ตอนที่แล้วตอนที่ 6 ลูกปัดและสกิลพิเศษ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 8 โอกาสใหม่

ตอนที่ 7 เสียงสะท้อนแห่งเกียรติยศ


ตอนที่ 7 เสียงสะท้อนแห่งเกียรติยศ

 

เช้าวันรุ่งขึ้น เหลียงเอินนำสิ่งของต่างๆ ไปยังร้านค้าของเพียร์ซ เนื่องจากของที่ซื้อมาจากร้านขายของเก่าเมื่อวานนี้ใช้การไม่ได้แล้วหลังจากทดลองเสร็จสิ้น เขาจึงจำเป็นต้องขายทิ้งให้เร็วที่สุด แม้จะต้องลดราคาลงครึ่งหนึ่งก็ตาม

“ลอว์เรนซ์ นายมาแล้ว ฉันกำลังจะโทรหานายอยู่พอดี” เพียร์ซยิ้มพลางถือโทรศัพท์ไว้ในมือ

“มีอะไรหรือเปล่า?” เหลียงเอินวางกระเป๋าที่บรรจุสิ่งของไว้บนเคาน์เตอร์แล้วถามด้วยความสงสัย “หรือว่านายขายปืนฮัมมิ่งเบิร์ดได้แล้ว เลยรีบเอาเงินมาจ่าย?”

“ไม่ใช่แน่นอน” เพียร์ซส่ายหัว “แต่ฉันติดต่องานประมูลภายในของกลุ่มชนชั้นสูงได้แล้ว ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ปืนกระบอกนั้นน่าจะขายได้ภายในสัปดาห์นี้”

“งานประมูลภายในของกลุ่มชนชั้นสูง? คืออะไร?”

“ก็คืองานที่กลุ่มคนรวยฐานะดีๆ มารวมตัวกัน ใช้งานประมูลเป็นข้ออ้างในการสังสรรค์ เหมือนกับงานล่าสัตว์หรืองานเลี้ยงเทือกนั้น” เพียร์ซยักไหล่

“เพราะงั้นมันถึงได้แตกต่างจากงานประมูลทั่วไป ในงานประมูลแบบนี้ สินค้าประมูลไม่เพียงแต่ต้องหายากเท่านั้น แต่ควรมีสตอรี่เบื้องหลังด้วย เพื่อดึงดูดผู้เข้าร่วมการประมูลให้ใจป้ำในการจ่ายเงิน”

“แล้วเรื่องราวตอนนายเจอปืนฮัมมิ่งเบิร์ดกระบอกนี้ ก็ตรงกับความต้องการของพวกเขา ฉันเลยคิดเองว่าน่าจะขายได้ราคาดี”

“ถ้าเป็นสตอรี่ละก็... ฉันคิดว่าฉันอาจมีข้อมูลบางอย่างที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าของปืนกระบอกนั้นได้” เหลียงเอินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันทีหลังจากที่เพียร์ซพูดจบ

“ตอนที่ฉันเจอช่องลับนั้น ฉันรู้สึกว่านี่อาจเป็นผลงานชิ้นโบแดงชิ้นแรกในชีวิตการทำงานของฉันก็ได้ เลยถ่ายรูปไว้หลายรูปเพื่อเป็นที่ระลึก...”

“ยอดเยี่ยมมากเลยเพื่อน” เพียร์ซยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ ขณะดูรูปถ่ายที่เหลียงเอินถ่ายไว้ตอนเจอช่องลับ

“นายรู้ไหม รูปนี้จะทำให้ราคาประมูลของปืนฮัมมิ่งเบิร์ดเพิ่มขึ้นอีก 5% สำหรับพวกคนรวย การค้นพบสมบัติมูลค่าหลายหมื่นปอนด์จากตู้เก่าๆ ถือเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจมาก”

ทัศนคติในการบริโภคของคนรวยเหล่านั้นทำให้เหลียงเอินรู้สึกเหมือนได้ความรู้ใหม่ พวกเขาแตกต่างจากคนทั่วไปมากทีเดียว ดังนั้นถ้าต้องการทำธุรกิจกับพวกเขา การเรียนรู้เคล็ดลับเหล่านี้จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง

อีกไม่กี่นาทีต่อมา เหลียงเอินขายของส่วนใหญ่ที่ซื้อมาเมื่อวานนี้ให้เพียร์ซในราคา 150 ปอนด์ แต่เกี่ยวกับสร้อยลูกปัดแก้ว เพียร์ซก็แสดงความคิดเห็น

“ถ้ามันเป็นแค่สร้อยลูกปัดการค้าธรรมดา ลูกปัดเส้นนี้ก็เป็นแค่ของเก่าทั่วไป แต่พอมีลูกปัดจากตะวันออก มันเลยกลายเป็นตัวแทนของเส้นทางการค้าในสมัยโบราณของทวีปเอเชีย” เพียร์ซพิจารณาตะขอแมลงปอสมัยราชวงศ์จ้านอย่างละเอียด แล้วก็ยิ้มอย่างพอใจ

“ถึงราคาจะไม่แพงมาก แต่ด้วยสตอรี่เฉพาะตัว ฉันว่ามันน่าจะเป็นสินค้าประมูลได้”

“ฟังดูดีเชียว นายจะเอาไปประมูลด้วยใช่ไหม?”

“ใช่ ของที่มีสตอรี่แบบนี้มักจะขายได้ราคาดีในงานประมูล ถ้านายไม่รีบใช้เงิน นายจะเอาของชิ้นนี้ไปประมูลก็ได้นะ”

หลังจากพิจารณาแล้ว เหลียงเอินตัดสินใจนำสิ่งของพวกนี้ไปประมูล เขายังไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินตอนนี้ ดังนั้นการได้เงินเพิ่มจึงเป็นเรื่องที่ดี

“จริงสิ วันนี้นายมีแพลนจะทำอะไรไหม?” หลังจากยื่นใบเสร็จรับเงินและเงินสด 150 ปอนด์ให้เหลียงเอินแล้ว เพียร์ซก็ถามเขาอย่างกะทันหัน

“ไม่มีอะไรต้องทำเป็นพิเศษ แค่ช่วงนี้ฉันกำลังเรียนภาษาโบราณอยู่น่ะ และเจอสิ่งที่น่าสนใจบางอย่าง เลยอยากเขียนบทความส่งไปที่สมาคมวารสารโบราณคดีอังกฤษ” นี่คือเส้นทางอาชีพสำคัญที่เหลียงเอินค้นพบสำหรับอนาคตของตัวเองหลังจากได้รับสกิลพิเศษ

นักวิชาการที่มีส่วนร่วมในด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดี สามารถเข้าถึงทรัพยากรต่างๆ ได้ง่ายกว่านักล่าสมบัติที่มีอุปกรณ์แค่จอบหรือเครื่องตรวจจับโลหะ และยังช่วยให้เขาใช้สกิลพิเศษได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

ก่อนหน้านี้ ตอนที่เขาใช้สกิลพิเศษ ความทรงจำของช็องปอลียงได้มอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้แก่เขา

เนื่องจากความแตกต่างระหว่างสองโลก โบราณวัตถุสำคัญบางชิ้นยังไม่ถูกค้นพบ ดังนั้นช็องปอลียงในโลกนี้จึงเป็นเพียงนักโบราณคดีชาวตะวันออกที่มีชื่อเสียง ไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์อียิปต์โบราณ

ดังนั้นในโลกนี้ การศึกษาอักษรอียิปต์โบราณจึงพัฒนาไปเพียงแค่การถอดรหัสตัวเลขอียิปต์โบราณและการค้นพบคาร์ทูชพระนามราชวงศ์โดยโทมัส ยัง ผู้ทำการทดลอง ‘การทดลองการแทรกสอดของแสงผ่านช่องคู่’

ที่แย่ไปกว่านั้น ปัจจุบันวงการประวัติศาสตร์มีความเข้าใจเกี่ยวกับอักษรอียิปต์โบราณที่โน้มเอียงไปทางมุมมองในบทความเรื่อง ‘อักษรอียิปต์โบราณ’ ของโฮราโปลโล (Horapollo) ที่เขียนขึ้นราวศตวรรษที่ 5

ผู้เขียนกล่าวไว้ในบทความว่า ในอักษรอียิปต์โบราณ สัญลักษณ์กระต่ายหมายถึง ‘เปิด’ เพราะดวงตาของกระต่ายเปิดอยู่เสมอ สัญลักษณ์นกแร้งหมายถึง ‘แม่’ เพราะนกแร้งทุกตัวเป็นเพศเมีย

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเนื้อหาเหล่านี้แทบทั้งหมดเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ปัญหาคือมันทำให้ผู้วิจัยคนต่อๆ มาเข้าใจผิด จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครสามารถแปลความหมายที่แท้จริงของอักษรอียิปต์โบราณได้

สำหรับคนในโลกนี้ อักษรอียิปต์โบราณเป็นอักษรที่ตายไปแล้ว ไม่มีใครสามารถถอดรหัสได้ แต่ตอนนี้ เหลียงเอินจากอีกโลกหนึ่งได้ครอบครองกุญแจนั้นแล้ว

ขั้นตอนแรกนั้นง่ายมาก นั่นคือการแก้ไขความเข้าใจผิดเดิมที่ว่าอักษรอียิปต์โบราณเป็นอักษรภาพที่แสดงความหมายล้วนๆ

ดังนั้นสำหรับบทความแรก เขาเพียงต้องการพิสูจน์โดยการเปรียบเทียบชื่อในคาร์ทูชพระนามราชวงศ์ทอเลมี ว่าอักษรอียิปต์โบราณสามารถใช้เป็นตัวอักษรเพื่อแทนการออกเสียงได้

และเมื่อมีพื้นฐานนี้แล้ว เขาสามารถทำซ้ำขั้นตอนการวิจัยของช็องปอลียงในสมองของเขาทีละขั้นตอน จนในที่สุดถึงถอดรหัสอักษรอียิปต์โบราณในโลกนี้ได้

“น่าเสียดายจัง ตอนแรกฉันตั้งใจจะชวนนายไปดื่มที่บาร์ แต่ดูเหมือนจะต้องรอหลังจากงานประมูลจบแล้วค่อยดื่มฉลองความสำเร็จ” เพียร์ซไม่รู้แผนการของเหลียงเอิน แต่เขารู้ว่าเรื่องทางวิชาการนั้นสำคัญกว่าการดื่มเหล้ามาก

พูดแล้วก็ต้องลงมือทำทันที หลังจากกลับมาจากร้านของเพียร์ซ เหลียงเอินก็เริ่มต้นตามแนวคิดของช็องปอลียง โดยใช้ชื่ออักษรอียิปต์โบราณของทอเลมีและคลีโอพัตราเป็นตัวอย่าง เพื่อตั้งสมมติฐานว่าการเขียนอักษรอียิปต์โบราณของทั้งสองชื่อนั้นใช้สัญลักษณ์เฉพาะแทนการออกเสียง

หลังจากเสนอแนวคิดนี้ เขาได้ใช้กฎที่ตั้งสมมติฐานไว้เพื่อถอดรหัสชื่ออเล็กซานเดอร์ และในที่สุดก็ใช้วิธีนี้เพื่อถอดรหัสชื่อฟาโรห์ต่างชาติอันเป็นที่รู้จักกันในจารึกอักษรอียิปต์โบราณ

สำหรับเหลียงเอิน งานนี้ไม่ยาก แต่ค่อนข้างยุ่งยากทีเดียว

โชคดีที่เขาเพิ่งจบการศึกษาได้สองเดือนกว่าๆ ดังนั้นทักษะการเขียนบทความของเขาจึงอยู่ในระดับชำนาญ และในยุคอินเทอร์เน็ตแบบนี้ เขาสามารถสืบค้นข้อมูลที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย

ดังนั้นหลังจากทำงานหนักอยู่สามวัน เขาก็เขียนบทความเสร็จและส่งไปยังสมาคมวารสารโบราณคดีอังกฤษทางอีเมล

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด