บทที่ 13 หนุ่มคนนั้นดูคุ้นๆ นะ?
ระหว่างทางกลับบ้านหลังเลิกเรียนภาคค่ำ หวงไป๋หานยังคงครุ่นคิดถึงสำนวนสามคำที่ "หยาบคาย" จากเมื่อครู่ไม่วาย พร้อมกันนั้นเขาก็รู้สึกแปลกใจกับพัฒนาการวิชาภาษาจีนของเฉินเจ๋อที่ก้าวกระโดดขึ้นมาก
เฉินเจ๋อไม่สามารถบอกเหตุผลที่แท้จริงได้ จึงได้แต่โยนความรับผิดชอบกลับไป "นายไม่ได้บอกให้ฉันทบทวนตามจังหวะของนายหรอกเหรอ นายท่องอะไรฉันก็ท่องตาม แล้วทำไมยังถามฉันอีกล่ะ?"
"หา?" หวงไป๋หานที่เพิ่งจะเริ่มปลงได้ เมื่อได้ยินคำตอบแบบนั้นของเฉินเจ๋อ ก็เริ่มกังวลขึ้นมาอีกครั้ง
นายทบทวนตามจังหวะของฉัน สุดท้ายนายได้ 136 คะแนน แต่ฉันได้แค่ 109? ทำไมรู้สึกเหมือนนายกำลังแกล้งฉันอยู่เลย?
"เฉินเจ๋อ การสอบจำลองครั้งที่สองนายจะรักษาคะแนนระดับนี้ได้มั้ย?" หวงไป๋หานพูดอย่างอิจฉานิดๆ "ถ้ารักษาระดับได้ บางทีนายอาจได้เข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่งจริงๆ นะ"
เฉินเจ๋อส่ายหน้า "เรื่องนี้พูดยากจริงๆ" ที่จริงเฉินเจ๋อคิดว่าการเข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่งคงยากอยู่ 650-660 คะแนนน่าจะเป็นขีดจำกัดของตัวเอง คะแนนระดับนี้แม้จะพอเข้าชิงหัว-ปักกิ่งได้ แต่ก็คงเลือกคณะดีๆ ไม่ได้
จะไปเรียนโบราณคดีก็คงไม่ได้ คณะนี้เกณฑ์คะแนนต่ำก็จริง แต่จบมาก็ต้องถือพลั่วไปขุดแร่ที่ภาคตะวันตกเฉียงเหนือนั่นแหละ
"ไม่ได้ไปเมืองหลวงก็ดีแล้ว" หวงไป๋หานแค่นเสียง "อยู่เมืองกวางโจวเราก็ยังได้เจอกันบ่อยๆ อ้อ แล้วเมื่อกี้อาจารย์อิ่นเรียกนายไปคุยอะไรเหรอ?"
"อาจารย์ให้ฉันขึ้นพูดในพิธีประกาศปณิธาน..." เฉินเจ๋อเล่าเรื่องที่ตัวเองต้องขึ้นเวทีแบ่งปันประสบการณ์ "วิธีเรียนภาษาจีนให้เก่ง"
หวงไป๋หานฟังจบก็รู้สึกอิจฉาอีกครั้ง แต่ก่อนตอนประชุมสรุปผลการสอบประจำเดือน เขากับเฉินเจ๋อต่างก็เป็นนักเรียนที่ได้แต่นั่งฟังอยู่ข้างล่าง แต่เพราะมีเพื่อนสนิทอยู่ด้วย ก็เลยไม่รู้สึกอะไรมาก
บางครั้งยังได้นินทาท่าทางและสำเนียงภาษาจีนกลางของพวกอัจฉริยะด้วย ตอนนี้เฉินเจ๋อก็จะได้ขึ้นเวที หวงไป๋หานถึงกับไม่รู้จะนินทากับใครแล้ว
กลับถึงบ้าน เฉินเผยซงกับเหมาเสี่ยวฉินกำลังนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา เห็นเฉินเจ๋อกลับมา เฉินเผยซงก็ลุกขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม "วันนี้ให้ฮ่องเฮาพักผ่อนหน่อย พ่อจะอุ่นนมให้องค์ชายของบ้านเราเอง"
"ไร้สาระ!" เหมาเสี่ยวฉินตีหลังสามีเบาๆ แล้วเดินไปช่วยเฉินเจ๋อถือรองเท้าแตะ พลางถามไปด้วย "ผลสอบจำลองครั้งที่หนึ่งออกแล้วเหรอลูก?"
"ออกแล้วครับ" เฉินเจ๋อชี้ไปที่กระเป๋า "ข้อสอบผมเอากลับมาหมดแล้ว"
"จริงเหรอ?" เหมาเสี่ยวฉินรับกระเป๋าไปไว้ที่โซฟาอย่างดีใจ ในฐานะแม่ของนักเรียนม.6 เธอทุ่มเทเวลาและพลังงานไปมากมายในปีนี้ บางครั้งเธอยังสนใจผลการสอบมากกว่าเฉินเจ๋อเสียอีก
หลังจากหยิบข้อสอบออกมา คุณหมอเหมาก็ดูทีละวิชา พร้อมวิเคราะห์สาเหตุที่ทำผิดไปด้วย: "คณิตศาสตร์ 145 ข้อเติมคำตอบนี่ลูกต้องทำได้แน่ๆ แค่ประมาทไปหน่อย"
"ฟิสิกส์ 140 แม่ได้ยินว่าข้อสอบครั้งนี้ค่อนข้างยากนะ"
"เคมี 141 คราวหน้าอย่าเขียนลวกๆ แบบนี้นะลูก คะแนนความเรียบร้อยก็สำคัญ"
"อังกฤษ 92 เฉินเจ๋อ ลูกอ่านเข้าใจจริงเหรอ ทำไมได้แค่ 20 คะแนน"
"ภาษาจีน... เอ๊ะ? เฉินเผยซง! เฉินเผยซง!" เหมาเสี่ยวฉินร้องเรียกขึ้นมาทันที
เฉินเผยซงที่กำลังอุ่นนมอยู่รีบวิ่งมา เขาคิดว่าเฉินเจ๋อทำได้ไม่ดีในครั้งนี้ ภรรยาเลยอารมณ์เสีย เขารีบเช็ดมือแล้วพูดกลบเกลื่อน: "จะว่าไปนะ การสอบตกก็แค่บททดสอบเล็กๆ ให้เฉินเจ๋อได้เข้าใจจุดอ่อนและสิ่งที่ต้องพยายาม พวกเราในฐานะพ่อแม่ต้องให้ความรักและการสนับสนุนลูกมากขึ้น ช่วยให้เขาฟื้นความมั่นใจจากความล้มเหลว..."
"อย่าเอาสไตล์ที่ทำงานมาใช้ที่บ้น!" เหมาเสี่ยวฉินขัดขึ้นทันที "ลูกเราพัฒนาวิชาภาษาจีนขึ้นมาก เขาได้ 136 คะแนน"
"หา?" เฉินเผยซงรับข้อสอบภาษาจีนมาดูด้วยความดีใจ ดูซ้ำไปมาหลายรอบแล้วหัวเราะลั่น "เมื่อกี้เล่าจ้าวที่สถานีส่งข้อความมาบอกว่าลูกสาวเขาสอบครั้งนี้ได้ 642 คะแนน แล้วยังแอบถามว่าเฉินเจ๋อได้เท่าไหร่ด้วย"
เจ้าหน้าที่จ้าวกับเฉินเผยซงทำงานอยู่ในเขตเดียวกัน เพราะตำแหน่งเท่ากัน งานก็มีส่วนที่ต้องประสานกัน อีกทั้งเขาก็มีลูกสาวเรียนม.6 ที่โรงเรียนมัธยมทดลองประจำมณฑลเหมือนกัน ความสัมพันธ์เลยค่อนข้างดี
ทั้งสองครอบครัวมักจะกินข้าวสังสรรค์กันบ่อยๆ เฉินเจ๋อก็เคยเจอลูกสาวของเจ้าหน้าที่จ้าว เธอตัวเตี้ยอ้วนเหมือนนักกีฬาพุ่งน้ำหนัก ตอนกินข้าวแม่ยังไม่ยอมให้กินเนื้อตุ๋นเพิ่มสองชิ้นเลย
"คะแนนของลูกไม่ใช่เครื่องมือให้พวกคุณเอาไปแข่งกันนะ" เหมาเสี่ยวฉินไม่พอใจ เร่งให้สามีไปทำงาน "รีบไปอุ่นนมเร็ว เฉินเจ๋อหิวมาพักใหญ่แล้ว"
"ครับท่านผู้นำ ผมรีบไปทำเดี๋ยวนี้!" เฉินเผยซงเดินไปครัวอย่างอารมณ์ดี พอเฉินเจ๋อกลับห้องนอนไปแล้ว เหมาเสี่ยวฉินก็ยิ้มกริ่มหยิบโทรศัพท์มือถือเดินออกไปที่ระเบียง โทรหาเบอร์หนึ่ง:
"พี่จาง สวัสดีค่ะ ลูกชายพี่ เจ๋อหวาน สอบครั้งนี้เป็นไงบ้างคะ? เฉินเจ๋อเหรอคะ เขาพัฒนาขึ้นมานิดหน่อย ได้ 650 กว่าคะแนนค่ะ..."
......
วันจันทร์ถัดมา เฉินเจ๋อมาโรงเรียนตามปกติ เพราะการสอบเพิ่งจบ สองวันถัดมาครูก็สอนเฉลยข้อสอบ ชีวิตกลับมาเป็นเหมือนชีวิตม.6 ที่แท้จริงอีกครั้ง
น่าเบื่อ อดนอน ลมเหมือนจะเกาะติดตัว ท้องฟ้ายามเย็นสวยงามมักจะปรากฏขึ้นกะทันหันในช่วงเรียนภาคค่ำ
หลี่เจี้ยนหมิงยังคงมารบกวนซ่งซือเหวยทุกวันเหมือนเดิม แต่ท่าทีดูจะระมัดระวังขึ้นเล็กน้อย เฉินเจ๋อก็ไม่ได้สนใจเขา
จนกระทั่งช่วงเรียนภาคค่ำวันเสาร์ ครูประจำชั้นอิ่นเยี่ยนชิวเข้ามาประกาศว่า "พิธีประกาศปณิธานและปลุกขวัญก่อนสอบพร้อมสรุปผลการสอบจำลองครั้งที่หนึ่ง" จะจัดขึ้นในช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้ โดยเติ้งเชียนจะเป็นตัวแทนนักเรียนม.6 นำกล่าวคำปฏิญาณ
และเฉินเจ๋อจะต้องขึ้นเวทีแบ่งปันประสบการณ์การเรียนภาษาจีน
ในที่สุดห้องเรียนก็เกิดความเคลื่อนไหวเล็กน้อย เฉินเจ๋อได้รับการยอมรับจากครูประจำชั้นถึงขั้นจะให้ขึ้นเวทีพร้อมกับเติ้งเชียนแล้วเหรอ?
โหมวเจียเหวินหันหลังกลับมา มองเฉินเจ๋อที่ยิ้มอย่างอ่อนโยน แล้วรีบพูดกับซ่งซือเหวย "เหว่ยเหว่ย การแสดงออกที่พยายามขยันขันแข็งของเฉินเจ๋อช่วงนี้ เป็นเพราะจะสารภาพรักกับเธอรึเปล่า?"
ซ่งซือเหวยที่กำลังตั้งใจทำโจทย์ ถูกเพื่อนนั่งข้างรบกวนความคิด แต่เธอก็ไม่ได้โกรธ ยกมือเกี่ยวผมไปไว้หลังหู เผยให้เห็นใบหน้างดงามที่ทำให้ใครต่อใครหลงใหล
เธอดูเหมือนจะไม่เข้าใจความหมายของโหมวเจียเหวินนัก มองเพื่อนนั่งข้างอย่างสงสัย
"เธอดูสิ..." โหมวเจียเหวินนับนิ้วพูด "ออกหน้าแทนเธอ นี่เป็นสิ่งแรกที่เขาทำเพื่อเธอ ตัดผมให้เธอ นี่คือการเปลี่ยนภาพลักษณ์ในสายตาเธอ พัฒนาการเรียนขึ้นเพื่อเธอ ตอนนี้เขาพอจะมีสิทธิ์เข้ามหาวิทยาลัยเดียวกับเธอแล้ว แม้แต่นิสัย รู้สึกว่าเขาก็ไม่ได้เก็บตัวเหมือนแต่ก่อนแล้วนะ"
ซ่งซือเหวยไม่คิดว่าจะมีคนคิดแบบนี้ได้ หรือว่าการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีทั้งหมดของเฉินเจ๋อจะเป็นเพราะเธอ? แต่เธอไม่ชอบโต้เถียง จึงก้มหน้าเรียนต่อ
"เฮ้อ~" เพื่อนนั่งข้างอย่างโหมวน้อยไม่ได้รู้สึกว่าถูกเมิน กลับเท้าคางถอนหายใจเบาๆ "ถ้ามีผู้ชายยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อฉันบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเฉินเจ๋อหรือหวงไป๋หาน ฉันก็ยอมคบด้วยนะ"
ใกล้จะปลดแอกแล้ว ความคิดความอ่านที่ถูกเก็บกดของหนุ่มสาวก็เริ่มละลายออกมาทีละนิด
......
วันรุ่งขึ้นเป็นวันอาทิตย์ จริงๆ แล้วโรงเรียนก็น่ารำคาญ เพื่อไม่ให้กระทบการเรียนปกติ จึงจัดพิธีประกาศปณิธานในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ —— ช่วงเวลาครึ่งวันเดียวในหนึ่งสัปดาห์ที่นักเรียนม.6 มีโอกาสได้พักผ่อน
ประมาณบ่ายสามโมง เสียงประกาศของโรงเรียนเริ่มเรียกให้ทุกคนมารวมตัวที่สนาม นักเรียนม.6 กว่า 500 คนจึงด่าโรงเรียนว่าโง่ไปพลางๆ พร้อมกับเดินลงบันไดอย่างไม่เต็มใจ
แต่ละห้องยืนเรียงตามลำดับเหมือนตอนออกกำลังกายระหว่างคาบ แต่ไม่ต้องเว้นระยะห่างมากเหมือนตอนออกกำลังกาย ระหว่างห้องสามารถมองเห็นหน้านักเรียนฝั่งตรงข้ามได้ชัดเจน
คนแรกที่พูดคือเห่อหย่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมจือซิน เขาก้าวขึ้นไปที่ไมโครโฟนอย่างองอาจ ถือกระดาษ A4 ที่เป็นบทพูด แล้วเปล่งเสียงดังฟังชัด:
"คณะครูที่เคารพ นักเรียนที่รัก ในยามที่ฤดูใบไม้ผลิกลับมาและสรรพสิ่งผลิบาน ณ โรงเรียนอันเต็มไปด้วยชีวิตชีวาแห่งนี้ เราจัดพิธีประกาศปณิธานก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัยและสรุปผลการสอบจำลองครั้งที่หนึ่ง..."
นักเรียนข้างล่างแรกๆ ก็ยังรู้สึกตื่นเต้น แต่ไม่นานก็ถูกบทพูดยืดยาวบั่นทอนความสนใจ ต่างพากันคุยกันไปมา
ในตอนนั้นเอง นักเรียนหญิงคนหนึ่งจากม.6/1 จู่ๆ ก็ตบไหล่เพื่อนผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ "อวี๋เซียน ผู้ชายห้องข้างๆ คนนั้น ดูคุ้นๆ นะ?"
......
(จบบท)