บทที่ 17 ที่นี่มันเกินจริงเกินไปแล้ว!
บทที่ 17 ที่นี่มันเกินจริงเกินไปแล้ว!
"ฮัลโหล นี่หน่วยงานฉุกเฉินใช่ไหมครับ? ขอเบอร์โทรศัพท์ของศูนย์วิจัยมนุษย์ที่ไม่ปกติหน่อยครับ"
"ฉันชอบดูพวกที่เป็นพิธีกร ทำเป็นพูดจาจริงจัง แต่ก็พูดจาไร้สาระ มันดูเพลินดีนะ"
"เอามาแกะเป็นรูปปั้นพอเข้าใจได้ แต่ไอ้ภาชนะนี่มันอะไรกัน?"
"เอาประติมากรรมมาทำเป็นกระถางต้นไม้เนี่ยนะ? แล้วจะรดน้ำยังไง?"
"ฉันแค่อยากถามว่าอะไรที่มันขึ้นโดยไม่ต้องใช้ดิน? หรือว่าพวกคุณจะเอาดินไปยัดใส่รูในหินภูเขาไฟที่แกะสลักแล้วมันก็โตได้เลยหรอ?"
"ให้ตายสิ นี่มันนามธรรมเกินไปแล้ว! ใครเขาใช้กระถางต้นไม้แบบนี้กัน!"
ทันใดนั้นก็มีข้อความวิ่งผ่านหน้าจอมากมาย
คนที่ยังฟังคำอธิบายอยู่ก็เริ่มตั้งคำถาม
ซึ่งทำให้ความนิยมและจำนวนคนดูยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อเห็นคำถาม ฝูจือหยินก็เริ่มอธิบายอย่างละเอียด "กล้วยไม้สกุลหวายเป็นพืชตระกูลกล้วยไม้ ส่วนใหญ่จะอาศัยรากอากาศเกาะอยู่ตามลำต้นของต้นไม้หรือตามหิน ซึ่งเป็นที่มาของชื่อของมัน และหินภูเขาไฟของเรามีรูพรุนเยอะมาก ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการเติบโตของกล้วยไม้สกุลหวายมากที่สุดค่ะ"
หือ?
รากอากาศ?
ไม่ต้องใช้ดิน?
ขึ้นได้ง่ายที่สุดบนหินภูเขาไฟที่มีแต่รูพรุนหรอ?
เมื่อฟังคำอธิบายของฝูจือหยิน เสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็เกิดขึ้นในห้องไลฟ์สดมากมาย!
หลังจากอธิบายไปอยู่นาน ก็ยังมีคนไม่มากนักที่ยอมรับความคิดนี้
หลายคนไม่เข้าใจแนวคิดเรื่อง 'รากอากาศ'
รากที่โผล่ออกมาในอากาศ สามารถสังเคราะห์แสงได้ แล้วกิ่ง ก้าน ใบ จะมีไว้ทำไม?!
มันผิดธรรมชาติเกินไป!
ยากที่จะยอมรับ!
การปลูกพืชไร้ดินก็ยังต้องเอารากแช่ในสารอาหารเลยนี่นา!
บนโลกนี้จะมีที่ไหนที่รากโผล่อยู่ในอากาศแล้วจะสามารถเติบโตได้บ้างล่ะ
แล้วมันไม่ต้องการสารอาหารเหรอ
ถ้าไม่มีสารอาหารแล้วมันจะโตได้ยังไง?!
"เดี๋ยวหลังจากที่เก็บหินเสร็จ ตอนขากลับเราจะผ่าน 'ไร่กล้วยไม้สกุลหวาย' ของเรา เดี๋ยวผมจะให้ทุกคนดูนะ จะได้เข้าใจกล้วยไม้สกุลหวายมากขึ้น" ด้านเฉินจิ่วซือเองก็มองดูปฏิกิริยาในห้องไลฟ์สดจนต้องพูดขึ้นมาด้วยความจนใจ
"ผู้ใหญ่บ้าน! ถึงแล้ว!"
ในห้องไลฟ์สดมีแต่เสียงของฝูจือหยินมาตลอดทาง เมื่อเฉินจิ่วซือพูดแทรกขึ้นมา ผู้ชมในห้องไลฟ์สดก็กำลังจะถามว่าเขาเป็นใคร แต่ก็ต้องหยุดชะงักไปกับเสียงที่ดังขึ้นมา
เมื่อมองไปอย่างตั้งใจ
พวกเขาก็ถูกดึงดูดไปกับภาพตรงหน้าทันที
เมื่อมองไปรอบๆ ก็เห็นแต่ต้นไม้ที่เขียวชอุ่ม
ถึงแม้ว่าจะเป็นถ้ำภูเขาไฟ โดยที่บริเวณรอบๆ นั้นเต็มไปด้วยหินภูเขาไฟที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่ในเขตร้อนแห่งนี้ พวกมันก็ถูกปกคลุมไปด้วยพืชเขตร้อนที่หนาแน่นหลากหลายชนิด
และในท่ามกลางสีเขียวเหล่านั้น ก็มีปากถ้ำที่ดูลึกลับตั้งอยู่
มันสูงประมาณสองเมตร กว้างเมตรกว่าๆ ขนาดก็พอๆ กับประตูธรรมดาบานหนึ่ง
ภายในมืดมิด ดูน่ากลัวและวังเวง
"เอาล่ะค่ะทุกคน แม้ว่าทางเข้าถ้ำจะดูเล็กแบบนี้ แต่ว่าพื้นที่ข้างในมันใหญ่มาก สามารถจุคนได้หลายพันคนเลยนะคะ ตอนสมัยสงคราม คนทั้งหมู่บ้านก็มักจะมาหลบอยู่ในนี้ แถมยังมีทางเข้าออกทั้งหมด 70 กว่าทาง ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกล้อมอีกด้วย"
คุณตาฝูลงมาจากรถสามล้อ แล้วก็พูดด้วยรอยยิ้ม "ถึงแม้ว่าผมจะอยู่ที่นี่มาเกือบ 80 ปีแล้ว ผมก็ไม่กล้ารับประกันว่าเคยไปมาทุกมุมแล้ว"
แต่ภายในน้ำเสียงที่เป็นมิตรนั้นแฝงไปด้วยความไม่เข้าใจ เรื่องการไลฟ์สดนั้นเขาก็พอจะเข้าใจอยู่ มันก็คงเหมือนการถ่ายทอดสดทางทีวีนั่นแหละ แต่เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าแค่ยกโทรศัพท์ขึ้นมาก็ไลฟ์สดได้แล้วจริงหรอ มันสามารถทำให้คนมากมายเห็นได้จริงๆ หรอ
และเขาเองก็ได้ยินที่เฉินจิ่วซือคุยกันเมื่อกี้
เขาก็เลยคิดว่าอยากจะอธิบายเกี่ยวกับถ้ำนี้ เผื่อว่ามันจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวมาได้บ้าง
"ถ้ำทั้งหมดเชื่อมต่อกันหมดเลยเหรอคะ" ฝูจือหยินถามต่อด้วยน้ำเสียงสงสัย
เมื่อก่อนพวกเธอเคยเข้ามาเล่นในถ้ำบ้างก็จริงและพอรู้บ้างว่ามันเชื่อมต่อกัน
แต่เธอก็ไม่กล้าเข้าไปลึก
เพราะมันอันตรายเกินไป
มืดมิด มีลำธารลับ แถมยังมีหินที่อาจจะหล่นลงมาได้ทุกเมื่ออีกต่างหาก
"ใช่แล้ว!"
คุณตาพยักหน้า "จริงๆ แล้วเมื่อก่อนมันก็ไม่ได้เชื่อมกันหมดหรอก ถ้ำหลายแห่งถูกปิดด้วยหินที่กระจัดกระจาย ตอนสมัยสงคราม ทุกคนก็เลยทำที่กำบัง แล้วก็ทำความสะอาด พอทำไปทำมาก็ไม่คิดว่ามันจะเชื่อมต่อกัน"
"ถ้าเป็นแบบนี้ ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะหลงทางในนั้นแล้วสิ ยังไงก็ต้องออกมาได้ใช่มั้ยคะ"
คุณตาเหมือนจะนึกถึงเรื่องเมื่อกี้ขึ้นมา ก็เลยพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า "ฝันไปเถอะ! ถ้ำ 70 กว่าทาง ทางที่ยาวกว่า 3 กิโลเมตรก็มีกว่า 30 ทางแล้ว แถมข้างในยังซับซ้อนวกวนไปมา บางทีอาจจะเหนื่อยตายอยู่ในนั้นก็ได้นะ"
"แถมข้างในก็ยังมีอันตรายอีกเยอะ ถึงแม้ว่าเราจะมาหาหิน แต่เราก็ไม่ได้จะเข้าไปลึกหรอก..."
"อันตรายส่วนใหญ่ก็มาจากความมืด การเดินบนหินมากมายบนพื้นในสภาพแวดล้อมที่มืดสนิท และก็ยังมีลำธารนิ่งที่ถ้าไม่สังเกตุดีๆ ก็จะไม่เห็นอีก พวกมันจะกลายเป็นปัจจัยที่อันตรายมากเลยล่ะ"
เมื่อถึงตรงนี้ เฉินจิ่วซือก็พูดแทรกขึ้นมา "แต่พวกเราสามารถติดตั้งไฟ แล้วก็ทำความสะอาดบริเวณที่จะเป็นอันตรายได้ สุดท้ายก็สร้างรั้วกั้นข้างๆ ลำธาร แล้วก็ปรับปรุงถ้ำพวกนี้ให้หมด"
"ถ้ำภูเขาไฟของเราครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 108 ตารางกิโลเมตร ความยาวรวมกันกว่า 150 กิโลเมตร ถ้ำที่มีพื้นที่ใหญ่ขนาดนี้มีน้อยมากบนโลก"
"แถมถ้ำของเราก็ยังแตกต่างจากที่อื่นด้วย ถ้ำพวกนี้เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟ มันเกิดจากลาวาที่ไหลลงมาบนพื้นดิน ลาวาชั้นนอกก็แข็งตัวเพราะสัมผัสกับอากาศ ส่วนลาวาที่อยู่ข้างในก็ยังไหลอยู่จนทำให้เกิดเป็นถ้ำ มันพิเศษมากๆ"
"มันคุ้มค่าที่จะมาดูแน่นอน!"
ตอนแรกทุกคนก็รู้สึกว่ามันก็สมเหตุสมผลดีอยู่นั่นแหละ
แต่ในไม่ช้า พวกเขาก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ ไป
คนวัยกลางคนหลายคนที่อยู่ในที่นั้นก็เริ่มพูดขึ้นมา
"ผู้ใหญ่บ้าน คุณอยากจะพัฒนาถ้ำพวกนี้เหรอ"
"หมู่บ้านเราไม่มีเงินขนาดนั้นหรอกมั้ง"
"ต่อให้พวกเราทำกันเองก็ยังซื้อวัสดุไม่ไหวเลย!"
"ตอนนี้พัฒนาไม่ได้ ก็ไม่ได้แปลว่าอนาคตจะพัฒนาไม่ได้นี่นา" เฉินจิ่วซือหัวเราะ "แหล่งท่องเที่ยวของหมู่บ้านเรามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ถ้าไม่เอามาใช้ ผมรู้สึกว่ามันจะน่าเสียดายเปล่าๆ!"
เมื่อมีระบบสิ่งมหัศจรรย์ การพัฒนาการท่องเที่ยวก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้!
แถมมันก็เป็นทางออกที่ดีมากๆ
หมู่บ้านหยุนซีก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของเกาะจงซาน เกาะจงซานก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของไหหลำ การจะไปเกาะหลักก็ต้องใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมง นับประสาอะไรกับการไปทางแผ่นดินใหญ่
ในที่แบบนี้ อุตสาหกรรมก็แทบจะไม่มีทางพัฒนาได้ การเกษตรก็มีขีดจำกัดแค่นั้น
ต่อให้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงมากมาย และสามารถแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรได้ง่ายๆ แต่มันก็จะมีขีดจำกัดอยู่ดี
การท่องเที่ยวอาจจะเป็นทางออกเดียวที่สามารถทะลุขีดจำกัดนั้นไปได้
ถึงแม้ว่าจะไม่มีระบบสิ่งมหัศจรรย์ แต่ในแผนของเฉินจิ่วซือ เขาก็จะสร้างอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยใช้สวนอุตสาหกรรมกล้วยไม้สกุลหวายภูเขาไฟเป็นหลัก
แต่ตอนนี้เขามีระบบสิ่งมหัศจรรย์แล้ว จะมีอะไรให้ต้องลังเลอีกล่ะ
ทำเลย!
มีเงินก็ทุ่มสุดตัว!
ถึงแม้จะไม่กล้าที่จะทุ่มให้กับการท่องเที่ยวทั้งหมด แต่การลงทุนที่สำคัญก็ไม่ใช่ปัญหา
แต่สำหรับชาวบ้านแล้ว การลงทุนกับถ้ำพวกนี้ มันมีความเสี่ยงมากเกินไป
จำนวนคนที่ไปเกาะไหหลำเองยังนับได้เลย แต่จะให้คนอื่นมาเที่ยวที่นี่ แล้วมาดูแค่ถ้ำเนี่ยนะ
มันดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไหร่เลย
เมื่อเทียบกับความกังวลของชาวบ้านแล้ว ปฏิกิริยาของผู้ชมในห้องไลฟ์สดกลับแตกต่างออกไป
"100 กว่าตารางกิโลเมตร ถ้ำยาว 150 กิโลเมตรเลยหรอ ล้อเล่นหรือเปล่า?!"
"ถ้าจะโม้ก็ต้องโม้แบบนี้แหละ!"
"ถ้ำอะไรจะใหญ่ขนาดนั้น? นั่นมันอาณาจักรใต้ดินชัดๆ!"
"ฉันนึกว่าจะมาดูไลฟ์สดแกะสลัก ที่ไหนได้ก็เป็นพิธีกรหน้าม้าที่มาดึงดูดความสนใจสินะ!"
"แสดงได้ดีเลยนะ พวกคุณลุงดูซื่อๆ ดี แต่ไม่คิดเลยว่าการแสดงจะเก่งขนาดนี้ เหมือนเอาตัวจริงมาแสดงเลย"
"เดี๋ยวก่อนนะ! เหมือนข้างในมันจะใหญ่จริงๆ นะเนี่ย!"
ถ้ำที่เฉินจิ่วซือพูดถึงนั้นมันค่อนข้างจะเกินจริงไปหน่อย
มีหนึ่งเดียวในประเทศงั้นหรอ
มีพื้นที่ 108 ตารางกิโลเมตรงั้นหรอ
แถมยังยาวกว่า 150 กิโลเมตรอีกงั้นหรอ
คิดยังไงก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันอยู่ในเกาะ
แถมพอมาฟังเรื่องกล้วยไม้สกุลหวาย ก็ยิ่งรู้สึกว่ามันเหนือจริงไปอีก
เมื่อเป็นแบบนี้
ทุกคนก็เลยระเบิดอารมณ์ออกมา
แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้ถามอะไร เฉินจิ่วซือและคนอื่นๆ ก็เข้าไปในถ้ำแล้ว
เงียบ!
เงียบสงัด!
ข้อความในห้องไลฟ์สดจู่ๆ ก็หายไป
ทุกคนก็ตกอยู่ในความเงียบไปชั่วขณะ
ถ้ำนี้ ใหญ่จริงๆ ด้วย!