ตอนที่แล้วบทที่36 การฝึกฝนปราณ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่38 สิงโตทองคำศักดิ์สิทธิ์และเทพมังกรดำ

บทที่37มังกรทองแห่งโชคชะตา


ในขณะที่ริวกำลังพยายามฝึกฝนอยู่ก็เกิดเสียงฮือฮาดังขึ้นในลานฝึกดึงดูดสายตาของทุกคนไปยังมุมหนึ่งของสนาม

เด็กหนุ่มสาวมากมายต่างพากันซุบซิบขณะจับจ้องไปยังหญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังถูกห่อหุ้มด้วยแสงออร่าปราณสีเหลืองทองที่เปล่งประกายเจิดจ้า

ราวกับว่าเธอไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา แต่เป็นนางฟ้าจากตำนานที่ลงมาจุติ

เธอยืนอยู่ในท่วงท่าสง่างาม ผมบลอนด์อ่อนของเธอสะท้อนกับแสงปราณ ราวกับเส้นไหมทองคำที่ถักทอด้วยความประณีต มันพลิ้วไหวตามแรงลมอ่อนๆ ที่พัดผ่าน

ดวงตาสีเหลืองอำพันของเธอเปล่งประกายความสงบและความมั่นคงราวกับสามารถมองทะลุถึงจิตใจของผู้คนที่จ้องมอง

ผิวของเธอขาวเนียน ราวกับถูกปั้นแต่งด้วยหินอ่อนชั้นเลิศ ใบหน้าของเธอเล็กเรียว คิ้วโค้งงดงาม และจมูกที่ได้รูปอย่างสมบูรณ์แบบ ทุกองค์ประกอบลงตัวจนไม่อาจละสายตาได้

ใบหน้าของเธอเผยความอ่อนโยน แต่ก็แฝงด้วยความห่างเหิน ทำให้เธอดูเหมือนนางฟ้าที่อยู่ไกลเกินเอื้อม

เธอชื่อ เอลซ่า หญิงสาวที่ถูกยกย่องว่าเป็นสาวงามอันดับหนึ่งในโรงเรียน

เอลซ่าไม่ได้เป็นเพียงแค่สาวงามที่ไร้ที่ติในรูปลักษณ์ เธอยังมีความสามารถที่โดดเด่น เรียนเก่ง เป็นผู้นำในทุกวิชา และยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถอันน่าทึ่งในฐานะผู้ฝึกสัตว์

นอกจากนี้เธอยังปลุกพรสวรรค์ได้อีกด้วย ทำให้ทุกคนในโรงเรียนล้วนมองเธอด้วยความชื่นชมและยกย่อง

แต่ถึงแม้เธอจะมีคุณสมบัติที่สมบูรณ์แบบเหล่านี้ เอลซ่ากลับมีท่าทีที่ดูเหินห่าง ราวกับว่าเธออยู่ในโลกของตัวเอง เธอไม่มีเพื่อนสนิท และมักรักษาระยะห่างจากคนอื่นเสมอ

อุปนิสัยนี้เองที่ยิ่งเสริมภาพลักษณ์ของเธอให้ดูเหมือนนางฟ้าที่ล่องลอยอยู่เหนือผู้คน

ทำให้นักเรียนชายในโรงเรียนต่างตั้งฉายาให้เธอว่า “นางฟ้า ฉายานี้สะท้อนถึงความงาม ความสมบูรณ์แบบ และความไกลเกินเอื้อมของเธอ

ริวที่ยังนั่งอยู่ไม่ไกลมองไปยังเอลซ่าที่ห่อหุ้มด้วยแสงสีเหลืองด้วยความสนใจ เขาเพิ่งเคยได้ยินเรื่องของเธออย่างจริงจังครั้งแรกจากเสียงซุบซิบของเพื่อนๆ

“นางฟ้างั้นเหรอ...” เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ

ก่อนจะคิดตามด้วยความสงสัยว่า ใครกันที่เป็นคนตั้งฉายานี้ให้เธอ?

ถ้าเป็นเขา เขาคงรู้สึกอายมากถ้าโดนเรียกแบบนั้น

ในขณะที่ริวกำลังครุ่นคิด เอลซ่ากำลังนั่งสมาธิอยู่กลางลานกว้าง แม้จะมีสายตามากมายจับจ้องมาที่เธอ แต่เธอกลับดูสงบนิ่งราวกับไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเลย

ทันใดนั้น ปราณแสงของเธอพลันเปล่งประกายแรงขึ้น มันลอยตัวรอบๆ เธอเป็นเส้นสายอันงดงาม คล้ายแสงของดวงจันทร์ที่ทอดยาวไปทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืน ความหนาแน่นของปราณแสงนั้นมากเสียจนทำให้นักเรียนที่มองอยู่รู้สึกทึ่ง

“ฉันเคยได้ยินมาว่าพรสวรรค์ของเธอเกี่ยวกับสัตว์อสูรธาตุแสง ดูเหมือนปราณของเธอจะเป็นปราณแสง” ชินพึมพำเบาๆ ขณะมองดูปราณของเอลซ่าที่เจิดจ้ายิ่งกว่าของเขาหลายเท่า

ริวเองก็อดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบปราณของเอลซ่ากับปราณเพลิงของชิน เขารู้สึกได้ถึงความสง่างามและพลังที่แตกต่าง

มันไม่ได้แผ่ความร้อนแรงหรือเกรี้ยวกราดเหมือนปราณเพลิงของชิน แต่มันเต็มไปด้วยความสงบสุขและบริสุทธิ์

รอบๆ ลานฝึก นักเรียนคนอื่นๆ ยังคงกระซิบกันเกี่ยวกับเอลซ่า

“ปราณของเธอนี่สุดยอดจริงๆ”

“ไม่แปลกใจเลยที่เธอจะถูกเรียกว่านางฟ้า แค่ยืนมองก็รู้สึกเหมือนด้อยกว่าแล้ว”

เอลซ่ายังคงยืนอยู่ในท่วงท่าสงบนิ่ง แม้เสียงชื่นชมจะดังขึ้นรอบตัว แต่เธอกลับไม่ได้แสดงสีหน้าพึงพอใจหรือขวยเขิน

ดวงตาของเธอมองตรงไปข้างหน้าเหมือนกำลังจดจ่อกับอะไรบางอย่าง เธอเป็นเหมือนแสงสว่างที่ดึงดูดผู้คน แต่กลับไม่มีใครสามารถเข้าถึงได้จริงๆ

ริวหลับตาลงอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงฝึกซ้อมและฮือฮารอบๆ ลานฝึก เขาไม่ได้สนใจเอลซ่าหรือใครอีกต่อไป ดวงตาในจิตใจของเขาพุ่งตรงเข้าสู่ความพยายามครั้งใหม่

เหลือเพียงสมาธิที่ค่อยๆ หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณ เขาทำตามคำแนะนำของอลัน ริวตั้งใจจะสื่อสารกับพลังในตัวเอง ไม่ใช่เพียงแค่ดึงพลังนั้นออกมา

คราวนี้ ทุกอย่างราบรื่นกว่าครั้งก่อน พลังปราณในพื้นที่จิตวิญญาณของเขาเริ่มตอบสนอง สัมผัสนั้นอบอุ่นแต่ลึกลับ ราวกับมีชีวิต

ทว่าเมื่อริวพยายามควบคุมมัน พลังนั้นกลับถอยห่างจากเขาไปอีกครั้ง

อลันที่จับตาดูกระบวนการทั้งหมดอยู่ห่างๆ คิ้วขมวดเล็กน้อย เขาสังเกตเห็นว่าริวนั้นทำทุกขั้นตอนถูกต้อง แต่พลังของเขากลับไม่ตอบสนองเหมือนของคนอื่นๆ

ทันใดนั้นอลันก็ฉุกคิดอะไรบางอย่าง

"เจ้าหนู" อลันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ฉันคิดว่าปราณของนายอาจจะไม่ใช่ปราณธรรมดา แต่มันอาจเป็นปราณพิเศษ"

ริวลืมตาขึ้นและมองอลันด้วยความสงสัย "ปราณพิเศษ?"

"ใช่" อลันพยักหน้า “ปราณพิเศษคือปราณที่อยู่นอกเหนือจากปราณธาตุ มันเป็นปราณที่มาพร้อมกับคุณลักษณะเฉพาะตัวของผู้ใช้เอง”

"ฉันไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับปราณพิเศษมากนัก เพราะคนมีปราณชนิดนี้มีอยู่ค่อนข้างน้อย และแต่ละปราณต่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเป็นของตัวเอง" อลันพูดต่อ

"แต่จากที่ฉันเคยได้ยินมา ดูเหมือนว่าผู้ใช้ต้องเข้าใจถึงพลังของตัวเองก่อนว่ามันคืออะไรกันแน่และได้รับการยอมรับจากมัน นายถึงจะดึงมันออกมาใช้งานได้อย่างสมบูรณ์"

คำพูดนั้นเหมือนจุดประกายให้ริว เขาตัดสินใจจะพยายามอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น แต่พยายามตั้งใจฟังเสียงพลังของเขาเองแทน

ทันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกเหมือนมีเสียงบางอย่างกำลังเรียกเขา

ริวค่อยๆ สูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ ปล่อยให้จิตใจสงบลงอย่างที่สุด ทุกสิ่งรอบตัวเขาเลือนหายไป เหลือเพียงความมืดและความเงียบ ราวกับเขากำลังล่องลอยอยู่ในห้วงสุญญากาศ

ไม่นาน เขารู้สึกถึงพลังที่อบอุ่นในส่วนลึกของจิตใจ มันเหมือนสายลมที่แผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยความสง่างาม ริวจดจ่อกับพลังนั้นและปล่อยจิตใจให้ไหลไปตาม

และในที่สุด เขาก็ถูกพาเข้าสู่ทะเลสาบสีทอง

เบื้องหน้าของริวคือทะเลสาบกว้างใหญ่ที่เปล่งประกายด้วยสีทองอร่าม น้ำในทะเลสาบนิ่งสงบราวกับกระจกสะท้อนแสงจากดวงอาทิตย์ แต่ในขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกลึกลับและศักดิ์สิทธิ์

ทุกย่างก้าวที่เขาเดินเข้าไปใกล้ รู้สึกเหมือนกำลังถูกแสงนั้นโอบกอดด้วยความรู้สึกอ่อนโยนและทรงพลังในเวลาเดียวกัน

ท้องฟ้าเบื้องบนดูว่างเปล่า ทว่าทันใดนั้นเอง เสียงคำรามอันกึกก้องดังขึ้น ริวเงยหน้าขึ้นมอง และสิ่งที่เขาเห็นทำให้เขาหยุดหายใจ

มังกรทองขนาดมหึมา กำลังลอยตัวอยู่เหนือทะเลสาบ ดวงตาของมันเป็นสีทองเปล่งประกาย ราวกับสามารถมองทะลุถึงจิตวิญญาณของทุกคนได้ ร่างของมันเปล่งออร่าแห่งอำนาจและความศักดิ์สิทธิ์

ริวรู้ทันทีว่ามันคือต้นกำเนิดพลังของเขา แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นสิ่งที่ขัดขวางเขามาโดยตลอด

มังกรทองมันจ้องมองริวอย่างนิ่งสงบ แต่ในขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกกดดันอย่างมหาศาล

"เจ้าต้องการจะใช้พลังของข้า...งั้นเหรอ" เสียงของมันดังขึ้นในใจของริว ราวกับสายลมที่สะท้อนผ่านภูเขา

"ใช่! ฉันต้องการพลังของนาย" ริวกล่าวด้วยความแน่วแน่

มังกรทองเงียบลองและลอยตัวลงมาช้าๆ ออร่าศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่ออกมาจากร่างของมันทำให้ริวรู้สึกเหมือนถูกตรึงอยู่กับที่

ดวงตาสีทองของมันมองลึกเข้าไปในดวงตาของริว ราวกับสามารถมองทะลุผ่านความคิดและความรู้สึกทั้งหมด

“เจ้าแน่ใจแล้วหรือ?” เสียงของมันดังก้องในหัวของริว ราวกับเสียงสายลมที่แผ่วเบาแต่กึกก้องอยู่ในท้องฟ้า

“ข้าคือมังกรทองแห่งโชคชะตา พลังของข้ามิใช่เพียงพลังที่เจ้าใช้เพื่อเอาชนะศัตรู แต่คือพลังที่ผูกโยงกับโชคชะตาและอนาคตของเจ้า”

ริวเงยหน้าขึ้นมองมังกรด้วยสายตาที่แน่วแน่ เขารู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลที่กำลังโอบล้อมตัวเขาไว้ แต่ในขณะเดียวกัน ความมุ่งมั่นของเขาก็ยิ่งเด่นชัด

“หากเจ้าตัดสินใจรับพลังนี้” มังกรทองกล่าวต่อ

“โชคชะตาของเจ้าจะเปลี่ยนไปตลอดกาล  ชีวิตของเจ้าจะเต็มไปด้วยอุปสรรคที่เกินกว่าที่เจ้าจะคาดคิดได้”

" จะมีศัตรูมากมายจากต่างแดนต้องการสังหารเจ้าและแย่งชิงพลังของเจ้าไป  เจ้าจะต้องเผชิญหน้ากับภาระหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่จนยากจะหลีกเลี่ยง”

" พลังที่เจ้าต้องแบกรับจะไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าคนเดียว แต่มันจะเกี่ยวพันกับผู้คนและโลกใบนี้”

“เมื่อฟังแบบนี้แล้ว เจ้าอยากจะรับพลังของข้าอยู่ไหม!?”

ริวนิ่งฟังคำพูดของมังกร ทุกคำที่กล่าวออกมานั้นหนักแน่นและกดดัน ราวกับกำลังทดสอบจิตใจของเขา เขาหลับตาลงชั่วครู่ สูดลมหายใจเข้าลึก แล้วลืมตาขึ้นอีกครั้งพร้อมกับประกายตาที่แน่วแน่

“ฉันรู้ดีว่าทางข้างหน้าจะไม่ง่าย” ริวกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“อุปสรรค ความเจ็บปวด หรือแม้แต่ความสูญเสียที่ฉันอาจต้องเจอ มันอาจไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะมองข้ามได้ แต่ฉันไม่มีวันกลัว หรือยอมแพ้”

เขากำหมัดแน่น สายตาสบกับดวงตาสีทองของมังกรโดยไม่หวั่นไหว

“ถ้าพลังนี้สามารถช่วยให้ฉันปกป้องสิ่งสำคัญและทำให้ฉันก้าวไปข้างหน้าได้ ฉันก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกอย่าง”

" ไม่ว่าจะยากเย็นแค่ไหน ฉันจะก้าวข้ามมันไปให้ได้!”

มังกรทองมองริวอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับกำลังประเมินคำพูดของเขา ดวงตาสีทองที่เคยคมกริบราวกับสายฟ้ากลับอ่อนโยนลงเล็กน้อย

“เจ้ามีหัวใจที่แน่วแน่และจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ พลังนี้จึงสมควรเป็นของเจ้า แต่จำไว้ โชคชะตานี้คือเส้นทางที่เจ้าต้องแบกรับด้วยตัวเอง” มังกรเอ่ยด้วยเสียงที่ก้องกังวานแต่แฝงความอ่อนโยน

ทันใดนั้น มังกรทองลอยตัวขึ้นไปอีกครั้ง มันกางปีกอันยิ่งใหญ่ เปล่งประกายแสงสีทองที่เจิดจ้าไปทั่วบริเวณ ริวรู้สึกถึงพลังมหาศาลที่หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา

“จากนี้ไป ข้าขอมอบพลังแห่งโชคชะตาของข้าให้แก่เจ้า”

" จงใช้มันเพื่อสร้างเส้นทางของเจ้าเอง”

ร่างของมังกรทองค่อยๆ สลายกลายเป็นแสงสีทองพุ่งเข้าสู่ร่างกายของริว ริวรู้สึกถึงพลังอันยิ่งใหญ่ที่หลั่งไหลเข้าสู่จิตวิญญาณของเขา มันราวกับเปลวไฟอันอบอุ่นที่เติมเต็มชีวิต

ริวลืมตาขึ้นในโลกความจริง รอบตัวเขาเปล่งประกายด้วยออร่าปราณสีทองที่ทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์

ออร่านั้นไม่ใช่เพียงแสงธรรมดา แต่แฝงไปด้วยความรู้สึกสง่างามและอำนาจลี้ลับ ราวกับมังกรทองที่เขาได้เผชิญหน้ากำลังลอยอยู่รอบตัวเขา

อลันยืนมองอยู่ห่างๆ เขายิ้มเล็กๆ และพยักหน้าเบาๆ "ในที่สุด...เขาก็ทำสำเร็จ"

นักเรียนรอบๆ ลานฝึกต่างหยุดการฝึกและหันมามองเขาด้วยสายตาตกตะลึง หลายคนถึงกับถอยหลังอย่างลืมตัว เพราะออร่าที่แผ่ออกมาจากร่างของริวนั้นน่าประทับใจและกดดันในเวลาเดียวกัน

“นั่นมันปราณสีทอง...” เสียงกระซิบดังขึ้นจากนักเรียนคนหนึ่ง “ปราณอะไรน่ะ... มันเหมือนไม่ใช่ปราณธรรมดา”

โอดะที่อยู่ใกล้ที่สุดยืนขึ้น มองริวด้วยดวงตาเบิกกว้าง “ริว... นายทำได้แล้ว!”

“ใช่!”ริวตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

“ดูเหมือนนายจะใช้ปราณพิเศษได้แล้ว นายจะเรียกมันว่าอะไร!?”

“ปราณพิเศษต่างมีเอกลักษณ์และชื่อเป็นของตัวเอง” อลันเดินก้าวเข้ามาถามด้วยรอยยิ้ม

ริวมีท่าทีครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าพูดออกมาด้วยความมั่นใจ

“ฉันจะเรียกมันว่า ปราณมังกรศักดิ์สิทธิ์ 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด