ตอนที่แล้วบทที่ 154 พี่มู่? ราชาอสูร? กลายเป็นคนเดียวกัน!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 156 ฟังก์ชันราชาแห่งการลอบสังหาร แผนร้ายของเฉินเทียนหลิน

บทที่ 155 มือสังหารอันดับหนึ่ง ข้าจะตามเขาไปตลอดกาล!


ในตอนแรก เหล่าอสูรทั้งหลายต่างรู้สึกถึงแรงกดดันอันมหาศาลจากพลังของมังกรสามเศียรที่ปกคลุมท้องฟ้า พวกมันคิดว่านี่คงเป็นพลังที่ส่งมาจากยอดอสูรที่อยู่เหนือพวกมัน

“นั่น... นั่นมันราชาอสูรตัวเก่าใช่ไหม!?”

“เดี๋ยวก่อน! มันมาทำอะไรที่นี่? หรือมันคิดจะท้าทายราชาอสูรองค์ใหม่?”

“เจ้านั่นคิดจะท้าทายราชาอสูรงั้นรึ? เจ้าให้ค่ามันสูงเกินไปแล้ว!”

ขณะที่หมาป่าหางแดงเผยเขี้ยวเล็บ เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ยาวนาน ช้างยักษ์ที่สูงตระหง่านและสิงโตทองคำต่างรอคอยคำสั่งจากผู้นำสูงสุดอย่างสงบนิ่ง

แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปในพริบตา เมื่อพวกมันเห็นเฮยเจียวหยุดนิ่งกลางอากาศ โค้งศีรษะลงต่ำ และกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“นายท่านสั่งสอนข้าได้ถูกต้องแล้ว นายท่านสั่งสอนข้าได้ถูกต้องแล้ว!”

“เรียกว่าท่าน ‘นายน้อย’! นายน้อยแห่งเทียนหยวน!” ลู่หยางหันไปถลึงตาใส่เฮยเจียว

“นายน้อย...” เฮยเจียวรีบแก้ไขคำพูดทันที ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย

เมื่อเห็นเฮยเจียวที่เคยหยิ่งผยอง กลับแสดงท่าทีอ่อนน้อมเช่นนี้ หมาป่าหางแดงและสิงโตทองคำต่างหุบเล็บและเขี้ยว ส่วนช้างยักษ์ก็ค่อยๆ วางงวงลงกับพื้น พวกมันรู้ทันทีว่าผู้นำของพวกมันไม่สามารถเทียบชั้นกับบุรุษตรงหน้าได้

หลังจากจัดการเรื่องของเฮยเจียวเสร็จสิ้น เฉินมู่ก็เปิดประตูมิติ และหายตัวกลับไปยังจวนชิงหยุน หลู่หยางก็หันไปออกคำสั่ง

“ไปยังเมืองเทียนหยาง! วันนี้ข้าจะกลับไปหาท่านแม่ด้วยท่าทางที่ยิ่งใหญ่ที่สุด!”

เมืองเทียนหยาง

เมื่อลู่หยางกลับมาถึงจวน พร้อมกับมังกรดำที่โค้งหัวแนบพื้น เขากระโดดลงจากหัวมังกรอย่างสง่างาม

“แม่ขอรับ! ข้ากลับมาแล้ว!”

แต่ภาพที่เขาเห็นคือหยางฮุ่ย ผู้เป็นแม่ของเขานั่งดื่มชาที่โต๊ะหินกลางลาน โดยไม่แม้แต่จะเหลือบมองลูกชาย

“แม่... ข้ากลับมาแล้วนะ!” ลู่หยางส่งเสียงอีกครั้ง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือชาที่เกือบจะสาดใส่เขา

“ชานี้มันดีเกินกว่าจะเอามาสาดใส่เจ้าหรอก!” หยางฮุ่ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ลู่หยางเดินอ้อมไปด้านหลัง ยิ้มแหยๆ พลางยกมือขึ้นนวดไหล่ให้แม่ของเขา

“แม่ขอรับ ข้ายอมรับว่าข้ามาช้าไปหน่อย แต่ทุกสิ่งที่ข้าทำล้วนเพื่อท่าน เพื่อให้ท่านได้ภาคภูมิใจในตัวข้า!”

หยางฮุ่ยหลับตาลงช้าๆ พลางถอนหายใจยาว

“แล้วเจ้าทำอะไรสำเร็จบ้างล่ะ?”

ลู่หยางยืดอกขึ้นมาทันที

“แม่ต้องเตรียมใจให้ดีนะ! ข้าได้ก่อตั้ง ‘สำนักนักฆ่าเทพมรณะ’ ขึ้นมา มีนักฆ่าฝีมือฉกาจอยู่ภายใต้บัญชานับพัน! ข้ายังได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิแห่งแคว้นเสี่ยวหู่ และที่สำคัญ... ข้าได้กลายเป็นจักรพรรดิแห่งเขตแดนเหลียงหลิงแล้ว!”

หยางฮุ่ยฟังจบโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าแม้แต่น้อย

“แล้ว...เจ้าทำสิ่งเหล่านี้ได้ด้วยตัวเองสักกี่อย่าง?”

คำถามนี้เหมือนหอกที่แทงทะลุใจของหลู่หยาง

“เอ่อ...”

ลู่หยางอึกอัก ยิ้มแห้งๆ พลางเกาหัว

“แม่ขอรับ ท่านก็รู้แท้ๆ ยังจะถามข้าอีก...”

หยางฮุ่ยส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“เฉินมู่ใช่ไหม?”

ลู่หยางพยักหน้าหงึกๆ

“ใช่แล้วแม่! ทุกสิ่งที่ข้าทำได้ ก็เพราะมีพี่มู่ช่วยเหลือ แต่ข้าบอกได้เลยว่าข้าจะไม่ทรยศเขาเด็ดขาด! ข้าจะติดตามเขาไปตลอดชีวิต!”

หยางฮุ่ยถอนหายใจอีกครั้ง

“ลู่หยาง เจ้าจงจำไว้ให้ดี...ผู้ที่มีความสามารถจะนำพาผู้อื่นไปสู่ความสำเร็จ แต่ผู้ที่ฉลาดจะรู้จักยึดติดกับผู้นำที่ยิ่งใหญ่... เจ้าเลือกถูกคนแล้ว!”

คำพูดนี้ทำให้หลู่หยางยิ้มกว้างออกมา

“แม่เข้าใจข้าใช่ไหมขอรับ! พี่มู่คือผู้ที่ข้าจะติดตามไปชั่วชีวิต!”

หยางฮุ่ยมองลูกชายด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความภูมิใจ

ลู่หยางเงยหน้ามองท้องฟ้า ดวงตาของเขาเปล่งประกายเจิดจ้า

“พี่มู่...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะตามท่านไปจนสุดทาง!”

ลู่หยางรีบยกมือเทน้ำชาลงถ้วยอย่างกระหาย ก่อนจะยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมด พลางหัวเราะอย่างพอใจ

“แม่! ดูสิ ข้าดื่มหมดแล้วนะ ฮ่าๆๆ!”

แต่แล้ว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที ราวกับตื่นตระหนกกับอะไรบางอย่าง

“เดี๋ยวก่อน! ข้า...ข้าเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง! หรือว่า...พี่มู่ไม่เพียงแต่ประทานพลังมหาจักรพรรดิให้ข้า แต่ยังปลุกพรสวรรค์ที่ซ่อนเร้นในตัวข้าด้วย!?”

หยางฮุ่ยกลอกตาอย่างหมดคำจะพูด ก่อนจะเอ่ยขึ้น

“อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย ชานี่เรียกว่า ชาหยั่งรู้ ดื่มไปหนึ่งถ้วย ก็เหมือนเข้าใจถึงสัจธรรมหนึ่งข้อ ใครดื่มก็เหมือนกันทั้งนั้น!”

“ชาหยั่งรู้!? หนึ่งถ้วยเท่ากับหนึ่งครั้งแห่งการหยั่งรู้! แม่! ท่านไปปล้นฆ่าใครมาอีกล่ะ ถึงได้ชานี้มา?” ลู่หยางถามอย่างสนุกสนาน

ที่เขาสามารถก่อตั้ง สำนักนักฆ่าเทพมรณะ ขึ้นมาได้ ส่วนใหญ่ก็เพราะเขาได้รับการฝึกฝนจากหยางฮุ่ยตั้งแต่เด็ก ในฐานะอดีตมือสังหารอันดับหนึ่งในใต้หล้า

หยางฮุ่ยยิ้มบางๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างภาคภูมิ

“ชานี้ไม่ใช่ได้มาจากการฆ่าหรือแย่งชิงจากใคร แต่เป็นของที่ ‘เสี่ยวมู่’ มอบให้ข้าเอง ของเช่นนี้ ต่อให้เจ้าฆ่าคนทั้งใต้หล้า เจ้าก็ไม่มีวันได้มันมา”

หยางฮุ่ยเอื้อมมือไปหมายจะยกกา แต่หลู่หยางไวกว่ามาก เขารีบยกขึ้นเทชาให้ตัวเองอีกครั้ง ดื่มอย่างไม่รอช้า

“โห! พี่มู่ของข้านี่สุดยอดไปเลย! ชาที่ไม่อาจหาที่ไหนได้! ข้ายิ่งนับถือเขามากขึ้นไปอีก!”

ลู่หยางเทชาอย่างไม่ยั้งมือ ดื่มรวดเดียวจนหมดกา ก่อนจะถอนหายใจอย่างพึงพอใจ

“แม่! ข้าดื่มหมดแล้วล่ะ ฮ่าๆๆ! เอ๊ะ...แล้วมันชงใหม่ได้ไหมนี่?”

หยางฮุ่ยมองลูกชายอย่างอ่อนใจ ก่อนจะวางถ้วยชาลงเบาๆ

“เจ้ารู้ไหม ว่าทำไมข้าถึงรู้ว่าเฉินมู่เป็นคนช่วยเจ้าไว้?”

“แม่รู้ได้อย่างไร?” ลู่หยางถามอย่างสงสัย

“หอเทียนจี๋!”

ลู่หยางเบิกตากว้าง พลางยืนขึ้นอย่างตกใจ

“หอเทียนจี๋? นั่นมันของพี่เฉินนี่นา! เดี๋ยวๆๆ! นี่ข้าถูกสอดแนมมาตลอดเลยเหรอ? ใครกัน? มันเป็นใคร!?”

ลู่หยางกวาดตามองไปรอบๆ เหมือนพยายามจับผิดใครบางคน

หยางฮุ่ยส่ายหัวเบาๆ

“ตอนนี้ หอเทียนจี๋ไม่ได้เป็นเพียงหอข่าวกรองธรรมดาอีกต่อไป แต่กลายเป็นเครือข่ายข่าวกรองที่ทรงพลังที่สุดในหลายแคว้นรอบๆ นี้แล้ว ทุกการเคลื่อนไหว ล้วนตกอยู่ภายใต้การจับตาของพวกเขา”

หยางฮุ่ยทอดถอนหายใจ พร้อมกับมองออกไปไกลๆ

“ตอนนั้น ข้าเคยเปรียบเทียบว่าเจ้าเหนือกว่าเฉินมู่ หรือว่าเขาเหนือกว่าเจ้า แต่ตอนนี้...ข้าไม่กล้าพูดเช่นนั้นอีกแล้ว”

ลู่หยางยืนขึ้นอย่างภาคภูมิใจ พร้อมกับตะโกนออกมาอย่างหนักแน่น

“ไม่ต้องเปรียบเทียบหรอกแม่! ในใจข้า พี่มู่คือบุรุษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้านี้! ต่อให้เขาไล่ข้าไป ข้าก็ไม่มีวันไปจากเขาเด็ดขาด!”

หยางฮุ่ยมองลูกชายด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูและภูมิใจ

“ถ้าเจ้ายังมีจิตใจเช่นนี้ ข้าก็วางใจได้”

หยางฮุ่ยลุกขึ้นยืน เตรียมก้าวออกจากลาน

“แม่จะไปไหนหรือขอรับ?” หลู่หยางถาม

“ไปขอบคุณเสี่ยวมู่อย่างเป็นทางการสักหน่อย”

ลู่หยางอ้าปากค้าง มองแม่ของเขาเดินออกไปอย่างสง่างาม

เขาก้มลงมองกาใบชาในมือ พลางยกขึ้นส่องดูข้างใน

“เอ๊ะ...มันชงใหม่ได้ไหมนะ? หรือข้าจะลองใส่น้ำร้อนลงไปอีกครั้งดี?”

เสียงบ่นพึมพำของลู่หยางดังอยู่ในลานเงียบสงบ ขณะที่เงาของหยางฮุ่ยค่อยๆ เลือนหายไปในสายหมอก นางกำลังมุ่งหน้าไปยังจวนชิงหยุน เพื่อกล่าวขอบคุณชายหนุ่มที่ได้เปลี่ยนชีวิตลูกชายของนางไปตลอดกาล...