บทที่ 38 คุณชายกู่คือจักรพรรดิยุทธ์เซียวเหยา?
บทที่ 38 คุณชายกู่คือจักรพรรดิยุทธ์เซียวเหยา?
ฉื่อหั่วขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูด "อย่างแรก มีอย่างหนึ่งที่แน่นอน พวกเราเพิ่งฆ่าคนของลัทธิเพลิงพิโรธ ท่านบรรพชนก็ออกมา นี่แสดงว่าท่านบรรพชนคอยดูพวกเราอยู่ตลอด!"
"แต่ท่านบรรพชนเตรียมการมากมายขนาดนั้น เห็นได้ชัดว่าอยากให้พวกเราทำลายลัทธิเพลิงพิโรธทั้งสำนัก! แต่พวกเราใช้หินวิญญาณไปมากขนาดนี้เพื่อฆ่าราชันย์มนุษย์คนเดียว นี่คือสิ่งที่พวกเราทำผิดพลาด"
"เพราะถ้าเราใช้หินวิญญาณและค่ายกลพันมายาทำทั้งหมดนี้ จะแสดงให้เห็นถึงพลังของพวกเราได้ยังไง?"
"โดยเฉพาะคำพูดที่ว่าเลือดนักสู้ของท่านบรรพชน จริงๆ แล้วท่านกำลังเตือนพวกเราว่า ต้องใช้วิธีของนักสู้ในการแก้ปัญหา!"
ตอนแรกทุกคนยังพยักหน้า แต่สุดท้ายก็ทำหน้าเคร่งขรึม "ด้วยพลังของพวกเรา ไปสู้กับผู้แข็งแกร่งขอบเขตราชันย์มนุษย์เนี้ยนะ? นี่ไม่ใช่การรนหาที่ตายหรอกหรือ?"
ฉื่อหั่วส่ายหน้า "มีท่านบรรพชนคอยสนับสนุนขนาดนี้ พวกเรายังต้องไปสู้กับคนที่อยู่ขอบเขตเดียวกันอีกหรือ? พวกเจ้าไม่ละอายใจหรือไง? พวกเจ้าจะให้ท่านบรรพชนเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? ไม่เห็นหรือว่าท่านบรรพชนโกรธจนจากไปแล้ว?"
ทันใดนั้น ทุกคนก็พูดกันเซ็งแซ่
"ก็จริง แถมท่านบรรพชนก็คอยดูพวกเราอยู่ตลอด ถ้าพวกเรามีอันตราย ท่านบรรพชนก็คงจะลงมือช่วยเหลือ"
"ถูกต้อง สิ่งที่ท่านบรรพชนต้องการคือความไม่กลัวของนักสู้ ถ้าไม่มีความกล้าหาญนี้ ต่อให้ท่านบรรพชนช่วยเหลือมากแค่ไหน ก็ยากที่จะบรรลุวิถียุทธ์อันสูงส่ง!"
"ท่านรองประมุข รอให้ท่านประมุขและคนอื่นๆ ออกจากการเก็บตัวบ่มเพาะก่อนเถอะ จากนั้นพวกเราก็แอบไปลอบโจมตีลัทธิเพลิงพิโรธ รอให้ยึดสำนักได้แล้ว ค่อยไปรายงานท่านบรรพชน ให้ท่านเห็นเลือดนักสู้ของพวกเรา!"
ฉื่อหั่วรีบส่ายหน้า "การบุกลัทธิเพลิงพิโรธเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อกี้ท่านบรรพชนพูดถึงผู้แข็งแกร่งขอบเขตราชันย์มนุษย์คนอื่นๆ ของลัทธิเพลิงพิโรธ ก็คือบอกให้พวกเราถอนรากถอนโคน!"
"แต่การแอบไปลอบโจมตีคงเป็นไปไม่ได้ พวกเราทำอะไร ก็หนีสายตาของท่านบรรพชนไม่พ้น แต่พวกเราก็ต้องแสดงท่าทีแบบนั้น"
ในขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน อีกด้านหนึ่ง กู่เสวียนเฉินก็หาคนในตระกูลเจอแล้ว
ถึงจะเห็นว่ากู่เสวียนเฉินปลอดภัยดี แต่กู่อวี่หานก็ยังถามด้วยความกังวล "พี่ชาย ท่านไม่เป็นไรนะ!"
"คุณชายกู่..."
"คุณชายกู่..."
ในตอนนั้น ฉีหมิงและเถาไห่ก็เดินเข้ามา
กู่เสวียนเฉินถามอย่างประหลาดใจ "พวกเจ้ามาทำไม?"
เถาไห่ยิ้มแห้งๆ "เมื่อกี้เห็นคุณชายกู่ไปที่เทือกเขาเฉียนตั้ง พวกเราก็จัดการคนของลัทธิเพลิงพิโรธที่อยู่ในเมืองอันหยางแล้ว ก็เลยตามมา ดูว่ามีอะไรให้พวกเราช่วยหรือไม่!"
"พวกเจ้าจัดการคนของลัทธิเพลิงพิโรธ?"
กู่เสวียนเฉินตกตะลึง เขารู้ว่าโถงโอสถไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับข้อพิพาทในท้องถิ่น!
เถาไห่พูดเหมือนกับกำลังเอาหน้า "ลัทธิเพลิงพิโรธล่วงเกินตระกูลกู่ พวกมันสมควรตาย คุณชายกู่มีบุญคุณกับพวกเรา เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ พวกเรายินดีทำให้!"
"เอ่อ.. ก็ได้"
ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว กู่เสวียนเฉินก็ไม่อยากพูดมาก "ในเมื่อมาแล้ว ก็ไปนั่งเล่นที่นิกายเซียวเหยากับข้าก่อนเถอะ"
คนของตระกูลกู่ได้ยินบทสนทนานี้ ก็รู้สึกหวาดกลัว!
ถึงตอนนั้นลัทธิเพลิงพิโรธจะส่งผู้แข็งแกร่งขอบเขตถ้ำสวรรค์มาที่ตระกูลกู่แค่คนเดียว นั่นเป็นเพราะพวกเขาคิดว่าแค่นี้ก็เพียงพอที่จะรังแกตระกูลกู่แล้ว แต่ตระกูลกู่รู้ว่า ลัทธิเพลิงพิโรธมีผู้แข็งแกร่งขอบเขตถ้ำสวรรค์อยู่ในเมืองอันหยางมากกว่าสิบคน!
และการกระทำของโถงโอสถ ก็เท่ากับประกาศสงครามกับลัทธิเพลิงพิโรธโดยตรง!
เพื่อเอาใจท่านประมุขตระกูล โถงโอสถถึงได้แสดงท่าทีแบบนี้ ต้องรู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่แค่เถาไห่ ยังมีท่านประธานฉีหมิงจากสมาคมใหญ่เมืองหลวงอีกคนเชียวนะ!
แน่นอนว่า โถงโอสถก็มีสมบัติบินได้เช่นกัน พวกเขาบินไปพร้อมกัน ไม่นานก็มาถึงประตูของนิกายเซียวเหยา
"นี่..."
มองศพของคนลัทธิเพลิงพิโรธที่อยู่เต็มพื้น เถาไห่และฉีหมิงมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง
โดยเฉพาะเห็นศพของผู้แข็งแกร่งขอบเขตราชันย์มนุษย์ที่ถูกฆ่าตายด้วยการโจมตีครั้งเดียว ไม่ต้องพูดถึงการตอบโต้ แม้แต่การหลบก็ยังทำไม่ได้ ทั้งสองก็ยิ่งตกใจมากกว่าเดิม
ฉีหมิงกระซิบ "หัวหน้าโถงเถา พวกเราทำผิดหรือไม่? คุณชายกู่หมายความว่า การที่พวกเราฆ่าคนของลัทธิเพลิงพิโรธแบบนั้น มันง่ายเกินไปใช่ไหม?"
เถาไห่พยักหน้าเบาๆ "รีบส่งคนกลับไป แขวนศพของคนลัทธิเพลิงพิโรธไว้ที่ประตูเมือง หวังว่าแบบนี้จะทำให้คุณชายกู่พอใจ"
"นี่... พวกนี้ล้วนเป็นพี่ชาย..."
ถึงในใจกู่อวี่หาน พี่ชายจะเก่งที่สุด แต่นางที่เริ่มฝึกฝนแล้ว ก็รู้ว่าทั้งหมดนี้หมายความว่ายังไง
"ท่านอาจารย์ แค่ตบฝ่ามือเดียว!" เสี่ยวเหมิงพูดอย่างภาคภูมิใจ
เห็นกู่เสวียนเฉินที่เก็บสมบัติบินแล้วกำลังจะเดินเข้าไปในนิกายเซียวเหยา กู่ไคหยวนก็กระซิบ "ท่านประมุข นี่คือนิกายเซียวเหยา พวกเราควรจะแจ้งก่อนไหม?"
"ไม่ต้อง!" กู่เสวียนเฉินพูดจบก็เดินเข้าไป
"ดูเหมือนว่าคุณชายกู่จะเข้าออกนิกายเซียวเหยาได้ตามใจชอบจริงๆ"
เถาไห่และฉีหมิงถอนหายใจ เดินตามคนของตระกูลกู่เข้าไป
"คารวะท่านบรรพชน!"
เมื่อภาพเบื้องหน้าเปลี่ยนไป เข้าสู่โลกเล็กๆ ของนิกายเซียวเหยา ทุกคนก็เห็นผู้อาวุโสขอบเขตถ้ำสวรรค์ของนิกายเซียวเหยาคุกเข่าลงคำนับกู่เสวียนเฉิน
ท่าน... ท่านบรรพชน... จักรพรรดิยุทธ์เซียวเหยา?
ยกเว้นเสี่ยวเหมิงและกู่อวี่หาน ทุกคนต่างก็มองกู่เสวียนเฉินด้วยความตกใจ!
ถึงจะสัมผัสได้ถึงความประหลาดใจของทุกคน แต่เรื่องนี้ก็อธิบายไม่ได้ กู่เสวียนเฉินจึงไม่อธิบาย "นี่คือคนในตระกูลข้า พาพวกเขาไปพักผ่อนก่อน"
"ขอรับ"
ผู้อาวุโสหลายคนเดินเข้ามา มองคนของตระกูลกู่ กำลังจะพูด แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกคนในตระกูลของท่านบรรพชนว่าอะไรดี
กู่เสวียนเฉินพูด "ไม่ต้องสนใจลำดับอาวุโส พวกเจ้าติดต่อกันตามปกติก็พอ!"
เพราะถ้าคนในตระกูลทั้งหมดคิดตามลำดับอาวุโสของตนเอง คนทั้งโลกก็ไม่พอให้พวกเขาเป็นหลาน
ถึงท่านบรรพชนจะพูดแบบนั้น และเห็นได้ชัดว่าคนในตระกูลของท่านบรรพชนเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไป แต่ใครจะกล้าประมาท?
ผู้อาวุโสเหล่านี้ได้แต่พาพวกเขาไปที่ภูเขาด้านหลังอย่างสุภาพ
กู่อวี่หานมองกู่เสวียนเฉิน นางอยากจะอยู่ข้างๆ เขา แต่นึกถึงศพที่อยู่เต็มพื้นหน้าประตูสำนัก ก็รู้ว่าความแข็งแกร่งของนางยังห่างไกลจากพี่ชายมาก นางจึงเลือกที่จะจากไป
ตอนนี้นิกายเซียวเหยามีกฎแห่งสวรรค์มากมาย นางต้องคว้าโอกาสนี้ฝึกฝนให้ดี แบบนี้ในอนาคตถึงจะมีคุณสมบัติอยู่ข้างๆ พี่ชายตลอดชีวิต
ฉื่อหั่วที่กำลังคิดว่าการกระทำของท่านบรรพชนมีความหมายลึกซึ้งอะไร เห็นคนที่มากับกู่เสวียนเฉินก็เปลี่ยนสีหน้า "นี่คือท่านประธานฉีและหัวหน้าโถงเถา?"
ในฐานะปรมาจารย์โอสถ ฉื่อหั่วรู้จักคนทั้งสองอยู่แล้ว แต่เห็นว่าคนทั้งสองขอบเขตไม่เหมือนเดิม เขาก็เริ่มสงสัยว่าตนเองจำคนผิดหรือไม่!
"ผู้อาวุโสฉื่อหั่ว?"
คนทั้งสองที่จำฉื่อหั่วได้ พวกเขาก็แปลกใจเช่นกัน!
ถึงฉื่อหั่วจะไม่ได้ทะลวงขอบเขต แต่ความผันผวนของพลังจิตวิญญาณของเขาก็ยังทำให้พวกเขาอิจฉา
หลังจากยืนยันตัวตนของคนทั้งสองแล้ว ฉื่อหั่วก็ระมัดระวังมากขึ้น "พวกท่านมาที่นิกายเซียวเหยา มีอะไรงั้นหรือ?"
ฉีหมิงรีบพูด "พวกเรามากับคุณชายกู่ แค่อยากจะมาดูว่ามีงานอะไรให้พวกเราทำบ้าง เพื่อให้พวกเราออกแรงสักหน่อย"
ทุกคนในนิกายเซียวเหยาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เข้าใจ ต่อหน้าท่านบรรพชน ไม่ต้องพูดถึงพวกเขาที่เป็นแค่หัวหน้าสาขา แม้แต่เทพโอสถของสมาคมใหญ่ ก็ต้องแสดงท่าทีแบบนี้
"พวกเจ้าคุยกันเถอะ ข้าไปก่อนนะ"
ให้คนของนิกายเซียวเหยาทำความรู้จักกับโถงโอสถ ก็เป็นประโยชน์ต่อพวกเขา กู่เสวียนเฉินพูดจบก็เดินไปที่ภูเขาด้านหลัง เสี่ยวเหมิงก็เดินตามไป