ตอนที่แล้วบทที่ 33 ถามวิถีเต๋า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 35 ความรักของบิดา

บทที่ 34 ศิษย์ของลัทธิเพลิงพิโรธ


บทที่ 34 ศิษย์ของลัทธิเพลิงพิโรธ

"ท่านประธานฉี เมื่อกี้ท่าน..."

หลังจากที่กู่เสวียนเฉินจากไป เถาไห่ก็ถามด้วยความตกใจ

"ท่านก็เข้าสู่ขอบเขตอันลึกลับนั้นด้วยหรือ?" ฉีหมิงมองเถาไห่

"นี่... นี่... แค่ภาพวาดภาพเดียวก็สามารถทำให้พวกเราเข้าใจวิถีได้ เมื่อก่อนข้าประเมินพลังของคุณชายกู่ต่ำไปจริงๆ!" เถาไห่ถอนหายใจ

"ถูกต้อง แถมเมื่อกี้ถ้าคุณชายกู่ไม่ปลุกพวกเรา พวกเราก็คงถูกไฟเผาตายในภาพวาดนั้นแล้ว!"

"เฮ้อ… โอกาสดีๆ อยู่ตรงหน้า แต่พวกเรากลับไม่มีความสามารถ"

ทั้งสองเพิ่งพูดจบ สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป

"ข้า... ข้าเหมือนจะทะลวงขอบเขตแล้ว!" ทั้งสองพูดพร้อมกัน

การทะลวงขอบเขตของปรมาจารย์โอสถนั้นยากกว่าผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไป ความรู้สึกแบบนี้หาได้ยาก ดังนั้นทั้งสองจึงไม่กล้าขยับตัว รีบนั่งขัดสมาธิทันที!

"ท่านประมุข..."

กู่เสวียนเฉินเพิ่งกลับมาที่ตระกูลกู่ คนในตระกูลก็เข้ามาต้อนรับด้วยสีหน้าแปลกๆ

กู่เสวียนเฉินไม่ได้สนใจ เขาถามว่า "อาการท่านอาสี่เป็นอย่างไรบ้าง?"

ตอนนั้นอาสี่ถูกตระกูลหลิงทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ถึงตนเองจะรักษาเขาแล้ว แต่ตอนที่จากไป เขาก็ยังไม่หายดี

คนในตระกูลรีบตอบ "ท่านอาสี่... บาดแผลของท่านหายแล้ว แถมยังทะลวงไปยังขอบเขตแดนวิญญาณขั้นกลางอีกด้วย!"

แต่ตอนนี้ กู่เสวียนเฉินพบว่า พวกเขาไม่ได้มีความสุขเลย ตอนที่พูดถึงการเปลี่ยนแปลงของอาสี่ "เกิดอะไรขึ้น?"

"เอ่อ..." คนในตระกูลลังเลทันที!

"พูด!"

กู่เสวียนเฉินตะโกนเบาๆ คนในตระกูลหลายคนก็ตัวสั่น รีบพูดทันที

"ท่านประมุข ช่วงนี้ไม่รู้ว่าทำไม มีผู้แข็งแกร่งมากมายมาที่เมืองอันหยาง บรรพชนของพวกเขาไปที่เทือกเขาเฉียนตั้งกันหมด ปล่อยให้ลูกหลานอยู่ในเมือง!"

"วันนี้มีศิษย์ของลัทธิเพลิงพิโรธมาหลายคน ท่านอาสองและท่านอาสี่กำลังต้อนรับพวกเขาอยู่ในห้องโถงใหญ่!"

เห็นท่าทางของพวกเขา กู่เสวียนเฉินก็รีบเดินไปที่ห้องโถงใหญ่

คนในตระกูลรีบห้าม "ท่านประมุข ท่านอย่าไปเลย ลัทธิเพลิงพิโรธแข็งแกร่งกว่านิกายเซียวเหยามาก ตระกูลกู่ของพวกเราสู้ไม่ได้ อดทนหน่อยก็แล้วกัน!"

กู่เสวียนเฉินไม่ได้พูดอะไร ได้แต่เดินไปที่ห้องโถงใหญ่!

"ดื่ม... ทำไมไม่ดื่ม?  เจ้าดูถูกข้าหรือ?"

พอเดินไปถึงหน้าประตู กู่เสวียนเฉินก็ได้ยินเสียงตะโกนและเสียงแก้วแตก

"ท่านทูตหงอย่าโกรธ! นางยังเด็ก ไม่รู้จักกาลเทศะ..."

ในขณะที่อาสองกู่ไคหยวนกำลังพูด กู่เสวียนเฉินก็เดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ เห็นเด็กหนุ่มเจ็ดคนนั่งอยู่ แต่ละคนมีเด็กสาวจากตระกูลกู่นั่งอยู่ข้างๆ อาสอง อาสี่ และคนอื่นๆ กำลังถือไหสุรา คอยบริการพวกเขา

ท่านทูตหงเห็นกู่เสวียนเฉินก็ตะโกน "ไอ้สารเลว ข้าไม่ได้บอกหรือว่า นอกจากเด็กสาวอายุไม่เกินสิบเก้าแล้ว ใครเข้ามาให้ฆ่าทิ้ง?"

"ท่านทูตหงใจเย็นๆ นี่คือประมุขของพวกเรา ท่านเข้ามาคงเป็นเพราะตระกูลมีเรื่องสำคัญ ข้าไปก่อนเดี๋ยวก็กลับมา!"

อาสี่พูดจบก็รีบเดินไปหากู่เสวียนเฉิน กระซิบ "ท่านประมุข อย่าใจร้อน พวกเขาเป็นถึงผู้แข็งแกร่งขอบเขตวิญญาณราชันย์ ออกไปกับข้าก่อน..."

"หยุด!"

ท่านทูตหงกลับลุกขึ้นยืน มองกู่เสวียนเฉิน "เจ้าคือประมุขของตระกูลกู่?"

"ใช่!" ในสายตาของกู่เสวียนเฉินมีความเย็นชา

ท่านทูตหงพูดอย่างภาคภูมิใจ "งั้นก็ได้ เข้ามาคำนับข้า ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!"

เห็นกู่เสวียนเฉินเดินเข้าไป อาสี่ก็รีบดึงเขาไว้ "ท่านทูตหง ถึงเขาจะเป็นประมุข แต่ในตระกูลกู่ของพวกเราไม่มีลำดับอาวุโส ข้าอาวุโสสูงกว่า ข้าคำนับท่านเอง!"

พูดจบ อาสี่ก็จะคุกเข่าลง แต่กู่เสวียนเฉินกลับพยุงเขาไว้ "ยังไม่มีใครที่สามารถทำให้คนของตระกูลกู่คุกเข่าคำนับได้!"

"กล้ามาก!"

ท่านทูตหงมองกู่เสวียนเฉินอย่างเย็นชา "คนสุดท้ายที่กล้าพูดแบบนี้กับข้า ตอนนี้หญ้าบนหลุมศพของเขาน่าจะสูงสองจั้งแล้ว!"

"พี่น้อง ข้าย่างหมูให้พวกเจ้าดู!"

ท่านทูตหงแค่นเสียง ตบฝ่ามือออกไป เห็นเปลวไฟสีม่วงพุ่งออกมาจากฝ่ามือ พุ่งเข้าหากู่เสวียนเฉินอย่างรวดเร็ว

"วิชาฝ่ามือเพลิงของศิษย์พี่หงบรรลุไปอีกขั้นแล้วสินะ? คงอีกไม่นาน ศิษย์พี่ก็จะทะลวงไปยังขอบเขตถ้ำสวรรค์แล้ว!"

"ศิษย์พี่หง รังแกคนธรรมดาแบบนี้ ท่านยังใช้วิชาฝ่ามือเพลิงอีก ช่างเกินไปแล้วนะ!"

ทุกคนพูดพร้อมกัน กู่เสวียนเฉินแค่นเสียง "ย่างหมู?  ความคิดนี้ไม่เลว!"

กู่เสวียนเฉินตบฝ่ามือออกไป เปลวไฟที่พุ่งเข้ามาก็ย้อนกลับไป ทันใดนั้นร่างกายของท่านทูตหงก็ลุกเป็นไฟ!

"อ๊า... อ๊า..."

ท่านทูตหงร้องด้วยความเจ็บปวด พยายามรวบรวมพลังปราณวิญญาณ แต่กลับพบว่าดับไฟบนตัวไม่ได้

"ศิษย์พี่หง..."

"ศิษย์พี่หง..."

ศิษย์ร่วมสำนักหลายคนเข้ามาใกล้ ใช้วิธีต่างๆ แต่ก็ดับไฟบนตัวท่านทูตหงไม่ได้

"เจ้า... เจ้าก็อยู่ขอบเขตวิญญาณราชันย์?"

ตอนนี้พวกเขาถึงได้รู้สึกตัว ฝ่ามือของกู่เสวียนเฉินเมื่อกี้ เห็นได้ชัดว่าเขาก็อยู่ขอบเขตวิญญาณราชันย์!

"เป็นไปได้ยังไง?  เมืองเล็กๆ อย่างเมืองอันหยาง จะมีผู้แข็งแกร่งขอบเขตวิญญาณราชันย์ได้ยังไง? แถมยังอายุน้อยขนาดนี้?"

พวกเขาหลายคนเริ่มสงสัย!

เพราะคนที่อายุเท่าพวกเขาแล้วฝึกฝนถึงขอบเขตวิญญาณราชันย์ ถือว่าเป็นอัจฉริยะในลัทธิ ดังนั้นผู้อาวุโสในลัทธิถึงได้พาพวกเขามาฝึกฝนตอนที่ไปยังนิกายเซียวเหยา

ในขณะที่พวกเขากำลังพูด เสียงร้องของท่านทูตหงก็หยุดลง ในห้องโถงใหญ่เต็มไปด้วยกลิ่นเนื้อย่าง

"เขียนพินัยกรรมเสร็จหรือยังว?" กู่เสวียนเฉินมองพวกเขาอย่างเย็นชา

"พี่ชาย เอ่อ ไม่ใช่ ท่านประมุขกู่ มีอะไรก็ค่อยๆ พูด ค่อยๆ จา พวกเราเป็นศิษย์ของลัทธิเพลิงพิโรธ ด้วยพรสวรรค์ของท่าน ถ้าท่านเข้าร่วมลัทธิเพลิงพิโรธ ท่านจ้าวลัทธิก็จะให้ความสำคัญกับท่านอย่างแน่นอน!"

"ให้พวกเราแนะนำท่านให้รู้จักกับท่านจ้าวลัทธิเถอะ ดีกว่าการที่ท่านจะเสียพรสวรรค์ไปในเมืองเล็กๆ อย่างเมืองอันหยาง!"

สัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่กู่เสวียนเฉินปล่อยออกมา คนพวกนั้นก็ไม่กล้าต่อต้านแม้แต่น้อย!

แม้แต่ไฟจากฝ่ามือของเขา พวกเขายังดับไม่ได้ พวกเขาจะต่อต้านอะไรอีก!?

ถึงจะอยู่ขอบเขตวิญญาณราชันย์เหมือนกัน แต่ความแข็งแกร่งของทั้งสองเป็นคนละระดับ!

กู่เสวียนเฉินแค่นเสียงอย่างดูถูก "ลัทธิเพลิงพิโรธ แข็งแกร่งมากนักหรือ?"

เด็กหนุ่มคนหนึ่งพูด "ประมุขกู่ ผู้อาวุโสคนหนึ่งของลัทธิเพลิงพิโรธของพวกเรา แค่ปรากฎตัว ประมุขนิกายเซียวเหยายังต้องคุกเข่า! โอกาสก้าวหน้าแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ นะ!"

"อือ.. ก็ถือว่ามีพลังนิดหน่อย"

กู่เสวียนเฉินพยักหน้า เด็กหนุ่มเหล่านั้นก็โล่งใจ!

ในตอนนี้ กู่เสวียนเฉินเอ่ยต่ออย่างเย็นชา "แต่พวกเจ้าไม่ควรเข้ามาในตระกูลกู่ ยิ่งไม่ควรบังคับคนของข้า!"

หลังจากแค่นเสียงเบาๆ กู่เสวียนเฉินก็พุ่งออกไป คนพวกนั้นรู้สึกแค่ภาพเบลอๆ เด็กหนุ่มเหล่านั้นก็กระเด็นกระดอน ตกลงบนพื้น แล้วก็ไม่ขยับตัวอีกต่อไป

"ประ... ประมุข ท่าน... ท่านทะลวงไปยังขอบเขตวิญญาณราชันย์แล้วหรือ?"

ตอนนี้ อาก็หลายคนที่รู้สึกตัว หันมองกู่เสวียนเฉินด้วยความตกใจ

ตอนที่กู่เสวียนเฉินกลับมาจากตระกูลลั่ว เขายังอยู่ขอบเขตแดนวิญญาณขั้นปลาย แค่ไม่นาน เขาก็ทะลวงไปยังขอบเขตวิญญาณราชันย์แล้ว?

อาสี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง "ประมุข ท่านรีบออกจากเมืองอันหยางเถอะ อย่าอยู่ที่นี่แม้แต่อึดใจเดียว!"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด