บทที่ 18 มรดกของนิกายจักรพรรดิ
บทที่ 18 มรดกของนิกายจักรพรรดิ
"ท่านผู้อาวุโส..."
หานคงเป็นแค่คนเฝ้าประตูภูเขา โม่เฉียนเหยียนก็ไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน ทั้งสองปรึกษากันแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่กลับไปขอคำแนะนำจากกู่เสวียนเฉินในค่ายกล
กู่เสวียนเฉินที่เพิ่งฝึกฝนได้ไม่นาน เห็นทั้งสองเข้ามา ก็ถาม "มีอะไรหรือ?"
โม่เฉียนเหยียนพูด "พรรคกระบี่หลิงอวิ๋น วังอู๋จี และหอจันทร์ดารามาเยือน ขอให้ท่านผู้อาวุโสตัดสินใจ!"
กู่เสวียนเฉินถาม "สามกองกำลังนี้คืออะไร?"
โม่เฉียนเหยียนรู้ว่ากู่เสวียนเฉินเก็บตัวบ่มเพาะมานาน ไม่รู้สถานการณ์ปัจจุบัน จึงรีบอธิบาย
ตอนนี้นิกายเซียวเหยา พรรคกระบี่หลิงอวิ๋น วังอู๋จี และหอจันทร์ดารา ต่างก็อยู่ในดินแดนของลัทธิเพลิงพิโรธ ทุกปีนิกายทั้งสี่ต้องส่งบรรณาการให้ลัทธิเพลิงพิโรธ
กองกำลังอีกสามกองกำลังมีพลังพอๆ กับนิกายเซียวเหยา พวกเขาอาศัยอำนาจของลัทธิเพลิงพิโรธ แข่งขันกันเอง และมักจะเกิดความขัดแย้งกันเพราะทรัพยากรบางอย่าง
ในช่วงร้อยปีที่ผ่านมา นิกายเซียวเหยาตกต่ำลงเรื่อยๆ และมักจะถูกอีกสามกงอกำลังร่วมมือกันกดขี่
กู่เสวียนเฉินขมวดคิ้ว "นิกายเซียวเหยาต้องส่งบรรณาการให้ลัทธิเพลิงพิโรธด้วยหรือ?"
การส่งบรรณาการของกองกำลัง เป็นกฎของทวีปชิงอวิ๋นมาโดยตลอด!
บางกองกำลังที่แข็งแกร่งมีดินแดนกว้างใหญ่หลายหมื่นลี้ พวกเขาไม่สามารถจัดการได้ทั้งหมด จึงอนุญาตให้มีกองกำลังเล็กๆ อยู่ในดินแดนของพวกเขา
กองกำลังใหญ่ให้การคุ้มครองพวกเขา และกำหนดกฎเกณฑ์บางอย่าง และพวกเขาก็ต้องส่งทรัพยากรและศิษย์ที่มีพรสวรรค์บางส่วนให้กับกองกำลังขนาดใหญ่ทุกปี
แต่นิกายเซียวเหยา ถึงจะตกต่ำแค่ไหน พวกเขาก็เป็นนิกายที่เคยมีจักรพรรดิยุทธ์มาก่อน ตอนนี้กลับต้องส่งบรรณาการให้กับกองกำลังอื่น?
โม่เฉียนเหยียนทำหน้าลำบากใจ หานคงได้แต่ถอนหายใจ "ท่านผู้อาวุโสกู่ ตอนที่ถอยมายังหนานหวง คัมภีร์ของนิกายหายไปจำนวนมาก ตอนนี้พวกเราไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว..."
กู่เสวียนเฉินก็พอรู้สถานการณ์ของนิกายเซียวเหยา คิดอยู่ครู่หนึ่ง "ก็ได้ เจ้าไปจัดการเองเถอะ ทำยังไงก็ทำแบบนั้นต่อไป!"
ถึงจะไม่พอใจ แต่เรื่องของนิกาย การตัดสินใจทุกอย่างเกี่ยวข้องกับชีวิตของศิษย์มากมาย กู่เสวียนเฉินที่เพิ่งเข้าสู่ขอบเขตวิญญาณปฐพี ได้แต่เก็บความไม่พอใจเอาไว้
ทั้งสองงุนงง กู่เสวียนเฉินพูด "พวกเจ้าออกไปเถอะ!"
ประสบการณ์นี้ทำให้กู่เสวียนเฉินรู้ว่า เขาต้องเพิ่มพลังโดยเร็วที่สุด มิเช่นนั้น ในอนาคตอาจจะมีเรื่องที่เขาทำอะไรไม่ได้มากขึ้น
อ้อ...
เห็นกู่เสวียนเฉินแสร้งทำเป็นฝึกฝน ถึงทั้งสองจะมีคำถามมากมายในใจ แต่ก็ได้แต่คำนับและถอยออกไป
หานคงถามอย่างสงสัยระหว่างทาง "ท่านผู้อาวุโสกู่หมายความว่ายังไง?"
โม่เฉียนเหยียนพูด "ท่านจำคำพูดของท่านผู้อาวุโสกู่ที่ว่า 'นิกายเซียวเหยาต้องส่งบรรณาการให้ลัทธิเพลิงพิโรธด้วยหรือ'ได้ไหม?"
หานคงเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ "เจ้าหมายความว่า?"
โม่เฉียนเหยียนเลิกคิ้ว "ท่านนึกถึงสีหน้าไม่พอใจของท่านผู้อาวุโสกู่ตอนที่ท่านพูดประโยคนี้หรือเปล่า? แม้แต่ลัทธิเพลิงพิโรธ ท่านผู้อาวุโสกู่ยังไม่สนใจ แล้วท่านจะสนใจสามกองกำลังนั้นหรือไม่?"
หานคงยังไม่แน่ใจ "แต่ท่านผู้อาวุโสกู่ไม่ได้ให้พวกเราจัดการตามแบบเดิมหรอกหรือ?"
โม่เฉียนเหยียนมองหานคง "นี่ท่านยังไม่เข้าใจอีก? ท่านผู้อาวุโสกู่กำลังทดสอบว่า พวกเรายังมีเลือดนักสู้อยู่หรือเปล่า!"
"ท่านนึกดูสิ สิ่งที่สี่กองกำลังของพวกเราแข่งขันกัน ก็คือพลังของผู้แข็งแกร่งระดับเทียนเหริน ตอนนี้พวกเรายังต้องกลัวพวกเขาอีกหรือไง?"
"มีเหตุผล มีเหตุผล..."
หานคงตาเป็นประกาย มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที "ไป ไปพบพวกเขากัน!"
"ผู้อาวุโสหาน เฉียนเหยียน ท่านผู้อาวุโสกู่ว่ายังไง!"
ทั้งสองเพิ่งออกจากค่ายกล คนที่รออยู่ข้างนอกก็กรูกันเข้ามาถาม
โม่เฉียนเหยียนยิ้ม "ความหมายของท่านผู้อาวุโสกู่ง่ายมาก ถ้าพวกเขาเชื่อฟัง ก็ปล่อยพวกเขาไป ถ้าไม่เชื่อฟัง ก็ฆ่าทิ้งไปซะ!"
"ใช่ ข้าบอกแล้วว่า มีท่านผู้อาวุโสกู่คอยหนุนหลัง ไม่ต้องพูดถึงสามกองกำลัง แม้แต่ลัทธิเพลิงพิโรธมา ก็ต้องคุกเข่า!"
"ถูกต้อง! ตอนนี้พวกเรามีท่านผู้อาวุโสกู่ รอให้ท่านประมุขและคนอื่นๆ ออกมาจากแดนสุขาวดีหงเหมิง บวกกับผู้อาวุโสลั่วที่ผู้ก่อตั้งนิกายแนะนำ ในหนานหวงนี้ ใครจะต้านทานนิกายเซียวเหยาของพวกเราได้!"
ทุกคนที่อยู่ข้างนอกพูดคุยกันมานาน ได้ยินเช่นนั้นก็พากันโห่ร้องราวกับว่าตอนนี้พวกเขาเป็นนิกายที่แข็งแกร่งที่สุดในหนานหวงแล้ว
ยอดเขาหยิงเก๋อ(ต้อนรับแขก) ห้องโถงรับรอง!
"นิกายเซียวเหยาพวกเจ้ายังมีความสุภาพบ้างไหม? ให้แค่ศิษย์รุ่นเยาว์กับผู้อาวุโสที่ไม่มีชื่อเสียงมาต้อนรับพวกเราเนี้ยนะ?"
ผู้อาวุโสชางเจี้ยนของพรรคกระบี่หลิงอวิ๋น จ้องมองโม่เฉียนเหยียนและหานคงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ พลางร้องตะโกนถาม
"ได้! ถ้าพูดถึงความสุภาพ งั้นก็ทิ้งเทียบคารวะไว้ อีกสิบวันค่อยมา!" โม่เฉียนเหยียนที่มั่นใจมาก แค่นเสียง "เชิญ!"
การติดต่อระหว่างนิกาย ไม่ใช่ว่ามาเมื่อไหร่ก็ต้องต้อนรับ!
"บังอาจ! พวกเรามาที่นิกายเซียวเหยา ต้องทิ้งเทียบคารวะด้วยหรือ? รอข้าจับเจ้าได้ก่อน แล้วค่อยไปหาโม่เหอ!"
ผู้อาวุโสชิงฉงของวังอู๋จีตะโกน จากนั้นกระโดดเข้าไปหา เขาต้องการจับโม่เฉียนเหยียนโดยตรง!
"เฉียนเหยียนระวัง!"
หานคงเห็นดังนั้นก็รีบขวางหน้าโม่เฉียนเหยียน
"แค่ขอบเขตถ้ำสวรรค์ขั้นต้น ก็กล้าขวางข้า ใครให้ความกล้ากับเจ้า?"
ผู้อาวุโสชิงฉงที่อยู่ขอบเขตถ้ำสวรรค์ขั้นกลาง มองอย่างดูถูก กฎแห่งสวรรค์ในร่างกายพลุ่งพล่าน กำมือเป็นหมัด พุ่งเข้าใส่โดยตรง!
หมัดพุ่งไป ราวกับฟ้าผ่าลงพื้น เสียงดังสนั่น!
ถึงหานคงจะรู้ว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่ง แต่โม่เฉียนเหยียนก็อยู่ข้างหลังเขา เขาไม่กล้าหลบ ได้แต่รวบรวมกฎแห่งสวรรค์ที่เพิ่งเข้าใจ ต่อยออกไปเช่นกัน!
ทันใดนั้น เสียงสวดมนต์ที่ไพเราะก็กลบเสียงฟ้าร้องจากหมัดของชิงฉง ดังเข้าไปในหูทุกคน!
บทสวดแห่งสวรรค์!
ผู้อาวุโสชางเจี้ยนและผู้อาวุโสขู่ไห่ของหอจันทร์ดารา ต่างก็เปลี่ยนสีหน้า!
ในตอนนี้ หมัดของหานคงและชิงฉงก็ปะทะกัน!
"เจ้า... คัมภีร์จักรพรรดิ?" ชิงฉงเบิกตากว้าง ทันใดนั้นเขาก็ระเบิดกลายเป็นหมอกเลือด!
นี่... หานคงมองหมัดของตนเองอย่างตกตะลึง เเหมือนตัวเขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่า หมัดที่ตั้งใจจะป้องกันเมื่อกี้ กลับฆ่าชิงฉงที่อยู่ขอบเขตถ้ำสวรรค์ขั้นกลางได้ในพริบตา!
ชางเจี้ยนและขู่ไห่ ต่างก็ตกตะลึง "บทสวดแห่งสวรรค์ คัมภีร์จักรพรรดิของนิกายเซียวเหยาปรากฏขึ้นแล้ว!"
คัมภีร์จักรพรรดิ ค้ำจุนโลก เพราะมันมีกฎแห่งสวรรค์อันสูงส่ง!
"ไป!"
ทั้งสองเป็นคนเด็ดขาดเช่นกัน ตอนที่หานคงกำลังตกตะลึง พวกเขาก็พุ่งไปที่ประตูทันที
"คุณหนูโม่ยังไม่ได้เอ่ย ใครกล้าไป!"
แต่ในพริบตาต่อมา เสียงตะโกนดังขึ้น พร้อมกับบทสวดแห่งสวรรค์ ทั้งสองพบว่าประตูถูกพลังมากมายปิดตาย!
หันหลังกลับมา ก็เห็นผู้อาวุโสของนิกายเซียวเหยาหลายสิบคนที่ร่างกายมีเสียงสวดมนต์ดังอยู่ เดินเข้ามาจากประตู
"พวกเจ้า..."
ตอนนี้ ความตกใจในสายตาของทั้งสอง ยิ่งกว่าตอนที่หานคงฆ่าชิงฉงด้วยหมัดเดียวเสียอีก!
ถึงจะเป็นมรดกของนิกายจักรพรรดิ และมีคัมภีร์จักรพรรดิค้ำจุน แต่จริงๆ แล้ว ในยุคเดียวกัน ถ้ามีอัจฉริยะสามถึงห้าคนที่เข้าใจความลับของคัมภีร์จักรพรรดิ มันก็ถือว่าหายากแล้ว!
มิเช่นนั้น ถ้ามีมรดกของนิกายจักรพรรดิ แล้วทุกคนสามารถเข้าใจคัมภีร์จักรพรรดิได้ สำนักนิกายอื่นๆ จะอยู่ได้อย่างไร?
แต่ตอนนี้...
พวกเขาเห็นกลุ่มคน! กลุ่มคนที่เข้าใจคัมภีร์จักรพรรดิของนิกายเซียวเหยา!
ตั้งแต่เมื่อไหร่นิกายเซียวเหยากลายเป็นน่ากลัวขนาดนี้? ไม่! ข้าอยากกลับบ้าน!
ทั้งสองรู้สึกสิ้นหวัง!