บทที่ 52 ผมก็เป็นโรคกลัวสังคมเหมือนกัน
บทที่ 52 ผมก็เป็นโรคกลัวสังคมเหมือนกัน
หลินเซินยิงปืน แต่เขาไม่ได้ยิงสวีเทียนเกอ แต่ยิงเหล่าโจวที่ยืนอยู่ข้างๆ สวีเทียนเกอ
ตระกูลสวีรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของตระกูลหลิน ตระกูลหลินก็รู้เรื่องของตระกูลสวีเช่นกัน
ก่อนที่หลินเซินจะมา เขาได้ดูข้อมูลโดยละเอียดของสวีเทียนเกอแล้ว
สวีเทียนเกอเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีพรสวรรค์ที่สุดของตระกูลสวี อายุไม่ถึงยี่สิบก็เป็นผู้วิวัฒนาการโลหะผสมแล้ว
นอกจากทรัพยากรจำนวนมากที่ตระกูลสวีให้แล้ว เขายังเป็นคนที่ขยันมาก ในอนาคตมีโอกาสสูงที่จะเป็นผู้นำคนใหม่ของตระกูลสวี
สำหรับผู้ที่มีความหวังของตระกูลแบบนี้ ตระกูลสวีต้องส่งปรมาจารย์มาคุ้มกัน
เหล่าโจวที่ไว้ผมขาวแต่หน้าตายังดูหนุ่ม ยืนอยู่ข้างๆ สวีเทียนเกอตลอด ตอนที่หลินเซินหยิบปืนออกมา เขาก็รีบปกป้องสวีเทียนเกอ และยังมองการข่มขู่ของหลินเซินด้วยความดูถูก
ถ้าหลินเซินยังดูไม่ออกว่าใครเป็นปรมาจารย์ที่คอยคุ้มกันสวีเทียนเกอ เขาก็คงโง่เต็มที
เมื่อเห็นหลินเซินยิงปืน และดูเหมือนจะยิงพลาด ปากกระบอกปืนเบนมาทางเขา เหล่าโจวก็ยิ่งดูถูกมากขึ้น
ถ้าเป็นการโจมตีของผู้วิวัฒนาการ เขาคงจะใช้พลังวิวัฒนาการ ใช้เกราะคริสตัลป้องกันตัว
แต่สำหรับปืน ในสายตาของเขา มันคือของไร้ค่า จะทำร้ายผู้วิวัฒนาการระดับคริสตัลอย่างเขาได้ยังไง?
เหล่าโจวอยากจะโชว์พลัง หมายจะใช้มือเปล่าจับกระสุน เพื่อให้สวีเทียนเกอเห็นความสามารถของเขา
แต่ในวินาทีที่เสียงปืนดังขึ้น เหล่าโจวก็รู้สึกเหมือนมีแสงวาบขึ้น เขาไม่ทันได้ตอบสนอง สมองก็ว่างเปล่า
“ฉันเป็นใคร?… ฉันอยู่ที่ไหน?… เกิดอะไรขึ้น?…” ความคิดเหล่านี้แวบเข้ามาในหัวของเหล่าโจว แล้วเขาก็ล้มลงไป
มีรูขนาดใหญ่ที่กลางหน้าผากของเขา ของเหลวสีแดงและสีขาวพุ่งออกมา
ทุกคนในถ้ำถึงกับแข็งทื่อ สวีเทียนเกอเหมือนหุ่นยนต์ หันคอไปทางเหล่าโจวอย่างฝืดๆ มองดูเหล่าโจวล้มลง ของเหลวสีแดงและสีขาวที่พุ่งออกมา กระเด็นมาโดนหน้าเขา
“เหล่าโจวตายแล้ว… ถูกปืนยิงตาย… เป็นไปได้ยังไง… ไม่จริงมั้ง… ฉันคงฝันไป” สวีเทียนเกอยืนนิ่ง เหมือนคนเสียสติ
รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้วิวัฒนาการคนอื่นๆ ในถ้ำแข็งค้าง เมื่อกี้หัวเราะเยาะอย่างสะใจมากแค่ไหน ตอนนี้ก็เจ็บปวดใจมากเท่านั้น
ลุงเล่ยทั้งตกใจและดีใจ ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง กระสุนนัดเดียวฆ่าปรมาจารย์ระดับคริสตัลที่อยู่ข้างๆ สวีเทียนเกอได้ เขาสงสัยว่าตัวเองกำลังฝันอยู่หรือเปล่า
“เมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนะ? ให้นายเล็งไปที่ไหน?” หลินเซินเล็งปืนไปที่สวีเทียนเกออีกครั้ง
ระดับคริสตัลแล้วไง? ระดับคริสตัลที่ไม่ได้ใช้พลังวิวัฒนาการ ร่างกายก็ไม่ได้ต่างจากสิ่งมีชีวิตคริสตัลมากนัก
แคปซูลสัตว์เลี้ยงในปืนคือผึ้งเกราะดำระดับโลหะผสมที่เทียนซินใส่ไว้ หลังจากที่ความเร็วถูกเร่งจนเกิน 44 ซึ่งเร็วกว่าระดับคริสตัล การเจาะกะโหลกของมนุษย์ระดับคริสตัลไม่ใช่เรื่องยาก
ถ้าเหล่าโจวไม่หยิ่ง ไม่ดูถูกปืนในมือหลินเซิน ใช้พลังวิวัฒนาการตั้งแต่แรก ใช้เกราะคริสตัลป้องกันตัว หลินเซินคงฆ่าเขาได้ยาก
แน่นอนว่า หลินเซินไม่ได้ให้โอกาสเขา ตั้งแต่แรกหลินเซินก็เล็งไปที่สวีเทียนเกอ ก่อนยิง ถึงเปลี่ยนเป้าหมายเป็นเหล่าโจว ถึงตอนนั้น ต่อให้เหล่าโจวจะใช้เกราะคริสตัลป้องกันตัวก็ไม่ทันแล้ว เพราะการใช้พลังวิวัฒนาการต้องใช้เวลา ไม่มีทางเร็วกว่าความเร็วของกระสุน
สวีเทียนเกอหันหน้ามาอย่างยากลำบาก ฝืนยิ้ม “พี่ชาย เข้าใจผิด ผมเข้าใจผิด จริงๆ แล้วผมก็เป็นโรคกลัวสังคม เมื่อกี้ผมตื่นเต้นไปหน่อย พูดผิดไป พี่อย่าถือสาเลยนะ”
สวีเทียนเกอกลัวจริงๆ เวลานี้เขารู้ซึ้งถึงความกลัวที่มนุษย์ถูกปืนและกระสุนครอบงำเมื่อสองร้อยกว่าปีก่อน ถึงแม้ว่าเขาจะมีเกราะโลหะผสมป้องกันตัว แต่เขาก็รู้สึกเหมือนไม่ได้ใส่อะไรเลย ไม่มีความรู้สึกปลอดภัย
ศพของเหล่าโจวยังคงมีเลือดไหล ตาเบิกโพลง ตายตาไม่หลับ ระดับคริสตัลยังถูกยิงตาย สวีเทียนเกอไม่คิดว่าตัวเองจะอึดกว่าระดับคริสตัล เขาไม่อยากตายตอนที่ยังหนุ่ม ยังมีอนาคตที่สดใสรออยู่
คนเรายิ่งมีอะไรมาก ก็ยิ่งไม่อยากจากโลกนี้ไปง่ายๆ
หลินเซินเดินไปหาสวีเทียนเกอ สวีเทียนเกอไม่กล้าขยับ แม้แต่ยกมือขึ้นยังไม่กล้า
หลินเซินเดินไปข้างหลังสวีเทียนเกอ เอาปืนจ่อที่ท้ายทอยของเขา
“อย่า… อย่ายิง… พี่ชาย… เรามาคุยกันดีๆ… ที่ผ่านมาผมผิดเอง… ผมขอโทษ…” ในวินาทีที่ปากกระบอกปืนจ่อที่หัว สวีเทียนเกอก็รู้สึกเหมือนวิญญาณจะหลุดออกจากร่าง เขาพูดด้วยเสียงสั่นเทา
วิธีการที่เว่ยหวู่ฟู่และหลินเซินเล่นงานคนโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง มันโหดเหี้ยมมาก โหดกว่าเขาอีก ใครจะรู้ว่าวินาทีต่อมาหลินเซินจะยิงเขาตายหรือเปล่า สวีเทียนเกอกลัวจริงๆ คนสองคนนี้ไม่ทำตามกฎปกติเอาเสียเลย
“พี่สาวฉันอยู่ไหน?” หลินเซินพูดอย่างใจเย็น
“พวกนายยืนบื้ออะไรกัน? ไอ้พวกไร้ค่า รีบไปเชิญคุณหนูใหญ่มานี่สิวะ” สวีเทียนเกอตะโกนใส่ผู้วิวัฒนาการที่ยืนนิ่งอยู่
ผู้วิวัฒนาการที่ตั้งสติได้ รีบวิ่งไปที่ถ้ำด้านข้าง
“หยุด” หลินเซินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
บางคนหยุด บางคนยังวิ่งต่อ
“ปัง!” เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้ง กระสุนเฉียดหัวสวีเทียนเกอไป ยิงเข้าที่หัวของผู้วิวัฒนาการที่กำลังวิ่งไปที่ถ้ำด้านข้าง หัวของเขาระเบิด
ทุกคนหยุดนิ่ง ไม่กล้าขยับ สวีเทียนเกอตัวชา ยืนนิ่ง ขาของเขาสั่น
ตอนที่หลินเซินยิง สวีเทียนเกอคิดว่าหลินเซินยิงเขา เขารู้สึกเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง
ตอนนี้เขายิ่งไม่กล้าขยับ ในระยะใกล้ขนาดนี้ เขายังมองไม่เห็นว่ากระสุนพุ่งออกไปได้ยังไง กระสุนเร็วมาก ไม่น่าจะเป็นความเร็วที่ปืนพกทำได้
“พี่ชาย จะให้ผมทำอะไร ผมยอมทำตามทุกอย่าง” สวีเทียนเกอกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
“เว่ยหวู่ฟู่ ลุงเล่ย ไปรับพี่สาวฉันออกมา” หลินเซินพูดกับเว่ยหวู่ฟู่และลุงเล่ย
“ได้” เว่ยหวู่ฟู่ตอบรับ แล้วเดินไปที่ถ้ำด้านข้าง
“คุณชายน้อย วางใจได้ พวกเราจะไปรับคุณหนูใหญ่เดี๋ยวนี้”
“ส่วนนาย นำทางไป” หลินเซินชี้ไปที่ผู้วิวัฒนาการคนหนึ่ง
ผู้วิวัฒนาการคนนั้นรีบพาเว่ยหวู่ฟู่และลุงเล่ยไปที่ถ้ำด้านข้าง ไม่กล้าชักช้า
ก่อนหน้านี้ในปืนพกทูตสวรรค์มีกระสุนแค่นัดเดียว แต่ตอนนี้มีมากกว่าหนึ่งนัดแล้ว ตั้งแต่หลินเซินกลับมาที่ฐานเสวียนเหนี่ยว เขาก็พยายามหาแคปซูลสัตว์เลี้ยงมาใส่ให้เต็มทั้งเจ็ดช่อง
โชคดีที่เขามีเงิน ตระกูลหลินก็มีของสะสม ไม่งั้นคงหายาก
หลินเหมียวและคนของกองคาราวานถูกล่ามโซ่ไว้ ขังอยู่ในถ้ำ
หลินเหมียวยังดูใจเย็น แต่คนอื่นๆ ดูวิตกกังวล
พวกเขารู้ว่าคุณชายสามและคุณชายสี่ไม่อยู่ที่ฐานก่อนที่กองคาราวานจะออกเดินทาง ถ้าคุณชายสามและคุณชายสี่ยังไม่กลับมา ใครจะมาช่วยพวกเขา? ใครจะกล้ามาช่วยพวกเขา?
หลินเหมียวดูเหมือนจะใจเย็น แต่จริงๆ แล้วในใจเธอก็กังวล แน่นอนว่าเธอก็รู้ว่าน้องสามและน้องสี่ไม่อยู่ที่ฐานเสวียนเหนี่ยว แต่ในฐานะผู้นำตระกูล และหัวหน้ากองคาราวาน เธอจะแสดงความอ่อนแอไม่ได้
“คุณหนูใหญ่ คุณว่าคุณชายสามกับคุณชายสี่จะมาทันไหม?” ถึงแม้จะถามไปหลายครั้งแล้ว แต่ผู้วิวัฒนาการหนุ่มในกองคาราวานก็อดถามอีกไม่ได้
“ทัน” หลินเหมียวตอบอย่างใจเย็น ไม่ลังเลเลย
ชายหนุ่มรู้สึกโล่งใจ พิงกำแพง สูดหายใจเข้าลึกๆ อารมณ์สงบลงมาก
ทันใดนั้น ประตูหินที่ปิดปากถ้ำก็เปิดออก มีคนสามคนเดินเข้ามา
“คุณหนูใหญ่ ลำบากคุณแล้ว พวกเรามาช่วยแล้ว” ลุงเล่ยเห็นหลินเหมียวถูกล่ามโซ่นั่งอยู่บนพื้น ก็น้ำตาไหล เพราะหลินเหมียวไม่เคยตกอยู่ในสภาพยากลำบากแบบนี้มาก่อน
ทุกคนเห็นลุงเล่ยก็ดีใจ หลินเหมียวก็ดีใจ แต่เธอก็ยังถามอย่างใจเย็นว่า “น้องสามหรือน้องสี่มา?”
“คุณหนูใหญ่ ไม่ใช่ทั้งสองคน คุณชายสามกับคุณชายสี่ยังไม่กลับมาที่ฐาน” ลุงเล่ยแย่งกุญแจมาจากผู้คุม ปลดล็อกโซ่ให้หลินเหมียว แล้วพูด
“ไม่ใช่? แล้วใครพาไข่วิวัฒนาการที่กลายพันธุ์มาแลกตัว?” หลินเหมียวประหลาดใจเล็กน้อย
“ไม่มีไข่วิวัฒนาการที่กลายพันธุ์ คนที่ส่งไข่วิวัฒนาการที่กลายพันธุ์มา อาจจะเกิดเรื่องระหว่างทาง ยังไม่กลับมาถึงฐาน” ลุงเล่ยพูดอีกครั้ง
“แล้วทำไมตระกูลสวีถึงยอมปล่อยพวกเรามา?” หลินเหมียวมองลุงเล่ยด้วยความสงสัย ในเมื่อน้องสามและน้องสี่ไม่อยู่ และไม่มีไข่วิวัฒนาการที่กลายพันธุ์ไปแลกตัว ทำไมสวีเทียนเกอถึงยอมปล่อยพวกเขามา?
คนอื่นๆ ในกองคาราวานก็มองไปที่ลุงเล่ย พวกเขาก็สงสัยเหมือนหลินเหมียว
“เป็นคุณชายน้อย…” ลุงเล่ยพูดด้วยความตื่นเต้น
“คุณชายน้อย? คุณชายน้อยของพวกเราเหรอ” ทุกคนงง นึกไม่ออกว่าลุงเล่ยหมายถึงใคร ในความทรงจำของพวกเขา หลินเซินเป็นแค่คุณชายน้อยที่เอาแต่กิน ดื่ม เล่น สนุก
“น้องห้ามา?” หลินเหมียวเป็นคนแรกที่รู้ตัว
เธอรู้นิสัยของหลินเซินดี ไม่มีใครดูแลบ้าน หลินเซินมานี่ก็ไม่แปลก แต่ที่เธอสงสัยคือ หลินเซินไม่มีไข่วิวัฒนาการที่กลายพันธุ์ แล้วทำยังไงถึงให้ตระกูลสวียอมปล่อยคนมา แถมดูจากท่าทางและคำพูดของลุงเล่ยแล้ว ดูเหมือนว่าน้องชายของเธอจะทำเรื่องที่น่าทึ่งบางอย่าง
“คุณชายน้อยเก่งมาก…” ลุงเล่ยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างออกรสออกชาติ
ทำให้ทุกคนฟังแล้วอึ้งไป สงสัยว่าลุงเล่ยพูดผิด หรือพวกเขาฟังผิด
ปืนพกยิงปรมาจารย์ระดับคริสตัลตาย มันจะเป็นไปได้ยังไง? ให้เล่าเรื่อง ไม่ได้ให้เล่านิทาน!