ตอนที่แล้วบทที่ 16 หวังจุนงงงวย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 18 มีเงินทำอะไรก็ได้!

บทที่ 17 ทั้งหมดล้วนเป็นกลยุทธ์


"ชิบหาย! ทำไมเมื่อกี้ถึงไม่สังเกตว่าคนคนนี้กล้ามโตขนาดนี้"

"ขอโทษครับ ผมต่างหากที่เป็นเจ้าของร้าน" เป่ยเฟิงเดินมายืนระหว่างทั้งสองคนพลางพูดเสียงเรียบ

"นี่... นี่นาย เสี่ยวเฟิงเหรอ? ไอ้หนู กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?" ติ้นลาวซื่อตบหน้าผากตัวเองพลางถามอย่างไม่แน่ใจ

"อาติ้น" เป่ยเฟิงหันไปทักทาย

"ตกใจแทบตาย รอดตายไปที นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้ามาทันล่ะก็..." หวังจุนรู้สึกโล่งอก ขาสั่นไปหมด เห็นกำปั้นใหญ่เท่าลูกมะพร้าวโบกอยู่ตรงหน้าแบบนี้ ทำเอารู้สึกไม่ปลอดภัยเอาซะเลย

"กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมไม่บอกกันสักคำ วันหลังแวะมากินข้าวที่บ้านน้าสิ"

"เฮ้อ!" อาติ้นพูดไปพูดมาก็ถอนหายใจออกมา

"เป็นอะไรไปครับอาติ้น? ทำไมถึงถอนหายใจล่ะ?" เป่ยเฟิงถามอย่างงุนงง

"น่าเสียดายที่นายกลับมาช้าไป ลูกสาวน้าแต่งงานไปแล้ว ไม่งั้นจะได้แนะนำให้รู้จักกัน" อาติ้นพูดอย่างเสียดาย เป่ยเฟิงก็เหมือนลูกที่เขาเห็นมาตั้งแต่เด็ก เด็กคนนี้ดีทุกอย่าง น่าเสียดายจริงๆ

"อาติ้นครับ อย่าล้อผมเลย ดีแล้วละที่ผมกลับมาช้า" พอได้ยินอาติ้นพูดถึงลูกสาว ในหัวเป่ยเฟิงก็นึกภาพผู้หญิงรูปร่างล่ำบึ้กขึ้นมา ทำเอาขนลุกซู่ไปหมด แอบดีใจในใจ

"ไม่เป็นไรครับอาติ้น คงเป็นเพราะผมไม่มีวาสนา" เป่ยเฟิงพูดคำไม่ตรงใจโดยไม่กะพริบตาเลยสักนิด

"ก็นะ เสี่ยวหว่านลูกน้าทั้งกุลสตรี ทั้งหน้าตาสะสวย เป็นเพราะนายไม่มีวาสนานั่นแหละ" อาติ้นพูดอย่างภาคภูมิใจ ชาตินี้มีเรื่องน่าภูมิใจอยู่อย่างเดียวก็คือได้ลูกสาวที่ดี

หวังจุนยืนอยู่ข้างๆ ไม่กล้าพูดแทรกสักคำ นี่กว่าจะเบี่ยงเรื่องไปได้ ถ้าตัวเองไปพูดอะไรสักคำแล้วโดนจับตามองอีก นั่นมันเท่ากับหาเรื่องใส่ตัวชัดๆ

"ครับๆ อาติ้นครับ ผมยังมีแขก คงคุยต่อไม่ได้แล้ว วันหลังมากินข้าวที่บ้านผมนะครับ" เป่ยเฟิงแอบไว้อาลัยให้ชายที่แต่งงานกับเสี่ยวหว่านอยู่สามวินาที ไอ้ห่านี่ เมื่อไม่กี่ปีก่อนตอนที่เจอเสี่ยวหว่าน แขนของเธอต้องใหญ่เท่าขาเขาแน่ๆ

"ได้ๆ ตอนนั้นเราค่อยคุยกันดีๆ" อาติ้นพยักหน้าพูด จากนั้นก็แบกตะกร้าเดินออกไปทางปากทางเข้าหมู่บ้าน

"อืม? เดี๋ยวก่อน ฉันลืมอะไรรึเปล่านะ?" อาติ้นเดินไปได้สิบกว่าเมตรก็ชะงักฝีเท้า หรี่ตาพึมพำกับตัวเอง

"เชี่ย! มึงหยุดทำไมวะ? อย่าบอกนะว่านึกออกแล้ว?" หวังจุนเห็นอาติ้นหยุดเดินก็ใจหายวาบ แอบสวดมนต์ขอพรเทพเจ้าทุกองค์ในใจ

"ช่างมันเถอะ นึกไม่ออกแล้ว" อาติ้นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ จึงหันหลังเดินจากไป

"ฮู่ๆ โชคดีที่เถ้าแก่มาทัน ไม่งั้นวันนี้ร่างกายหนักแปดสิบกิโลของผมคงได้จบชีวิตลงที่นี่แน่" หวังจุนทำท่าเหมือนยังหวาดกลัว

ไอ้พวกไร้ยางอาย!

คนอื่นเขาหนักแปดสิบจริงๆ แต่มึงนี่หนักหนึ่งร้อยแปดสิบยังไม่พอมั้ง?

เป่ยเฟิงมองไขมันที่สั่นระริกบนตัวหวังจุนพลางคิดในใจ

"ไม่เป็นไรหรอก ถึงฉันไม่มา อย่างมากแกก็แค่โดนซ้อมจนหมอบ ไม่ถึงตาย" เป่ยเฟิงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

"ฮ่ะๆ เห็นทีฉันจะซื่อเกินไป ดันคิดว่าเถ้าแก่ที่คิดกฎระเบียบแปลกๆ ไร้มนุษยธรรมพวกนี้จะพูดจาดีๆ ได้ นี่มันเย็นชาชัดๆ!" หวังจุนคิดในใจ

"พวกเราไปร้านคุณตอนนี้เลยไหม?" หวังจุนถาม

"เดี๋ยวก่อน ฉันโทรศัพท์หน่อย" เป่ยเฟิงไม่อยากต้องกลับมารับคนรอบที่สอง

"ฮัลโหล พวกคุณถึงไหนแล้ว?"

"พวกเราถึงแล้วค่ะ คุณอยู่ไหน?" เสียงเย็นๆ ราวกับน้ำพุเย็นดังมาจากปลายสาย

"ผมอยู่ปากทางเข้าหมู่บ้าน ตรงนี้มีรถจอดอยู่สองคัน คันหนึ่งเป็นโฟล์คตระกูล SH อีกคันเป็นโรลส์-รอยซ์" เป่ยเฟิงรู้สึกแปลกใจ คนมาถึงแล้วเหรอ? ที่นี่นอกจากรถสองคันนี้ก็ไม่มีแม้แต่เงาคน

"หรือว่า..." เป่ยเฟิงเหลือบมองไปที่รถโรลส์-รอยซ์

"คุณคือเจ้าของร้านเหรอคะ?" หญิงสาวสองคนที่สวยระดับเก้าสิบคะแนนขึ้นไปสวมชุดลำลองลงมาจากรถโรลส์-รอยซ์ โดยเฉพาะทั้งสองคนที่ดูคล้ายกันมาก หนึ่งในนั้นเดินมาข้างหน้าถาม

ชายวัยกลางคนคนหนึ่งก็ลงมาจากรถเงียบๆ ยืนอยู่ด้านหลังหญิงสาวทั้งสอง

"อืม" เป่ยเฟิงพยักหน้า ตอนที่เห็นหญิงสาวทั้งสอง ในดวงตาของเขาก็วาบขึ้นด้วยความตะลึง ก่อนจะกลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง

แต่กลับมองสำรวจชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ด้านหลังหญิงสาวทั้งสอง โดยเฉพาะมือที่ใหญ่เท่าพัดของเขา สายตาหยุดอยู่ที่นั่นสองสามวินาที

"สองสาวฝาแฝดสวยจริงๆ!" หวังจุนพยายามเบิกตาตี่ของเขาให้กว้างที่สุด แต่ก็ไร้ผล

"โคตรสวยรวยเลิศเลย นี่ต้องเป็นคุณหนูตระกูลไหนแน่ๆ" หลี่เว่ยจ้องหญิงสาวทั้งสองตาไม่กะพริบ

"หึ! มีอะไรเก่งนักหนา" สาวแก้มอวบที่มากับหวังจุนพูดอย่างไม่พอใจ

"พวกนายสองคนพอได้แล้ว น้ำลายจะหยดแล้วนะ" ส่วนสาวอีกคนดูสบายๆ กว่า หยอกล้อหวังจุนกับหลี่เว่ย

"อืม? สายตาที่บริสุทธิ์จริงๆ แค่วูบแรกที่ตะลึงแล้วก็กดข่มเอาไว้เหรอ?" หวางอวี้เตี๋ยคิดในใจ

"ต่างจากผู้ชายคนอื่นจริงๆ ผู้ชายพวกนั้นมองฉันกับพี่สาวด้วยสายตาที่เหมือนอยากจะกลืนกินพวกเราทั้งเป็น แต่ในแววตาของเขามีแค่ความสงบนิ่งและชื่นชม"

"ทุกคนมาครบแล้ว เราไปกันเถอะ" เป่ยเฟิงพูดเสียงเรียบ ก่อนจะเดินนำหน้าพาทาง

"ทริปนี้คุ้มค่าจริงๆ แค่ได้เห็นสองสาวฝาแฝดก็คุ้มค่าอาหารแล้ว" หวังจุนส่ายหน้าพลางพูด

โบราณว่าความงามเป็นยาบำรุงใจ หวังจุนรู้สึกว่าตัวเองอิ่มแล้ว

"ทั้งสวยทั้งรวย ถ้าจีบติดสักคนก็ไม่ต้องดิ้นรนทั้งชีวิตเลยนะ" หลี่เว่ยตาลุกวาว คิดหาทางจะเข้าไปทักทาย

แล้วโศกนาฏกรรมของทุกคนก็เริ่มขึ้น นี่จะต้องเดินไปถึงเมื่อไหร่กัน?

"คุณเจ้าของคะ ร้านของคุณอยู่ที่ไหนเหรอคะ? ทำไมยังไม่ถึงสักที" หลังจากเดินได้สิบนาที หวางอวี้เตี๋ยทนไม่ไหวถามขึ้น

"ใกล้แล้ว" เป่ยเฟิงคิดดู เดินสิบกว่านาทีน่าจะเรียกว่าใกล้แล้วนะ

"ไม่ไหวแล้ว ฉันเดินไม่ไหวแล้ว" หลังจากผ่านไปยี่สิบนาที หวางอวี้เย่ก็หยุดเดิน ยกมือนวดข้อเท้าตัวเอง

"ข้างหน้านั่นถึงแล้วครับ" เป่ยเฟิงรู้สึกเกรงใจเล็กน้อย ชี้ไปที่เรือนหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่เชิงเขาพลางพูด

"ความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างคนกับคนหายไปไหนหมด? หมากินหมดแล้วเหรอ?"

หวังจุนกลอกตาอย่างเงียบๆ ที่แท้ที่เถ้าแก่มารับพวกเขานานก็ไม่ใช่เพราะเดินช้า แต่เป็นเพราะทางมันไกลชิบหายนี่เอง!

(จบบทที่ 17)

4 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด