บทที่ 127: จักรพรรดินีเรียกตัวมาพบในตอนดึก!
บทที่ 127: จักรพรรดินีเรียกตัวมาพบในตอนดึก!
“รางวัลพิเศษอะไรหรือครับ?” เซียวซิงหยูถามด้วยความสนใจ
คืนนี้ซูหรูหยานดื่มไวน์ไปมากทีเดียว บรรยากาศเคร่งขรึมแบบเดิมๆหายไปหมดสิ้น
ทันใดนั้น เธอก็หันมามองเซียวซิงหยูด้วยสายตาที่เย้ายวน
“รางวัลพิเศษก็คือ...เธอไม่ใช่แค่ได้ดูขาฉัน แต่ยังได้จับได้ด้วย”
“เอ่อ...”
ใบหน้าของเซียวซิงหยูที่เพิ่งจะหายแดง ก็กลับมาแดงก่ำอีกครั้ง
ในห้องเหลือแค่ชายหนุ่มและหญิงสาวเพียงสองคน บรรยากาศเริ่มอบอวลไปด้วยความเเปลกประหลาด
“ท่านอธิการบดีครับ ท่าน...ท่านล้อผมเล่นหรือเปล่า”
“ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ ถ้าเธอสอบผ่านปรมาจารย์อสูรระดับสี่ดาวได้ก่อนจบภาคเรียนนี้ เธอจะได้จับมัน”
เซียวซิงหยูทำสีหน้าจริงจัง “ท่านอธิการบดีครับ ผม...ผมจะสอบผ่านปรมาจารย์อสูรระดับสี่ดาวให้ได้ก่อนจบภาคเรียนนี้แน่นอน!”
“แต่ผมต้องขอออกตัวไว้ก่อนนะครับว่า ผมไม่ได้อยากจับขาของท่านเพราะความหื่นกระหายอะไรนะ...ผมแค่ต้องการจะแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็วที่สุด เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับวิทยาลัยชิงหลงต่างหาก!” (-_-)
“ดี! ฉันเชื่อเธอ”
ทั้งสองชนแก้วกันอีกครั้งแล้วดื่มจนหมดแก้ว
ฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้เซียวซิงหยูเริ่มใจสั่น แต่เขาก็ยังคงมีสติอยู่บ้าง
“ภาคเรียนนี้เหลืออีกแค่สามเดือน, ตอนนี้ผมเป็นแค่ปรมาจารย์อสูรระดับสองดาว ต้องเลื่อนขั้นอีกสองระดับถึงจะสอบผ่านปรมาจารย์อสูรระดับสี่ดาวได้”
“สามเดือนมันน้อยเกินไป...แต่ผมก็พูดออกไปแล้ว คงต้องกัดฟันสู้ให้ถึงที่สุดแล้วล่ะ”
ตึง!
ตึง!
ตึง!
เเต่ทันใดนั้นเอง, เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“เข้ามา” ซูหรูหยานเอ่ย
ทันใดนั้น, หญิงสาวผมยาวผู้มีบุคลิกเย็นชาก็เดินเข้ามาในห้อง เเละเธอมีแผ่นป้ายสีทองห้อยอยู่ที่เอว
“คุณเซียวซิงหยู องค์จักรพรรดินีมีรับสั่งให้คุณไปเข้าเฝ้าที่พระราชวังค่ะ”
เซียวซิงหยูชี้นิ้วมาที่ตัวเองด้วยสีหน้าตกตะลึง
“องค์จักรพรรดินี...เชิญผมเหรอครับ?”
หญิงสาวผมยาวยิ้มพริ้มแล้วพยักหน้า
ซูหรูหยานตบหัวเพื่อเตือนสติเซียวซิงหยูเบาๆ
“นี่เป็นโอกาสที่ดีมากนะ รีบไปสิ มัวยืนงงอะไรอยู่”
เซียวซิงหยูเดินตามหญิงสาวผมยาวออกจากห้องไปด้วยความงุนงง จากนั้นเขาก็ขึ้นรถหรูที่จอดรออยู่ด้านหน้าออกไป
เมืองสี่วิญญาณอยู่ไม่ไกลจากพระราชวังหลวงเท่าไหร่นัก
ใช้เวลาเดินทางไม่ถึงสองชั่วโมง เซียวซิงหยูก็มาถึงพระราชวังหลวง เเละนี่เป็นการมาครั้งแรกในชีวิตของเขา
ที่นี่คือดินแดนของจักรพรรดินีซ่างกวนหลาน ศูนย์กลางของประเทศมังกร สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนต่างใฝ่ฝันอยากจะมาเยือนสักครั้งในชีวิต
“คุณเซียว เชิญทางนี้ค่ะ”
หลังจากลงจากรถ เซียวซิงหยูก็ตกตะลึงกับภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทันที
เบื้องหน้าคือกลุ่มอาคารโบราณที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา
อาคารแต่ละหลังสูงเสียดฟ้า ตกเเต่งอย่างตระการตาด้วยสีทองอร่าม
ส่วนพระราชวังที่สูงที่สุดนั้น ดูราวกับพระราชวังบนสรวงสวรรค์ เพราะมันสวยงามเเละล้อมรอบไปด้วยเมฆหมอก
“คุณเซียวคะ คุณเซียว”
“อ้อ...ขออภัยครับ ผมเพิ่งเคยมาพระราชวังหลวงครั้งแรก เลยตื่นเต้นเกินไปหน่อย”
“คุณเซียว เชิญทางนี้ค่ะ” หญิงสาวผมยาวอีกคนเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มหวาน
เซียวซิงหยูจำหญิงสาวผมยาวคนนี้ได้ เธอเป็นนางกำนัลข้างกายของซ่างกวนหลาน ชื่อฝูหลิง
ถึงแม้หญิงสาวคนนี้จะดูบอบบาง แต่ความจริงแล้วเธอเป็นสมาชิกของกองกำลังวิญญาณจักรพรรดิ เเละมีตำแหน่งเป็นนักบวชระดับเงิน
กองกำลังวิญญาณจักรพรรดิคือกองกำลังพิเศษที่ซ่างกวนหลานไว้วางใจมากที่สุด สมาชิกทุกคนมีระดับพลังตั้งแต่ปรมาจารย์อสูรระดับเจ็ดดาวขึ้นไป…พวกเขาเชี่ยวชาญด้านการลอบสังหาร การซุ่มโจมตี การติดตาม และการแฝงตัว
หลังจากเดินผ่านประตูวังหลวงบานแล้วบานเล่า เซียวซิงหยูก็พบกับผู้คนมากมายที่ดูมีอำนาจ
จากจำนวนตราสัญลักษณ์ที่ติดอยู่บนหน้าอก บ่งบอกว่าทุกคนมีระดับพลังไม่ต่ำกว่าปรมาจารย์อสูรระดับเจ็ดดาว
ทันใดนั้น, ฝูหลิงก็หยุดอยู่หน้าพระราชวังแห่งหนึ่ง
พระราชวังแห่งนี้ใหญ่โตโอ่อ่าที่สุดในพระราชวังทั้งหมด เเละที่หน้าประตูมีรูปปั้นกิเลนทองคำตั้งตระหง่านอยู่สองตัว
“หืม…กิเลนนี่ไม่ใช่รูปปั้นนี่นา!”
เซียวซิงหยูเห็นท้องของกิเลนทองคำขยายขึ้นลงตามจังหวะการหายใจ เขาก็ถึงกับสะดุ้งตกใจทันที
เเละเมื่อใช้ดวงตาเทพอสูร เขาก็เห็นรายละเอียดของกิเลนทองคำทั้งสองทันที
“โห...ยามเฝ้าประตูทั้งสองตัวนี้คือกิเลนทองคำศักดิ์สิทธิ์ เเละยังเป็นอสูรระดับเทพเจ้า”
“นี่แหละ…บารมีของจักรพรรดินี!”
“องค์จักรพรรดินีทรงรออยู่ในพระราชวัง เชิญค่ะ” ฝูหลิงกล่าว
เซียวซิงหยูเดินผ่านพรมแดงเข้าไปในพระราชวัง
นี่คือพระราชวังหลักของพระราชวังหลวง พระราชวังหย่าหลานเตี้ยน
ปกติซ่างกวนหลานจะใช้ที่นี่ในการปรึกษาหารือเรื่องบ้านเมืองกับเหล่าขุนนาง
ตามหลักแล้ว ในยามวิกาลเช่นนี้ พระราชวังหย่าหลานเตี้ยนไม่ควรมีผู้ใดอยู่…แต่คืนนี้ ซ่างกวนหลานกลับอยู่ที่นี่เพื่อรอเซียวซิงหยู
เมื่อเข้าไปในพระราชวัง เซียวซิงหยูก็รู้สึกถึงแรงกดดันอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
ภายในพระราชวังตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม เสาและคานแกะสลักลวดลายงดงาม นอกจากนี้ยังมีภาพวาดบนผนังที่แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองของราชวงศ์
จากภาพ มันราวกับเป็นการจำลองราชวงศ์โบราณที่รุ่งเรืองอย่างมาก…จนยากที่จะเชื่อมโยงกับโลกภายนอกในปัจจุบันที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพังและอสูรที่กำลังพยายามบุกรุกในตอนนี้
เซียวซิงหยูเงยหน้าขึ้นมองบัลลังก์ทองคำ
บนบัลลังก์ตอนนี้มีหญิงสาวผู้เลอโฉมกำลังเอนกายอยู่
เธอมีมงกุฎหงส์ สวมชุดยาวสีแดง งดงามราวกับนางฟ้าที่ลงมาจากสรวงสวรรค์
หญิงสาวผู้นี้คือผู้ปกครองประเทศมังกร และเป็นจักรพรรดิอสูรเพียงคนเดียวของประเทศที่มีพลังเหนือกว่าปรมาจารย์อสูรระดับสิบดาว, ซ่างกวนหลาน
ซ่างกวนหลานลืมตาขึ้น มองลงมายังเซียวซิงหยู
นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองได้อยู่กันตามลำพัง
“เซียวซิงหยูแห่งวิทยาลัยชิงหลง ขอคารวะองค์จักรพรรดินี”
เซียวซิงหยูคุกเข่าลงข้างหนึ่ง แสดงความเคารพด้วยท่าทางนอบน้อมอย่างมาก
“เธอรู้หรือไม่ ว่าเหตุใดฉันจึงเรียกเธอมาเข้าเฝ้าเป็นการส่วนตัว?”
เซียวซิงหยูส่ายหัว
ซ่างกวนหลานยิ้มน้อยๆ ราวกับสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิที่พัดผ่านทะเลสาบมังกร และสายฝนแห่งฤดูใบไม้ร่วงที่โปรยปรายลงมาบนหุบเขาผีสาง
“ผลงานของเจ้าในการแข่งขันซูเปอร์โนว่า ทำให้ข้าพึงพอใจมาก”
“หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ ข้าชอบเจ้ามาก”
เซียวซิงหยูเดาความรู้สึกของซ่างกวนหลานไม่ออก เขาจึงตอบไปกลับว่า
“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่เมตตา ผมจะตั้งใจฝึกฝนตนเองต่อไป เพื่อแบ่งเบาปัญหาของฝ่าบาทและช่วยเหลือประชาชนของประเทศมังกร”
เมื่อได้ยินเช่นนี้, ซ่างกวนหลานเท้าคางด้วยมือข้างหนึ่ง เเล้วถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“เมื่อเธอเรียนจบจากวิทยาลัยชิงหลงแล้ว เธอมีแผนการจะทำอะไรต่อ?”
“ผมยังเป็นนักศึกษาปีหนึ่ง ยังต้องเรียนที่วิทยาลัยอีกสามปี ส่วนเรื่องหลังจากเรียนจบ ผมยังไม่ได้คิดเลยพ่ะย่ะค่ะ”
ซ่างกวนหลานเหลือบมองเซียวซิงหยู เเล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
“นักเรียนทุกคน หลังจากเรียนจบจากวิทยาลัยปรมาจารย์อสูร ก็มีทางเลือกอยู่เเค่สามทาง”
“หนึ่ง เข้าร่วมกิลด์ปรมาจารย์อสูร”
“สอง สมัครเข้ากองทัพ เป็นส่วนหนึ่งของกองทัพบก กองทัพเรือ หรือกองทัพอากาศ”
“สาม เข้าร่วมองค์กรทหารรับจ้าง…เเล้วกลายเป็นนักล่าเงินรางวัล”
สามทางเลือกนี้คือเส้นทางของบัณฑิตวิทยาลัยปรมาจารย์อสูร
หลังจากพูดจบ, ซ่างกวนหลานก็ลุกขึ้น เเล้วเดินตรงมาที่เซียวซิงหยู
“เซียวซิงหยู ถ้าตอนนี้ฉันให้ทางเลือกที่สี่แก่เธอ เธอจะยอมรับหรือไม่?”
ณ ตอนนี้…ถึงภายนอกเซียวซิงหยูจะยังคงดูสงบนิ่ง แต่ภายในใจของเขากลับร้อนรุ่มอย่างมาก
“ทางเลือกที่สี่?”
“บ้าเอ๊ย ผู้หญิงคนนี้จะคิดจะใช้เส้นสายกับเรารึเปล่า?”
เซียวซิงหยูหยิกต้นขาตัวเอง หยุดความคิดที่ฟุ้งซ่าน แล้วปั้นหน้าถามด้วยความจริงใจ
“ฝ่าบาท ทางเลือกที่สี่ที่ฝ่าบาทกล่าวถึงคืออะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“เข้าร่วมกองกำลังวิญญาณจักรพรรดิ”
แม้ว่าเสียงของซ่างกวนหลานจะไพเราะเสนาะหู แต่สำหรับเซียวซิงหยูแล้ว มันเหมือนกับเสียงระเบิดปรมาณูเลย
“เธอจะให้เราเข้าร่วมกองกำลังวิญญาณจักรพรรดิ?”
เซียวซิงหยูหน้าซีดเหงื่อตก, กองกำลังวิญญาณจักรพรรดิคือกองกำลังคนสนิทของซ่างกวนหลาน
สมาชิกทุกคนในกองกำลังวิญญาณจักรพรรดิจะมีสถานะเหมือนกับ “นักรบเงา” เเละพวกเขามีอัตราการเสียชีวิตสูงมาก
เซียวซิงหยูเคยได้ยินมาว่า สมาชิกระดับล่างของกองกำลังวิญญาณจักรพรรดิหรือที่เรียกว่า “นักบวชเงิน” นั้นมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 90%
ทุกเดือนจะมีการเปลี่ยนแปลงสมาชิกระดับนักบวชเงิน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความอันตรายของตำแหน่งนี้
เหนือกว่านักบวชเงิน คือ นักบวชแดง และมหาปุโรหิต
อัตราการเสียชีวิตของนักบวชแดงก็สูงเช่นกัน และส่วนใหญ่เสียชีวิตจากภารกิจแฝงตัว ซึ่งวิธีการตายจะยิ่งทรมานกว่านักบวชเงิน
ในกองกำลังวิญญาณจักรพรรดิ มีเพียงมหาปุโรหิตเท่านั้นที่มีอัตราการรอดชีวิตสูงที่สุด และพวกเขาก็มีพลังสูงที่สุดเช่นกัน
เเต่การเป็นมหาปุโรหิตต้องมีคุณสมบัติสามข้อ
หนึ่ง ต้องเป็นปรมาจารย์อสูรระดับแปดดาว
สอง ต้องสร้างคุณงามความดีระดับสูงมาก
สาม ต้องได้รับความไว้วางใจจากจักรพรรดินี
สำหรับคนทั่วไป การเป็นมหาปุโรหิต…เป็นเรื่องที่เเค่ฝันถึงก็ไม่กล้าเเล้ว
“เซียวซิงหยู เธอจะยอมรับทางเลือกที่สี่นี้หรือไม่?”
เซียวซิงหยูเกิดความลังเล เขารู้ดีว่าการอยู่ใกล้จักรพรรดิก็เหมือนอยู่บนหลังเสือ
หลังจากเรียนจบ ถ้าเขาเข้าร่วมกองกำลังวิญญาณจักรพรรดิ, เขาก็จะกลายเป็นนักบวชเงินที่มีอัตราการเสียชีวิตมากกว่า 90% เเถมยังต้องทำงานใกล้ชิดกับซ่างกวนหลาน...
แค่คิด เซียวซิงหยูก็ขนลุกไปทั้งตัวเเล้ว
……………………