บทที่ 18 พวกเราเข้ากันได้ดีจริง ๆ นะ
บทที่ 18 พวกเราเข้ากันได้ดีจริง ๆ นะ
แสงในถ้ำสลัว ตอนที่พวกเขาเพิ่งเดินเข้าไป ผู้ชมต่างก็รู้สึกว่าเป็นการคุยโม้
แต่พอเดินไปตามทางที่คดเคี้ยวประมาณสิบกว่าเมตร มันก็เหมือนพวกเขาถูกพาเข้าไปในพระราชวังใต้ดิน และบริเวณรอบๆ ก็กว้างขวางขึ้นมาทันที
ขณะที่พูดก็ยังมีเสียงสะท้อนกังวาลน่าฟัง
และเมื่อไฟฉายในมือของพวกเขาเปิดขึ้น สิ่งที่เห็นก็คือหินงอกหินย้อยที่ไม่สิ้นสุด และหินภูเขาไฟสีดำที่ดำมืดราวกับสามารถกลืนกินแสงได้ทั้งหมด
สีที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงสองสีทำให้เกิดแรงกระแทกที่ยิ่งใหญ่ต่อสายตาผู้ชมที่ชมอยู่ในไลฟ์สดจำนวนมาก
"เห้ย! ฉันขอยกเลิกคำพูดเมื่อกี้!"
"ถ้ำนี้มันเจ๋งจริงๆ!"
"พัฒนาดีๆ จะต้องมีคนอยากมาแน่นอน"
"ทุกคนรู้สึกเหมือนกันไหมว่า หินงอกหินย้อยที่ใหญ่ๆ ตอนทางเข้า มันเหมือนกับผู้เฒ่าแห่งตำนานเทพเจ้าเลย?!"
"ก็ว่าไป มันก็เหมือนอยู่นะ แต่ที่เจ๋งกว่าก็คืออันที่อยู่ข้างๆ นั่น ผู้เฒ่ายังต้องใช้จินตนาการหน่อย แต่จิ้งจอกข้างๆ นั่นไม่ต้องจินตนาการไปเองเลย"
"เห็ดหลินจือที่ห้อยอยู่บนหัวก็เจ๋งเหมือนกันนะ!"
"ถ้ามีแต่หินงอกหินย้อย พวกเราก็ยังหาดูได้อีกหลายที่ แต่พอมีหินภูเขาไฟสีดำเข้ามาด้วยแล้วมันรู้สึกแตกต่างออกไปจริงๆ!"
ระเบิดแล้ว!
ห้องไลฟ์สดระเบิดแล้ว
ยังไม่ต้องพูดถึงว่าถ้ำนี้จะทอดยาวไปถึงไหน แค่ภาพที่อยู่ตรงทางเข้านี้ก็ถือว่ามีที่เดียวในประเทศแล้ว
หินงอกหินย้อยสีขาวสะอาดกับหินภูเขาไฟสีดำนั้นทำให้เกิดภาพที่น่าประทับใจอย่างมาก
และคำพูดของเฉินจิ่วซือเมื่อครู่ก็ได้รับการพิสูจน์ไปโดยปริยาย
"พวกเรารีบไปหาหินภูเขาไฟกันเถอะ อย่าเสียเวลาไปมากกว่านี้เลย วันนี้งานแกะสลักของพวกเราคืองานใหญ่"
จริงๆ แล้วคุณตาฝูอยากจะบอกว่าที่นี่อันตรายและให้ระวัง แต่พอคิดได้ว่าตอนนี้กำลังไลฟ์สดและมีคนดูอยู่เยอะแยะ เขาก็เลยกลั้นคำพูดนั้นไว้แล้วเปลี่ยนเป็นเหตุผลอื่นแทน
"ได้เลยค่ะคุณตา จากประสบการณ์ของคุณตา พวกเราต้องไปหาหินภูเขาไฟที่ไหนถึงจะเหมาะสมหรอคะ"
"ต้องเข้าไปข้างในหน่อย ข้างนอกถูกขนไปหมดแล้ว" คุณตาฝูคิดๆ ดูแล้วก็พูดว่า "พวกเด็กน้อยอย่างพวกเธออาจจะคิดว่าขอแค่ขนาดที่เหมาะสมก็พอแล้ว แต่จริงๆ แล้วการแกะสลักหินภูเขาไฟมันเป็นงานที่ต้องใช้ทักษะมาก"
"รูพรุนที่อยู่ในหินภูเขาไฟเอง จะส่งผลต่อทิศทางการแกะสลักทุกครั้ง เพราะฉะนั้นก็ต้องเลือกอย่างระมัดระวังถึงจะได้หินที่เหมาะสม แล้วก็ต้องปรับแต่งผลงานที่แกะสลักอีกที ถึงจะทำให้แสดงผลออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ"
"แล้วพวกเธอยังอยากจะเอามันไปปลูกกล้วยไม้สกุลหวายอีกไม่ใช่หรอ ตำแหน่งของมอส และตำแหน่งที่จะปลูกกล้วยไม้สกุลหวาย ก็ต้องวางแผนให้ดีๆ ด้วย..."
เมื่อคุณตาพูดอย่างต่อเนื่อง ผู้ชมในห้องไลฟ์สดก็เริ่มรู้สึกตัวว่าพวกเขาเข้าใจผิดไปจริงๆ!
ชายคนนั้นกับพรรคพวกของเขาอยากจะเอาหินภูเขาไฟมาทำเป็นภาชนะจริงๆ
กระถางต้นไม้แกะสลักอย่างนั้นสินะ?!
มันดูดีมีสไตล์และแปลกใหม่สุดๆ ไปเลย!
บ้านคนอื่นวางต้นไม้มงคล หรือไม่ก็วางต้นไม้ที่ช่วยฟอกอากาศ แต่บ้านของตัวเองกลับวางประติมากรรมที่ปลูกต้นไม้อยู่ข้างบน... แค่คิดแบบนี้ ความรู้สึกมันก็แตกต่างกันไปจริงๆ!
ผู้ชมหลายคนในห้องไลฟ์สดไม่ได้สังเกตเลยว่า ตั้งแต่ที่พวกเขาแน่ใจแล้วว่าถ้ำนี้มันไม่ธรรมดาจริงๆ ความคิดของพวกเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปแล้วและไม่มีข้อสงสัยเหมือนก่อน
ถึงแม้จะใช้ไฟฉายแรงสูง บริเวณที่เห็นก็มีไม่มากนัก
เมื่อเข้าไปลึกประมาณร้อยเมตร คุณตาก็หยุดเดิน แล้วเริ่มคัดเลือกอย่างตั้งใจ
หินภูเขาไฟก้อนใหญ่ ก็ถูกมองผ่านไปจำนวนหนึ่ง
และในขณะที่ทุกคนคิดว่าคงต้องเข้าไปลึกกว่านี้อีก จู่ๆ เขาก็หยุดมองที่ก้อนหินที่มีขนาดเท่ากับคนตัวใหญ่คนหนึ่ง
"อันนี้ก็ดูใช้ได้ พวกเราเอาอันนี้ออกไปกันเถอะ!"
"ใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอครับ" เฉินจิ่วซือรู้สึกตกใจ
"นายคิดว่า 28 นักษัตรมันเล็กเหรอ หินภูเขาไฟมันแกะสลักแบบละเอียดไม่ได้นะ!"
"......" ใครๆ ก็รู้ว่าหินภูเขาไฟแกะสลักละเอียดไม่ได้
มีแต่รูพรุนขนาดนั้น จะแกะยังไงให้ละเอียด
เฉินจิ่วซือสูดหายใจแล้วพูดว่า "ผมแค่อยากถามว่า พวกเราจะขนออกไปไหวเหรอครับ"
"ไม่ต้องห่วงผู้ใหญ่บ้าน ถึงจะใหญ่กว่านี้พวกเราก็เคยขนกันมาแล้ว" ชายวัยกลางคนหัวเราะแล้วก็เริ่มผูกเชือก
บรรยากาศเหมือนกับว่าสำหรับพวกเขาแล้ว มันไม่ใช่ปัญหาจริงๆ
แต่ผู้ชมในห้องไลฟ์สดกลับงงกันไปหมด
หินก้อนใหญ่เท่าคนเนี่ยนะ แล้วคุณลุงคุณตาพวกนี้จะขนมันไหวเหรอ
แถมยังไม่มีเครื่องมืออะไรด้วย!
จริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
หินภูเขาไฟมีรูพรุนเยอะ ความหนาแน่นต่ำ น้ำหนักเบา
บางก้อนที่มีรูพรุนเยอะๆ ถึงกับลอยน้ำได้เลยด้วยซ้ำ มันก็เลยมีชื่อเล่นอีกชื่อว่าหินลอยน้ำ
ถึงขนาดของหินที่อยู่ตรงหน้าจะดูน่ากลัว แต่จริงๆ แล้วน้ำหนักของมันก็ยังไม่เท่าคนตัวใหญ่หนึ่งคนเลยด้วยซ้ำ
ผู้ชมในห้องไลฟ์สดไม่รู้เรื่องนี้
เมื่อเห็นว่าคนพวกนั้นแบกมันขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย แล้วก็ขนมันออกไปได้ เสียงตกใจก็ดังขึ้นไม่หยุด
จนกระทั่งรถสามล้อเริ่มเคลื่อนตัว เสียงอุทานก็ยังไม่หายไป
จนเมื่อรถวิ่งไปเรื่อยๆ มองเห็นอาคารอยู่ไม่ไกล เฉินจิ่วซือก็พูดขึ้นมา "ตอนที่ผ่านไร่กล้วยไม้สกุลหวายก็จอดรถให้ผมด้วยนะ ผมจะให้ทุกคนดูกล้วยไม้สกุลหวายของเราหน่อย"
การแกะสลักหินภูเขาไฟ มันก็มีข้อจำกัดของมัน
ต่อให้แกะสลักได้ดีแค่ไหน ก็ขายไม่ได้เยอะ
แถมคนที่ฝีมือดีเท่าคุณตาฝูก็มีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น
ถ้าขายคู่กับกล้วยไม้สกุลหวาย หรือก็คือการขายในรูปแบบกระถางกล้วยไม้สกุลหวาย กลุ่มเป้าหมายก็จะแตกต่างออกไป
แต่ก่อนที่จะแกะสลัก ก็ควรให้ผู้ชมได้รู้จักกับกล้วยไม้สกุลหวายก่อน
ถ้าพวกเขาไม่เชื่อว่ากล้วยไม้สกุลหวายสามารถขึ้นได้บนหินภูเขาไฟ แล้วพวกเขาจะยอมรับกระถางต้นไม้ของพวกเขาได้ยังไง
เมื่อชายวัยกลางคนได้ยินดังนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรมาก
และตอนที่ผ่านไร่ เขาก็จอดรถทันที
เมื่อต้นไม้ที่มีรากพันอยู่บนหินภูเขาไฟปรากฏขึ้นในห้องไลฟ์สด คนที่ไม่เชื่อก่อนหน้านี้ก็ถึงกับพูดไม่ออก
มันมีต้นไม้ที่ไม่ต้องหยั่งรากลงในดินจริงๆ ด้วย!
"รากอากาศของกล้วยไม้สกุลหวายนั้นมีรูปร่างที่สั้นและตื้น เลยไม่สามารถปลูกในดินได้"
เฉินจิ่วซือถ่ายให้เห็นกล้วยไม้สกุลหวายแบบใกล้ๆ "ถ้าคุณปลูกในดิน มันก็จะเน่าขึ้นรา จากนั้นก็จะเป็นโรคแล้วก็ตายในเวลาอันรวดเร็ว"
"เมื่อเทียบกับดินแล้ว กล้วยไม้สกุลหวายชอบที่จะขึ้นอยู่บนหิน เปลือกไม้ หรือมอส ถึงแม้ว่าจะเป็นขี้เลื่อยหรือรากเฟิร์น มันก็ยังดีกว่าดินปกติทั้งหมดเลย"
"มันเป็นเพราะว่า รากอากาศของกล้วยไม้สกุลหวาย ต้องการสภาพแวดล้อมที่โปร่งสบาย ระบายน้ำได้ดี และไม่ต้องสงสัยเลยว่า หินภูเขาไฟที่มีรูพรุนนั้นเป็นสภาพที่เหมาะสมที่สุด"
"หมู่บ้านของพวกเราปลูกกล้วยไม้สกุลหวายกว่า 1,000 เอเคอร์ และมีประสบการณ์ในด้านนี้อย่างมากมาย กระถางกล้วยไม้สกุลหวายภูเขาไฟสามารถทำได้อย่างแน่นอนและเหมาะสมอย่างมากเลยด้วย"
"ทุกคนสามารถเอาไปเลี้ยงไว้บนโต๊ะทำงานหรือที่ขอบหน้าต่าง แล้วก็สามารถเอามาทำเป็นชาได้ตลอดเวลา มันมีสรรพคุณในการบำรุงร่างกาย บำรุงปราณ แถมยังทำให้มีอายุยืนยาวอีกด้วยครับ!"