ตอน 12 ข้าจะไม่ให้คนอื่นมาตัดสินชะตา
โอกาสนั้นมีมากมาย การเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดเองก็เป็นไปได้
เฉินหยวนไม่ยั้งมือเลย เขาใช้ยันต์ปราณกระบี่ไปครึ่งส่วน
เขาเองก็ไไม่รู้ว่ายันต์ปราณกระบี่นั้นมีพลังเท่าไหร่ แต่การใช้หนึ่งครั้งคือการเสียร้อยคะแนน ดังนั้นมันไม่น่าจะพลังน้อยเกินไป
ตู้ม
พลังปราณกระบี่อันยิ่งใหญ่หล่นลงมา พลังอันน่าสะพรึงทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่าง ต้มไม้ใหญ่ล้มลงระเนระนาด ฝุ่นควันเคลื่อนคล้อยกระจายเหลือไว้เพียงหลุมยักษ์ราวกับมีสิ่งที่น่ากลัวทิ้งร่องรอยระหว่างฟ้าดินเอาไว้
“ติ๊ง ขอแสดงความยินดี คุณทำตามคำแนะนำสำเร็จและได้รับพลังบ่มเพาะสามปี”
“ติ๊ง ขอแสดงความยินดี คุณทำตามคำแนะนำสำเร็จและได้รับอาวุธแสงจันทร์พิเศษระดับสี่”
เมื่อข้อความระบบดังขึ้นเฉินหยวนจึงค่อย ๆ ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
คำแนะนำเสร็จเรียบร้อย นั่นหมายความว่าหลินชางเหอตายไปแล้ว
ฟึ่บ
เฉินหยวนยืนนิ่งอยู่ไม่นานก็รีบเข้าไปค้นตัวหลินชางเหอและเก็บกวาดสนามรบ
เพราะเขาเป็นขอบเขตแก่นแท้ บางทีอาจจะมีของมีค่าติดตัวมาก็ได้
ไม่นานเขาก็เห็นศพสภาพไม่สู้ดีอยู่ไกลออกไป ทั้งร่างไหม้เกรียมและเหลือซากเพียงเล็กน้อย มีร่างกายพัง ๆ ที่ส่งกลิ่นคาวออกมา
เฉินหยวนบีบจมูกตัวเองและเดินไปและเห็นแหวนอยู่ใต้ตัวเขา
“แหวนเก็บของเหรอ?”
โดยรวมแล้วมันก็คือของที่จะอยู่ในโลกจอมยุทธระดับสูง
เฉินหยวนหยิบแหวนขึ้นมาและส่งพลังลงไป ทันใดนั้นเองก็มีพลังปริศนาเชื่อมต่อพวกเขาเข้าด้วยกันทำให้เฉินหยวนมองดูข้างในแหวนได้
มันคือแหวนเก็บของอย่างที่เขาคิดจริง ๆ
มันไม่ใหญ่นัก มีพื้นที่เพียงแค่สองตารางเมตรเท่านั้น
ถึงมันจะเล็กไปหน่อย แต่มันก็ดีพอสำหรับเขา
“ได้อะไรมาบ้างแล้ว”
เฉินหยวนกวาดสายตามองและเห็นว่าหลินชางเหอนั้นร่ำรวยไม่เลว
มีโอสถหลายสิบเม็ด ศิลาจิตหลายพันก้อน และยังมีแผ่นหยกสี่แผ่นกับอาวุธวิเศษ
นี่คือทรัพย์สมบัติของหลินชางเหอ มูลค่าของข้างในย่อมไม่น้อย
ไม่ว่าจะเป็นโอสถหรือศิลาจิต
หลังจากเก็บแหวนแล้วเฉินหยวนไม่ไปไหนไกล เขาคิดครู่หนึ่งและรีบไปซ่อนในพุ่มไม้ต้นไม้ใหญ่
ในการตามล่าเขานั้น ตระกูลหลินจะต้องไม่ส่งหลินชางเหอมาคนเดียว จะต้องมีคนอื่นมากับเขาด้วยแน่
เขากำลังรอโอกาสหวังว่าจะได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดผ่านคนตระกูลหลิน
ใครกันที่ใส่ความเขา?
เขารออยู่ครึ่งชั่วโมง
แล้วก็เป็นอย่างที่คิด มีหลายคนเข้ามาในสายตาเฉินหยวน
พวกเขาแต่งกายเหมือนกับคนตระกูลหลินในอดีต
พวกเขาขมวดคิ้วเมื่อได้พบที่เกิดเหตุ พวกเขามองศพที่อยู่ไม่ไกลออกไป
“นี่เป็นศพใคร?”
“หัวหน้าเราหรือว่าไอ้โจรชั่วนั่น?”
ศพนั้นสภาพเละตุ้มเป๊ะจนบ่งบอกไม่ได้ว่าเป็นร่างของใคร
“เป็นไปไม่ได้ หัวหน้าเราแข็งแกร่ง ไอ้ชั่วนั้นมีพลังแค่ขอบเขตบ่มเพาะร่างกาย มันจะมาสู้กับหัวหน้าได้หรือ?”
มีคนบอกได้ทันทีว่ามันไม่ใช่เรื่องจริงที่คนในขอบเขตบ่มเพาะร่างกายจะสังหารคนในขอบเขตแก่นแท้ระดับเจ็ดได้
คนอื่นพยักหน้าเห็นด้วย
ในขณะนี้
เฉินหยวนหยิบดีเสิทอีเกิลขึ้นมาและลั่นไก
ปั้ง ปั้ง ปั้ง
เสียงดังลั่น หลายคนล้มลงทันที เหลือเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่
กายหยาบของพวกเขาย่อมทนรับความรุนแรงของกระสุนปืนไม่ไหว และเฉินหยวนเองก็ลอบโจมตีโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัวด้วย
“ใครน่ะ?”
การโจมตีอย่างรวดเร็วทำให้คนเดียวที่เหลืออยู่ของตระกูลหลินตกใจ
แต่สิ่งที่เขาได้รับแทนคำตอบก็คือเสียงกระสุนปืน
มีเสียงปืนดังอีกหลายครั้ง แขนขาของชายคนนั้นโดนกระสุนทะลวง เขานอนแผ่กายไร้กำลังอยู่บนพื้น
แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในขอบเขตบ่มเพาะร่างกายเหมือนกัน แต่ขอบเขตของพวกเขาต่างกัน
เพราะเฉินหยวนนั้นเพิ่งจะบ่มเพาะพลังได้ไม่กี่วัน ในขณะที่อีกฝ่ายนั้นอยู่ในขอบเขตนี้มานานแรมปี ประสบการณ์ในการต่อสู้ย่อมแตกต่าง
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยทัณฑ์สวรรค์ที่เขากำลังเผชิญ เฉินหยวนไม่คิดว่าเขาจะมีโอกาสชนะมากนัก
ต่อให้เขาชนะ เขาก็ต้องเจ็บตัวในที่สุด
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีวิธีรับมือศัตรูอยู่แล้ว ในจะต้องเผชิญหน้าตรง ๆ เล่า?
ปัญหานั้นได้ไม่คุ้มเสีย
ฟึ่บ
เฉินหยวนรีบลงมาจากต้นไม้และก้มมองคนตระกูลหลินที่นอนอยู่กับพื้น เขาจงใจเหลือคนผู้นี้เอาไว้
“ทำไมเจ้าถึงไล่ล่าข้า!”
“ถามอะไรของเจ้า? เจ้าฆ่าคนเองกับมือ ยังจะถามอะไรอีก?”
คนตระกูลหลินถอนหายใจแรงและอดทนกับความเจ็บปวด
เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายจงใจเหยียดหยามเขา
“ข้าฆ่าคนก็จริง แต่ข้าฆ่าคนในป่า ไม่มีคนภายนอกพบเห็น แล้วก็ไม่ใช่คนตระกูลหลินของเจ้าด้วย”
เฉินหยวนเมินท่าทีของอีกฝ่าย เขาเพียงแค่ต้องการอยากรู้ความจริงในเรื่องนี้
“เป็นไปไม่ได้ มีหลายคนเห็นเจ้าฆ่าคนตระกูลหลินในเมืองเทียนเซี่ยงกับตา แล้วเจ้าก็ใช้อาวุธลับแบบนี้ด้วย”
“ถ้าไม่ใช่เจ้า แล้วเจ้าจะหนีเพื่อสิ่งใด?”
คนตระกูลหลินไม่เชื่อเขาเลยแม้แต่น้อย เพราะถ้าไม่ใช่ฝีมือหลินหยวน แล้วเขาจะหนีในตอนที่เจอตระกูลหลินทำไม?
ถ้าหากเขาไม่มีอะไรปิดบัง เขาไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้
“ข้าจะไม่ให้คนอื่นมาตัดสินชะตาของข้า”
น้ำเสียงเฉินหยวนสงบ ดวงตาของเขาแสดงความเยือกเย็น เขาพูดเบา ๆ
“ถ้าหากข้าบอกว่าไม่ใช่ฝีมือข้า เจ้าจะเชื่อหรือ?”
ได้ยินแบบนี้แล้ว
คนตระกูลหลินเงียบกริบ
“ไม่มีเหตุผลให้เจ้าฆ่าพวกเรา”
“ไม่ นี่ไม่ใช่เหตุผลที่ข้าฆ่าพวกเจ้า ข้าเพียงแค่จะไม่มอบชีวิตตัวเองให้ผู้ใด”
“ถ้าเจ้าหาฆาตกรเจอ ข้าอาจจะมีโอกาสรอดชีวิต แต่ถ้าเจ้าหาไม่เจอ ข้าก็ตายอยู่ดี”
“แล้วพวกเจ้าก็ยังหาฆาตกรตัวจริงไม่เจอ ข้ามีชะตาต้องตายจากพวกเจ้าอยู่แล้ว”
นี่คือโลกที่ผู้แข็งแกร่งข่มเหงผู้อ่อนแอ เฉินหยวนไม่คิดว่ามันมีความยุติธรรมอยู่ที่นี่
และไม่ว่าจะเป็นโลกใบไหน มันก็มีเรื่องเข้าใจผิดมากมายนับไม่ถ้วนที่ต้องมีแพะรับบาป
ยิ่งไปกว่านั้น ในโลกใบนี้ ชีวิตมนุษย์มีค่าเพียงแค่ใบหญ้า ถ้าหากเขาต้องสงสัย เขาจะโดนสังหารทันที
ต่อให้พวกเขาเจอฆาตกรตัวจริงภายหลัง มันก็ไม่มีใครทวงคืนความยุติธรรมให้กับเขา ต่อให้มี แล้วมันจะอย่างไรหรือ?
เพราะเขาตายไปแล้ว
ดังนั้น ไม่ว่าเขาจะถูกหรือผิด เขาก็จะไม่มีทางปล่อยให้ชีวิตของเขาตกอยู่ในมือของผู้อื่น
“เจ้าพูดถูก เจ้ามีพลัง”
“เพียงแต่ว่าตระกูลหลินแข็งแกร่งกว่าเจ้ามากนัก ตอนนี้เจ้าฆ่าคนตระกูลหลินไปมากมายแม้กระทั่งหัวหน้า ตระกูลหลินจะไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่”
“ในระยะพันลี้นี้ ตระกูลหลินคือผู้ปกครอง ไม่มีทางให้เจ้าหนีหรอก”
ปั้ง
เฉินหยวนยังคงสงบและบดขยี้หัวของอีกฝ่ายด้วยเท้า
“ข้าจะหนีรอดหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวกับเจ้า”
เฉินหยวนรู้ว่าชายคนนี้ไม่รู้เรื่องราวอย่างแท้จริง แม้กระทั่งตระกูลหลินเองก็ไม่รู้ว่าฆาตกรตัวจริงคือใคร
แต่เขายืนยันได้แล้วว่าเขามีภัย
“ใครกัน?”
“หรือว่าจะเป็นฝีมือพวกสามตระกูลใหญ่?”
เฉินหยวนเดินช้า ๆ เข้าไปในป่าลึกอย่างเคร่งขรึม
ตอนนี้เขาฆ่าคนตระกูลหลินมามากเกินไปแล้ว การกลับเมืองเทียนเซี่ยงนั้นคือกับดักของเขา
ไม่มีเมืองอื่นในระยะพันลี้นี้ และพื้นที่ทั้งหมดล้วนเป็นที่ราบ หากตระกูลหลินเริ่มแกะรอยเขา พวกตระกูลหลินย่อมหาเขาเจอได้ไม่ยาก
แทนที่จะกลับเมือง เขาซ่อนในป่าดีกว่า
ที่สำคัญที่สุดก็คือเขาต้องสืบเรื่องราวทั้งหมดอย่างถ่องแท้และหาคนที่ใส่ร้ายเขาให้ได้
นอกจากนั้น เหตุผลที่เขาอยู่ในป่าต่อก็เพื่อเตรียมการสำหรับสองกล่องสมบัติ
กล่องสมบัติระดับทองเพื่อการสืบเรื่องราว และกล่องสมบัติแพลทตินัมจากการสังหารศัตรู
เดิมทีเขาคิดว่าเขาจะได้รับสมบัติแพลทตินัมหลังจากสังหารหลินชางเหอ แต่ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่มากพอ
ดูเหมือนว่าเขาคงจะต้องฆ่าล้างบางตระกูลหลินให้สิ้นสกุล
“สมกับเป็นสมบัติระดับแพลทตินัม”
เฉินหยวนพึมพำกับตัวเอง