเชยจากครูฝึกทำให้พวกเขารู้สึกมีแรงใจ
อลันเว้นจังหวะเล็กน้อยก่อนพูดต่อ “แต่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจะปรับเปลี่ยนทิศทางการฝึก…”
คำพูดนี้ทำให้ลานฝึกเต็มไปด้วยเสียงกระซิบ นักเรียนหลายคนเริ่มมองหน้ากันด้วยความสงสัย บางคนเลิกคิ้ว บางคนขมวดคิ้ว แต่อลันไม่ได้ปล่อยให้พวกเขาคาดเดานาน
“ต่อจากนี้ เราจะมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนตัวของพวกเธอเอง”
“???” เหล่านักเรียน