บทที่ 67 การเอ็นดูแห่งสายธาร!
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! เสียงฆ้องดังก้องเก้าครั้ง กังวานไปทั่วท่าเรือไม่ขาดสาย
สองข้างแท่นบูชา หมอผีถือไม้สั้นร่ายรำขับขานบทสวด หากตั้งใจฟังจะพบว่าทุกเสียงล้วนสั่นระริก หากฟังครั้งแรกอาจคิดว่านี่เป็นเอกลักษณ์ของบทสวดบูชา
เจ้าพิธีมองร่างที่ยืนอยู่ด้านข้าง สูดหายใจลึกให้อกขยับขึ้นลง สงบจิตใจแล้วตะโกนเสียงทุ้ม "ประธานพิธี เริ่มได้!"
นักดนตรียกแตรทองเหลือง กลองหนังวัวถูกตีด้วยไม้ใหญ่ เสียงกลองก้องไปทั่วถนนหินสีเทา ดังขึ้นเรื่อยๆ ราวกับตีลงบนหัวใจผู้คน สะเทือนกังวาน
เหลียงฉวี่ลุกขึ้น ก้าวไปตามจังหวะกลองทีละก้าว ภายใต้สายตานับหมื่น เดินช้าๆ ตามแนวกลางแท่นบูชา ขึ้นบันไดสิบสามขั้น หยุดยืนบนแท่น
บนโต๊ะบูชายาวห้าฉื่อ ศีรษะผีภูเขาขนาดมหึมาหันหน้าสู่แม่น้ำ ดวงตาสีเหลืองขุ่นมัว เลือดดำเหนียวข้นไหลอาบด้านล่าง
"จุดธูป!" เหลียงฉวี่จุดธูปด้วยถ่านไฟ ก้มตัวปักลงในกระถาง
"ถวายสุรา!" เหลียงฉวี่รับขวดสุรา รินใส่ถ้วยสามใบให้เต็ม แล้วยืนนิ่ง
"อ่านบทสวด!" "เทพแห่งสายน้ำ ข้าน้อยขออาศัยพื้นที่เมืองอี้สิง ริมแม่น้ำไห่ รับความหวังของประชาชน รวมพลังศรัทธา นำพาผู้คนมาสักการะ ถวายบทสวดนี้"
"เมื่อเริ่มมีฟ้าดิน กำเนิดสรรพสิ่ง ฟ้ามีดวงตะวันจันทรา แผ่นดินมีแม่น้ำลำธาร หล่อเลี้ยงแดนกลาง บ่มเพาะสรรพชีวิต ภูผาขาวสายน้ำดำ นามว่าแม่น้ำไห่"
ผิวน้ำพันลี้ เกิดระลอกคลื่น ฟ้าดินกว้างใหญ่ เสียงกังวานไม่สิ้น
"กราบ!" [บูชาแม่น้ำไห่ ระดับความเอ็นดูของสายน้ำ +0.0001]
เหลียงฉวี่ไม่แสดงสีหน้า ค้อมกายคำนับลงต่ำ
"กราบอีกครั้ง!" สายลมพัดจากผืนน้ำ กระโชกแรงไม่หยุดหย่อน ชายเสื้อคลุมและแขนเสื้อสะบัดพลิ้วในสายลม
ชาวบ้านที่กำลังก้มกราบอดใจไม่ไหว เงยหน้ามอง เห็นชุดขาวเปื้อนเลือดใต้เสื้อคลุมดำ จิตใจสั่นสะท้าน ราวกับเทพเจ้าเสด็จมา!
เหลียงกวงเทียนที่แอบอยู่ท้ายฝูงชน ก้มกราบซ้ำแล้วซ้ำเล่า พอลุกขึ้นยืน เหงื่อเย็นท่วมแผ่นหลัง
ร่างบนแท่นบูชาสง่างามดั่งขุนเขา ไม่อาจเทียบกับร่างที่ขอข้าวด้วยท่าทางหลังค่อมเมื่อสามเดือนก่อน
จู่ๆ เขารู้สึกว่าหลานชายช่างแปลกหน้าและน่าหวาดกลัวเหลือเกิน
ความกลัวปนความเสียใจ
สายตาเขาเหลือบมองเฉินชิงเจียงที่ยืนแถวหน้าแท่นบูชา หากตอนนั้นให้ข้าวยืม จะเป็นภาพที่ต่างออกไปหรือไม่?
เสียงประทัดดังปะทุ เจ้าพิธีตะโกน เหลียงฉวี่ถอยลงจากแท่น
ชายสวมเสื้อคลุมฟางหลายคนขึ้นไปเต้นรำหน้าแท่นบูชา เสียงกลองดังสนุกสนาน
ทุกอย่างจบลง ทุกคนพร้อมใจกันถอนหายใจ พิธีบูชาสำเร็จลุล่วง ผีภูเขาบุกมาไม่ใช่ลางร้าย
เฉินเจ้าอานวางใจ เขาอายุเจ็ดสิบสองปีแล้ว ราชวงศ์ต้าเฉียนเพิ่งก่อตั้งได้หกสิบปี เขายังจำภาพการสถาปนาราชวงศ์ได้แจ่มชัด แต่ชีวิตที่ผ่านมายาวนาน ไม่เคยพบพิธีบูชาที่น่าตื่นเต้นเช่นนี้
ระหว่างพิธี ผีภูเขาบุกโจมตี แต่กลับถูกสังหารเป็นเครื่องบูชาแด่เทพแห่งสายน้ำ
อยู่มานาน ได้เห็นเรื่องแปลก จริงๆ อยู่มานานได้เห็นเรื่องแปลก ยิ่งอยู่นานยิ่งดี
เหลียงฉวี่ลงจากแท่นบูชา เฉินเจ้าอานและผู้อาวุโสหมู่บ้านรีบล้อมเขาไว้ทันที
พิธีเสร็จแล้ว แต่คำถามในใจพวกเขายังไม่ได้คำตอบสักข้อ
ทำไมผีภูเขาถึงปรากฏตัวที่นี่? มันใช่ตัวที่ฆ่านักยุทธ์ที่เมืองผิงหยางที่เล่าลือกันหรือไม่? ต่อไปจะมีอีกไหม มีอันตรายอีกไหม?
เหลียงฉวี่โบกมือ ชี้บาดแผลบนร่าง "ขอไปอาบน้ำก่อน แล้วช่วยเรียกหมอให้ที"
"โอ้ ได้ๆ ควรแล้ว ไปที่บ้านข้าเถอะ"
เฉินเจ้าอานและคนอื่นๆ เพิ่งนึกได้ว่าเหลียงฉวี่ยังบาดเจ็บอยู่ ผู้อาวุโสคนหนึ่งรีบเชิญทุกคนไปที่บ้าน คฤหาสน์ใหญ่มีสิงโตหินเฝ้าข้างท่าเรือ ที่ชาวบ้านส่วนใหญ่หลบภัย
ผู้อาวุโสเข้าบ้านสั่งคนต้มน้ำ กำลังจะส่งลูกชายคนโตไปเรียกหมอ หมอก็รีบออกมาเอง "คุณชายเหลียง ข้าอยู่นี่"
พิธีบูชาเทพแห่งสายน้ำเป็นเรื่องสำคัญ แม้ไม่ใช่ชาวประมงก็มาร่วมเท่าที่จะมาได้ หมอประจำโรงหมอในตลาดอี้สิงย่อมอยู่ในที่เกิดเหตุ ถึงขั้นยืนตำแหน่งค่อนข้างสูง แถวหน้าใกล้แท่นบูชา รองจากคหบดีบางคน อยู่แถวเดียวกับช่างฝีมือ
ส่วนชาวประมง ส่วนใหญ่อยู่กลางถึงท้ายแถว มีเพียงไม่กี่คนที่ยืนแถวหน้าได้
เหลียงฉวี่พยักหน้า ถอดเสื้อครึ่งท่อน เผยร่างท่อนบน "รบกวนท่านหมอช่วยดูให้ที"
บาดแผลร้ายแรงที่สุดของเขาคือที่หน้าอก ไหล่ และแขนขวา ล้วนถูกผีภูเขาข่วนกัด ทั้งหมดอยู่ครึ่งบนของร่างกาย
หมอเข้ามาใกล้ ตรวจดูครู่หนึ่งแล้วถามอย่างแปลกใจ "ไม่ทราบว่าเสื้อคลุมและเสื้อผ้าของคุณชายเหลียงทำจากวัสดุอะไร"
เหลียงฉวี่ตอบ "เสื้อคลุมเป็นของขวัญจากพี่รองในสำนัก ทำจากหนังหมีสุนัข ดาบหอกไม่อาจทะลุ ส่วนเสื้อผ้าเป็นของขวัญจากพี่แปดในสำนัก ผสมด้วยไหมสวรรค์"
ที่ชนะผีภูเขาได้ หนึ่งคือทะลวงด่านผิวหนัง พละกำลังและการป้องกันเพิ่มขึ้นมาก สองคือระดับการหลอมรวมพุ่งสูง สภาพร่างกายก้าวกระโดด สามคือพิษตะขาบ แม้ออกฤทธิ์ช้า แต่มีความสำคัญยิ่ง ให้การโจมตีสุดท้ายในยามคับขัน สุดท้ายคือชุดอาวุธวิเศษเต็มตัว
เขาอาจอ่อนแอ แต่มีอาวุธวิเศษหกชิ้น ทั้งปลอกแขน เสื้อคลุม รวมถึงเสื้อผ้าที่ผสมไหมสวรรค์และเข็มขัดหนังวัวเขา ล้วนรับการโจมตีถึงตายหลายครั้ง
ตลอดการต่อสู้กลับไม่เสียหาย แม้แต่ด้ายสักเส้นก็ไม่ขาด
ผู้อาวุโสไม่เคยได้ยินเรื่องหมีสุนัขหรือไหมสวรรค์ แต่กลับยิ่งรู้สึกว่าน่าทึ่ง
แอบทอดถอนใจ สมแล้วที่เป็นศิษย์เถ้าแก่หยาง แม้แต่เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็วิเศษถึงเพียงนี้
"น่าแปลกใจ น่าแปลกใจจริงๆ" หมอทำเสียงชื่นชม "คุณชายเหลียงได้รับการปกป้องจากเสื้อคลุมและเสื้อผ้าพวกนี้ อีกทั้งร่างกายก็แข็งแรงมีพลัง แม้บาดแผลดูรุนแรง แต้ที่จริงเป็นเพียงแผลถลอก เพียงแต่แผลลึกเลือดออกมาก ต้องระวังการติดเชื้อ โชคดีที่อากาศเย็น ไม่ค่อยอักเสบ เช็ดทำความสะอาดแผล ทายา พันผ้า พักฟื้นสักยี่สิบวันก็ไม่มีปัญหาใหญ่"
เหลียงฉวี่พยักหน้า ไม่โดนกระดูกก็ดีแล้ว ถ้าโดนกระดูกคงทรมานหนัก
เขาชี้ไปทางหลี่ลี่ปอกับเฉินเจี๋ยฉางที่อยู่ด้านข้าง "ท่านหมอช่วยดูเพื่อนทั้งสองของข้าด้วย"
"ได้ๆ" หมอเดินไปดูทั้งสองคน
เฉินเจี๋ยฉางไม่เป็นอะไรมาก นอกจากอ่อนแรงไปหน่อย บาดเจ็บหนักที่สุดคือตอนที่เขาถีบผีภูเขา ตัวเองล้มก้นกระแทกพื้น ถลอกมือนิดหน่อย
หลี่ลี่ปอน่าสงสารกว่า ผีภูเขาฟาดแขนเขาทีเดียว กระดูกท่อนแขนร้าว ไม่ถึงกับหัก แต่บาดเจ็บเส้นเอ็นกระดูกต้องร้อยวัน อย่างน้อยต้องสองสามเดือนถึงจะหาย
หลี่ลี่ปอทำหน้าเหมือนพ่อแม่ตาย "แย่แล้ว แล้วข้าจะฝึกยุทธ์ได้อย่างไร?"
หลี่ต้าคังผู้เป็นพ่อที่อยู่ข้างๆ ก็แสดงสีหน้ากังวล
เหลียงฉวี่หัวเราะ "วางใจเถอะ ข้าจะไปอธิบายสถานการณ์กับพี่ๆ ในสำนัก ถึงตอนนั้นขอลาสามเดือนให้ก็ได้"
หากไม่มีสองคนนี้ช่วยส่งดาบ ผีภูเขาคงไม่ง่ายที่จะจับได้ เหลียงฉวี่ย่อมต้องช่วยเหลือ
"จริงหรือ? งั้นไม่ต้องสามเดือนหรอก ไม่ได้หักนี่ สองเดือนก็พอ สองเดือนก็พอ"
"ข้าไม่ว่าอะไร แล้วแต่เจ้า"
หลี่ต้าคังดีใจ "งั้นก็รบกวนอาสุ่ยแล้ว"
"ไม่เป็นไรครับอา"
"หมอ หมอ มาดูข้าด้วย ข้าก็เจ็บนะ"
"ไปดูพวกเขาก่อน" หมอขอโทษแล้วรีบวุ่นกับคนไข้
ในลานบ้านมีผู้บาดเจ็บนอนอยู่หลายคน
ในเหตุการณ์ผีภูเขา ระหว่างวิ่งหนีอลหม่าน มีคนล้มและถูกเหยียบไม่น้อย โชคดีไม่มีใครตาย แต่ก็มีบางคนบาดเจ็บสาหัส
ยังมีอีกหลายคนตกใจจนกระโดดลงน้ำ โชคดีที่เหลียงฉวี่และคนอื่นๆ สู้จบเร็ว มีคนช่วยดึงขึ้นมาทันจึงไม่ตายเพราะความหนาว คนพวกนี้ถูกผู้อาวุโสหามเข้ามาในคฤหาสน์
พอเหลียงฉวี่อาบน้ำเสร็จ ล้างคราบเลือดสะอาด เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ หมอก็กลับมาทายาพันแผลให้อีกครั้ง
ผู้อาวุโสรวมตัวกันอีกครั้ง ร้อนใจอยากรู้คำตอบของคำถาม
(จบบท)