ตอนที่แล้วบทที่ 84 พี่รอง แอบกินของอร่อยหรือเปล่า?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 86 ใจเริ่มไม่สงบ

บทที่ 85 บันทึกการเลื่อนตำแหน่งของหยางฟางฟาง


“เว่ยตง นายพูดถูกจริงๆ นะ”

เช้าวันถัดมา ระหว่างมื้ออาหาร หยางฟางฟางมองไปที่หลี่เว่ยตงด้วยสายตาชื่นชม

“อะไรหรือ?”  หลี่เว่ยตงงุนงงอย่างมาก  เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

“ก็เมื่อคืนในการประชุมใหญ่ของทั้งลาน ฉันยังยกมือโหวตด้วยนะ”

หยางฟางฟางซึ่งเพิ่งเข้าร่วมเป็นครั้งแรก ดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ

ตอนนั้นเธอยังพยายามจะดึงหลี่เว่ยตงไปด้วย แต่เขากลับปฏิเสธ

“ย่าผู้เฒ่าคนแรกให้สวีต้าม่าวขอโทษสือจวี้ก่อน แต่เขาไม่ยอม จากนั้นผู้เฒ่าทั้งสามก็รุมตำหนิเขา ยังยกตัวอย่างเจี่ยจางซื่อเป็นอุทาหรณ์

จากนี้ใครก็ตามที่ชอบซุบซิบนินทา ว่าร้ายผู้อื่น จะต้องได้รับการลงโทษอย่างรุนแรง

จากนั้นย่าผู้เฒ่าคนแรกให้ทุกคนในลานยกมือโหวต ฉันเห็นทุกคนยกมือเลยยกตามไปด้วย

สุดท้ายสวีต้าม่าวเลยต้องยอมขอโทษสือจวี้”

หยางฟางฟางพูดจ้อไม่หยุด

“แต่สือจวี้ก็ต้องจ่ายเงินสองหยวนเป็นค่ารักษาพยาบาลเพราะทำสวีต้าม่าวเจ็บตัว บอกให้เขาเอาเงินไปซื้อไก่ตัวผู้ที่ไข่ได้มาทำอาหารกิน”

ได้ยินแบบนี้ หลี่เว่ยตงแทบกลั้นหัวเราะไม่อยู่   ปากของสือจวี้ก็ยังแสบเหมือนเดิม

“พี่สะไภ้ ไก่ตัวผู้ไม่สามารถไข่ได้นะ”

ที่โต๊ะอาหาร หลี่เสวี่ยหรูกำลังก้มหน้ากินโจ๊ก เอ่ยขึ้นอย่างไร้เดียงสา

“กินข้าวของเธอไป ผู้ใหญ่พูดกัน เด็กอย่ายุ่ง”

จางซิ่วเจินดุลูกสาวเสียงดุ ...เธอสังเกตเห็นว่าลูกสาวเริ่มซุกซนมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งทุบกระจกบ้านคนอื่น ทั้งไปดูคนตีกัน แบบนี้ไม่เหมือนเด็กผู้หญิงเลย!!  รอให้ผ่านช่วงนี้ไปก่อน เธอต้องจัดการอย่างจริงจัง

หลี่เสวี่ยหรูแอบแลบลิ้นเบาๆ  ในบ้านหลังนี้ คนเดียวที่เธอกลัวคือจางซิ่วเจิน เพราะแม่ไม่ใช่แค่ขู่แต่ลงมือจริง

จากนั้นเธอแอบมองพี่ชายคนที่สาม แล้วหันไปหาพี่ชายคนที่สองเพื่อขอความช่วยเหลือ

หลี่เว่ยตงแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น เพราะรู้ดีว่าความสัมพันธ์แม่ลูกแน่นแฟ้น เขาไม่ควรเข้าไปยุ่ง

จากนั้นเขาหันไปพูดกับหยางฟางฟาง “พี่สะใภ้ใหญ่ ต่อไปถ้ามีประชุมใหญ่ลาน เธอเป็นตัวแทนครอบครัวเราไปเถอะ”

“หา? ฉันเป็นตัวแทนเหรอ? แบบนี้เหมือนได้เลื่อนตำแหน่งเลยสิ”   หยางฟางฟางตาโตด้วยความประหลาดใจ

จริงๆ แล้ว แต่ก่อนครอบครัวหลี่ไม่ค่อยได้เข้าร่วมการประชุมใหญ่ของลานเท่าไร ทุกคนชินกับเรื่องนี้ไปแล้ว

แต่เมื่อหลี่เว่ยตงเข้ามา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

หลี่ซูฉวินมองว่า การเข้าร่วมแบบนี้ไม่ใช่เรื่องดี เพราะจะทำให้เสียสถานะที่อยู่เหนือกว่าของครอบครัว

แต่ในสายตาหลี่เว่ยตง หลี่ซูฉวินก็แค่หลอกตัวเอง

ไม่ว่าครอบครัวหลี่จะพยายามเงียบแค่ไหน ตราบใดที่ยังอยู่ในลานนี้ พวกเขาจะต้องถูกจับตามองเสมอ

“ใช่ เธอเป็นสะใภ้ใหญ่ของครอบครัวหลี่ เรื่องเล็กๆ แบบนี้เธอจัดการได้อยู่แล้ว”

หลี่เว่ยตงพูดอย่างจริงจัง  ถ้าหลี่เว่ยหมินได้ยินคงรีบโวยวายทันที

ในเมื่อสะใภ้ใหญ่ทำหน้าที่ได้ แล้วทำไมลูกชายคนโตถึงไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะนั่งร่วมโต๊ะกินข้าว?

ใช่ ตอนนี้หลี่เว่ยหมินไม่ได้กินข้าวร่วมโต๊ะกับคนอื่นอีกต่อไป อาหารของเขาถูกหยางฟางฟางยกไปให้ที่ห้อง

และเขาก็ไม่ได้กินข้าวสาลีที่หลี่เว่ยตงนำมา แต่เป็นส่วนที่มาจากบัตรปันส่วนของเขาเอง

หลี่เว่ยตงบอกว่า ในเมื่อเขาไม่ได้มีส่วนช่วยเหลือครอบครัวเลย ก็ไม่มีสิทธิ์กินข้าวดีๆ ของบ้าน จะกินอะไรให้ใช้อย่างประหยัด

ด้วยเหตุนี้ หลี่เว่ยหมินจึงถูกส่งไป ‘ห้องเย็น’

แม้แต่เนื้อ ข้าวสาลี ไข่ หรือแอปเปิ้ล หยางฟางฟางก็ไม่กล้าแอบเอาให้เขา

หลังจากโวยวายหลายครั้งและอดอยากอยู่หลายมื้อ ในที่สุดหลี่เว่ยหมินก็ยอมแพ้

เพราะตอนนี้เขาขาหัก เคลื่อนไหวลำบาก จะสู้หลี่เว่ยตงหรือแม้แต่ภรรยาเขาเองก็ไม่ได้

แต่ในใจเขาเก็บความแค้นต่อทุกคนในบ้านไว้หมด

แม้แต่หลี่เว่ยปินและหลี่เสวี่ยหรู  เพราะทั้งคู่กล้ากินแอปเปิ้ลต่อหน้าเขา โดยไม่แบ่งให้เขาสักชิ้น

นี่มันไม่เห็นหัวเขาชัดๆ เขาจะไม่ลืมเรื่องนี้แน่นอน

“แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ต่อไปในลานมีเรื่องอะไร เราก็รู้ได้ทันที จะได้ไม่ต้องให้ผู้เฒ่าคนที่สองกับคนที่สามวิ่งมาหาเราอีก”

จางซิ่วเจินพยักหน้าเห็นด้วยกับข้อเสนอของหลี่เว่ยตง ยังไงเธอก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนั้น

หลี่ซูฉวินเห็นทั้งสองคนจัดการเรื่องราวเรียบร้อยก็หงุดหงิดมาก

นี่พวกเขาไม่เห็นหัวเขาเลยใช่ไหม?

เขายังเป็นหัวหน้าครอบครัวนี้อยู่ไหม?

จางซิ่วเจินที่รู้จักสามีดี รีบพูดปิดปากเขา “หรือคุณอยากไปแทน?”

ได้ยินแบบนี้ หลี่ซูฉวินรีบปิดปากเงียบ

ถึงเขาจะเป็นหัวหน้าระดับหนึ่ง แต่ให้เขาไปร่วมประชุมใหญ่ลานในฐานะผู้ชมดูผู้เฒ่าสามคนแสดง มันน่าอายเกินไป

“ว่าแต่ เดี๋ยวคุณต้องเดินไปทำงานนะ ถือว่าได้ออกกำลังกาย จักรยานให้เว่ยตงใช้แล้วกัน”

หลี่ซูฉวินฟังคำพูดของภรรยาแล้วรู้สึกเหมือนอยู่ไม่ได้อีกต่อไป

“ทำไมล่ะ?”

“ก็คุณแก่แล้ว ยังจะแย่งจักรยานกับเด็กอีกหรือ?” จางซิ่วเจินพูดอย่างไม่แยแส

หลี่ซูฉวินได้แต่นิ่งอึ้ง ถึงเขาจะแก่ แต่ไม่ใช่ว่าลูกต้องให้ความเคารพหรือ?  ยิ่งแก่ก็ยิ่งควรได้จักรยานสิ

“แม่ ไม่ต้องหรอก ผมเดินไปก็ได้” หลี่เว่ยตงกลับปฏิเสธอย่างคาดไม่ถึง

เพราะเมื่อวานเขานัดคนไว้ ว่าจะเดินไปทำงานด้วยกัน

แต่เขากลับลืมไปว่า จะเดินไปด้วยกัน ก็ไม่ได้หมายความว่าจักรยานใช้ไม่ได้สองคัน

“ฉันอิ่มแล้ว”  ยังไม่ทันให้จางซิ่วเจินพูดอะไรต่อ หลี่ซูฉวินก็วางชามลง แล้วลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว

พร้อมทั้งส่งสายตาให้หลี่เว่ยตงเหมือนจะบอกว่า “เด็กคนนี้ยังพอมีหัวคิด รู้จักไม่แย่งของพ่อ”

หลังจากหลี่ซูฉวินจากไป จางซิ่วเจินจึงพูดต่อ “ตอนนี้จักรยานใหม่แพงมาก ถ้าอย่างนั้นลองหาวิธีหาคันเก่ามาให้ก่อนดีไหม?”

จักรยานใหม่ราคาห้าหกร้อยหยวน ซึ่งสำหรับครอบครัวในตอนนี้ ถือเป็นเงินจำนวนมากที่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาได้

ถึงแม้ว่าการซ่อมแซมบ้านของหลี่เว่ยตง ส่วนใหญ่เขาออกเงินเอง แต่ก่อนหน้านั้น ค่ารักษาพยาบาลของหลี่เว่ยหมินก็ใช้เงินไปไม่น้อย

“แม่ ไม่ต้องหรอกครับ คิดดูดีๆ ผมก็ทำงานที่นั่นแค่สามเดือนเอง แล้วหลังจากนั้นจะไปไหนยังไม่รู้เลย ซื้อมาก็เสียเงินเปล่า รอไปถึงปีหน้า บางทีจักรยานใหม่อาจจะราคาถูกลงก็ได้”

หลี่เว่ยตงตอบหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง  หากเขาจำไม่ผิด กลยุทธ์การตั้งราคาสูงไม่ได้ยืดเยื้อไปนานนัก

ตอนนี้ไม่ว่าจะซื้อใหม่หรือมือสอง ก็เหมือนจ่ายภาษีความโง่

“ก็ได้ งั้นรออีกสักพัก” จางซิ่วเจินไม่ได้เร่งรัดอะไร เธอคิดว่าเงินเดือนของสามีในอีกสองสามเดือนข้างหน้าจะสามารถเก็บออมได้ ถ้าราคาจักรยานกลับมาเหมือนเดิมจริงๆ การกัดฟันซื้อก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไป

หลังจากหลี่เว่ยตงกินข้าวเสร็จ เขาก็กล่าวลาคุณย่า แล้วออกไปยังจุดนัดหมาย

ที่นั่น ท่ามกลางสายลม  มีเงาร่างหนึ่งรออยู่

(จบบท)######

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด