ตอน 14 ยืนยันตัวคนร้ายและได้รับเคล็ดลับระดับเจ็ด!
ในเวลาบ่าย
เฉินหยวนตามคนตระกูลหลินเข้าไปในลานกว้าง
แม้ว่าเขาจะบอกว่าเป็นคนตระกูลหลิน แต่เขาก็เป็นเพียงแค่ทหารคุ้มกันของตระกูลหลิน เขาได้รับสกุลหลินมาจากตระกูลหลิน แม้ว่าฐานะของเขาจะไม่ได้สูงในสายตาคนตระกูลหลิน แต่ฐานะของเขาในเมืองเทียนเซี่ยงนั้นเหนือกว่าคนทั่วไปมาก
ภายในตระกูล
ชายวัยกลางคนหน้าหยาบกร้านร่างกำยำยืนอยู่ด้านหน้า เขาถือภาพวาดของเฉินหยวนและพูดอย่างเย็นชา
“ตามหาเบาะแสคนผู้นี้ต่อไปในวันพรุ่งนี้ ถ้าหาตัวเจออย่าเพิ่งบุ่มบ่ามและมารายงานทันที”
“หลินชางเหอกับอีกหลายคนตายด้วยมือมันมาแล้ว”
เมื่อเขาพูดจบก็มีเสียงฮือฮา
ทุกคนมองหน้ากัน หลินชางเหอคือผู้ใดน่ะหรือ?
เขาคือหัวหน้ากลุ่มที่มีพลังในขอบเขตแก่นแท้ระดับเจ็ด แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนใหญ่คนโตในเมืองเทียนเซี่ยง แต่เขาก็ถือว่าเป็นบุคคลระดับกลาง
มันแทบไม่น่าเชื่อที่คนร้ายในขอบเขตบ่มเพาะร่างกายจะสังหารหลินชางเหอได้
“หลินเซี่ยง รู้หรือไม่ว่ามันเป็นใครและเหตุใดมันถึงฆ่าหัวหน้าได้?”
ชายหนุ่มที่มีใบหน้าธรรมดาถัดจากเฉินหยวนกระซิบ
เฉินหยวนขมวดคิ้วและไม่อยากตอบ ยิ่งเขาพูดมากเท่าใดก็ยิ่งโดนเจอตัวได้มากเท่านั้น
แม้ว่าเขาจะใช้หน้ากากจำแลงและรูปลักษณ์ของเขาไม่ใช่แบบเดิม แต่หลินเซี่ยงที่เป็นทหารตระกูลหลินนั้นถูกคัดเลือกมาอย่างดี ร่างกายของเขาเองก็คล้ายกัน
แต่นิสัยใจคอของทุกคนย่อมแตกต่าง และเขาไม่รู้เลยว่าหลินเซี่ยงนั้นมีนิสัยอย่างไร เขาชอบทำอะไร และเขาสนิทกับใครในระดับไหนบ้าง
ถ้าหากผลีผลามพูดคุยไป เขาจะโดนจับพิรุธได้
เฉินหยวนหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะกระซิบ
“ข้าก็ไม่รู้”
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้านั่นโผล่มาจากไหน แต่มันมีวิชาและยังสังหารหัวหน้าได้”
“ไม่แปลกใจว่าทำไมมันถึงกล้าฆ่าคนตระกูลหลินของเราในเมืองเทียนเซี่ยง”
อีกฝ่ายดูเหมือนจะยังไม่รู้ตัวตนของเฉินหยวนและพูดต่อ
ในตอนนี้
ชายวันกลางคนข้างบนตะโกนเสียงทุ้ม
“ออกมา!”
เมื่อเสียงดังขึ้น ชายหนุ่มถัดจากเฉินหยวนก็ตอบรับและเดินออกไปทันที
ชายวัยกลางคนตบหน้าเขาอย่างรุนแรงจนเขากระเด็น เขากระแทกพื้นอย่างแรงเหมือนกับว่าวไร้สายชัก
“เหตุใดท่านรองหัวหน้าถึงตบข้า?”
หลินเจี้ยนโศกเศร้าและไม่เข้าใจเหตุผลที่อีกฝ่ายตบเขา
“ลงมือกับเจ้าถือเป็นการลงโทษสถานเบา ถ้าหากเจ้าไม่จำคนผิด ตระกูลหลินจะต้องเสียคนไปมากมายเช่นนี้รึ?”
คงจะดีกว่าถ้าเขาไม่พูดอะไร เมื่อพูดแล้วชายวัยกลางคนก็โมโห ใบหน้าเขาเกรี้ยวกราดดั่งราชสีห์พิโรธ ความสะพรึงกลัวปะทุออกมา
“ข้าไม่ผิดนะ”
หลินเจี้ยนดูหวานกลัว ริมฝีปากของเขาขยับแต่หลบตาเล็กน้อย แต่เขายังคงดื้อดึง
“ทำไมถึงได้ดื้อด้านนัก!”
ชายวัยกลางคนสีหน้าหม่นหมอง
“เจอฆาตกรแล้ว แล้วเขาก็ไม่ใช่คนในรูปเลย”
คำพูดนั้นถูกพูดออกมา ทุกคนตกตะลึงและมองไปที่เขา
เฉินหยวนหันไปมอง เขามองและได้เห็นคนที่ใส่ร้ายเขา
ในที่สุดเขาก็เข้าใจทุกอย่าง
“ติ๊ง ยินดีด้วยที่ทำตามคำแนะนำสำเร็จและได้รับเคล็ดลับระดับเจ็ด วิชากระบี่นภาทลายฟ้า”
เฉินหยวนตกใจ รางวัลสมบัติระดับทองคำนั้นแตกต่างจากที่แล้วมา
มันคนละระดับกับสมบัติทองแดงหรือเงินโดยสิ้นเชิง
การได้รับเคล็ดลับระดับเจ็ดมานั้นทำให้เฉินหยวนคิดไปถึงสมบัติระดับแพลทตินัมมากกว่าเดิม
รางวัลสมบัติระดับทองคำให้เขาตั้งมากมายเช่นนี้ แล้วระดับแพลทตินัมจะเป็นอย่างไรเล่า?
มูลค่าของเคล็บลับระดับเจ็ดนั้นเหนือจินตนาการ เขาคิดว่าคงไม่มีใครในเมืองเทียนเซี่ยงมีวิชาลับแบบนี้
เฉินหยวนตื่นเต้นเป็นอย่างมากและอยากจะฝึกวิชานี้ในทันที
วิชาที่เขาฝึกฝนมานั้นเป็นเพียงแค่วิชาเคล็ดหลักพิสุทธิ์ระดับแรก เป็นเคล็ดลับทั่ว ๆ ไปและไม่มีค่าอันใด
“แต่ข้าอาจจะผิดไป”
ราวกับหวาดกลัวชายวัยกลางคน หลินเจี้ยนก้มหน้าพูดเสียงค่อย
“หึ”
ชายวัยกลางคนใบหน้าเยือกเย็น เขาพูดเสียงน่ากลัว
“ข้าให้เวลาเจ้าสามวัน เจ้าหาฆาตกรให้เจอ มิเช่นนั้นข้าจะฝังเจ้าไปกับหัวหน้า”
“ขอรับ!”
หลินเจี้ยนก้มหน้าพูดเสียงเบา
“ไปได้แล้ว”
หลินเจี้ยนแสดงได้แนบเนียนและกลับมาที่แถว
เฉินหยวนเองก็เมินเขา
“แยกย้ายได้!”
ชายวัยกลางคนตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ทุกคนแยกย้ายดั่งวิหคโผบินและจากไป
เฉินหยวนไม่ตามคนส่วนใหญ่ เขามุ่งหน้าไปที่ประตูตระกูล
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขากินอยู่ที่ไหน ถ้าหากเขาเดินบุ่มบ่ามจะมีพิรุธเอาได้
แล้วเขายังถามใครไม่ได้อีกด้วย!
นี่มันพิรุธไม่ใช่หรืออย่างไรกัน?
“หลินเซี่ยง เจ้าจะไปไหน?”
หลินเจี้ยนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ เห็นเฉินหยวนไม่กลับเรือนไปกับพวกเขาแต่กลับเดินไปทางประตู มันทำให้เขาสับสนเล็กน้อย
เจ้านั่นเป็นอะไรกัน? เขาไม่เคยออกไปไหนมาก่อน
เพราะอะไรถึงได้ออกไปข้างนอกเอาวันนี้?
“ข้าจะออกไปซื้อของ”
เฉินหยวนหาข้ออ้าง
หลินเจี้ยนอึ้งไประยะหนึ่งราวกับได้ยินเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ
ในตอนนี้ ความคิดของหลินเจี้ยนมีอยู่มากมาย รายละเอียดเรื่องการที่เขาพูดคุยกับเฉินหยวนและการเปลี่ยนแปลงใบหน้าของเฉินหยวนช้าลง เขาถึงกับเทียบหลินเซี่ยงในตอนนี้กับหลินเซี่ยงในอดีต
“เจ้าไม่ใช่หลินเซี่ยง!”
หลินเจี้ยนพูดเหมือนจะบรรลุอะไรสักอย่างและฉลาดขึ้นมาเฉย ๆ เขาพบความแตกต่างในรายละเอียดระหว่างเฉินหยวนและหลินเซี่ยงทันที
ทั้งสีหน้าและวิธีการพูดนั้นไม่เหมือนกันเลย
หลินเซี่ยงนั้นเป็นคนมองโลกในแง่ดีและยิ้มแย้มอยู่เสมอ เทียบกันแล้ว เฉินหยวนทำสีหน้าว่างเปล่าตลอดเวลา ราวกับเป็นคนอมทุกข์
กว่าเขาจะคิดได้เฉินหยวนก็เดินปะปนไปกับผู้คนแล้ว
“มันไม่ใช่หลินเซี่ยง จับมัน”
เมื่อเห็นว่าเฉินหยวนกำลังจะหายลับไป หลินเจี้ยนก็ตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว
แต่เฉินหยวนหายไปแล้ว กว่าเขาจะพูดจบก็ไม่เหลือเฉินหยวนในสายตา
ในขณะเดียวกัน คนที่ทำงานร่วมกับเขาก็สับสนและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“หลินเจี้ยน ตะโกนอะไรของเจ้า!”
รองหัวหน้าโกรธจัด เขารู้สึกไม่สบายใจ ไม่เพียงแต่เขาจะจำคนผิด แต่เขายังทำให้พวกเขาเสียคนไปมาก
แต่แม้ว่าจะเป็นการสูญเสีย เขาก็แอบดีใจอยู่บ้าง
เพราะถ้าหากหลินชางเหอตายไป เขาก็จะได้รับตำแหน่งหัวหน้าแทน นั่นเป็นเหตุผลที่เขาไว้ชีวิตหลินเจี้ยน
แต่เขาไม่คิดว่าหลินเจี้ยนจะเริ่มตะโกนอีกครั้งหลังจากที่รวมพลเสร็จ
“ท่านรองหัวหน้า นั่นไม่ใช่หลินเซี่ยง หลินเซี่ยงกับข้าสนิทกัน พวกเราโตมาด้วยกันและข้ารู้จักเขาดี หลินเซี่ยงเป็นคนมองโลกงดงามที่ยิ้มแย้มให้ความอบอุ่นกับผู้คนอยู่เสมอ แต่หลินเซี่ยงในตอนนี้มีสีหน้าว่างเปล่าเย็นชา เขาไม่ได้ดูเหมือนหลินเซี่ยงเลย แล้วหลินเซี่ยงก็ไม่ออกไปไหนเว้นเสียแต่ว่ามีภารกิจ แต่สิ่งแรกที่เขาทำนั้นไม่ใช่กลับที่พัก แต่ออกไปข้างนอก มันน่าสงสัยมาก”
หลินเจี้ยนจัดระบบความคิดและรีบพูด
“ท่านรองหัวหน้าเชื่อข้าเถอะ เจ้านั่นไม่ใช่หลินเซี่ยง ถึงข้าจะไม่รู้ว่าเขาเป็นคนที่เราตามล่าหรือไม่ แต่ถ้าหากหามันเจอ เราจะต้องได้อะไรกลับมาแน่”
รองหัวหน้าเองก็เป็นคนตัดสินใจเด็ดขาด เขาออกคำสั่งทันที
“ตามมันไป!”
ที่อีกฝั่ง
เฉินหยวนปะปนกับผู้คนและรีบเปลี่ยนแปลงใบหน้ากับชุดที่สวมใส่ในมุมหนึ่ง
เขาในตอนนี้แปลงกายเป็นชายที่มีใบหน้าดั่งสตรี
“แปลกมากที่มันรู้ตัวเร็วขนาดนี้”
“โชคดีที่ฉวยโอกาสออกมาก่อน ไม่อย่างนั้นต้องติดอยู่ในที่นั่นแน่”
เฉินหยวนรู้สึกตัวชา ไอ้ทัณฑ์สวรรค์สุนัขนี่ชักจะอุกอาจเกินไปแล้ว
เขาเพียงจะเข้าเมืองมาไม่นาน แต่โดนจับได้แล้วหรือ?
ถ้าหากเขาไม่หนีออกมา เขาคงตายไปแล้วสิ?
เฉินหยวนไม่สงสัยเลย เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตระกูลหลิน ส่วนเรื่องที่หลินเซี่ยงพูดก่อนตาย เขาไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อย