ตอนที่ 10 การค้นพบโดยบังเอิญ
ตอนที่ 10 การค้นพบโดยบังเอิญ
คิดได้ดังนั้น เหลียงเอินจึงประเมินขนาดของห้องครัวคร่าวๆ แล้วจำกัดขอบเขตการตรวจจับให้มีขนาดเท่ากับห้องครัว จากนั้นก็ใช้งานการ์ด [ตรวจจับ (N)]
ชั่วพริบตา การ์ดนั้นก็หายไปจากใจของเขา พลังบางอย่างไหลเข้าสู่ดวงตาของเหลียงเอิน แล้วแสงสีขาวสว่างจ้าก็ปรากฏขึ้นรอบตัวเขา
“ดูเหมือนที่นี่จะไม่มีช่องลับ” เหลียงเอินยิ้มเมื่อพบว่าแสงนั้นมาจากกองของตรงหน้า ก็จริงอย่างที่คิด คงเป็นไปไม่ได้ที่ทุกที่ที่เขาไปจะมีสมบัติซ่อนอยู่
เหลียงเอินมองดูสิ่งของที่เปล่งแสงผ่านช่องว่างระหว่างของต่างๆ ด้วยความอยากรู้ เนื่องจากถูกกองของรกๆ บดบังไว้ เขาจึงเห็นเพียงแผ่นทองแดงโค้งมนและเรียบเนียน
“นี่มันหม้อหรือกระทะกันแน่?” เหลียงเอินครุ่นคิดถึงของต่างๆ ที่เขาเก็บมาจากมุมห้อง
แต่ไม่นานเขาก็เริ่มเก็บกวาดของที่กองอยู่บนภาชนะนั้น เพราะตระหนักว่าวิธีที่ง่ายที่สุดในการรู้ว่ามันคืออะไรก็คือการหยิบออกมาดู
“ทำอะไรอยู่น่ะ?” เพียร์ซถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นเหลียงเอินเริ่มแยกของที่กองอยู่ทีละชิ้น เขาเพิ่งกลับมาจากนอกบ้าน
“อ้อ ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าของที่เราเก็บได้มีชิ้นหนึ่งดูพิเศษ เลยอยากหยิบออกมาดูซะหน่อย”
เพียร์ซมองไม่เห็นแสงที่เกิดจากการใช้การ์ด จึงรู้สึกแปลกใจกับพฤติกรรมของเหลียงเอิน
“หรือว่าจะมีสมบัติจริงๆ?” เพียร์ซตื่นเต้นขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเหลียงเอินพูด
ถึงแม้ของเหล่านั้นจะเป็นของของเหลียงเอิน แต่เนื่องจากเขาเพิ่งถูกเศรษฐีชาวรัสเซียหลอก จึงยินดีเป็นอย่างยิ่งเมื่อเห็นเพื่อนของเขาพบสมบัติที่เศรษฐีลืมไว้
“อาจไม่ใช่ก็ได้ แต่น่าจะเป็นของที่มีค่าที่สุดในห้องนี้แล้ว” เหลียงเอินส่ายหัวพร้อมรอยยิ้มหลังจากคิดถึงเนื้อหาบนการ์ด จากนั้นก็หยิบหม้อตุ๋นขนาดกลางในสภาพสมบูรณ์ใบหนึ่งออกมาจากกองข้าวของ
สุดท้าย ทั้งสองคนก็หยิบเป้าหมายที่พวกเขากำลังตามหาออกมาจากเตาเหล็กหล่อตรงกลางกอง ทันทีที่เหลียงเอินสัมผัสหม้อทองแดง แสงบนหม้อก็หายไป
มันเป็นหม้อทองแดงขนาดใหญ่ที่มีฝาปิด ดูเหมือนจะใหญ่กว่าเอวของผู้ชายสองคนรวมกัน รูปทรงทรงกระบอก มีฝาปิดและหูจับสองข้าง
“หม้อใหญ่ขนาดนี้ ถ้าต้มอาหารทีเดียวคงได้กินกันได้ยี่สิบสามสิบคน” เพียร์ซอุทานด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นหม้อใบนี้
ตอนนี้เขาเชื่อแล้วว่าหม้อใบนี้เป็นของที่มีค่าที่สุดในกองของ อย่างน้อยจากประสบการณ์ของเขา ของใช้ประจำวันที่มีขนาดใหญ่หรือเล็กผิดปกติ เมื่อเทียบกับของชนิดเดียวกันมักจะขายได้ราคาดี
“ของชิ้นนี้น่าจะเป็นหม้อที่ใช้ปรุงอาหารสำหรับคนใช้ในสมัยนั้น ส่วนอาหารของเจ้าของคฤหาสน์และแขกคงทำในครัวชั้นล่างด้วยหม้อใบเล็ก” เหลียงเอินเคาะหม้อทองแดงเบาๆ
หม้อใบนี้ถูกวางไว้ที่ด้านล่างสุดของตู้ ตอนที่เจอ ด้านบนเต็มไปด้วยฝุ่น คราบออกไซด์สีดำ และขี้เถ้า ดูไม่น่าสนใจเลย
สิ่งที่ผิดปกติเพียงอย่างเดียวคือ ตอนเจอหม้อ ฝาหม้อที่เต็มไปด้วยฝุ่นถูกเช็ดออกไปเป็นพื้นที่เท่าแสตมป์ เผยให้เห็นสีทองแดง
เห็นได้ชัดว่า คนที่เคยค้นหาที่นี่ก็เห็นหม้อใบนี้ แต่เนื่องจากมันไม่มีลวดลาย แถมยังมีขนาดใหญ่เกินไป และดูเหมือนจะเป็นของคนใช้ จึงถูกทิ้งไว้
อย่างไรก็ตาม เศรษฐีชาวรัสเซียคนนั้นเป็นคนรวย เขาอาจจะเก็บของมีค่าในห้องไปก่อน แต่การเก็บหม้อทองแดงหรือเตาเหล็กหล่อไปด้วยอาจดูไม่เหมาะสม ถึงแม้เพียร์ซจะดูตื่นเต้น แต่เหลียงเอินก็ยังรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เพราะเตาเหล็กหล่อสมัยวิคตอเรียที่วางอยู่ใต้หม้อมีลวดลายนูนต่ำ พร้อมด้วยเครื่องมือที่เกี่ยวข้องอย่างคีมคีบ กล่องกราไฟท์ ปล่องไฟ และแปรงขนแข็ง ทั้งหมดยังอยู่ในสภาพดี ตามหลักแล้วน่าจะมีราคาแพงกว่าหม้อทองแดงใบใหญ่
“ต้องมีอะไรบางอย่างที่ฉันยังหาไม่เจอ” เหลียงเอินคิด แต่เขารู้ว่าการทำความสะอาดหม้อที่นี่ไม่เหมาะสมนัก
ดังนั้นเขาและเพียร์ซจึงขนของเหล่านั้นขึ้นรถของเพียร์ซ แล้วเรียกผู้รับผิดชอบที่เศรษฐีมอบหมายงานไว้มาตรวจสอบ
ไม่นาน ห้องทั้งสี่ห้องก็ได้รับการตรวจสอบ หลังจากรับค่าแรง 1,800 ปอนด์จากผู้รับผิดชอบ ทั้งสองคนก็ขับรถตรงกลับลอนดอนทันที
พวกเขาไม่อยากอยู่ในสถานที่ที่หลอกลวงพวกเขาแม้แต่วินาทีเดียว
โชคดีที่ทั้งสองคนทำงานได้รวดเร็ว จึงเสร็จงานเร็วกว่าที่คาดไว้ เมื่อขับรถกลับลอนดอน ท้องฟ้าเพิ่งจะมืดได้ไม่นาน
พอกลับถึงลอนดอนแล้ว ทั้งสองคนไม่ได้กลับบ้านทันที แต่ซื้อฟิชแอนด์ชิปส์และเครื่องดื่มแล้วตรงไปที่ร้านขายของเก่า
ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้เข้าทางประตูหน้า แต่ขับรถไปจอดที่ประตูโกดังด้านหลังร้าน
“ฉันว่าจะเริ่มทำความสะอาดของคืนนี้เลย นายล่ะ?” เพียร์ซหันไปถามเหลียงเอินหลังจากกินอาหารมื้อเย็นกันในรถ
“เอาด้วย ของฉันมีหลายชิ้นที่ทำความสะอาดง่าย พอทำความสะอาดเสร็จแล้วจะได้ขายให้นายคืนนี้เลย” เหลียงเอินพูดพลางเปิดประตูรถและเดินไปที่โกดัง
เนื่องจากความร่วมมือกันก่อนหน้านี้ ประกอบกับห้องที่เหลียงเอินเช่ามีขนาดเล็ก เครื่องมือทำความสะอาดของเขาจึงเก็บไว้ที่ร้านของเพียร์ซ
หลังจากใช้รถยกขนของจากรถบรรทุกทั้งสองคันลงโกดังแล้ว ทั้งสองคนก็เริ่มทำความสะอาดภายใต้แสงไฟสว่าง หลังจากทำความสะอาดชามดินเผาเสร็จ เหลียงเอินก็วางหม้อใบใหญ่ไว้บนโต๊ะทำงาน
“นี่มันอะไรกัน?” ขณะที่เขาเช็ดฝุ่นออกจากหม้อและเริ่มทำความสะอาดคราบเขม่า ตัวอักษรบางตัวก็ปรากฏขึ้นตรงก้นหม้อที่สะอาดแล้ว
“น่าจะเป็นภาษาอาหรับ” เพียร์ซพูด เขาถูกเสียงเหลียงเอินเรียกมาดู “ฉันอ่านไม่ออก แต่ตัวอักษรแบบนี้ดูคุ้นๆ”
“หรืออาจไม่ใช่ มีหลายภาษาเลยที่ใช้ตัวอักษรอาหรับ เหมือนกับที่ยุโรปตะวันตกใช้อักษรละติน” เหลียงเอินพูดพลางทำความสะอาดก้นหม้อ
“งั้นเราต้องขัดถูตัวอักษรพวกนี้ให้เสร็จก่อน เราถึงจะรู้ว่าตัวอักษรพวกนี้หมายถึงอะไร”
ด้วยความช่วยเหลือของเพียร์ซที่วิ่งมาช่วยเพราะความอยากรู้ ทั้งสองคนจึงช่วยกันทำความสะอาดตัวอักษรที่สมบูรณ์ได้อย่างรวดเร็ว หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียด เหลียงเอินก็รู้ว่าคำนั้นหมายถึงอะไร
“คอนสแตนติโนเปิล ดูเหมือนว่านี่จะเป็นหม้อที่มีสตอรี่อีกแล้ว” เหลียงเอินเคาะตัวอักษรบนนั้นเบาๆ ด้วยนิ้วชี้ขวา พร้อมกับถอนหายใจ