ตอนที่แล้ว100 - คิดจะทำอะไรอีก!!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป102 - การสอบใหญ่เริ่มขึ้นแล้ว!!!

101 - ความวุ่นวายก่อนการสอบใหญ่


"ขนยังไม่ทันขึ้นครบเลย ยังจะมาจีบพี่สาวอีกนะ"

สำหรับการหยอกล้อของจูผิงอันเมื่อครู่ เด็กสาวอึ้งไปหนึ่งวินาที ก่อนจะยิ้มแล้วพูดหยอกล้อกลับมา

"ไม่รู้ว่าใครตกใจจนชักมีดออกมา"

จูผิงอันยิ้มบาง ๆ อย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะและเพลิดเพลินกับมื้อเช้า

“เจ้าไม่สงสัยหรือว่าทำไมทหารจิ่นอีเหว่ยถึงมาค้น แต่กลับมองไม่เห็นข้าเลย?” หญิงสาวนั่งตรงข้ามจูผิงอัน กินปาท่องโก๋ไปทีละนิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นถามเขา

จูผิงอันหยุดตะเกียบลง ยักไหล่เล็กน้อยแล้วพูดอย่างเฉยเมยว่า “ก็แค่เจ้าปิดหน้าตอนลอบสังหาร อีกอย่างก็เป็นเวลากลางคืน ไม่มีใครจำใบหน้าเจ้าได้”

“เจ้านี่ช่างน่าเบื่อจริง ๆ!”

หญิงสาวได้ยินแล้วเบะปาก ก้มหน้ากินปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้ต่อ ผ่านไปสักพักก็ยกเท้าถีบเก้าอี้ของจูผิงอันเบา ๆ

“มีอะไรอีกล่ะ?” จูผิงอันพูดด้วยน้ำเสียงเอือมระอา พร้อมวางตะเกียบลงถาม

“เจ้ามีเงินเหลือเท่าไหร่?” หญิงสาวกวนน้ำเต้าหู้ในถ้วยอย่างส่งเดช แสดงสีหน้ารำคาญ

“ถามทำไม?” จูผิงอันถามไปอย่างไม่ใส่ใจ แล้วก็ก้มหน้ากินมื้อเช้าของตัวเองต่อ

“ข้าเห็นว่าในโรงเตี๊ยมนี้มีแกะอ้วนหลายตัวเลยนะ ตอนกลางคืนช่วยข้าหน่อยสิ เราจะ…” ระหว่างที่หญิงสาวพูด ดวงตาก็เปล่งประกายเจิดจ้า ราวกับได้รับพลังใหม่จนลืมอาการบาดเจ็บไปหมด

จูผิงอันที่กำลังดื่มน้ำเต้าหู้อยู่ พ่นออกมาทันที

หญิงสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ในชั่วพริบตานั้นก็หลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว พร้อมถือปาท่องโก๋ในมือหนึ่งและน้ำเต้าหู้อีกมือหนึ่ง หลบพ้นจากละอองน้ำเต้าหู้ได้พอดิบพอดี

กระต่ายยังไม่กินหญ้ารอบรัง แต่นางแม่มดนี่กลับดีนัก คิดจะลงมือกับโรงเตี๊ยมที่ตัวเองพักอยู่ อีกทั้งเรื่องยุ่งเหยิงจากการลอบสังหารยังไม่ได้สะสางเลย ถ้าจะเพิ่มการปล้นหรือขโมยเข้าไปอีก จะให้พวกจิ่นอีเหว่ยไม่ได้พักผ่อนใช่หรือไม่? พวกเขาไม่ได้ใจดีเสียหน่อย อีกอย่างญาติผู้ใหญ่ของเจ้ายังจำเจ้าได้ จะหนีให้พ้นก็ลำบากอยู่แล้ว นี่ยังจะเสนอตัวเข้าไปอีก

“ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าจนจนเกินไป ข้าก็คงไม่คิดเรื่องนี้หรอก ข้าไม่ใช่ขงจื๊อที่ทนได้หากไม่มีเนื้อกิน!” หญิงสาวโยนความผิดทั้งหมดไปให้จูผิงอัน

จูผิงอัน...

สุดท้ายจูผิงอันก็ไม่ตกลงกับข้อเสนอของนางแม่มด เพียงแต่ยอมตกลงเพิ่มกับข้าวเป็นเมนูเนื้อหนึ่งจานต่อวัน และแน่นอนว่าหญิงสาวต้องเขียนใบยืมเงินสิบตำลึงเงินให้ก่อน

เวลาหลังจากนั้นก็ค่อย ๆ ผ่านไป เขาฝึกเขียนอักษร อ่านหนังสือในตอนเช้า และศึกษาแปดส่วนวรรณกรรม ราวกับว่าในห้องไม่มีหญิงสาวจอมยุ่งที่อยู่ไม่สุขเลย

วันหนึ่ง หลังจากฝึกเขียนอักษรและอ่านหนังสือเสร็จ ระหว่างทางกลับก็ถูกกลุ่มบัณฑิตขัดขวาง

“นี่ไม่ใช่จูผิงอัน ผู้ที่บินผ่านต้นอ้อจนไม่เห็นตัวหรอกหรือ ช่างบังเอิญจริง ๆ” ผู้ที่ทักทายก่อนคือบัณฑิตหนุ่มที่แต่งกายสุภาพเรียบร้อย ดูท่าทางเป็นคุณชายผู้สูงศักดิ์ เขาคือเซี่ยลั่วหมิงแห่งถงเฉิง ผู้เคยได้รับคำชมจากจอหงวนในงานชุมนุมบทกวีใบไผ่ ขณะนี้เขายิ้มอย่างสุภาพ แต่ในแววตายังคงความหยิ่งทะนง

“จูผิงอัน ยินดีที่ได้พบ ข้าคือเฟิงซานสุ่ยจากอำเภอซู่ซง” ต่อจากเซี่ยลั่วหมิง คือบัณฑิตหนุ่มอีกคน อายุราวยี่สิบต้น ๆ หน้าตาหล่อเหลาอย่างมากจนกินขาดจูผิงอัน

หลังจากนั้น คนอื่น ๆ ก็เข้ามาทักทายอย่างสนิทสนม

“อ้อ สวัสดีทุกท่าน” จูผิงอันยกกระดานไม้สีดำขึ้น พยักหน้าให้ทุกคนอย่างสุภาพ

“ช่างเป็นความบังเอิญ ข้ากับเหล่าบัณฑิตอันดับหนึ่งของแต่ละอำเภอได้นัดกันที่ริมทะเลสาบไท่ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และประพันธ์บทกวีกัน งานนี้จะเป็นงานชุมนุมกวีก่อนสอบสนามใหญ่ครั้งสุดท้าย เจ้าห้ามพลาดอีกเป็นอันขาด”

เฟิงซานสุ่ยจากอำเภอซู่ซงกล่าวทักทายตามมารยาทอยู่สองสามประโยค ก่อนจะเชิญจูผิงอันให้ไปเข้าร่วมชุมนุมกวีด้วยกัน

เป็นอีกครั้งที่มีชุมนุมกวี ซึ่งแน่นอนว่าจูผิงอันไม่ได้คิดจะไป

“โอ้ ขออภัยอย่างยิ่ง ข้ายังมีธุระสำคัญ ขอบคุณในน้ำใจของทุกท่าน แต่ครั้งนี้เกรงว่าข้าคงทำให้ทุกท่านผิดหวัง” จูผิงอันอุ้มกระดานไม้สีดำไว้ พลางยกมือขอโทษ และเตรียมตัวจะหันหลังกลับ

ทันทีที่จูผิงอันกล่าวขอโทษ เซี่ยลั่วหมิงก็รีบพูดขึ้นว่า “จูผิงอันอย่าได้ปฏิเสธเลย เมื่อมาถึงริมทะเลสาบไท่แล้ว เหตุใดไม่ไปด้วยกัน อีกทั้งบัณฑิตอันดับหนึ่งจากหลายอำเภอก็ล้วนอยู่ที่นี่ด้วย จูผิงอันเจ้าห้ามพลาดโดยเด็ดขาดนะ”

เมื่อเซี่ยลั่วหมิงพูดจบ เฟิงซานสุ่ยก็พูดต่อทันทีว่า “ประโยคที่เจ้ากล่าวว่า ‘บินผ่านต้นอ้อจนไม่เห็นตัว’ ช่างแฝงไว้ด้วยความหมายลึกซึ้ง พวกเราผู้ติดอันดับหนึ่งของแต่ละอำเภอได้รวมตัวกันเพื่อชื่นชมวรรณศิลป์ของเจ้า หากเจ้าไม่ปรากฏตัวเลย จะไม่ทำให้พวกเราผิดหวังหรอกหรือ?”

“ข้ามีธุระจริง ๆ อีกอย่าง ข้าไม่ถนัดเรื่องนี้ ข้าเกรงว่าจะไปรบกวน” จูผิงอันยกมือขอโทษอีกครั้ง

“จูผิงอันเจ้าช่างถ่อมตัวนัก เจ้าช่างมีพรสวรรค์ ไม่ว่าจะบทส่งท้ายหรือบทพรรณนาหิมะ ล้วนทำให้พวกเราทึ่งอย่างยิ่ง วันนี้ในงานชุมนุมกวี เจ้าไม่คิดจะฝากผลงานอันล้ำค่าไว้เป็นที่จดจำจริงหรือ?”

“ใช่แล้ว จูผิงอัน หากเจ้าฝากผลงานไว้สักชิ้น วันหน้าจะเป็นเรื่องเล่าขานในสนามสอบใหญ่”

“ถูกต้อง ไปด้วยกันเถอะ ไปด้วยกัน”

ผู้คนรอบข้างต่างช่วยกันโน้มน้าวให้จูผิงอันไปเข้าร่วม

แต่จูผิงอันยังคงถือกระดานไม้และปฏิเสธด้วยความสุภาพ “ขออภัยจริง ๆ ข้าไม่ถนัดเรื่องบทกวี ทุกครั้งที่แต่งกวีก็ต้องใช้เวลาหลายวัน งานชุมนุมกวีเช่นนี้ ข้าคงไม่ไปขายหน้าดีกว่า”

“จูผิงอันช่างถ่อมตัวเกินไป ประโยคเดียวของเจ้าก็ทำให้พวกเรารู้สึกอายแล้ว”

“ใช่ เจ้าควรเลิกเกรงใจและไปกับเราสักที”

“พวกเรายังรอผลงานชิ้นเอกของเจ้าอยู่นะ”

บัณฑิตหนุ่มหลายคนต่างพยายามหว่านล้อมให้จูผิงอันไปร่วมงาน

“ขออภัยจริง ๆ ข้ามีธุระด่วน ครั้งนี้คงต้องขออภัย ขอลา” จูผิงอันยกมือคารวะอย่างนอบน้อม แล้วเดินแทรกผ่านกลุ่มคนออกมา

เมื่อเห็นแผ่นหลังของจูผิงอัน คนกลุ่มนั้นก็เริ่มพูดคุยกันเสียงดัง

“อะไรนักหนา หยิ่งเกินไปแล้ว บทกวีของเขาก็ไม่สมบูรณ์แบบอะไร บทพรรณนาหิมะก็มีแค่ประโยคสุดท้ายที่พอใช้ได้”

“โอ้อวดเกินไป”

“เสแสร้งเพื่อชื่อเสียง”

“คงกลัวมากกว่า กลัวว่าแต่งกวีไม่ได้ต่อหน้าคนอื่น...”

“ช่างเถอะ เฟิงซานสุ่ย พี่หลี่...พวกเราไปชุมนุมกวีที่ทะเลสาบไท่กันเถอะ”

เสียงสนทนาดังขึ้นไม่เบานักจนบางประโยคเล็ดลอดมาถึงหูของจูผิงอัน

แต่จูผิงอันไม่ใส่ใจ เขาเดินกลับโรงเตี๊ยมอย่างสบายใจ สั่งอาหารสองอย่างกับซุปหนึ่งถ้วยจากโถงล่าง ใส่ในกล่องอาหาร แล้วเดินขึ้นไปยังห้องพัก เรื่องชุมนุมกวีอะไรพวกนั้น เขาคิดว่าไม่มีประโยชน์ เทียบกับการใช้เวลาอ่านหนังสือยังดีเสียกว่า

ที่ริมทะเลสาบไท่ งานชุมนุมกวีกำลังดำเนินไปอย่างสนุกสนาน บัณฑิตอันดับหนึ่งจากแต่ละอำเภอต่างประชันบทกวีกันอย่างไม่ยอมแพ้ สร้างผลงานดี ๆ ออกมาหลายชิ้น และแน่นอน ข่าวการปฏิเสธงานชุมนุมกวีของจูผิงอันก็ถูกเผยแพร่ออกไป จนกลายเป็นหัวข้อว่าเขากลัวจะแต่งกวีไม่ได้ และนั่นก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวในชุมนุมครั้งนี้

เวลาหลังจากงานชุมนุมผ่านไปอย่างรวดเร็ว ราวกับเพียงพริบตาเดียว การสอบสนามใหญ่ก็เริ่มขึ้นแล้ว

5 1 โหวต
Article Rating
4 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด