OS ตอนที่ 56 ป่าคร่ำครวญ
ปาร์ตี้ของอีควิน็อกซ์เดินเข้าไปในประตูที่นำไปสู่ชั้นถัดไป และรู้สึกประหลาดใจที่สภาพแวดล้อมโดยรอบแตกต่างไปจากเดิมมาก ต้นไม้ที่แห้งเหี่ยวไม่มีอยู่อีกต่อไป มีเพียงป่าเขียวชอุ่มที่เต็มไปด้วยพืชไม้นานาพันธุ์
แต่สิ่งที่น่าขนลุกเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ก็คือมันเงียบมาก ไม่มีแม้แต่เสียงจิ้งหรีดเลย มันเงียบมากจนทำให้ในใจของอีควิน็อกซ์บอกว่า มันต้องมีบางอย่างผิดปกติ พวกเขาจึงตื่นตัว และพร้อมที่จะโจมตีศัตรูหากมันแสดงตัวออกมา
แม้แต่เซน่าก็ดูจริงจัง แต่แทนที่จะดูเท่ มันกลับดูน่ารักแทน
ขณะที่พวกเขาก้าวเข้าไปในป่าลึกขึ้น อีควิน็อกซ์ก็ได้ยินเสียงกระซิบที่หูขวาของเขา
"กลับไปซะ!"
อีควิน็อกซ์หันไปมองด้านหลังโดยไม่ทันคิด แต่ก็ไม่พบใครอยู่ที่นั่น มันทำให้เขาขนลุก มีเสียงอีกเสียงหนึ่งดังมาจากที่อื่น และคราวนี้เป็นเลวินคลาวด์ที่ได้ยิน และเขายังรู้สึกว่ามีคนโอบกอดเขาด้วย
"ยินดีต้อนรับสู่ป่าคร่ำครวญ ที่รัก..."
เลวินคลาวด์กระโดดด้วย ตกใจ ก่อนจะล้มลงกับพื้น อีควิน็อกซ์รีบเข้าไปช่วยพยุงเพื่อนของเขาขึ้นมาทันที และบอกให้เขาตั้งสติ
เขาเห็นว่าเพื่อนของเขาติดสถาะผิดปกติ เพราะมันแสดงออกมาในแถบสถานะของเขา
==
ชื่อปาร์ตี้: นั่งรถบัสไปกับเพื่อนรัก
อีควิน็อกซ์ เลเวล 22
เลวินคลาวด์ 46 (สถานะหวาดกลัว)
==
[คุณได้ต้านทานสถานะหวาดกลัว]
เมื่อข้อความแจ้งเตือนของระบบปรากฏขึ้น อีควิน็อกซ์ก็ตระหนักว่านี่อาจเป็นกับดักที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างสถานะที่ส่งผลกระทบต่อผู้เล่น โดยมุ่งทำลายประสาทสัมผัสและบั่นทอนจิตใจของพวกเขา
เอฟเฟกต์สถานะหวาดกลัวไม่ได้ปรากฏอย่างถาวร แต่ทำงานคล้ายกับสถานะเลือดออกที่สามารถทับซ้อนได้ หากสแต็กเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 10 สแต็ก ผู้เล่นจะเข้าสู่สถานะหวาดกลัว ซึ่งจะลดค่าสถานะลง 50% เป็นระยะเวลาหลายนาทีหรืออาจนานเป็นชั่วโมง ขึ้นอยู่กับจำนวนสแต็กที่สะสมไว้
เหตุผลที่อีควิน็อกซ์ไม่ติดสถานะหวาดกลัวนั้นมาจากความสามารถพิเศษของเขา โดยตัวเขามีโอกาส 50% ที่จะลบล้างสถานะผิดปกติทั้งหมดที่ถูกร่ายใส่ได้ มันเป็นผลมาจากสายเลือดแอสโมเดียนที่เขาครอบครองถึง 50%
มันจึงทำให้เขารู้สึกตื่นเต้น เพราะว่าในวันหนึ่งเขาอาจจะได้รับภูมิคุ้มกันสถานะผิดปกติ 100%
เมื่อตั้งตัวได้ อีควิน็อกซ์ก็สั่งให้คันลาออนพาเลวินคลาวด์ไปที่กลางป่า ซึ่งน่าจะเป็นที่อยู่ของบอส เพราะเสียงต่าง ๆ บอกพวกเขาไม่ให้ไปที่นั่น จากนั้น เขาก็คว้าตัวเซน่าแล้วกระโดดไปที่ด้านหลังของซฺริอุส แล้วบอกให้เจ้าหมาป่าวิ่งไปที่กลางป่า
ในระหว่างนั้น เสียงต่าง ๆ ดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง บางเสียงก็ได้ยินชัดเจน บางเสียงก็เบาบาง
"อย่าเข้าไปที่นั่น!"
"อยู่ให้ห่างจากเธอ!"
"หนีไป! แกจัดการเธอไม่ได้หรอก!"
"อ่าห์!"
"แกทำอะไรอยู่!? ไสหัวไปซะ!"
ระบบแจ้งเตือนมากมายปรากฏขึ้นในหน้าต่างปาร์ตี้
[สมาชิกปาร์ตี้ เลวินคลาวด์ ถูกทำให้หวาดกลัว]
[สมาชิกปาร์ตี้ อีควิน็อกซ์ ต้านทานสถานะหวาดกลัว]
[สมาชิกปาร์ตี้ อีควิน็อกซ์ ถูกทำให้หวาดกลัว]
[สมาชิกปาร์ตี้ เลวินคลาวด์ ใช้ทักษะ ชำระล้าง ปาร์ตี้ได้รับการชะล้างสถานะผิดปกติ]
==
ทักษะ: ชำระล้าง
ระดับ: พิเศษ
เอฟเฟ็กต์: ล้างสถานะผิดปกติของปาร์ตี้ มีโอกาส 50% ที่จะล้างคำสาปที่ร้ายแรงหรือสถานะที่ร้ายแรง ไม่สามารถล้างคำสาปที่สร้างโดยเทพเจ้า ปีศาจ มังกร หรือสิ่งมีชีวิตใด ๆ ที่เท่าเทียมกันกับเทพเจ้าได้
คูลดาวน์: 10 นาที
เวลาร่าย: 2 วินาที
MP: 300
==
ไม่กี่นาทีต่อมา ทั้งปาร์ตี้ก็เคลื่อนเข้าสู่บริเวณโล่ง และเริ่มได้ยินเสียงร้องครวญครางจากรอบด้าน ราวกับวงออเคสตราที่บรรเลงดนตรีประสานเสียงกัน เสียงครวญครางดังสนั่นจนทำให้เวียนหัว แต่ทุกอย่างก็หยุดลงเมื่อผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่กลางทุ่งหญ้าลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน
ภายใต้ทุ่งหญ้าเงียบสนิท ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยเสียงขึ้นมาเพื่อทำลายความเงียบงัน
"แหม แหม ฉันไม่รู้เลยว่าจะมีแขกมาเยี่ยม"
เสียงของผู้หญิงคนนั้นชัดเจนและฟังดูสงบ น้ำเสียงของเธอฟังดูกระจ่างชัดและไพเราะราวกับจะสะกดใจเหล่าทวยเทพได้ ผู้หญิงคนนั้นสวมชุดสีดำสวยงาม ดูเหมือนชุดงานศพในสมัยวิกตอเรียน
นอกจากนี้ เธอยังมีผ้าคลุมสีดำ แต่ก็ไม่สามารถปกปิดความงามที่เธอมีได้ เธอมีท่วงท่าอันสง่างาม ราวกับว่าเธอเกิดมาในตระกูลขุนนาง ลักษณะเด่นที่เห็นได้ชัดที่สุดคือเส้นผมสีเงินยาวสลวยของเธอที่เปล่งประกายเมื่อแสงจันทร์ส่อง
เพื่อนสนิทของเขาถึงกับหลงใหลในความงามของเธอ แต่เมื่อได้อ่านคำอธิบายของเธอ ด้วยทักษะตรวจสอบแล้ว สีหน้าของเลวินคลาวด์ก็เปลี่ยนไปเป็นหวาดกลัวขึ้นมาในทันใด
==
ชื่อ: ลำนำวิญญาณสีเงิน
ระดับ: ตำนาน
ระดับ: 35
พลังชีวิต: 500,000 / 500,000 (100%)
คำอธิบาย: แบนชีแห่งซิลเวอร์มัวร์เคยเป็นสาวกของเทพเจ้าแห่งความตาย และเคยเป็นขุนนางของอาณาจักรกฤษณะ ก่อนที่จะถูกเนรเทศเนื่องจากคำทำนายเรื่องความตายที่เธอทำนายต่อราชวงศ์ของอาณาจักรของเธอ
เนื่องจากถูกเนรเทศ เธอจึงใช้พลังที่เทพเจ้าแห่งความตายมอบให้เธอเพื่อทำร้ายสิ่งมีชีวิต เธอจึงถูกสาปโดยเทพเจ้าแห่งความตาย เนื่องจากการใช้พรที่เทพเจ้าประทานให้ในทางที่ผิด
เธอถูกสาปให้ไม่มีชื่อและไม่สามารถได้รับความสงบสุขชั่วนิรันดร์ แต่ทว่าเธอสามารถฟื้นพลังบางส่วน และทำลายคำสาปได้ มันเป็นเพราะสัญญาที่เธอทำกับพวกคอร์รัปแทนท์
==
ตอนนี้อีควิน็อกซ์รู้สึกเสียใจ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้บอสมอนสเตอร์จะแข็งแกร่งขึ้น
เขาจำได้ว่าแบนชีแห่งซิลเวอร์มัวร์ เป็นแม่มดแก่ ๆ เท่านั้น ไม่ได้ดูสาวและอ่อนเยาว์เช่นนี้ และอีกอย่าง เธอไม่ได้สวมเสื้อผ้าที่เหมาะสม เธอสวมใส่แค่เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งและมีผมเผ้ายุ่งเหยิง
อย่างไรก็ดี บอสมอนสเตอร์กลายเป็น NPC ที่มีชื่อ ซึ่งตามข่าวลือระบุว่ามีจำนวนเพียงพันตัวเท่านั้น โดย NPC ที่มีชื่อนั้นจะแตกต่างจากบอสมอนสเตอร์ตัวอื่น ๆ พวกเขามีพลังชีวิตต่ำกว่าบอสมอนสเตอร์ดันเจี้ยนที่อยู่ในเลเวลเดียวกัน แต่พวกเขาฉลาดกว่า และสติปัญญาที่เหนือกว่าบอสดันเจี้ยนทั่วไปหรือ NPC อีกด้วย
เหตุผลที่ชื่อซิลเวอร์มัวร์ไม่ใช่เพราะพืชสีเงินที่เติบโตอยู่ภายในดันเจี้ยน แต่เป็นเพราะสีผมของแบนชีแห่งซิลเวอร์มัวร์ที่อาศัยอยู่ในดันเจี้ยนแห่งนี้
แบนชีแห่งซิลเวอร์มัวร์มีชื่อเสียงในด้านการโจมตีด้วยเสียง และการเปลี่ยนค่าความโกรธอย่างรวดเร็ว ทำให้เธอเปลี่ยนเป้าโจมตีได้ตลอดเวลา
แต่ตอนนี้มันแตกต่างออกไป พวกเขาทั้งสองไม่สามารถพึ่งพาคำแนะนำในเว็ปบอร์ดเพื่อฆ่าเธอได้อีก แผนการต่อสู้ทั้งหมดของพวกเขาต้องพับเก็บ เพราะพวกเขาไม่สามารถใช้มันกับ NPC ที่มีชื่อได้
NPC ที่มีชื่อจะมีระบบแยกแยะผลกระทบที่มีต่อโลกทัศน์ของเกม โดยแบนชีแห่งซิลเวอร์มัวร์มีชื่อว่า ลำนำวิญญาณสีเงิน และยังเป็น NPC ระดับตำนานอีกด้วย
พวกเขาไม่เคยพบ NPC ระดับนี้มาก่อน ระดับสูงสุดที่มีการเปิดเผยก็คือราชาของ NPC ที่อยู่ในระดับมหากาพย์ ซึ่งถูกค้นพบจากการออกอากาศครั้งหนึ่งเมื่อประเทศถูกโจมตี และผู้เล่นสายอาชีพอัศวินจะต้องปกป้องราชาไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม
การเพิ่มขึ้นของระดับยังหมายถึงพลังที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย พลังที่เพิ่มขึ้นไม่ใช่แบบเส้นตรง แต่เป็นแบบเลขยกกำลัง ซึ่งหมายความว่ายิ่งระดับของ NPC ที่มีชื่อสูงขึ้นเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
แม้ว่าลำนำวิญญาณสีเงินจะมีเลเวลเพียงแค่ 35 แต่ตัวบ่งชี้คือระดับตำนานนั้น มันถือว่าเป็นฝันร้ายเกิยกว่าจะรับมือไหว
ขณะที่อีควิน็อกซ์กับเลวินคลาวด์กำลังหาทางรับมือ NPC ที่มีชื่ออยู่นั้นเอง จู่ ๆ อีควิน็อกซ์ก็ก้าวขาและเดินไปหาอีกฝ่าย ทางด้านเลวินคลาวด์ที่เห็นอย่างนั้น ก็พยายามเขา แต่ไม่สามารถทำไม่ได้ เพราะเขาถูกพลังที่ไม่รู้จักยับยั้งไว้ ซึ่งหมายความว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น มันเป็นฉากคัทซีน
“แม่หนู เธอไม่ควรทำข้อตกลงกับพวกคอร์รัปแทนท์ เทพแห่งความตาย อาบาดอน กำลังวางแผนลดโทษให้คุณ เพราะเขาคิดว่าคุณทนทุกข์มานานเกินพอแล้ว”
อีควิน็อกซ์พูดด้วยความมั่นใจ ราวกับว่าร่างกายของเขาที่ถูก AI เข้าสิงให้พูดออกไปอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่ข้างในเขากำลังร้องไห้ เพราะเขาไม่เคยเรียกผู้หญิงคนอื่นว่าแม่หนูเลยสักครั้งในชีวิต
“แหม... แหม... หุ่นเชิดของอาบาดอนกล้าสั่งสอนฉันว่าควรทำอะไรหรือไม่ควรทำอะไรด้วยงั้นเหรอ? ทำไมคุณไม่คลานกลับไปที่หลุมที่คุณจากมา แล้วบอกเจ้านายของคุณให้รับรู้ถึงสถานะของตัวเองไปเลยว่า เขาเป็นเพียงแค่เทพเจ้าที่ถูกลืม สำหรับที่อยู่อาศัยของโลกใบนี้”
ลำนำวิญญาณสีเงินพูดด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร
“ผู้คนอาจลืมเทพเจ้าแห่งความตายไปแล้ว แต่พระองค์ไม่ได้ลืมผู้คนของพระองค์ เทพเจ้าที่แท้จริงไม่จำเป็นต้องมีการอธิษฐานหรือความศรัทธามากมายนัก
พระองค์แตกต่างจากเจ้านายคนใหม่ที่น่าสมเพชของเธอโดยสิ้นเชิง พวกเขาต้องการการเสียสละเพื่อความอยู่รอด เพราะไร้ซึ่งพลังที่จะใช้อำนาจในโลกนี้ได้ ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงไม่ต่างอะไรจากอันธพาลที่หลบซ่อนตัวตามตรอกซอกซอยของเมือง”
อีควิน็อกซ์พูดเยาะเย้ย
“หุบปาก! แกจะไปเข้าใจอะไร! ฉันถูกผู้คนทอดทิ้งไม่พอ! แล้วยังถูกพระเจ้าทอดทิ้งอีกด้วย! รู้มั้ยว่าฉันเจ็บแค้นมากแค่ไหน!? ฉันจะทำให้แกเสียใจที่กล้ามาเผชิญหน้ากับฉัน! ด้วยพลังที่เทพเจ้าใหม่มอบให้ ฉันจะส่งแกไปหาพระเจ้าของแก! เจ้าปีศาจ!!!”
เมื่อลำนำวิญญาณสีเงินส่งเสียงกรีดร้อง ทำให้อีควิน็อกซ์ต้องถอยกลับไปอยู่ในตำแหน่งเดิม
ตอนนี้ทั้งปาร์ตี้กลับมาควบคุมร่างกายของตนได้อีกครั้ง ซึ่งหมายความว่าการต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่ทว่าสติสตังของอีควิน็อกซ์ได้หลุดลอยไปอยู่ที่อื่น
“แย่แล้ว! เรื่องนี้ห้ามไม่ให้พ่อแม่รู้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นฉันจะต้องถูกบังคับให้เข้าโบสถ์ทุกวัน!!!”