บทที่ 24 ตระกูลหลี่ยื่นไมตรี
"ฟังทางนี้นะทุกคน! ตั้งแต่ครอบครัวนี้ย้ายเข้ามาในหมู่บ้านเรา พวกเขาก็ขึ้นไปล่าสัตว์และเก็บของป่าที่หลังเขาทุกวัน ข้าว่าพวกเขาคงคิดจะกวาดของบนเขาให้เกลี้ยง จะได้ไม่มีอะไรเหลือให้พวกเราเก็บอีก!"
สะใภ้ของหลิวไท่จู้ชื่อซูเหนียง แต่ดูเหมือนนิสัยของนางจะไม่ "สงบเรียบร้อย" เหมือนชื่อเลยสักนิด
ในขณะนั้น นางยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ มือเท้าสะเอว พยายามปลุกระดมชาวบ้านพร้อมกับพูดพลางพ่นน้ำลายใส่จ้าวอวี้หรู
จ้าวอวี้หรูหน้าแดงด้วยความโกรธ แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะมัวแต่คิดถึงฟู่หนิวเออร์ จึงเผลอออกไปที่หน้าหมู่บ้านเพื่อรอต้อนรับ แต่ทว่ากลับถูกผู้หญิงปากร้ายคนนี้ราวี
เถาหงอิงที่มีนิสัยร้อนแรงและเข้ากันได้ดีที่สุดกับจ้าวอวี้หรู รีบกระโดดลงจากรถลากและเดินเข้ามาแทรกกลางทันที
"ใครมันก่อเรื่องกลางวันแสก ๆ กัน? หลังเขาก็ยังอยู่ที่นั่น ไม่มีใครบอกว่าของบนเขาเป็นของครอบครัวใครคนเดียว แล้วทำไมตระกูลหลิวของพวกเจ้าถึงขึ้นเขาได้ แต่ตระกูลหลี่ของพวกเราถึงขึ้นไม่ได้?"
เถาหงอิงพูดโต้กลับอย่างไม่ลังเล พร้อมยืนบังพี่สะใภ้ไว้ด้านหลัง
ซูเหนียงถูกเถาหงอิงสวนกลับจนสะอึก ดวงตานางถลนออกมาราวกับกบ นึกหาคำพูดอยู่พักหนึ่งก่อนจะพูดออกมาอย่างแหลมคม
"ข้าไม่ได้ห้ามไม่ให้พวกเจ้าไปเก็บ! แต่ของบนเขามีอยู่จำกัด แล้วพวกเจ้าก็เก็บไปหมดสิ้น แล้วพวกเราจะเหลืออะไรให้เก็บอีก? ทุกปีพวกเรายังได้ของมากบ้างน้อยบ้าง แต่ปีนี้กลับไม่ได้อะไรเลย! ถ้าพวกเจ้าไม่ย้ายมาแย่งของพวกเรา มันจะเป็นอย่างนี้หรือ?"
ชาวบ้านที่กำลังมองดูไก่ฟ้า กระต่าย และปลาตากแห้งที่แขวนอยู่ในลานบ้านตระกูลหลี่ รวมถึงผลผลิตจากภูเขาที่ตากไว้ ต่างพากันหันมามองเถาหงอิงและจ้าวอวี้หรูด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
เถาหงอิงกำลังจะพูดต่อ แต่ย่าหลี่ที่อุ้มเจียอินอยู่เดินออกมาข้างหน้าแทน
"ครอบครัวเราพึ่งย้ายมา ไม่มีเสบียงในนา หากไม่เก็บของจากภูเขามาเพิ่ม พวกเราอาจต้องอดอยากในฤดูหนาวนี้ แต่พวกเราก็เก็บเพียงไม่กี่วันเท่านั้น อีกไม่นานก็ถึงฤดูเก็บเกี่ยวแล้ว"
นางยิ้มอ่อนและพูดต่อ "ข้ามีเด็ก ๆ หลายคนในครอบครัว จึงตั้งใจจะช่วยเหลือทุกคน เพราะพวกเราต่างก็เป็นชาวนา สิ่งสำคัญที่สุดก็คือช่วยกันเก็บเกี่ยว ใครจะคิดว่าบางคนจะไม่พอใจที่เห็นเราทำดีต่อกัน กลับมายุยงและใช้ทุกคนเป็นเครื่องมือ!"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชาวบ้านเริ่มหันไปมองหน้ากันเอง บางคนหน้าแดงและพยักหน้าเห็นด้วย
"ป้าพูดถูก เราอยู่หมู่บ้านเดียวกันก็ควรช่วยเหลือกัน"
"ใช่แล้วป้า ฟืนกองที่บ้านป้าดูเหมือนจะน้อย หลังเก็บเกี่ยวพวกเราจะช่วยตัดฟืนมาเพิ่มให้"
ย่าหลี่หัวเราะเล็กน้อยก่อนชี้ไปที่เคียวสองเล่มในมือหลี่เหล่าซือ "เจ้าสี่เป็นห่วงว่าเคียวที่บ้านไม่พอ เลยซื้อมาเพิ่มจากเพื่อนในเมือง หากใครต้องการใช้ ก็มาเอาไปที่บ้านเราได้เลย"
เจียอินที่นอนอยู่ในอ้อมแขนของย่าหลี่ได้ยินเช่นนี้ก็อยากปรบมือชมเชยย่าเสียจริง ๆ นางช่างพูดจาดีและรู้วิธีเอาชนะใจคน
แน่นอน เมื่อชาวบ้านเห็นเคียวสองเล่มที่คมกริบ ก็ยิ่งมั่นใจว่าย่าหลี่ไม่ได้โกหก ย้อนกลับไปมองซูเหนียงอีกครั้ง นางก็ทำหน้าเหมือนกลืนยาขม
ตระกูลหลี่เป็นครอบครัวที่ดีขนาดนี้ แต่เกือบมีปัญหากับชาวบ้านเพราะคำยุยงของซูเหนียง
ซูเหนียงกัดฟันกรอด ไม่กล้าพูดอะไรอีก อ้างว่าจะกลับไปทำอาหารที่บ้านแล้วรีบหนีไป
ชาวบ้านหัวเราะและพูดคุยกันอีกเล็กน้อยก่อนแยกย้าย
เมื่อตระกูลหลี่กลับมาถึงหน้าบ้าน ย่าหลี่ก็เรียกหลี่เหล่าเออร์ให้หยุด
"ตอนที่เจ้าเอาเกวียนลาไปคืนผู้ใหญ่บ้าน ให้บอกเขาไปว่าครอบครัวเราเป็นคนใหม่ในหมู่บ้าน เราตั้งใจจะจัดงานเลี้ยงเพื่อทำความรู้จักชาวบ้าน"
หลี่เหล่าเออร์ตาเป็นประกาย รีบตอบกลับทันที "ท่านแม่ ข้าเข้าใจแล้ว เดี๋ยวข้าจะไปบอกผู้ใหญ่บ้านเดี๋ยวนี้"
เถาหงอิงรีบหยิบตะกร้าที่ใส่แอปเปิล ลูกแพร์ และพุทราแดงมาส่งให้หลี่เหล่าเออร์ "ข้าได้ยินมาว่าภรรยาของผู้ใหญ่บ้านไม่ค่อยสบาย พี่รอง ฝากเอาของพวกนี้ไปให้ด้วยนะ"
หลี่เหล่าเออร์รับของไปพลางยิ้ม แต่ในใจก็ถอนหายใจออกมา หากให้สะใภ้รองไปด้วย น่าจะสร้างความสนิทสนมกับบ้านผู้ใหญ่ได้เร็วกว่า
แต่พอนึกถึงนิสัยของอู๋ชุ่ยฮวา หากให้นางไป เกรงว่านางจะกินผลไม้จนหมดระหว่างทาง และไม่แน่ว่าจะแก้ปัญหาได้หรือจะเพิ่มปัญหาเสียอีก...
เมื่อไปถึงบ้านผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่บ้านกำลังนั่งกินข้าวอยู่ พอเห็นหลี่เหล่าเออร์มา ก็รีบช่วยกันขนของลงจากรถลาพร้อมทั้งยิ้มรับผลไม้ที่หลี่เหล่าเออร์นำมาให้
เมื่อหลี่เหล่าเออร์กล่าวว่าอยากจัดงานเลี้ยงและเชิญไปดื่มที่บ้าน หัวหน้าหมู่บ้านก็พยักหน้ารับทันที
ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าตระกูลหลี่จะมีน้ำใจขนาดไหน แม้พวกเขาไม่ได้พูดอะไร หัวหน้าหมู่บ้านก็จะเตือนชาวบ้านให้มาเยี่ยมเยียนตระกูลหลี่บ่อย ๆ และหลีกเลี่ยงการกลั่นแกล้งพวกเขาอยู่ดี
ตระกูลหลี่นั้นดูมีอนาคตสดใส สามารถอ่านเขียนและคำนวณได้ดี หากปักหลักอยู่ในหมู่บ้าน ย่อมมีแต่จะนำพาประโยชน์มาให้ ไม่ใช่โทษ
รุ่งขึ้นตั้งแต่เช้ามืด ชาวบ้านนำโดยหัวหน้าหมู่บ้านก็ทยอยกันมาถึงบ้านตระกูลหลี่
ในกลุ่มนั้นมีทั้งชายชราที่ร่างกายไม่สมบูรณ์ และหัวหน้าครอบครัวต่าง ๆ แต่ที่ขาดไปก็คือคนในตระกูลหลิว
แม้ชาวบ้านจะสังเกตเห็น แต่ก็ไม่มีใครพูดถึง ถือว่าเป็นการเข้าใจกันโดยปริยาย
ลานบ้านตระกูลหลี่กว้างขวาง มีห้องครัวตั้งอยู่ทางมุมตะวันตกเฉียงใต้ มีเตาสองเตาพร้อมหม้อเหล็กขนาดใหญ่
เถาหงอิงรับหน้าที่เป็นแม่ครัวใหญ่ โดยมีจ้าวอวี้หรูและเจียฮวนช่วย ส่วนอู๋ชุ่ยฮวาที่ส่งเสียงโวยวายราวกับช่วยงานนั้น แท้จริงไม่ได้ช่วยอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
“ไก่ฟ้าตุ๋นเห็ด กระต่ายอบน้ำแดง ปลาคาร์พเปรี้ยวหวาน นี่คือสามเมนูใหญ่” เถาหงอิงแจกแจงรายการอาหาร “ส่วนอีกสามอย่างก็มี เห็ดผัดหมู ไข่เจียวต้นหอม และยำผักป่า”
รวมแล้วทั้งหมดหกเมนู ไม่มากนัก แต่ก็เป็นความตั้งใจสูงสุดของตระกูลหลี่
ย่าหลี่ต้อนรับชาวบ้านอยู่ที่หน้าประตูโดยมีเจียอินอยู่ในอ้อมแขน ใบหน้าของนางชมพูระเรื่อ ดวงตาใสกระจ่างราวอัญมณี
ความน่ารักของเจียอินทำให้ทุกคนอดไม่ได้ที่จะเอ็นดู หากไม่ใช่เพราะเจียซีและเจียอันยืนคุ้มกันอยู่ข้างหน้า ใบหน้าของเจียอินอาจถูกจับลูบจนแดงไปแล้ว
เมื่อพระอาทิตย์ลอยสูงขึ้น กลิ่นอายความอบอุ่นในลานบ้านก็เพิ่มขึ้น โต๊ะสองตัวในลานบ้านเต็มไปด้วยชาวบ้านที่นั่งรอ
หลี่เหล่าเออร์พาน้องชายสองคนมานั่งพูดคุยดื่มน้ำชาไปด้วย สีหน้าท่าทางของหลี่เหล่าเออร์ที่สุขุมและเปี่ยมด้วยความรู้ทำให้ทุกคนหัวเราะอย่างมีความสุข
ผู้หญิงในหมู่บ้านบางคนที่มาร่วมงานก็ช่วยเถาหงอิงในครัว ล้างผักและเตรียมวัตถุดิบ เถาหงอิงยิ้มขอบคุณและพูดคุยอย่างสนุกสนาน
ไม่นานนัก กลิ่นหอมของอาหารก็คละคลุ้งไปทั่วจนเด็กซุกซนในหมู่บ้านอดไม่ได้ ต้องแอบมองเข้ามาในครัวพร้อมกลืนน้ำลาย
เมื่อเถาหงอิงเห็นก็เรียกเจียอันและเจียซีให้หยิบขนมงามาแจกเด็ก ๆ ทำให้พวกเขากลับกลายเป็นเพื่อนซี้กับเด็กในหมู่บ้าน
“ลองดูนี่สิ! เหล้าดีที่ข้าฝังไว้ใต้ต้นไม้มาสามปีเต็ม!” หัวหน้าหมู่บ้านยกไหเหล้ามาด้วยสองไห คงไม่อยากให้ตระกูลหลี่ต้องเปลืองมากเกินไป
“โอ้โห! หัวหน้าหมู่บ้านช่างใจกว้างจริง ๆ เราต้องดื่มกันอีกสักสองสามชาม!”
แม้อาหารจะยังไม่เสร็จ แต่เหล่าผู้ชายที่นั่งโต๊ะก็เริ่มดื่มกันอย่างครื้นเครง เสียงหัวเราะดังลั่นไปทั่วลานบ้าน
เมื่ออาหารถูกยกมาเสิร์ฟ ทุกคนต่างตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าตระกูลหลี่จะใจกว้างขนาดนี้
ทั้งไก่ ปลา กระต่าย เห็ด และอีกหลายอย่าง ล้วนเป็นเมนูหรูหราที่แม้ในวันปีใหม่ยังยากจะหามาได้
แต่เมื่อพิจารณาดูว่าตระกูลหลี่สามารถซื้อบ้านใหญ่โตได้ พวกเขาคงมีกำลังทรัพย์ไม่น้อย ไหนจะพี่น้องแต่ละคนที่มีความสามารถ ทั้งอ่านเขียน สร้างบ้าน และล่าสัตว์
ชีวิตที่ตระกูลหลี่สร้างขึ้นมา ช่างเป็นสิ่งที่ใครต่อใครล้วนต้องอิจฉา